Group Blog
 
 
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
25 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมมะ

จ๊ะเอ๋!! หวัดดีค่ะ หายไปหลายวันเพราะ จขบ. ล่องหนไปเที่ยวมาค่ะ เที่ยวไหนละ? ดูจากคำขวัญประจำจังหวัดแล้วนี่ ถะ...ถะ...ถูกต้องนะคร๊าบบบบ

'จังหวัดสุราษฎร์ธานี' นี่เอง วันนี้จั่วหัวข้อฟังดูดีน่าจะมีข้อมูลเยอะใช่ไหมคะ แต่จริงๆ แล้ว เหอเหอ ไม่ใช่เลย เพราะฉะนั้นใครอยากไปเที่ยวสุราษฎร์ฯ อย่าหวังพึ่งข้าพเจ้าเพราะว่าไปแบบไม่รู้อะไรเลย (ใจง่ายหอบข้าวของตามเค้าไปซะงั๊น!!)

เริ่มที่วันแรกพอถึงปุ๊บ ไม่ได้หายใจหายคอค่ะ ถูกต้อนขึ้นรถไปแบบงงๆ เขาพาไปไหนก็ไปกับเขา (แตกแถวแล้วหลงแน่ๆ) เพราะฉะนั้นหลังจากแวะหม่ำข้าวและเขาก็พาไปดูงานที่โรงงานน้ำมันปาล์ม ฟังดูวิชาการใช่มั๊ยฮะๆๆๆๆ แน่นอน วิชาการจริงๆ ทีแรกก็ง่วงๆ แต่พอเขาให้ชมโรงงานในส่วนของการผลิต โอ๊ยยยย!!! กรี๊ด มีหมวกแข็งๆ แบบที่วิศวกรเขาใส่กันให้เราใส่ด้วย มันเท่ห์อ่ะค่ะ ก็เลยเดินหน้าเชิดเข้าไปแบบผึ่งผาย (ทนเหม็นน้ำมันได้ขอให้เท่ห์เป็นพอ) ได้ความรู้จากที่นี่เยอะเหมือนกันนะ รู้มาว่าประเทศไทยผลิตน้ำมันปาล์มได้เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากมาเลเซีย (47%) และอินโดนิเซีย (41%) ส่วนไทย (3%) ค่ะ แต่เนี่ยถือว่าเยอะแล้วนะ เพราะไนจีเรีย (2%) เท่านั้น และที่อื่นๆ รวมกัน 4% เปรี้ยวใจใช่ย่อยน่าไทยเรา และประเทศเราไม่นำเข้าน้ำมันปาล์มนะคะ เพราะว่าเงินรั่วไหลค่ะ รัฐบาลยอมไม่ได้ (แต่ส่งออกได้ ฮิฮิ)

ส่วนที่ต่อมาก็คือโรงงานผลิตไม้ยางพาราที่นี่บรรยายไฮโซค่ะ สถานที่ดี อาหารเริ่ด แต่โรงงานนี้ห้ามถ่ายรูป (สงสัยกลัวนำมาเผยแพร่) และไม่เท่ห์เพราะไม่มีหมวกให้ใส่แถมเป็นอันตรายถึงขนาดที่ต้องใช้ผ้าปิดจมูกเข้าไปในโรงงานเพราะฝุ่นละอองและเศษไม้มากมาย เดินทำสวยได้แป๊บเดียว จขบ. ก็ขอลา เพราะแสบหน้ายิบๆ ไปหมดเลย (อู๊ยยย!! ผิวบางจริงแม่คุณ) แถมเป็นอยู่คนเดียวเสียด้วย แต่หน้าตาข้าพเจ้าถึกสุดเลยนะ งื่อๆๆๆ โรงงานผลิตไม้ยางพารานี้แปรรูปผลิตภัณฑ์ไม้ทุกสิ่งอย่าง ทั้งไม้ฝา บันได เฟอร์นิเจอร์ ส่วนเครื่องจักรในการผลิตทุกชิ้นนำเข้าจากเยอรมนี (มิน่าเล่าถึงห้ามถ่ายรูป) แต่ปลวกมักจะชอบไม้ยางพาราเป็นพิเศษไม่ว่าจะผ่านกระบวนการผลิตอย่างดีสักแค่ไหน เพราะไม้ชนิดนี้ถึงแม้จะอบแห้งและอัดน้ำยาแล้วแต่ก็ยังมีความชื้นมากอยู่ ไม่สามารถดูดซับได้หมด ฉะนั้นปลวกตัวไหนที่กินไม้ยางพาราเป็นอาหารมักจะอ้วนท้วนน่ารักเป็นพิเศษ (เจ้าของโรงงานเขาว่างั๊น) ส่วนโปรแกรมสุดท้ายของวันคือการไปนมัสการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองซึ่งสวยมากและไปเที่ยวตลาดปีนัง (แต่ตลาดปีนังเป็นอย่างไร จขบ. ไม่มีบุญได้เห็น เพราะเขาตัดออกเสียดื้อๆ อดช็อปเลย วัยรุ่นเซ็ง!!)



วันที่สอง วันนี้โปรแกรมน่าสนใจมากมาย เริ่มตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาตกใจกับบรรยากาศหลังห้องพัก ชะอุ๋ย!! มันติดกับเขื่อน สวยมากๆ คือว่าเมื่อตอนมาถึงมันมืดๆ ไงคะ ก็เลยไม่เห็นอะไรเลย วันนี้ช่วงเช้าเขาพาล่องเรือชมทัศนียภาพของเขื่อน (จขบ. พักที่เขื่อนรัชชประภา) ก็อยากเห็นว่าไอ้ที่เห็นในรูปกับของจริงอ่ะ มันจะเหมือนกันไหม? โม้หรือเปล่า? ก็ลงเรือตามเขาไป (แอบไม่พอใจเล็กน้อยเพราะถูกบังคับให้นั่งข้างในต้องใส่ชูชีพแต่สุดท้ายก็เล็ดรอดออกมาได้ด้วยวิชามาร) เรือที่ลงไปนั้นเป็นเรือที่จุคนได้มากพอสมควรค่ะ ถ้ามาเป็นหมู่คณะจะใช้เรือแบบที่ จขบ. ได้นั่งไป แต่ก็มีเรือหางยาวด้วยสำหรับครอบครัวที่มากันน้อยๆ พอเรือแล่นไปก็คิดในใจไปว่า ธรรมชาติเนี่ยแหละมหัศจรรย์ที่สุดแล้ว ภูเขาลูกนั้นถูกปั้นมาได้ยังไงหนอ ลูกนี้ด้วย ลูกนั้นด้วย โอ๊ย!! เวียนหัวกับตัวเอง สรุป ดูรูปเลยดีกว่า บรรยายมากแล้วยัยนี่จะเพี้ยน




สายหมอกคลอเคลียยอดเขาภายในเขื่อนรัชชประภา
หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเขื่อนเชี่ยวหลาน
สถานที่ซึ่งได้รับสมญาว่าเป็น 'กุ้ยหลินเมืองไทย'





ถ่ายจากถนนด้านบน น้ำที่เห็นคือเขื่อนซึ่งลึกเข้าไปอีกมาก
ที่เห็นทางขวามือของภาพคือบ้านพัก



ตกบ่ายเขาก็พาไปชมสถานที่ซึ่งได้รับผลจากคลื่นยักษ์สึนามิ นั่งรถลงไปพังงานานมากๆ และเป็นภูเขาเวียนไปวนมา ข้าพเจ้าเลยชิงหลับเสียก่อนที่จะเมารถ ได้พบนายอำเภอตะกั่วป่า ท่านน่ารักดี มีมุขขำๆ และให้ความกรุณาเล่าถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น รวมถึงการช่วยเหลือของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

จากนั้นก็นั่งรถไปบ้านน้ำเค็ม (เคยเห็นแต่ในทีวี) คราวนี้เห็นของจริง บ้านที่สร้างเพื่อให้ประชาชนเสร็จแล้วบางส่วนและยังมีที่ดำเนินการสร้างอยู่อีก ดูเหมือนหมู่บ้านตุ๊กตาไปโดยบริยายเพราะบ้านรูปทรงเหมือนๆ กันและมีขนาดกระทัดรัดน่ารักแต่ก็ยังตั้งอยู่ละแวกเดิมไม่น้อย (อดคิดไม่ได้อีกว่าถ้าสึนามิมาอีกแล้วทำไงเนี่ย) จากนั้นก็ตะลอนไปเขาหลักทางน่าเวียนหัวมาก ขึ้นเขาลงเขาจนแทบอยากอัดยาแก้เมา ผ่านโรงแรมมีชื่อหลายแห่งเห็นแล้วน่าเศร้าใจเหมือนกัน เพราะคิดถึงเจ้าของโรงแรมที่ต้องสูญเสียทรัพย์สินมหาศาลแต่ก็มีบางแห่งที่ซ่อมกันอยู่อย่างขะมักขะเม้น (แล้วเขาไม่กลัวสีนามิอีกหรือไงนะ? ขี้สงสัยจริงยัยนี่) และที่เขาหลักนี่เอง ข้าพเจ้าเกือบเอาชีวิตไปสังเวยร่วมกับเขาเสียแล้วเพราะอยากไฮโซได้ถ่ายภาพมุมสูงของหาดที่เกิดเหตุซึ่งเป็นมุมเดียวกับที่ภาพข่าวเขาถ่ายทำกันก็เลยปีนไอ้ปูนที่เขากั้นไว้ข้างทาง (ถัดจากปูนไปก็เหวล่ะค่ะ) พอยืนได้ปุ๊บไอ้คนช่วยฉุดข้าพเจ้าขึ้นไปก็โดดตุ๊บลงถนนเดินจากไป ทิ้งให้คนที่ถูกฉุดยืนหน้าตาดี (แบบงงๆ) เสียหลักเกือบจะตีลังกาเกลียวลงเขาไป ดีที่อุตส่าห์คว้าเสาไฟฟ้าเอาไว้ได้ มิฉะนั้นบล๊อกนี้อาจจะร้างแบบที่ จขบ. เองก็ไม่ทันตั้งตัว ส่วนภาพ...อย่าถามหาค่ะ ไม่ได้หรอก เพราะว่าใบตองมันโผล่มาบังมิดหมดเลย อด!!


ตัดภาพกลับมาที่เขื่อน ฉับ!!

วันที่สาม (วันสุดท้าย) วันนี้ตื่นแต่เช้าตรู่ โปรแกรมพิเศษที่ข้าพเจ้าสนใจเป็นพิเศษ

เจ้าหน้าที่ของเขื่อนพาชมโรงงานผลิตไฟฟ้าภายในเขื่อน (โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนรัชชประภา) ซึ่งต้องนั่งรถจากที่พักขึ้นเขาไปอีกลึกมากแต่พอไปถึงก็ชอบมาก คือมันดูวิชาการดีอ่ะ ได้ฟังบรรยายมากมายแต่จำได้น้อยมาก (ตามเคย) วิศวกรพาชาวคณะลงไปชมกระบวนการผลิต ได้ถ่ายรูปภายในมาด้วย (แต่ของดไม่ลงภาพ เพราะไม่อยากนำภาพภายในมาเผยแพร่ค่ะ) กระบวนการผลิตดูซับซ้อนยุ่งยากดีพิลึก มิน่า วิศวกรถึงดูหน้าตาฉลาดกว่าเราโขอยู่ และอย่าถามถึงตัวเลขปริมาณนู่นนี่ของเขื่อนนะคะ จำบ่ได้ค่ะ สารภาพว่าจำได้อย่างเดียว คือ ปริมาณน้ำที่เขื่อนจุได้ 5,639 ล้าน ลูกบาศก์เมตร (หน่วยนี้มีป่ะ เขาเขียนว่า ม. ยกกำลัง 3 อ่ะค่ะ)

แล้วเขาก็พามุดดินลงไปหลายชั้นดูเครื่องจักรมากมาย ทำให้นึกถึงในหนังฝรั่งเวลาหนีตายกันในท่ออะไรที่มันประหลาดๆ หุหุ พอขากลับก็พาพวกเราขึ้นลิฟท์ (แล้วทำไมตอนลงไม่พาลงลิฟท์ล่ะคะพี่ ให้หนูเดินรองเท้าโขกบันไดเหล็กโป๊กๆ ดังสนั่นไปทั่ว) ตอนนี้เองที่ข้าพเจ้าเริ่มอินกับเขื่อนเป็นพิเศษ อยากเข้าไปทำงานอยู่ที่นั่นอ่ะ มันดูเหมือนโลกน่ารักใบเล็กๆ (อย่ามาทำเป็นติสท์แตกนะเธอ!!) นั่นแหละค่ะ ข้าพเจ้าไปตีซี๊กับแม่ครัวล้วงข้อมูลความเป็นอยู่กะล่อยกะหลิบได้มาเล็กน้อย ฮิฮิ สำหรับภาพภายนอกโรงงานนะคะ




โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนรัชชประภา





ภาพถ่ายมุมสูงของสถานที่ภายนอก
ที่เห็นเป็นรั้วลิบๆ นั่นคือเขตไฟฟ้าแรงสูง



จบจากภาคเช้าพวกเราชาวคณะก็ออกจากเขื่อนเพื่อลงเรือล่องแม่น้ำตาปี ซึ่งเป็นแม่น้ำสำคัญของชาวสุราษฎร์ ฝั่งซ้ายมือมีเกาะกลางน้ำเยอะและใหญ่มากๆ เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าแม่น้ำจะใหญ่มากแค่ไหน ถ้าออกปากอ่าวก็ไปได้ถึงเกาะสมุยแน่ะค่ะ (แอบถามเขามาอีกที) ส่วนฝั่งตัวเมืองมีแต่โรงงานน้ำมันเต็มไปหมด ดูท่าทางกิจการจะดีเสียด้วย (เริ่มอยากทำโรงงานน้ำมันมั่งแล้ว แต่สงสัยจะต้องใช้ทุนสูง ง่า...าาา)

(โปรแกรมนี้ข้าพเจ้าเนียนสาหร่ายมาได้ฟรี 2 ซอง จากของที่เขานำมาเลี้ยง ส่วนอย่างอื่นก็จัดการเสกเข้ากระเพาะไปเรียบร้อย อิ่มแปร้!! น่าเกลียดค่ะ รู้ตัว หุหุ)

จบด้วยการไปนมัสการที่วัดบรมธาตุไชยาวรวิหารและนั่งรถชมบรรยากาศอีกเล็กน้อย (ได้แวะที่ตลาดผ้าไหมพุมเรียง ขอบอกว่าของน้อยจริงๆ หาซื้อของแทบไม่ได้เลย อุตส่าห์วาดวิมานเสียเริ่ดว่าจะต้องมีของเยอะแน่นอน หรือเราจะมาเย็นไปจนตลาดวายไปหมดก็ไม่รู้นะ 'รมณ์เสียเล็กน้อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้แวะค่ะ)


สุดท้ายก็โกอินเตอร์กลับบ้านเรารักรออยู่ค่ะ บ๊ายบายนะจ๊ะเมืองร้อยเกาะฯ ถ้าถ้ามีเวลาและทุนรอน จะแวะไปใหม่นะ




ปล. ทริปนี้มีฝรั่งมาเอี่ยวในชีวิตหลายรอบมากค่ะ เริ่มที่วันแรกก่อนออกเดินทาง จขบ. ไปนั่นทำกิ๊บเก๋จิบกาแฟรอฤกษ์ ก็มีฝรั่งหนุ่มหน้าตาดีเดินเข้ามาแล้วก็ถามอะไรข้าพเจ้าสักอย่างแต่ไม่ได้ยินค่ะ (ตอนนั้นใจลอยหายไปในอากาศ) พอเขาถามซ้ำข้าพเจ้าก็สะดุ้งโลด ไม่ได้ยินหรอกว่าเขาถามว่าอะไร ได้ยินเหมือนเสียงแมลงหวี่มาร้องหงิงๆ ข้างๆ หู แต่ที่สามารถรู้ได้ว่าเขาพยายามจะสื่ออะไรก็เพราะมือเขาจับพนักเก้าอี้และดึงมันนิดๆ เป็นเชิงว่าขอ เออ...จะเอาว่างั๊น

ข้าพเจ้าก็เลยพยักเพยิดเป็นทำนอง 'เอาไปเห๊อะ' ตัดปัญหาด้วยการตัดบทป้องกันการหน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บเพราะภาษาอังกฤษอ่อนแอเข้าขั้นโคม่า ทั้งที่ความจริงพี่สาวข้าพเจ้าไปเข้าห้องน้ำ กลับมาไม่มีที่นั่งมันบ่นเคียดแค้นใหญ่เลย สมหน้ำหน้า แบร่ๆๆๆ



อีกคน 'ไบรอัน' หนุ่มชาวอเมริกันที่บ้าไมค์สุดชีวิต คนนี้เป็นเพื่อนร่วมทริปตลอด 3 วัน และเป็นชาวต่างชาติคนเดียวในหมู่เหล่าชาวเรา เห็นเซอร์ๆ งั๊นเถอะ สืบไปสืบมาพ่อเจ้าประคุณเป็นอัยการที่มาช่วยงานที่สถานฑูตในไทยเชียวนะ สงสัยจะอยู่มานานพอสมควรเพราะพูดไทยได้หลายคำแต่เพื่อความปลอดภัยแล้วข้าพเจ้าขออยู่ห่างๆ จะดีกว่า

เพราะฉะนั้นยามใดที่ตานี่พยายามจะมาเสวนาด้วยตามประสาคนไมตรีจิตดีที่คุยกับเขาไปทั่วได้บ้างไม่ได้บ้างก็เถอะ มาป๊ะหน้ากับข้าพเจ้าเมื่อไหร่พี่แกจะทำหน้าก่งก๊งสุดฤทธิ์ว่านังกระเหรี่ยงตกดอยนี่ทำไมหยิ่งนัก (ครั้งหนึ่งที่อาผู้ร่วมทริปชวน จขบ. ไปนั่งกินอาหารด้วยกัน พอ จขบ. มองไปเจอตาไบรอันนี่เท่านั้นแหละ แหะแหะ ยิ้มแห้งๆ แล้วขอบายทันที อาภาษาอังกฤษแข็งแรงตามสบายเถอะค่ะ หนูขอตัวไปหลุบมุมกินเงียบๆ ตามประสาหนูนะคะ)

และขอบอกว่าไบรอันแน่มาก ร้องเพลงไทยได้ไม่ผิดเพี้ยน เนียนสุดๆ วันแรกประเดิมด้วย 'อมพระมาพูด' วันต่อมา 'คุณรู้ไหมครับ' และ 'คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...' ขอบอกว่าเก่งมากๆ ไม่ผิดสักคำ ไม่เพี้ยนจังหวะทำนองเลยด้วย แต่สำเนียงแปร่งจาก 'สวย เป็น ซวย' นิดหน่อย พอหยวนๆ น่า วงในบอกมาว่าตอนไปกาญจนบุรีตานี่จับไมค์ได้ไม่ยอมปล่อยเลย หุหุ เอากะเขาสิ และฝั่งไทยแลนด์แดนเราไม่น้อยหน้าค่ะ ส่งท่านเอลวิสขึ้นประชันขันแข่งเรียกเสียงกรี๊ดสลบ เพราะนอกจากท่านจะสมาร์ทหาใดเปรียบแล้วเสียงยังทุ่มนุ่มน่าฟัง 2 เพลงรวดด้วยเพลงช้าสุดโรแมนติกและเพลงเร็วมันส์สุดเหวี่ยง (คุณนายท่านแอบนั่งอมยิ้มด้วยละ) ท่านจะรู้ไหมเนี่ยว่าข้าพเจ้าประทับใจท่านสุดๆ เจอกันกี่ทีท่านก็เอลวิสทุกทีจนขาพเจ้าแอบเรียกท่านว่า 'ท่านเอลวิส' ถ้าท่านรู้อย่าโกรธหนูนะคะ ฮิฮิ

ปล. ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพและมานั่งอัพบล๊อกจนดึก มิฉะนั้นมันจะลงแดงตายเสียก่อน



Create Date : 25 กันยายน 2548
Last Update : 24 ตุลาคม 2549 18:34:27 น. 29 comments
Counter : 1375 Pageviews.

 
อิจฉาจังเจ้าเนตเอ้ย

แหม ไปเที่ยวไม่ชวนกันมั่งเลยนะ อิๆ


โดย: wari ^ - ^ลินลา น่ารักจัง วันที่: 26 กันยายน 2548 เวลา:10:05:10 น.  

 
โครตยาวอะ ใช้เวลาพิมพ์กี่ชมยะ นี่กะจะยั่วให้คนที่ไม่ได้ไปไหนอยากยิ่งกว่าเดิมใช่ปะ


โดย: มินต์เองแหละ IP: 61.91.176.51 วันที่: 26 กันยายน 2548 เวลา:12:51:05 น.  

 
อยากไปสมุยง่ะ

แหะๆ ตัดบรรทัดหน่อยก็ดีเน้อ ปวดตาง่ะ


โดย: สายลมโชยเอื่อย วันที่: 26 กันยายน 2548 เวลา:16:38:25 น.  

 
นั่งอ่านอยู่ เอ ยังไม่เห็นมีเรื่องหอยใหญ่ซักกะที


โดย: mungkood วันที่: 26 กันยายน 2548 เวลา:18:30:54 น.  

 

เขียนยาว...เล่าละเอียด..

แบบกะว่าคนไม่ได้ไปให้อิจฉาตายไปเลยนะเนี่ย..

กระซิกๆๆๆ

T^T



โดย: p_jung IP: 61.47.111.7 วันที่: 26 กันยายน 2548 เวลา:18:44:29 น.  

 
ฮ่า...ของฝาก (ขานี้ไม่สนอะไรขอแต่ของฝากลูกเดียว เหอเหอ...)

ขอบคุณที่ช่วยเก็บข้อมูลมาให้ ไว้จะขอเพิ่มอีกทีหลังนะ ก๊าก

ปล. เว้นบรรทัดจะดีมากนะ อย่างนี้มันทำให้ตาลายได้ง่ะ


โดย: คีตภา วันที่: 26 กันยายน 2548 เวลา:19:30:31 น.  

 
ไปบ่อยค่ะ สุราษฏร์ธานี อยู่ใกล้ๆ ยังมีอีกหลายที่เลยค่ะที่น่าเที่ยว


โดย: MDA วันที่: 26 กันยายน 2548 เวลา:21:36:05 น.  

 
คุณ wari ^ - ^ลินลา น่ารักจัง :::: อ่ะนะพี่วาริ ถ้าชวนนี่จะไปด้วยเลยใช่มะ โฮ่ๆๆๆ

คุณ มินต์เองแหละ :::: ก็นานอ่ะ อย่างนานเลย พิมพ์จนง่วงง่า 555+

คุณ สายลมโชยเอื่อย :::: ยังไม่เคยไปสมุยเหมือนกานนนน ขอบคุณค่า เดี๋ยวคราวหลังจะตัดบรรทัดนะ

คุณ mungkood :::: หอยใหญ่ ได้แค่เห็นค่ะ ไม่สามารถกินได้เพราะแพ้มัน ฮิฮิ (บอกแล้วไงว่าจั่วหัวให้ดูดี ก๊ากๆๆๆ) ปล. เงาะอร่อย จขบ. ก็ไม่เห็นสักลูก เห็นแต่ลองกองตรึมเลย

คุณ p_jung :::: นี่ยัไม่ละเอียดนะคะขอบอก ขาดโปรแกรมเล็กๆ น้อยๆ ไปตั้งเยอะแน่ะ

คุณ คีตภา :::: ชะเอิงเงย มีเปลือกหอยมาฝากกกกก ล้อเล่นๆๆๆ ส่วนเรื่องข้อมูล บอกแล้วไงว่าไปและกลับแบบไม่รู้อะไรเลย เสียใจด้วย โฮ่ๆๆๆ มีหน้าที่ไป ถ่ายรูป กิน และนอน จ้า

คุณ MDA :::: จขบ. เพิ่งไปหนแรกเองค่ะ ฮิฮิ แต่ก็อยากไปอีกนะ


โดย: นภันตรา วันที่: 27 กันยายน 2548 เวลา:11:01:25 น.  

 
ชอบอาหารทะเลที่สุราษฏร์ค่ะร้านอาหารแพริมน้ำ สดดีค่ะ ราคาไม่แพง


โดย: พลอยสีรุ้ง วันที่: 27 กันยายน 2548 เวลา:11:50:27 น.  

 
คุณ พลอยสีรุ้ง :::: ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ ไปคราวนี้เจออาหารทะเลแทบทุกมื้อเลย อิอิ มารอดเอามื้อสุดท้ายที่ได้กินอาหารพื้นบ้านของชาวใต้ อร่อยเหาะ


โดย: นภันตรา วันที่: 27 กันยายน 2548 เวลา:19:06:57 น.  

 


โดย: โสมรัศมี วันที่: 27 กันยายน 2548 เวลา:19:10:20 น.  

 



ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ



โดย: หนี่หนีหนี้ วันที่: 27 กันยายน 2548 เวลา:19:21:05 น.  

 
คุณ โสมรัศมี :::: สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่แวะมา

คุณ หนี่หนีหนี้ :::: ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ


โดย: นภันตรา วันที่: 27 กันยายน 2548 เวลา:22:40:35 น.  

 
รูปแรกสวยมากเลยค่ะ อยากเห็นจัง


โดย: Beebie วันที่: 27 กันยายน 2548 เวลา:23:37:52 น.  

 
สอบเสร็จสัญญาว่าจะมาอ่านค่ะ

ว่าแต่ว่าเคยไปแต่กุ้ยหลินจีนน่ะ ต้องหาโอกาสไปกุ้ยหลินไทยให้ได้


โดย: gluhp วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:0:04:04 น.  

 
แวะมาดูรูปจ้า


โดย: Bluejade วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:7:32:41 น.  

 
คุณ Beebie :::: ชอบรูปแรกเหมือนกันค่ะ ไม่รู้ธรรมชาติสร้างมาได้ยังไงเนอะ

คุณ gluhp :::: กุ้ยหลินจีนสวยไหมคะ อยากไปมั่งจัง อิอิ อย่าลืมแวะมาอ่านน๊า ขอให้โชคดี(เอ)ในการสอบค่ะ


โดย: นภันตรา วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:12:25:33 น.  

 
อ่ะนะคนเรา มือไวใจเร็วกด Submit ไปได้ ยังตอบไม่หมดเลย งืมๆๆๆ

คุณ Bluejade :::: หวัดดีค่ะ เจอกันอีกแล้วนะ


โดย: นภันตรา วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:12:27:30 น.  

 
ตามไปเที่ยวด้วย เคยไปนอนที่นั่นด้วยค่ะ เช้ามาลงเรือหางยาว (น่าจะใช่นะ) ไปชมบรรยากาศ สวยดีจัง .... อยากไปอีกทีนะ


โดย: หนูชล วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:14:12:48 น.  

 
มารอ เผื่อฟลุ้คเจอหอยใหญ่ในบล็อคนี้


โดย: mungkood วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:19:09:39 น.  

 
งุงุ เข้าblog ใครๆ ก็มีแต่ไปเที่ยวอิจฉาจริงๆเลย

ไม่ได้เที่ยวนานแล้วคะ วันนี้ไปเดินเยาวราชมา เมื่อยมากคะ

ฝันดีนะคะ



โดย: โลกส่วนตัว วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:20:06:23 น.  

 
คุณ หนูชล :::: แม่นแล้วค่ะ มีเรือหางยาวด้วย น้ำใสปิ๊งๆ จนเห็นปลาเลยนะ...พูดแล้วอยากไปอีกเหมือนกัน

คุณ mungkood :::: ไหนๆ ก็ไหนๆ จัดหอย(นางรม)ใหญ่ๆ ให้คุณมังคุดดีก่า (รูปจะติดป่าวเนี่ย ไม่มันใจเลย)

//www.pantown.com/data/10764/board1/334-20050928232911.jpg

อาหารภาคบังคับค่ะ หอย ปู กุ้ง ปลา กลับมา นน. ไม่ยักขึ้นแหะ เพราะเราเอาแต่เล็ม

คุณ โลกส่วนตัว :::: หวัดดียามดึกค่ะ ไปเยาวราชมาเหรอ อยากไปมั่งง่ะ ไม่อยากจะบอกให้อายว่ายังไม่เคยไปกะเค้าเลยเยาวราชเนี่ยค่ะ อิอิ


โดย: นภันตรา วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:23:35:26 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปบล๊อกผมเด้อ


โดย: Bluejade วันที่: 29 กันยายน 2548 เวลา:6:31:10 น.  

 
มาส่งยิ้มก่อนนอนค่ะ


โดย: โสมรัศมี วันที่: 29 กันยายน 2548 เวลา:19:53:45 น.  

 
คุณ Bluejade :::: ขอบคุณที่แวะมาเช่นกันค่ะ

คุณ โสมรัศมี :::: นอนแต่หัวค่ำเลยเหรอคะ ฝันดีน๊า ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะคะ


โดย: นภันตรา วันที่: 29 กันยายน 2548 เวลา:20:07:20 น.  

 
ถ้าชวนละก็ไม่แน่น้า เพราะพี่เป็นคนใจง่าย เหอๆ

แวะมาบอกว่าวันนี้วันเกิดเพื่อนพี่ เอ เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย ฮี่ๆ


โดย: wari ^ - ^ลินลา น่ารักจัง วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:9:16:27 น.  

 
อ่า .. อยากไปเที่ยวมั่งจังเลย >_<

ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะคะ


โดย: poynune วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:11:39:10 น.  

 
คุณ wari ^ - ^ลินลา น่ารักจัง :::: คนใจง่าย!!! ซะงั๊นน่ะพี่ วันนี้วันเกิดเพื่นพี่วาริ จะไปฉลองกันอ่ะสิ ใช่ป่ะๆๆๆ

คุณ poynune :::: ถ้าว่าง ก็เก็บกระเป๋าที่ยวโลดเลยค่ะ ถือโอกาสพักผ่อน ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ


โดย: นภันตรา วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:14:56:34 น.  

 
โอย มาหน้านี้ หน้ามืดตามัวไปหมดเลย

อ่านไม่ค่อยเห็นน่ะ



โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 13 ตุลาคม 2548 เวลา:13:49:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นภันตรา
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




~* เน็ต (เน็ตตาลี เกลโบวา) คือสตรีไทยที่ใฝ่ฝันจะเป็นลูกครึ่ง มีความฝันเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่คือการได้เป็นนางงามจักรวาลเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้แก่โลกใบน้อยใบนี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ *~
Friends' blogs
[Add นภันตรา's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.