Bloggang.com : yes it is : Sweet Swiss - Jungfraujoch

ALL ThE LovE in ThE WorLD

Around The World

ตุลาคม 2550

	1	2	3	4	5	6
7	8	9	10	11	12	13
14	15	16	17	18	19	20
21	22	23	24	25	26	27
28	29	30	31

28 ตุลาคม 2550

Sweet Swiss - Jungfraujoch - Top of Europe

Sweet Swiss - Jungfraujoch - Top of Europe

15 ส.ค. Jungfraujoch

ตอนเก่าๆของทริปจ้า

ตอนที่ 1 เหินฟ้าสู่ Zurich
ตอนที่ 2 เล่นหิมะที่ทิตลิส
ตอนที่ 3 เยี่ยมน้องหมีที่เมืองเบิร์น
ตอนที่ 4 แวะทักทายชาลีแชปปลินที่เมืองเวเว่
ตอนที่ 5 มองเทรอซ์และรถไฟ Golden Passline

ตอนเช้า แต่งตัวเสร็จแล้วพร้อมออกไปลุย
พี่แหม่มเพิ่งมาบอกว่า วันนี้เราจะไปเที่ยวยอดเขาจุงฟราว Top of Europe
กันแทนเพราะดูจากพยากรณ์อากาศแล้ว วันนี้แดดแรงดี

เปลี่ยนกันดื้อๆแบบนี้เลย พัดชาเลยต้องรีบไปเปลี่ยนเสื้อ
ไหนๆจะไปถ่ายรูปกับหิมะแล้ว ต้องใส่เสื้อสีเจ็บๆหน่อย จะได้รูปสวยๆ อิอิ

11 โมง พวกเรามาพร้อมกันที่สถานีรถไฟ
หลังจากนั่งรถไฟเที่ยวมาแล้ว 4 วัน พวกเราก็ไม่ค่อยจะลุกขึ้นมาถ่ายรูประหว่างทางเหมือนวันแรกๆ
จนเริ่มเห็นภูเขาที่มีหิมะปกคลุมนี่แหล่ะค่ะ ต่อมชัตเตอร์เลยเริ่มทำงานอีกครั้ง
แหม เด็กบ้านนอก ไม่ค่อยเห่อหิมะเท่าไหร่เล้ยยยนะคะ Ho Ho

นั่งรถไฟมาประมาณชั่วโมงนึง เราก็มาถึงสถานี Grindelwald
ซึ่งเป็นจุดตั้งต้นของการขึ้นยอดเขาจุงฟราวในวันนี้กันค่ะ

รอแป็บนึง ก็จะมีรถไฟลงมารับเรากันค่ะ

แล้วเราก็มาถึงสถานี Kleine Scheidegg (คลายเน่อร์ ไชเด็ก) <-- ออกเสียงยากชะมัดเลยวุ้ย
จากสถานีนี้ จะสามารถขึ้นไปจุงฟราวได้ 2 ทาง
สถานีจึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ร้านขายของที่ระลึก แล้วก็ร้านอาหาร

มาถึงแล้วค่า Kleine Scheidegg

ร้านขายของที่ระลึก

มานั่งที่ร้านอาหารระหว่างรอรถไฟก็เก๋ดีนะคะ

สาวสาว ประจำทริปนี้ค่ะ

ตอนที่เรามาถึง มีรถไฟคันนี้จอดอยู่แล้วค่ะ แต่คนรอขึ้นเยอะมาก เลยอดไปอ่ะค่ะ

เจอน้องมะหมาน่ารักอีกแล้วค่ะ อยู่นี่มา 5 วัน เจอน้องหมาหลากหลาย
สายพันธุ์มากค่ะ

มองไป จะเห็นรถไฟคันตะกี้ ออกไปแล้วค่ะ

จากจุดนี้ใช้เวลาอีกประมาณ 2 ชั่วโมง ถึงจะขึ้นไปถึงยอดของจุงฟราวค่ะ
รออีกหนึ่งอึดใจ รถไฟขบวนของพวกเราก็มาแล้วววววว

ขึ้นนั่งประจำที่กันเลย

เราขึ้นกันเป็นกลุ่มแรกๆ เลยได้นั่งจับจองที่ เล็งริมหน้าต่างไว้จะได้เห็นวิวชัดชัด
แต่คนเยอะมากๆค่ะ ซักพักก็เริ่มมีคนมาแจม เบาะของเรามีคนเกาหลีมาขอนั่งด้วย 3 คน
มีผู้ชายเกาหลีมานั่งข้างๆเราล่ะ ซักพักพี่แกก็เริ่มกางขา ทำประหนึ่งว่าเราเป็นผู้อยู่อาศัย ที่สำคัญ ไม่หล่อด้วยค่ะ ไม่ให้อภัยอย่างแรง ชิชิ :P

ระหว่างทางขึ้นเขา เค้าจะเจาะอุโมงค์ลอดเขากันไปนะคะ
ว่ากันว่าทางรถไฟสายนี้ ใช้เวลาขุดเจาะทั้งหมดถึง 15 ปีแหน่ะ

แต่ทางการสวิสก็ยังใจดี อุตส่าห์มีจุดพักให้นักท่องเที่ยวออกไปชมวิวภายนอกอุโมงค์ได้ คือจุด Eiger Wall และ Eismeer โดยเค้าจะเจาะช่องไว้ให้นักท่องเที่ยวออกไปดูวิวผ่านช่องกระจก
พอขึ้นมาจากจุดที่สอง เราก็แพ้พ่ายภัยเกาหลีค่ะ ต้องลี้ภัยไปนั่งกะพี่เจี๊ยบแทน
ตอนไปขอกระเป๋าเป้คืน ยังสัมผัสได้ว่าเค้าไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยแม้นิดที่ทำให้เราอึดอัดจนต้องย้ายที่นั่ง เออ ชั้นย้ายไปเองก็ได้ (ว้อยยย)

วิวของเทือกเขา ALPS ผ่านช่อง Eismeer ค่ะ

ในที่สุดเวลาที่เรารอคอยก็มาถึง เราก็มาถึงสถานีรถไฟจุงฟราวยอร์ค ซึ่งเป็นสถานีที่สูงที่สุดในยุโรป ที่จุดนี้ มีอาคารไว้รองรับนักท่องเที่ยว อยู่บนจุงฟราวยอร์ค ซึ่งอยู่ใกล้ยอดจุงฟราวซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดค่ะ

ออกไปที่ลานหิมะ Exit to Glacier คนตรึมเลยค่ะ
หิมะสีขาวยาวสุดลูกหูลูกตา เห็นคนเดินอยู่ลิบลิบ
ร่าเริงกันมากค่ะ แถมวันนี้ยืมแว่นตากันแดดของเอื้อยกะพี่แหม่มมาแล้ว
ไม่กลัวแดดสะท้อนหิมะแล้วค่ะ อิอิ

วันนี้ลมไม่ค่อยแรงนะคะ จริงๆไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาวเลยยังได้
ยังเห็นแว๊บๆ ว่ามีคนใส่กางเกงขาสั้นเดินไปเดินมาอยู่เลย
แต่เพื่อความสวยงาม และความลำบากในการแบกมา ต้องใส่ถ่ายรูปซะหน่อย อิอิ

ไปแอบขอถ่ายรูปกับน้องหยกคนสวยหน่อยค่ะ (ตัวเท่ากันเลย งืองือ)
สาวน้อยคนนี้ฮอทมากค่ะ ต้องแอบไปขอถ่ายรูปตอนน้องเค้าเผลอ :-)

ไปถ่ายรูปกะหิมะ มีธงสวิสสีแดงแจ๊ดประกอบแล้วรูปสวยมั่กๆค่ะ

อีกบรรยากาศของจุงฟราวด้วย Wide Lens ค่ะ เก็บภาพได้แจ่มสะใจจริงเลย
นึกตอนนี้ยังแอบเสียดาย รู้งี้ไปขอเสนอหน้าเข้ากล้องน้องปอยกะแฮทเยอะๆดีกว่า

ยกเครดิตรูปสวยๆให้ตากล้องของพวกเราน้องปอยกะแฮทเลยค่ะ

น้องหมาหิมะอีกแล้วค่ะ น่าร้ากกกกซะ

จากลานเพลิน(เจ็ดสี) เราก็กลับมาที่อาคารนักท่องเที่ยวอีกครั้ง
คราวนี้ เราจะขึ้นลิฟท์ขึ้นไปยังจุดที่เรียกว่า SphinX ViewPoint เพื่อมองวิว 360 องศาค่ะ

อาคารที่เรากำลังจะขึ้นไปค่ะ แอบถ่ายมาจากป้ายในตัวอาคารค่ะ เนียนไหมคะ อิอิ

ซูมไปชัดๆว่าจะมีระเบียง เดินได้เกือบรอบ รูปนี้ไม่ค่อยเนียนอ่ะค่ะ มีไฟโผล่มาด้วย T__T

มาถึงรูปบังคับก็ต้องถ่ายป้ายว่าเรามาพิชิตยอดเขาจุงฟราว Top of Europe กันแล้ว เย เย อารมณ์เหมือนตอนไปถ่ายรูปพิชิตยอดภูกระดึงซะงั้นเลย
แต่ความเหนื่อยน้อยกว่ากันมาก ใช้อำนาจเงินเอา เหอๆๆ

ที่จุด SphinX Viewpoint นี้ สูง 3,571 เมตรนะคะ
แต่มองไปข้าง เห็นเขาอีกลูกชื่อ Monch สูง 4,099 เมตรแหน่ะ
แง แง อุตส่าห์มาถึงขนาดนี้ เรายังไม่ได้อยู่ Top Of Europe อีกเหรอเนี่ย
ยอดจุงฟราวจริงๆ สูง 4,158 เมตร ตอนนี้ยังไม่มีทางให้เราขึ้นมาชิลชิลแบบนี้น่ะค่ะ ส่วนอาคารนักท่องเที่ยวที่เรายืนกันอยู่นี้ อยู่บนยอดจุงฟราวยอร์ค ซึ่งใกล้จุงฟราวที่สุดค่ะ ก็พอหยวนหยวนไปได้ละกันเนอะ อิอิ

จากจุดนี้ มองลงไปที่ Exit to Glacier ที่เราไปมาตะกี้ คนตัวเท่ามดเลยค่ะ

รอบๆตัวอาคาร เค้าจะทำเป็นระเบียงเหล็ก ให้นักท่องเที่ยวเดินดูวิวธารน้ำแข็งรอบๆค่ะ มีป้ายให้ดูด้วยอ่ะ ว่ายอดเขาแต่ละลูกชื่ออะไร แต่จำไม่ได้แล้วอ่ะค่ะ สมองซีกซ้ายไม่ค่อยทำงานแล้วค่ะ อิอิ