ALL ThE LovE in ThE WorLD
<<
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
4 พฤศจิกายน 2550
 
 
Sweet Swiss - Jungfraujoch Episode II and Murren

15 ส.ค. Jungfraujoch Episode II and Murren

ตอนเก่าๆของทริปจ้า
ตอนที่ 1 เหินฟ้าสู่ Zurich
ตอนที่ 2 เล่นหิมะที่ทิตลิส
ตอนที่ 3 เยี่ยมน้องหมีที่เมืองเบิร์น
ตอนที่ 4 แวะทักทายชาลีแชปปลินที่เมืองเวเว่
ตอนที่ 5 มองเทรอซ์และรถไฟ Golden Passline
ตอนที่ 6 Jungfraujoch Top of Europe I


จากตอนที่แล้ว ที่เราไป Sphinx ViewPoint เราก็ไปเที่ยว Ice Palace กันต่อ
เป็นถ้ำน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่มีรูปน้ำแข็งแกะสลักสวยๆ
แต่ที่นี่ต่างจากที่ทิตลิสเพราะเราไม่รู้ว่าจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
(ลืมบอกไปว่า ที่ทิตลิสนี่มีปุ่มให้กดฟังเพลงชาติไทยในถ้ำน้ำแข็งเลยนะคะ
แถมข้างนอก มีให้กดบรรยายการขุดถ้ำน้ำแข็งเป็นภาษาไทยเลย หรูเด้งมาก)









ออกจากถ้ำน้ำแข็ง ก็มานั่งจิบโอวัลตินร้อนๆกันอยู่ที่อาคารนักท่องเที่ยว
มีเวลาแป็บเดียวมากค่ะ เราเลยถือโอกาสไปหาซื้อของที่ระลึก
กะส่งโปสการ์ดกลับเมืองไทยก็ส่งหาตัวเอง หาที่บ้าน หากระต่าย แล้วก็หาคุณนก
แบบเวลามันมีน้อยมาก เลยเขียนอะไรได้ไม่มาก
แต่ก็ตั้งใจเขียนทุกใบนะคะ ขอบอก
ที่บนจุงฟราวนี้ มีตราประทับเป็นของตัวเองด้วย อินี่เลยเห่อค่ะ ปั้มไปเพียบเลย อิอิ

ส่วนของที่ระลึก เราแอบเล็งมาตั้งแต่ตอนเห็นพี่เจี๊ยบซื้อมาจากที่ Kleine Scheidegg แล้วค่ะ
เป็นพวงกุญแจที่ประกอบด้วย ธงชาติสวิส กระดิ่งวัว และดอก Eldelweiss ดอกไม้ประจำชาติสวิส
พวงกุญแจน่ารักขนาดนี้ ราคาแค่ 10 CHF เท่านั้นค่ะพี่น้อง ออ-วอ-ทอ-มอ ล่ะคะ
พัดชาเลยจัดการสอยมาซะ 4 พวง ฟันธงได้เลยว่าพวงกุญแจที่นี่น่ารักที่ซู๊ดเลย





ของที่ระลึกจากจุงฟราวยอร์คเจ้าค่ะ

พี่แหม่มบอกว่า ให้เรากินโอวัลตินเติมแรงก่อน
เพราะโปรแกรมต่อไปเราจะไปกระโดดกันที่ลานปลาทูค่ะ (Plateau)
งานนี้สังขารไม่ให้ แต่ใจรักค่ะ โดดกันกระจาย หลากหลายเวอร์ชั่น





มาถึงแล้วค่ะ ลานปลาทู วิ้ววว





โดดเวอร์ชั่น สาว สาว สาว





อันนี้ กระโดดเวอร์ชั่นฮันนีมูนค่ะ บอมกระโดดอย่างกะจะไปบินที่ไหนแหน่ะ อิอิ





อันนี้ กระโดดเวอร์ชั่นของเดียวกะพี่เจี๊ยบค่ะ อ่ะ ขายังไม่กางเลยเดียว





เดียวจะแก้ตัวอ่ะค่ะ คราวนี้ได้ท่านักเบสบอลมาแทน อิอิ





นอนเล่นผึ่งพุงบนหิมะดีกว่า





สองสาวชมพูฟ้ากับธงชาติสวิสเซอร์แลนด์


พวกเราเริงร่ากันอยู่บนจุงฟราวราวๆ 2 ชั่วโมงครึ่งก็ได้เวลาอำลาจุงฟราวกันแล้วค่ะ





Sphinx ViewPoint จากลาน Plateau ค่ะ

ขากลับ เราเปลี่ยนมาลงทางเส้น Lauterbrunnen แทน โดยมีจุดหมายที่เมือง Murren ค่ะ วิวสองข้างทาง ก็งดงามอีกแล้วค่ะ









น้ำตกไหลจากยอดเขาสูงเห็นกันจะจะแบบนี้เลยค่ะ






บ้านไม้สไตล์สวิส ปลูกกันตาม concept เดียวกันทั้งประเทศเลยค่ะ
เคยอ่านจากที่ไหนซักที่ว่า เวลาคนสวิสปลูกบ้าน ต้องเป็นตามแบบของรัฐบาลอ่ะค่ะ ห้ามแหวกแนวจากชาวบ้านเขา






เมื่อเรามาถึง Lauterbrunnen ก็จะมีกระเช้าลูกรอก พาเราขึ้นไปยังเมือง Murren ค่ะ




หลังจากนั้น ก็นั่งรถไฟต่อไปอีกนิดนึงค่ะก็ถึงแล้วค่ะ




ระหว่างทาง เราก็จะเห็นภูเขาสามลูกเรียงรายกันเด่นเป็นสง่า ได้แก่ Eiger , Monch แล้วก็ Jungfrau ค่ะ
ไม่รู้ใช่รูปนี้เปล่าน๊า ก็เขามันเหมือนกันไปหมดเลยอ่ะ -"-?





เมือง Murren เป็นเมืองบนเขาปลอดรถยนต์ มีโรงแรมกับร้านอาหารเล็กๆน่ารักๆ
อาหารเย็นวันนี้ เรานั่งทานกันกันริมเทือกเขาแอลป์กันเลยนะคะ คลาสสิกซะไม่มี





ระหว่างทางเดินค่ะ ลมเย้น เย็น (กรุณาจินตนาการตาม)





รูปถ่ายบ้านภาคบังคับที่พี่แหม่มบอกว่า มาทีไร ได้ถ่ายรูปกะบ้านนี้ทุ้กที





รูปหมู่ค่ะ


หลังทานข้าวเสร็จ เราก็เดินเล่นกันมาจนถึงสถานีรถกระเช้าไฟฟ้า
เมืองเค้าสงบ น่ารัก แล้วก็สะอาดมากค่ะ
ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เราน่าจะมานอนค้างที่ Murren กันซักคืน มานอนดูดาวกันริมเทือกเขาแอลป์
เป็นอีกหนึ่งเมืองในใจค่ะ ถ้ามีโอกาสมาเองอีกครั้ง จะมานอนเล่นที่นี่ให้ได้เลย










เมืองบนเขา เดินสบาย ไม่ต้องกลัวรถค่ะ อิอิ







เดินเล่น ถ่ายรูปกันไปตามทาง กิเลสเกิดค่ะ อยากนอนที่นี่จัง





ปลูกดอกไม้เต็มบ้านอีกแล้วค่ะ





Murren ยามเย็นค่ะ


เดินเพลินเพลิน เราก็มาถึงสถานีรถกระเช้ากันแล้วค่ะ
จากตรงนี้ เราสามารถที่จะนั่งกระเช้าขึ้นไปยัง ชิลธอร์น (Schilthorn) ได้
ด้วยความที่เราไม่ชอบดูหนัง ดูทีไร หลับตลอด ก็เลยรู้มา(จากชาวบ้าน)
ว่าเค้ามาถ่ายหนังกันที่ชิลธอร์นกันหลายเรื่อง เช่นพวกเจมส์บอร์น 007
ดูใน Internet เป็นภาค On Her Majestic's Secret Service สงสัยสร้างตอนอิชั้นยังไม่เกิด
ที่เค้ามีภัตตาคารหมุนได้ 360 องศาด้วยอ่ะค่ะ
ถ้าใครวางแผนมาเที่ยวภูเขาแถบนี้ มาค้างที่ Murren ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีค่ะ

ขอปิดท้ายทริปวันนี้ก่อนนะคะ หารูปซะตาลายไปหมดเลย +__+





ปล. ขึ้นจุงฟราว มีค่าเสียหายเพิ่มเติมค่ะ Swiss Pass ใช้ลดได้
เหลือ 118 CHF ค่ะ


+++++++++++++++++ มีเรื่องอยากเล่า ++++++++++++++++++++++++

มีเรื่องน่าตื่นเต้น ตอนที่เราเขียน blog ตอนนี้อยู่ อยากจะบันทึกเอาไว้น่ะค่ะ
พอดีเราเกิดนึกอยากถ่ายรูปพวงกุญแจสวิสกิ๊บเก๋กับของที่ระลึกจากสวิส
เอามาไว้อัพใส่ blog นี่แหล่ะ ก็เลยไปรื้อของที่ซื้อมา ที่ใส่ถุงกองๆไว้ที่ข้างเตียง เตรียมเอากลับเมืองไทย

ปรากฏว่า พวงกุญแจมันหายไปพวงนึงอ่ะ เราจำได้ว่า เราซื้อมา 4 อันนี่นา
แล้วก็ให้คนอื่นไปอันนึง
(แต่ช่วงนี้ชักแก่ๆ คิดว่า เราอาจจะซื้อมา 3 หรือเปล่าหว่า อาจเป็นได้ๆๆ)

แต่ ยังไม่ใช่แค่นั้น ชุดที่เป็นที่ตัดเล็บกล่องของสวิส ที่เราตั้งใจจะซื้อให้ญาติที่เมืองไทย ปรากฏว่ามันเหลือแค่ อันเดียวอ่ะ ค้นไปค้นมา มีด victorinox ที่เราซื้อมาของตัวเอง สลักชื่อตัวเองมาอย่างดีเลยอ่ะ ยังไม่ได้ใช้ซักกะติ๊ด ใส่ไว้ในลิ้นชักที่ห้อง มันก็หายไปด้วยอ่ะ

เท้าความก่อนหน่อยว่า ช่วงวันหยุดรอมาฏอนหยุดไป 5 วัน
เราก็ออกไปเที่ยวข้างนอกบ้านนิดหน่อย ทีนี้ ไม่ได้ไปทำงาน ก็เลยไม่ได้ใส่สร้อยไป พอจะไปทำงานอีกที เราหาสร้อยไม่เจออ่ะ
ก็ยังคิดว่า มันคงหล่นอยู่ที่ไหนซักที่ ก็พยายามหานะคะ พลิกโน่นพลิกนี่
เพราะปกติเราก็จะถอดทิ้งไว้ที่โต๊ะข้างเตียงอ่ะ แทบจะพลิกแผ่นดินหาแล้ว
มันก็ยังหาไม่เจอ

ก็เลยไปถามแม่บ้าน คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องอ่ะ ก็ให้คนที่นี่เค้าแปลให้ เจ๊แกก็ no no no ลูกเดียว คือแม่บ้านที่มาทำความสะอาดห้องเรา มีหลากหน้าหลายตาอ่ะ เค้าชอบมาเล่นห้องเราน่ะ มีของแยะ (ภาษาไทยเรียกว่า มันรก -"-?)

ตอนสร้อยหาย เราก็ยังไม่คิดว่า แม่บ้านจะเอาไปนะ เพราะว่า เราก็อยู่ที่นี่มาจะปีนึงแล้วอ่ะ เคยแค่กลับมา ไม้แขวนเสื้อหายไปแทบจะหมดตู้อ่ะ
แต่ก็นะ not a big deal อ่ะ เราก็เลยไปซื้อใหม่ ไม่ได้โวยอะไรกะโรงแรม แค่แอบเซ็งนิดนิด

เราไม่เคยคิดว่า จะมีใครมาเอาของคนอื่นไปอ่ะ พยายามคิดว่า
เรามันคงโก๊ะไปทิ้งไว้ไหน แล้วก็พยายามทำใจอ่ะ ตอนโทรบอกแม่ ใจหายนิดหน่อย มันเป็นสร้อยที่เรารักมาก
แล้วก็มีองค์พระด้วย เป็นพระองค์เดียวที่เรามีที่นี่ ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจเวลา
อยู่ไกลบ้าน

แต่พอมาเจออย่างนี้ เราว่ามันหายโดยฝีมือมนุษย์แน่ๆ
ก็เลยโทรไปบอกเพื่อน ว่าเราคิดว่าคงมีคนเอาไปแน่ล่ะ ให้เก็บของดีดีนะ
เพื่อนก็บอกว่า ของเค้า เหรียญพระที่ใส่มาในกล่องกำมะหยี่ เคยมีคนพยายามเปิดจนกล่องผิดรูปไป
'แต่ของก็ยังอยู่นะเธอ' <-- เค้าคงจะพยายามบอกเราว่า ชั้นว่าเธอทำหายเองแน่ๆ เหอเหอ

ว่าแล้ว เค้าก็คงจะเปิดกล่องประกอบคำบรรยายของเค้าให้เราฟัง(ทางโทรศัพท์ แล้วชั้นจะเห็นไหมเนี่ย :P)
แล้วก็ได้ยินเสียงเพื่อนเธออุทานว่า เฮ้ยยย มันหายไปแล้ว !!!!!!

เพื่อนเรามันโคดตะระตกใจ เราก็เลยไปหามันที่ห้อง ดูร่องรอยอารยธรรม
มันก็แบบอย่างเซ็ง ชวนเราลงไปคุยกับเจ้าหน้าที่โรงแรม
ตอนเที่ยงคืนครึ่งเลยในบัดดล เค้าก็รับเรื่องให้นะ เราก็บอกให้มันปลงอ่ะ
ดูแล้ว คงยากที่จะได้คืน
การปลงทำให้เราไม่ต้องมาทุกข์ร้อนมาก (แต่จริงๆ เราฝันว่าเราหาสร้อยเจอเกือบทุกคืนเลย เหอๆ)

วันไปทำงาน มีเพื่อนร่วมงานรู้ เค้าก็เลยอาสามาคุยกับโรงแรมให้
เค้าก็แบบเรียกแม่บ้านมาหมดเลยนะ แผนกซักรีด แผนกซ่อมบำรุง
ทางโรงแรมบอกว่า เค้าให้แม่บ้านมาสาบานแล้ว ไม่มีใครเอาไป
แถมตอนที่เค้าเรียกน้องหน้าสวย ที่ชอบมาทำห้องเรามาคุย คุณเธอร้องไห้ด้วยอ่ะ
เราก็เลยใจแป้วไปเลย รู้สึกเหมือนชั้นเป็นคนทำผิดเลยอ่ะ

เค้าก็คุยกันภาษาเค้าอ่ะนะ เราก็พยายามบอกว่ามันสำคัญกับเรายังไง
แบบว่า เป็นของครอบครัว มีล็อกเกตทองเป็นพระทางศาสนา ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ไกลบ้าน
เราไม่ต้องการรู้ว่าใครเป็นคนเอาไป แค่เอามาคืนให้เราที่เดิมก็พอ
โหยย นางเอ๊ก นางเอกอ่ะ แต่ตอนนั้น แบบเราไม่อยากจะคุยกับแม่บ้านแล้วอ่ะดิ
เคือง เคือง เคือง ไม่อยากเล่นด้วยแล้ว -"-

สุดท้าย ทางโรงแรมก็คุยกับแม่บ้าน บอกไปว่า สร้อยนั้นอ่ะ เป็นของไม่มีราคา ประมาณว่าของปลอม
(โหย ใช้มุขนี้เลยเหรอ แต่เพื่อการได้คืน ยอมก็ได้ฟระ ฮือ ฮือ)
แล้วก็บอกว่า มีพระซึ่งเป็นของศาสนาอื่น ถ้ายูเอาพระของศาสนาอื่นไปเก็บไว้
จะโชคร้าย (ใช้ไสยศาสตร์เข้าช่วยด้วย อิอิ)

หลังจากนั้น โรงแรมก็ขอเวลาเรา 10 วัน ในการตามหา
ถ้าถามถึงความรู้สึกเราตอนนั้น แบบหมดหวังเลยอ่ะ
เราก็พยายามปลง ไม่อยากคิดถึงแล้วล่ะ เพราะคิดทีไร มันก็เซ็ง แถมของก็ไม่ได้คืนอีกต่างหาก

แต่หลังจากนั้น เราดูรายการนึง เป็นของจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย
เราก็เลยโทรไปให้แม่โทรไปบริจาคให้ด้วย กับบริจารให้กับมูลนิธิโรคไตของแม่
ปรากฏว่า วันรุ่งขึ้น ทางโรงแรมโทรหา HR ของเรา บอกว่าได้ของคืนแล้ว
โหยยย ดีใจมากก T_____T ไสยศาสตร์มีจริง
ไม่น่าเชื่อว่า เราจะได้คืนจริงๆด้วย แล้วก็เหรียญพระของเพื่อนเราด้วย
อย่างน้อย ก็เป็นการพิสูจน์ว่า เราไม่ได้มั่วอ่ะนะ ของมันหายจริงๆ ชิชิ
ก่อนหน้านี้ เราคงเหมือนคนไม่ดีในสายตาแม่บ้านทั้งโรงแรมแน่เลย
จะโดนดักตีหัวซักวันไหมเรา

แต่ก็ดีเหมือนกันนะ เราจะได้เป็นคนระวังอะไรมากขึ้น
พี่เล็กชอบบ่นว่า เราชอบไว้ใจอะไรง่าย
โรงแรม ก็ซื้อเซฟให้กับกับวุ่น ประหนึ่งเป็นค่าปลอบขวัญ
(แต่ทีนี้ เค้าจะยกของไปทั้งเซฟเลยไหมเนี่ย เหอ เหอ)

ตอนนี้ก็เหลือแต่ของจากสวิสอ่ะ ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้คืนเลย
แบบ มันเป็นของที่ระลึกอ่ะ ถึงจะไม่ได้แพงอะไร
แต่หาซื้อที่ไหนมันก็ไม่ได้ความรู้สึกเหมือนซื้อจากสวิสล่ะนะ
จบเรื่องการบ่นเพียงแค่นี้ เขียนไปเขียนมา ยาวกว่าตอนไปเที่ยวซะอีก หุหุ
ของมันตื่นเต้นอ่ะค่ะ สร้อยหายแล้วได้คืนเนี่ย เหลือเชื่อมั่กๆ

ต้องขอขอบคุณ blog ที่ทำให้เราไปรื้อของมาถ่ายรูปอ่ะค่ะ
ไม่งั้นก็คงยังคิด(ให้เราสบายใจ)ว่า เราเป็นคนทำหายต่อปายยย

เรื่องนี้ก็ได้บทเรียนกันถ้วนหน้า ต่อไป เราคงไม่กล้าทิ้งของมีค่าไว้ในห้องอีกแล้ว
นอยด์มาก ถึงขนาดพวก skin care อ่ะ ใช้เสร็จ ยังเก็บใส่ถุงเอาไว้เลย
เผื่อแม่บ้านโกรธ แล้วเอามาบีบเล่น เสียดายวุ้ย มาอยู่นี่ยิ่งหายากๆอยู่
บ้าไปแล้วตรู :P


cursor



Create Date : 04 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2550 13:40:52 น. 10 comments
Counter : 1218 Pageviews.

 

แวะมาทักทายและขอตามมาเที่ยวด้วยคนครับ
ขอ Add Blog ไว้เลยนะครับ เพราะชอบเรื่องเที่ยวๆเหมือนกัน
ภาพสวยมากๆ อยากมีโอกาสไปเล่นหิมะแบบนี้มั่งจังครับ

คุณรักการส่ง Postcard รึป่าวครับ
และอยากมีเพื่อนส่ง Postcard หากันรึป่าว
ถ้าใช่ คลิกที่รูปได้เลยครับ

My Postcard



โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 4 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:21:37 น.  

 
เห็นรูปแล้ว เย็นกาย เย็นใจจริงๆ...สวยแจ่มจริงๆครับ


โดย: pompier วันที่: 4 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:12:55 น.  

 
ตามมาต่ออีกหน่อยครับ...ผมเที่ยวสวิสฯมาแบบทั่วประเทศแล้วครั้งหนึ่ง...แต่ยังไม่ได้ขึ้นไปที่ Jungfraujoch เลยล่ะครับ..เห็นรูปแล้วทำให้อยากไปมากเลยล่ะครับ..คิดว่าคงจะวางแผนไปเที่ยวเร็วๆนี้ล่ะครับ

..สำหรับเรื่องน้ำหอม Lacoste ขวดเขียว ที่ว่าผมก็ชอบเหมือนกันเลยครับ แต่เนื่องจากตอนนี้มีค่อนข้างเยอะ เลยโดนเบรคๆไว้น่ะครับ...เค้าว่าจะเอาไว้อาบหรือไง

เรื่องครีมทามือ ดีนะครับ ไปลองซื้อมาใช้ก็แล้วกันครับ

ส่วนหากมีโอกาสมาเที่ยวฝรั่งเศสล่ะก็ ผ่านมาแถวๆ Provence ก็แวะทักทายกันได้นะครับ


โดย: pompier วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:6:29:58 น.  

 

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมกันครับ
และขอบคุณล่วงหน้าสำหรับ Postcard ที่จะเข้ามาร่วมก๊วนกันครับ
ถือโอกาสเอาเพลงประกอบสุดยอดละครเวทีมาฝากด้วยครับ
(คลิกที่ภาพได้เลยครับ)

บัลลังก์เมฆ เดอะมิวสิคัลCATS The Musicalทวิภพ เดอะมิวสิคัล ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล



โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:25:30 น.  

 

แวะมาเยี่ยมและมีของอร่อยๆ ติดไม้ติดมือมาฝากครับ

Enjoy Eating @ Fuji

เอา Postcard จากสมุยมาฝากครับ
อยากมีก๊วนส่ง Postcard หากัน คลิกที่ภาพได้เลยครับ

Postcard @ เกาะสมุย



โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:58:39 น.  

 


แวะมาทักทายกันครับ
และมาชวนไปเที่ยวจิ๋วไจ้โกวด้วยกันครับ

จิ๋วไจ้โกว

คลิกที่รูปเพื่อเข้า Blog ได้เลยครับ



โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 8 พฤศจิกายน 2550 เวลา:3:05:08 น.  

 
วิวสวยมาก อย่างไปสวิสบ้าง
ขอให้เจอของที่หายไปในเร็ววันนะ

ไว้จะแวะมาเยี่ยมใหม่


โดย: จอย IP: 220.130.133.160 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:02:40 น.  

 


แวะมาเยี่ยมเยี่ยนกันครับ
Thailand International Balloon Festival 2007
คลิกที่รูป เพื่อตามมาเที่ยวด้วยกันครับ



โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 10 พฤศจิกายน 2550 เวลา:3:12:03 น.  

 


แวะมาเยี่ยมกันครับและเอาภาพ Concert มาฝากครับ

LINKIN PARK Live in BANGKOK

อยากดูแบบบรรยากาศแบบเต็มๆ คลิกที่รูปได้เลยครับ



โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:3:02:48 น.  

 



น้องพัดบรรยายเรื่องเทียวเก่งจ้ะ
ดีใจด้วยที่หาของเจอแล้วนะ
น่าจะมีกระเป๋าใบเล็กๆล็อคกุญแจไว้-สำหรับของมีค่าน่าเป็นห่วงและเสียดาย


จะบอกไรให้อิจฉาเล่นๆ
อิๆๆ ครือว่า
เสาร์-อาทิตย์หน้าจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวและค้างคืนกันที่เมืองมือเริ่น-Muerren-
จะเที่ยว-จะกินเผื่อนะคะ

อ้อๆ ถ้าพี่เจอพวงกุญแจที่ชอบ จะให้ซื้อเก็บไว้ให้ไหม
มีเพื่อนจะกลับเมืองไทยต้นเดือนธันวานี้
จะได้ให้ส่งไปให้ที่ไหน บอกที่อยู่ด้วยนะคะ
ไม่ต้องเกรงใจ ยินดีค่ะ



I love Switzerland
บ้านอะไรกันจ๊ะ สำหรับคนรักสวิตเซอร์แลนด์





โดย: แตนต่อย แหม่มกะปิสวิส คนเดียวกัน IP: 84.72.14.145 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2550 เวลา:4:26:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

yes it is
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add yes it is's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com