มีนาคม 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
1 มีนาคม 2553
 

ที่มาของคำว่า 'แอ๊บแบ๊ว'










แอ๊บแบ๊ว' เป็นคำวิเศษณ์ที่กำลังนิยมในหมู่วัยรุ่นตอนนี้

ซึ่งต่างกันเพียงเส้นกั้นบางๆ กับคำว่า 'กระแดะ' เป็นคำที่ได้ถูกบันทึกลงในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน และเป็นที่ฮือฮามาก ซึ่งใน'ไร้สาระนุกรมพิเดีย' ยังระบุเคล็ดลับ 'แอ๊บแบ๊ว' อีกว่า เป็นอาการทางจริตชนิดหนึ่ง มักเกิดขึ้นในเพศหญิงช่วงแรกสาวเป็นต้นไป แต่ตอนนี้เริ่มลุกลามในผู้ชาย กะเทย และเพศใกล้เคียง มีอาการควบคู่ไปกับการแสดงออกทางอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ได้แก่ 
 
1.ดวงตา

จากที่เคยมี ลูกตาขนาดปกติไม่ว่าขนาดใดก็ตาม คนที่ 'แอ๊บแบ๊ว' จะมีดวงตากลมบ้องแบ๊ว เกิดประกายวิบวับขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ (สันนิษฐานว่าเป็นที่มาของคำว่าแอ๊บแบ๊วนั่นเอง) ถ้านึกภาพไม่ออก แนะนำให้ไปดูเอ็มวีเพลง 'ปู' ของเนโกะจั๊มพ์ โดยเฉพาะภาพตอนสองสาวเล่นกับกล้อง นั่นแหละคืออาการแอ๊บแบ๊ว
 
ส่วนอุปกรณ์เสริมความแบ๊วในข้อนี้ ได้แก่

ที่ดัดขนตา, มาสคาร่า และอายไลเนอร์ ที่จะช่วยขับให้ตาแบ๊วขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เดี๋ยวนี้มีคอนแท็คเลนส์ประเภทเพิ่มขนาดลูกตาดำด้วย อวัยวะข้างเคียงที่จะมีผลกระทบคือ คิ้ว ที่จะเลิกขึ้นนิดๆ หัวคิ้วจะหดเข้าหากัน ทำให้คนแอ๊บแบ๊วมีสีหน้าดูสงสัย ไร้เดียงสาอยู่ตลอดเวลา
 
2.แก้ม

แก้มป่องเป็นอาการแอ๊บแบ๊วอันดับสองที่ขาดไม่ได้ ลำพังคนที่แก้มป่องเป็นธรรมชาติถือเป็นโชคดี แต่สำหรับคนที่แก้มตอบ โหนกปูด กรามสองข้างทำมุมฉากซึ่งกันและกัน จะได้เห็นอาการพยายามอมลมไว้ในปาก แล้วดันกระพุ้งแก้มให้ป่องออกมาจนกระทั่งดูน่าหยิกเล่น คนที่แอ๊บแบ๊วจนชำนาญขนาดแก้มที่ป่องกำลังดีดูน่ารัก แต่สำหรับแอ๊บแบ๊วมือใหม่หลายคนพลาดแก้มป่องเป็นปลาทองรักเร่ 
 





3.ปาก

สาวแอ๊บแบ๊วจะถูกกำหนดให้มีริมฝีปากบนบางๆ แล้วยกเชิดขึ้นจนเห็นฟันคู่หน้านิดๆ แบบอั้มพัชราภา/แตงโม/เมย์พิชนาฏ/ กิ๊บซ่า กิ๊บซี่ เกิร์ลลี่เบอรี่และดาราอีกเป็นสิบคน ที่ถ่ายรูปลงหนังสือกี่เล่มๆก็ทำปากแบบเดิมได้ตลอดเวลา ส่วนริมฝีปากล่างขณะแอ๊บแบ๊วนั้นมีข้อบังคับว่า ห้ามเผยอออกมาจนห้อยย้อย แต่ต้องเกร็งไว้นิดๆเบะคางให้ดูคล้ายแอบงอนใครมา ทีเด็ดคือต้องยิงมุมปากให้เบี้ยวไปข้างที่ถนัดข้างใดข้างหนึ่งพอประมาณหน้าแ บ๊วที่ออกมาจะดูแก่นเซี้ยวแสนซน และทำให้แอบคิดไปเองได้ว่า 'ตอนนี้เราหน้าเหมือนโฟร์แล้วล่ะตะ เอง..' อย่าลืมรักษารูปปากไว้ตลอดเวลาที่พูดคุยด้วยนะคะ เสียงที่ออกมาจะได้อ้อม แอ้ม พูดไม่ชัด
 
4.เสียง

เสียงเป็นอาการทางกายภาพข้อสุดท้ายของการแอ๊บแบ๊ว เสียงมาตรฐานการแอ๊บแบ๊วคือเสียงเล็กๆ อู้อี้นิดๆ อ้อนหน่อยๆ และทำอย่างไรก็ได้ให้ผิดอักขระวิธีให้มากที่สุด เช่น ใช่ไหม เป็น ชิเมะ? / ชิป้ะ? / ชิม้า? ,คือว่า,เอ่อ เป็น คึ่ บั่บ / คึ่แบ๊บ / เอิ่ม / อึ่มมม , อะไรน่ะ เป็น อึ่หล่ายอ้ะ? เป็นต้น ส่วนตัวอย่างประโยคการพูดแอ๊บแบ๊ว เป็น 'ฮั้ย! สัสดีแกร..มะได้เจ๊อกึนนานม๊ากกก คิดถึ่งซูดซู๊ดดด ไปกินค๊าวที้ ซึ่หย่ามกึนเมะ เด๋วพี๊..ชายเราป้ะส่งแหละ' 
 
วิธีฝึก “แอ๊บแบ๊ว”

ง่ายๆคือยืนหน้ากระจก ฝึกทำหน้าให้แบ๊วที่สุด แล้วลองอ่านข้อความเหล่านี้อัดเสียงใส่เทปเอาไว้ ถ้าเปิดฟังแล้วรู้สึกอยากกระโดดถีบตัวเองเมื่อไหร่ แสดงว่าคุณผ่านการ 'แอ๊บแบ๊ว' ระดับเบสิคได้แล้ว



ที่มา : Fw Mail





 

From: //variety.teenee.com/foodforbrain/3797.html


Create Date : 01 มีนาคม 2553
Last Update : 1 มีนาคม 2553 18:43:54 น. 0 comments
Counter : 649 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

panuwatek
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add panuwatek's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com