Trip ล้างอาถรรพ์ที่ Egypt-Jordan ตอน 8: Dead Sea ที่รอคอย

ตอน 8: การเดินทางวันที่แปด 26 Sep 08: อัมมาน – มาดาบา – เพตรา
(เมืองมาดาบา ศูนย์กลางการทำโมเสก / เมาท์ เนโบ / ทะเลสาบ Dead Sea)


วันนี้เราจะไปเที่ยวกัน 3 ที่ ที่แรกคือ โบสถ์ St. George ที่เมืองมาดาบา เมืองมาดาบาเป็นเมืองเดียวในจอร์แดนที่มีคนนับถือศานาคริสต์มาก และได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งโมเสค ภาพที่สำคัญเป็นภาพโมเสคที่เป็นรูปแผนที่ของกรุงเยรูซาเลมในยุคไบเซนไทน์ ศิลปยุคไบเซนไทน์ที่ได้รับการชื่นชมแพร่หลายเป็นที่รู้จักกันคือการประดับตกแต่งอาคารสถานที่ตั้งแต่พื้นไปจรดฝาผนังด้วยโมเสค โดยนำโมเสคที่เป็นกระเบื้องสี่เหลี่ยมเล็กๆมาวางต่อกันเป็นรูปให้สีสวยงาม โดยทั่วไปจะเป็นภาพวิว เทพ ลายประดับ


โบสถ์ St. George (Madaba) เก่าแก่กว่า 1,500 ปี เก่าเป็นอันดับ 2 ของโลก บริเวณพื้นโบสถ์ แสดงแผนที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สมัยโบราณทำจากโมเสกชิ้นเล็กๆ การตกแต่งพื้นและส่วนอื่นของโบสถ์ด้วยโมเสคที่มาดาบา ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในงานไบเซนไทน์ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยตัวเนื้อโมเสคได้มาการการตัดหินสีที่มีอยู่ใกล้เคียงเป็นชิ้นเล็กด้วยมือ





ระหว่างทางจากรถ Bus ไปโบสถ์ ก็จะร้านทำขวดแก้วใส่ทรายเต็มไปหมด แต่เรายังไม่มีเวลาทำ ในร้านค้าก็จะมีรูป King เค้าเหมือนบ้านเราเลย



จากที่นี้เราก็ไป เมาท์ เนโบ (Mt.Nebo) กันต่อ เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนเขา เชื่อกันว่าเป็นบริเวณที่เสียชีวิตและฝังศพของโมเสส สันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นในยุคสมัยไบเซนไทน์ มีสัญลักษณ์กางเขน และ จุดชมวิว .. มองไปไกลๆ เห็นอิสราเอล แต่น่าเสียดายวันที่เราไปฟ้าปิดซะงั้น หมอกลงเยอะมาก เลยมองไม่เห็นเลย

โมเสสมีความสำคัญในฐานะผู้ปลดปล่อยชาวยิวจากการเป็นทาสของอียิปต์ (เป็นคนถือไม้เท้าแหวกทะเลแดงพาคนยิวหรือฮิบบรูออกจากอียิปต์กลับอิสราเอล) ตอนที่โมเสสขึ้นไปติดต่อกับพระเจ้าก็อยู่ในบริเวณภูเขานี้ และตอนสิ้นชีพก็ภูเขานี้เช่นกัน ในหนังสือนำเที่ยวบางเล่มของจอร์แดนเขียนไว้ว่า โมเสสถูกเผาที่ภูเขาเนโบนี่เอง ชาวคริสต์หลายยุคจึงนิยมมาสร้างสถานที่ระลึกถึงโมเสสไว้ที่นี่หลายแห่ง





ว่าแล้ว ก็ขอโชว์ลูกทัวร์ที่อายุเยอะที่สุดใน Trip สักหน่อย
ให้ทายว่า สุภาพบุรุษ กับ สตรี 2 ท่านนี้อายุเท่าไหร่ (ดูเฉลยด้านล่าง….)


เฉลย: อี้อายุ 88 ปี และแป๊ะอายุ 83 ปี
ขออนุญาตเรียกว่าอี้ล่ะกัน เพราะยังสวยและแข็งแรงกันอยู่เลย อย่าลืมน่ะว่า Trip Egypt มันร้อนและต้องเดินกันตลอด แต่ทั้ง 2 คนก็ไม่หวั่นเลย แล้วสาวๆ อย่างเราจะอายเค้าได้ไง แต่ช้อบชอบ แป๊ะเค้าดูรักอี้มากๆ เลย เดินจูงมือกัน กางร่มให้กัน แล้วแป๊ะก็ชมอี้ว่าอี้สวย สวยตั้งแต่สาวๆ จนทุกวันนี้ 


ว้าวววว………….ที่ต่อไป Highlight ของชั้นอีกแล้ว อ่านจนอยากไป อยากลอง อยากพิสูจน์ว่าจริงแท้แค่ไหน

นั่นคือ ทะเลสาบเดดซี (Dead Sea) เป็นทะเลที่อยู่ต่ำที่สุดในโลก ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลทั่วไปถึง 392 เมตร มีขนาดไม่ใหญ่โตนัก ยาวเพียง 75 กิโลเมตร กว้างแค่ 16 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดแค่ 6 กิโลเมตร

ชื่อเสียงของเดดซีคือความเค็มที่มีเกลือสูงถึง 33 เปอร์เซ็นต์ (เข้มข้นกว่าทะเลธรรมดาถึง 9 เท่า) ทำให้อยู่ในน้ำทะเลหรือนอนลอยตัวได้ และโคลนที่มีการสะสมของแร่ธาตุต่างๆ มากมาย ซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคหลายอย่าง โดยเฉพาะผิวหนัง

เดดซีนั้นครึ่งนึงอยู่ในจอร์แดน อีกครึ่งอยู่ในอิสราเอล เป็นทะเลปิดคือไม่มีทางออกสู่มหาสมุทรเลย ด้วยเหตุนี้ปริมาณเกลือและเกลือแร่จึงตกค้างและวนเวียนอยู่ใน dead sea เป็นจำนวนมหาศาล..แบบที่ว่า สิ่งมีชีวิตไม่สามารถอาศัยอยู่ในทะเลแห่งนี้ได้เลย นี่เลยเป็นที่มาของชื่อ dead sea

ประมาณกันไว้ว่าอีก 50 ปี จะไม่มีทะเลเดดซีแล้ว เนื่องจากอากาศของโลกที่ร้อนขึ้นทุกวัน น้ำในทะเลเดดซีก้อระเหยขึ้นไปโดยไม่มีอะไรหมุนกลับลงมา (เพราะความเป็นทะเลปิด แล้วก้อภูมิประเทศที่ไม่ค่อยมีฝน)



ไปถึง เราก็ทานข้างกลางวันที่โรงแรมที่เราจะไปเล่นน้ำทะเลในส่วนของเค้าก่อน หลังจากนั้น ก็เปลี่ยนชุดพร้อมลงทะเล เห็นผู้ใหญ่เค้าสนุกสนานกันใหญ่เลย ยืนถ่ายรูปกัน ทำให้เรานึกถึงตอนเค้าวัยรุ่น แล้วไปเที่ยวบางแสน เค้าดู happy กันมากๆ ก่อนที่เราจะลอยตัว เราก็ช่วยอาอี้ทั้งหลายให้ลองลอยตัวก่อน ส่วนใหญ่เค้าว่ายน้ำกันไม่เป็น ก็จะกลัวอ่ะ


หลังจากทำให้อาอี้ทั้งหลายลอยตัวได้แล้ว ก็มาทีเราบ้าง
โห…..มหัศจรรย์ ลอยได้จริงๆ เวลาลอยต้องหันหลังให้คลื่นน่ะ ไม่งั้นน้ำเข้าตา อย่างแสบอ่ะ แสบจริงๆ


เค้ามีตำแนะนำว่า ให้แช่น้ำทะเลได้ครั้งละไม่เกิน 15 นาที คนที่มีแผลตามตัวจะรู้สึกเหมือนถูกหยิกกัดเจ็บๆ คันๆ แต่ควรอดทนสักครู่ให้ร่างกายได้ปรับตัว จนครบ 15 นาทีจึงค่อยลุกขึ้นจากน้ำ มาล้างตัวหรือพอกโคลน ตอนขึ้นจากน้ำจะรู้สึกเหมือนมีเมือกลื่นๆ เคลือบทั้งตัว นั่นคือเกลือทั้งหมดซึ่งจับเกาะตามเนื้อตัวของเรา แต่ล้างน้ำสะอาดก็ออกหมด


มา…มาพอกโคลนกัน นอกจากพอกแล้ว Guide ยังอุตสาห์หาขวดให้เราเอาโคลนกลับไปด้วย จริงๆ ก็มีขายน่ะ แต่อย่างแพง


ที่โรงแรมจะมีที่อาบน้ำให้ โดยให้เราเช่า ก็มีผ้าเช็ดตัวอะไรให้ด้วย
ไปแหละน่ะ Bye Bye…. Dead Sea



หลังจากนี้ เราก็จะเดินทางไปเมืองเพตรากัน (Petra) ไปชมสิ่งมหัศจรรย์อีกอย่างของโลกค่ะ ระหว่างทางก็จะเห็นแต่วิวแบบเนี้ย ดูไปเพลินๆ พอมีแวะปั้มน้ำมัน อิชั้นกะพี่สาวก็กระโดดลงไปถ่ายรูปตามวิญญาณนางแบบลิง



ไปถึง Petra ก็ค่ำๆ แล้ว พักกันที่ Petra Movenpick Hotel ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับนครเพตราที่เราจะไปเที่ยวกันพรุ่งนี้เลย โรงแรมสวยมาก ประดับประดาไปด้วยโมเสก และมีให้ Amenities เป็นโคลนจาก Dead Sea และเกลือไว้ขัดตัวด้วย จะเหลือเหรอ ก็แบกกลับมาเกลี้ยง เราก็ถ่ายรูปมาไม่เยอะ กลัว memory ไม่พอ



ระหว่างทานอาหารเย็น วันนี้เป็นวันเกิดของอาอี้คนนึง ปะป๊าเราก็ทำ surprise โดยเอา Cake มา Happy Birthday ให้ ปรากฏอาอี้งงมาก ลืมไปว่าวันนี้เป็นวันเกิดเค้า ประมาณว่า เที่ยวจนเพลีย ฮ่า ฮ่า ฮ่า



วันนี้พี่สาวเตรียมชุดมาใส่เหมือนกัน 3 คน เลยถ่ายรูปร่วมกันซะหน่อย
แต่เราไม่ใช่สาวกพันธมิตรน่า…….. เราไม่ช่าย นักรบมือตบ แต่เป็นนักรักมือสมัครเล่นต่างหาก คริ คริ (ปะป๊าเนี่ยน่ะ ถ่ายรูปกะลูกทีไร ชอบเก็ก ไม่ยอมยิ้ม ทีกะเพื่อนๆสาวๆ ไม่หวงยิ้มเลยน่า………)



หลังทานอาหารเสร็จ เรากะพี่สาวก็ไปเดินเล่นรอบๆ โรงแรม เลยได้ทำขวดทรายเป็นของตัวเอง ทีแรกเราก็คิดว่าเค้าจะมีทักษะพิเศษ ค่อยๆ เอาทรายลงขวดให้เป็นลวดลาย แต่พอไปยืนดูเค้าทำ อ้าว…….ทำกันง่ายๆ แบบนี้เองเหรอ เค้าเอากาวเข้าไปวาดด้านในขวด ตามลวดลายที่เราอยากได้ แล้วค่อยใส่ทรายเข้าไปทีละสี เพื่อให้ทรายจับกะกาวและกลายเป็นลายอ่ะ (เราเขียนงงไปไหม เหอ เหอ เหอ)



ต่อตอน 9 ที่นี้เลย
ตอน 9: Petra มรดกโลกที่ควรค่าแก่การไปเยือน

Create Date : 31 พฤษภาคม 2552		0 comments
Last Update : 1 มิถุนายน 2552 6:18:41 น.
Counter : 1683 Pageviews.
Share Tweet