คืนฝัน วันเหงา ตัวเรา และความเดียวดาย
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
11 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 

ตัวซวย


“สวัสดีครับ คุณป้า”
ผมทักผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่า
เธอจะมีริ้วรอยแห่งวัยมากกว่าแม่ของผม อยู่เล็กน้อย

คุณป้าคนนี้ แกอยู่ข้างบ้านของผมเองแหละครับ
ผมก็เลยอยากจะทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านไว้เผื่อว่ามีอะไร
จะได้พึ่งพาอาศัยกันได้

“สวัสดีจ๊ะหนูน้อย หนูชื่ออะไรเหรอจ๊ะ”
คุณป้าแกถามผมกลับมา
อันที่จริงผมก็ไม่ค่อยจะชอบที่คุณป้าแกเรียกผมว่า หนู สักเท่าไหร่หรอกครับ
ก็หนูอะไรจะตัวใหญ่ขนาดนี้ล่ะครับ จริงมั้ย

“ผมชื่อท้อป ครับ”
ผมตอบคุณป้าแกไปด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

“จ้ะ งั้นป้าจะเรียกหนูว่าท้อป ก็แล้วกันนะ
ท้อปพึ่งจะย้ายเข้ามาเมื่อเช้าใช่รึเปล่าจ๊ะ
ขนของขึ้นบ้านเสร็จรึยังเหรอจ๊ะ ” คุณป้าถามผม

“ครับ ผมพึ่งจะมาถึงเมื่อเช้าเองครับ
ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ของผมกำลังขนของกันอยู่น่ะครับ”
ผมตอบคุณป้าแกไป ด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม

“ถ้าอย่างนั้นผมขอไปช่วยคุณพ่อคุณแม่ขนของก่อนนะครับ”
ผมบอกคุณป้า

“ดีแล้วล่ะ ไปช่วยคุณพ่อคุณแม่เถอะจ้ะ
ท้อปรอแป๊บนึงนะ
จิ๊บ.....จิ๊บลูก.....จิ๊บไปช่วยท้อปขนของหน่อยสิจ๊ะลูก ”
คุณป้าตะโกนเสียงดัง

“ครับแม่ แล้วท้อป คือใครเหรอครับ”
เด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาตรงที่คุณป้ายืนอยู่

“ท้อป นี่ลูกของป้าเองนะจ๊ะ ชื่อว่า จิ๊บ
จิ๊บ...ท้อปเขาพึ่งจะย้ายมาอยู่น่ะไปช่วยเขาขนของหน่อยนะจ๊ะ”

คุณป้าแนะนำให้ผมรู้จักกับจิ๊บ แถมยังจะให้จิ๊บไปช่วยผมขนของอีก
ผมซึ้งใจคุณป้าแกเสียจริงๆเลยล่ะครับ

“ครับแม่” จิ๊บหันไปตอบคุณป้า แล้วก็หันกลับมา
“นายชื่อท้อปเหรอ เราไปช่วยนายขนของนะ” จิ๊บพูดกับผม
“ได้สิ พ่อกับแม่ของเรากำลังขนของอยู่แน่ะ”
ผมพูดพร้อมกับจูงมือจิ๊บไป
แหม….ช่างเป็นครอบครัวที่มีน้ำใจจริงๆเลยนะเนี่ย
แล้วผมกับจิ๊บก็ช่วยคุณพ่อคุณแม่ของผมขนของจนเสร็จ
แต่กว่าจะเสร็จก็เย็นมาแล้วล่ะครับ

คุณพ่อคุณแม่ของผม
อยากจะขอบคุณและทำความรู้จักกับคุณพ่อคุณแม่ของจิ๊บมาก
ก็เลยชวน จิ๊บ แล้วก็ คุณพ่อคุณแม่ของเขา
มาทานมื้อเย็นที่บ้านของผม
คุณพ่อคุณแม่ของจิ๊บ ก็ไม่ได้มามือเปล่า
ยังอุตส่าห็ทำอาหารมาด้วย
เรื่องฝีมือนั้น ก็อร่อยพอๆกับฝีมือคุณแม่ของผมเลยล่ะ

เย็นวันนั้นพวกเราทานข้าวไปคุยกันไปสนุกมากๆเลยล่ะครับ

“ท้อป! ท้อป!
ไปปั่นจักรยานเล่นกันมั้ย ” จิ๊บมาชวนผมที่บ้าน
ตั้งแต่ไก่โห่เลยน่ะครับ
ไอ้ผมรึ ก็พึ่งจะตื่นซะด้วยสิครับ ยังงัวเงียๆ อยู่เลย
“ไปสิ แต่ว่ารอแป๊บนึงนะ”

ไอ้ความอยากไปทำให้ผมตอบออกไปอย่างนั้น
ผมรีบทำธุระส่วนตัว แล้วจูงจักรยานไปที่หน้าบ้าน
ซึ่งมีจิ๊บรออยู่แล้ว

“รอนานรึเปล่าจิ๊บ” ผมถามออกไปตามมารยาท
“นานสิ นานมากเลยแหละ”
จิ๊บตอบกลับมาตามตรงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“จะไปกันรึยัง” จิ๊บถามผม
“OK Let’s go” แหม...ผมนี่เก่งจริงๆเลยนะครับ
ตอบกลับไปเป็นภาษาอังกฤษด้วย อินเตอร์จริงๆเลยนะเรา

“โห!!ท้อป นายพูดภาษาปะกิดได้ด้วยเหรอ เก่งจัง”
จิ๊บชมผมด้วยความเต็มใจ
แต่ผมไม่ค่อยเต็มใจรับเท่าไหร่หรอกครับ
ก็ผมน่ะรู้จักภาษาปะกิดที่ไหนกันเล่า
ผมก็ได้แต่ยิ้มกลับไปเท่านั้นเองแหละครับ

“ถ้าอย่างนั้น ท้อปก็ตามเรามาเลยนะ” จิ๊บพูดกับผม
มันก็แน่นอนอยู่แล้วล่ะครับ ก็ผมพึ่งจะย้ายมาใหม่นี่
ถ้าไม่ตามจิ๊บไป ผมก็หลงน่ะสิ

พวกเราปั่นจักรยานไปสักพัก จิ๊บก็เอ่ยปากถามผม
“นี่ท้อป ไอ้ภาษาปะกิดที่ท้อปพูดเมื่อกี้ แปลว่าอะไรเหรอ”

อารายว๊า...โลกเรามันมีภาษาปะกิดที่ไหนเล่า
“อ๋อ มันไม่ใช่ภาษาปะกิดหรอก มันเรียกว่าภาษาอังกฤษต่างหาก”
ผมแนะนำจิ๊บไปด้วยภูมิความรู้ ที่ผมสุดแสนจะภูมิใจ

“อ้าวเหรอ ภาษาอังกฤษหรอกเหรอเนี่ย”
จิ๊บทำหน้าตาเหมือนภูมิใจกับข่าวสารใหม่ราวกับว่า
สิ่งที่บอกไปเมื่อกี้นั้นจะทำให้จิ๊บบินได้

“แล้วมันแปลว่าอะไรเหรอ จะได้เอาไปใช้บ้างน่ะ” จิ๊บถามต่อ
“OK Let’s go น่ะ มันแปลว่า
ให้จิ๊บนำหน้าแล้วเราจะตามไป ยังไงล่ะ” ผมแปลให้จิ๊บฟัง
ด้วยความภูมิใจ ในการที่ผลของการตั้งใจเรียนนั้นสัมฤทธิ์ผล

“อืม...ขอบใจนะท้อป ที่สอนเรา
ว่าแต่....ท้อปอยากเตะบอลรึเปล่า
ทางด้านซ้ายมือมีคนกำลังเตะบอลกันอยู่ด้วยล่ะ”

ว้าว ผมจะได้เตะบอลด้วยเหรอเนี่ย พึ่งมาอยู่ได้แค่วันเดียวเอง
“เตะสิ ไปขอเขาเล่นกันเถอะ” แล้วผมกับจิ๊บ ก็จอดจักรยานไว้

“เฮ้...พวกนายน่ะ ให้เราเล่นด้วยได้มั้ย” ผมตะโกนถามไป
“ได้สิ เล่นกันเยอะๆนี่แหละ สนุกดี” คนแถวนี้ช่างมีน้ำใจดีจริงๆ
“นายสองคนอยู่ทีมนี้นะ” นายคนนั้นเขาบอกให้ผมกับจิ๊บอยู่ทีมนี้
แล้วเราก็เล่นกันอย่างสนุกสนาน

“ส่งมาเลย”ผมบอกให้จิ๊บส่งบอลมาให้ผม
“OK Let’s go” จิ๊บตอบ
โอ้โห จิ๊บพูดภาษาอังกฤษได้แล้ว ช่างเป็นคนที่หัวไวจริงๆ
ไม่เสียแรงเลยที่สอน จิ๊บส่งบอลให้ผม แต่ก็ถูกแย่งไปได้

ผลของการเล่นบอลก็คือ ทีมของเราแพ้ยับเยิน
เท่านั้นยังไม่พอคนในทีมยังได้รับบาดเจ็ดจากการแย่งบอลอีก
ทุกคนเลยมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ

“งั้นเราสองคนกลับก่อนนะ” ผมตัดบท
แล้วผมกับจิ๊บก็เดินกลับไปที่จักรยาน

“วันนี้ไม่ค่อยสนุกเลยเนอะ” ผมเปิดประเด็นชวนคุย
“อื้อ แพ้ยับเยินเลย แถมพวกนั้นยังได้แผลอีกด้วย
ต่อไปพวกนั้นคงจะไม่ให้เราเล่นแล้วล่ะ”
“เฮ้ย ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย แพ้ชนะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ
พวกนั้นคงจะไม่ถือหรอก” ผมปลอบใจจิ๊บ

พวกเราเดินมาเรื่อยๆ
“อ้าว!!จักรยานหายไปไหน” จิ๊บเอ่ยขึ้นมาด้วยความตกใจ
ผมเงยหน้าขึ้นไปดูแล้วก็พบว่า
จักรยาน.......มันไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว
“แม่ต้องว่าแน่เลย” ผมเอ่ยขึ้นมา
แล้วพวกเราก็ต้องเดินกลับบ้านด้วยความหดหู่ใจ

อะไรว๊า...บอลก็แพ้ จักรยานก็หาย
ทำไมวันนี้มันโชคร้ายอย่างนี้น๊า... เซ็งจริงๆเลย
พอพวกเรากลับมาถึงบ้าน ผมก็เดินเลยไปส่งจิ๊บที่บ้าน
แล้วผมก็ได้รู้มาว่า พ่อจิ๊บท้องร่วง เราจากกันตรงหน้าบ้านของจิ๊บ

ผมกลับมาทานมื้อเย็น อาบน้ำแล้วก็นอน
ผมเริ่มสังเกตเห็นว่าเรื่องร้ายๆ มันอยู่รอบกายจิ๊บไปซะหมด
แต่ผมก็เก็บเอาไว้ไม่ได้บอกใคร

วันรุ่งขึ้น จิ๊บมาชวนผมไปทานโจ๊กที่ตลาด
ตอนที่พวกเราไปถึง คนเต็มร้านไปหมด จนแทบจะหาที่นั่งไม่ได้
แต่พอเราทานโจ๊กไปได้สักพัก ผู้คนก็เริ่มทยอยออกจากร้านไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดก็เหลือลูกค้าคือโต๊ะของผมกับจิ๊บเพียงโต๊ะเดียว

จิ๊บเอ่ยขึ้นมาว่า “คนหายไปไหนกันหมดนะ เมื่อกี้ยังเต็มร้านอยู่เลย”
ใช่ ผมก็สังเกตเห็น มันเริ่มแปลกๆ
“ไม่มีอะไรหรอก คนเขากินอิ่มเขาก็ลุกออกไปเป็นเรื่องธรรมดา”
ผมปลอบจิ๊บ แต่ในใจผมไม่ได้คิดอย่างนั้นเสียแล้ว
จิ๊บ นายต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ

พอผมกับจิ๊บทานโจ๊กเสร็จ พวกเราก็กลับบ้าน
ก่อนจะจากกันจิ๊บก็พูดกับผมว่า
“ท้อป พรุ่งนี้โรงเรียนเปิดนะ อย่าลืมล่ะ”
เออใช่ แหม ไอ้ผมเองน่ะก็ลืมไปแล้วด้วย ถ้าไม่ได้จิ๊บเตือน
ผมคงจะตื่นสายแน่ๆเลย
คืนนั้น ผมคิดเรื่องของจิ๊บหนักมากจนหลับไปอย่างไม่รู้ตัว

“ท้อป ! ท้อป !
ไปโรงเรียนกันเถอะจะสายแล้วนะ”
ผมรีบวิ่งออกมาจากบ้าน ตื่นสายจนได้แต่ก็ยังไม่สายเกินไป
ยังพอจะไปทัน และแล้วพวกเราก็มาถึงโรงเรียนได้ทันเวลา

วันแรกที่โรงเรียนนั้น เรามีเพื่อนเยอะมาก
เดินไปไหนมาไหนเราทักเขาบ้าง เขาทักเราบ้าง
แหม...มันช่างมีความสุขเสียจริงๆเลยล่ะครับ

วันเวลาผ่านไปหลายวัน เพื่อนบางคนเริ่มเรียนไม่รู้เรื่อง
บางคนโดนคุณครูตี แล้วหลายๆคนก็เริ่มเจ็บโน่นเจ็บนี่
ไอ้จิ๊บเอ๋ย เอาอีกแล้วนะ

ทุกๆคนรอบข้างกายจิ๊บ เริ่มมีโชคร้ายมาเยือนทีละคน ทีละคน
ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า สักวันโชคร้ายนั้น คงจะมาถึงตัวผมเป็นแน่

จากเดิมที่เดินไปไหนมาไหน มีคนทัก
ตอนนี้ก็เริ่มจะมีคนหลบเราทั้งสองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าผมไม่ทักใครก่อน ก็จะไม่มีใครคุยกับผมและจิ๊บ

เฮ้อ เริ่มมาแล้วสินะ ไอ้ความโชคร้าย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร
ผมก็จะยังเป็นเพื่อนกับจิ๊บ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผมก็ตาม
ก็จิ๊บน่ะ เป็นเพื่อนคนแรกของผมนี่นา
แล้วผมจะทิ้งเพื่อนไปได้ยังไงกันเล่า ผมต้องหาวิธีช่วยจิ๊บให้ได้

เวลาผ่านไปนานขึ้น
ผมกับจิ๊บก็ไม่มีใครอยากจะมาสนทนามาคบหาด้วยอีกต่อไป
เอาเถอะ มีจิ๊บคนเดียวก็พอแล้วนี่ เป็นมาถึงขั้นนี้ผมว่า
จิ๊บเองก็คงจะเริ่มรู้ตัวแล้วล่ะมั้ง แต่จิ๊บก็ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับผม
ผมก็เลยไม่กล้าทักเรื่องนี้กับจิ๊บ

ผมกับจิ๊บยังคุยกันอย่างสนิทสนมและสนุกสนานเหมือนเดิม
แค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องมีใครเป็นเพื่อนก็ได้

จิ๊บ นายไม่ต้องห่วง ใครไม่อยากเป็นเพื่อนกับนาย ก็ช่างเขา
แต่นายจะมีเราคนนี้เป็นเพื่อนนายตลอดไป

วันนี้ก็เหมือนกับทุกๆวันที่เรามีกันแค่สองคน
แต่ว่าวันนี้ผมบอกกับจิ๊บว่า ผมต้องรีบกลับบ้านก่อน
เพราะว่าผมมีงานต้องทำ ผมบอกให้จิ๊บกลับบ้านเอง

เอาน่าแค่วันเดียวนายคงจะไม่เหงาเกินไปหรอก
วันนี้ที่เรากลับก่อนไม่ใช่เพราะกลัวโชคร้ายที่นายจะนำมาให้เรา
แต่เรามีธุระจริงๆ ผมบอกตัวเองไปตลอดทางกลับบ้าน
แล้วผมก็ทำงานที่ผมต้องทำจนเสร็จ ถึงจะใช้เวลาหลายชั่วโมงก็เถอะ

ในใจผมก็ยังเป็นห่วงจิ๊บอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าจะมีใครมาดักทำร้าย
หรือแก้แค้นจิ๊บระหว่างทาง ผมเป็นห่วงจิ๊บมาก
บวกกับตอนนี้ฟ้ายังไม่มืดเท่าไหร่
ผมก็เลยกลับไปที่โรงเรียนเพื่อที่จะไปหาจิ๊บ

ผมเดินมาจนถึงโรงเรียนแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นจิ๊บ
โธ่.....จิ๊บ นายหายไปไหนของนายนะ ผมเริ่มใจคอไม่ดี
ผมเดินวนไปวนมา กระสับกระส่ายเต็มที่
ผมเดินกลับบ้านด้วยความร้อนรน

ระหว่างทางกลับบ้านผมเห็นร้านขายขนมร้านหนึ่ง
ใช่แล้วล่ะ ร้านนี้ที่ผมกับจิ๊บชอบมาซื้อขนมกันบ่อยๆ
ผมรีบตรงไปที่ร้านขายขนมทันที ขอให้ปลอดภัยนะจิ๊บ
อย่าให้ใครมาทำร้ายนายเลย

“ลุงครับ เห็นจิ๊บรึเปล่าครับ”
ผมถามด้วยกระแสเสียงที่ร้อนรน สับสน วุ่นวาย อย่างเห็นได้ชัด
“อ้าว ท้อปเองเหรอ นี่ท้อปยังไม่รู้เรื่องอีกเหรอ”
คุณลุงแกช่างใจเย็นเสียเหลือเกิน ในขณะที่ผมตอนนี้จะกลายเป็นไฟอยู่แล้ว
“รู้อะไรครับ”
ผมรีบถามกลับไปจนน้ำเสียงฟังเหมือนกับว่ากำลังตวาดลุงขายขนม

คุณลุงมีท่าทีตกใจเล็กน้อย
“ก็จิ๊บไง จิ๊บถูกรถชนตั้งแต่โรงเรียนเลิกแล้ว
นี่ลุงไปเยี่ยมเค้าที่โรงพยาบาลมาแล้วล่ะ”
โอพระเจ้า!! ลางสังหรณ์ของผมเป็นจริง

ใคร ใคร ใครขับรถชนนายนะ แล้วนายเจ็บหนักรึเปล่า จิ๊บ

“แล้วจิ๊บอยู่โรงพยาบาลอะไรเหรอครับลุง”
ตอนนี้นายมีคนดูแลอยู่รึเปล่า จิ๊บขอให้นายอย่าเจ็บมากเลยนะ
“โรงพยาบาลตรงหน้าปากซอยนี้เอง ห้อง 309 น่ะ”
ผมรีบวิ่งไปโดยไม่คิดชีวิต จิ๊บนายเป็นเพื่อนของเรา
เพื่อนคนแรก เพื่อน...... เพื่อน.......

เหงื่อเย็นๆเริ่มซึมออกมาทั่วร่างกายของผม
แต่ใจผมตอนนี้ มันเหมือนโดนเผาจนแดง ผมร้อนรน ร้อนใจมากๆ

เพื่อน.... เพื่อน....
แล้วผมก็หยุดยืนมองไปที่ประตู หมายเลยของมันคือ 309

เพื่อน.... เพื่อน....
ผมเปิดประตูเข้าไป มองไปที่เตียง

โอพระเจ้า!!!
จิ๊บปลอดภัย ผมดีใจจนน้ำตาไหลออกมา
ผสมกับเหงื่อที่เลอะเต็มหน้าของผมไปหมด ผมเดินไปที่เตียง

“จิ๊บ นายไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย” จิ๊บยิ้มตอบกลับมา
“เราไม่เป็นอะไรมากหรอก”
“ดีใจจัง ที่นายไม่เป็นอะไรมาก
เราเป็นห่วงนายมากๆเลยนะ กลัวว่านาย...”
“ท้อปเรามีเรื่องต้องคุยกับนาย” ผมถูกจิ๊บขัดจังหวะ
“ว่ามาสิ เราจะฟัง” ผมบอกกับจิ๊บ
“เราน่าจะเชื่อเพื่อนๆ เชื่อพ่อ เชื่อแม่ของเรา
ทุกๆคนอุตส่าห์เตือนเรา ว่า.....อย่าคบกับนาย
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเราก็ยังอยากจะบอกกับนายนะว่า
ถึงนายจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เราเป็นอย่างนี้
แต่เราก็ไม่โทษนายหรอก เราจะเป็นเพื่อนกับนายต่อไป
เราไม่สนใจคำพูดของใครทั้งนั้น ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา
ท้อป นายเป็นเพื่อนคนแรกของเรา
และเราจะเป็นเพื่อนกับนายตลอดไป”

ไม่.....ไม่นะ....โอ.......พระเจ้า........นี่มันอะไรกัน

T.B.tower




 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2550
2 comments
Last Update : 12 พฤษภาคม 2550 0:18:28 น.
Counter : 357 Pageviews.

 

สนุกดีเนอะต่างคนต่างคิด

 

โดย: เก๋ IP: 125.27.201.196 3 มิถุนายน 2550 12:28:43 น.  

 

555+

น่ารักดีเนาะ

พี่นัท มีมุมน่ารักแบบนี้ด้วยย ^________^

 

โดย: Mameaw ^^ IP: 222.123.213.243 12 กรกฎาคม 2552 21:55:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


T.B.tower
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีครับ
พ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอา อาม่า อาแปะ อากง อา.... อา.....(คิดไม่ออกแล้วล่ะ)
ถ้าว่างๆก็ช่วยอ่านที่แต่งไว้ด้วยนะครับ
อยากลองเขียนหนังสือดูน่ะครับ
ติชมได้ตามใจชอบ แต่ขอกันว่าอย่าหยาบคายนะครับ
Friends' blogs
[Add T.B.tower's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.