|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
30 ธันวาคม 2550
|
|
|
|
วิเคราะห์ระบบป้องันภัยทางอากาศแบบเอส-300แบบถึงแก่น ตอนที่3
Almaz S-300PS/PM / SA-10B Grumble B Самоходный Зенитный Ракетный Комплекс С-300ПС/ПM อัลมาส เอส-300 พีเอส/พีเอ็ม/เอสเอ-10บี กรัมเบิ้ล บี ในขณะที่ทางฝั่งอเมริกา มีการพัฒนาทางสงครามอิเล็กทรอนิคส์และการกดดันระบบป้องกันภัยทางอากาศมากขึ้น อย่าง EF-111A ราเวน และ F-4G ไวลด์วีเซิล เป็นสิ่งกระตุ้นให้มีการพัฒนาระบบเอส-300พีทีเดิม ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อต่อกรกับบ.ข้างต้น ในปี1982 กองกำลังป้องกันภัยทางอากาศของสหภาพโซเวียต ได้เปิดตัวระบบเอส-300พีทีรุ่นปรับปรุง ซึ่งเป็นระบบอัตตาจรเต็มตัว ในชื่อ S-300PS (P- PVO, S - Samochodnyy/อัตตาจร) นาโต้เรียกมันว่า เอสเอ-10บี กรัมเบิ้ลบี
30N6 Flap Lid B
5P85SU TEL
S-300PS ได้นำเอาเรดาร์แบบ30N6 แฟลปลิดและแท่นยิงแบบ5P85 ย้ายจากรถพ่วง มาติดตั้งบนรถบรรทุกแบบ MAZ-7910 ซึ่งทำให้แท่นยิงสามารถพร้อมยิงได้ใน5นาที และสามารถหลบหนีจากเครื่องบินไวลด์วีเซิลของสหรัฐฯได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังได้นำลูกจรวดแบบใหม่ ที่พัฒนาจากแบบ5V55 2แบบ ได้แก่ 5V55KD และ 5V55R ซึ่งมีระยะยิง 29และ 56ไมล์ทะเลตามลำดับ ซึ่งนำวิถีด้วยระบบ TVM(Track-Via-Missiles:ติดตามผ่านมิสไซล์ หมายถึง ในลูกจรวดมีภาครับเรดาร์อยู่ จะรับสัญญาณเรดาร์จากเรดาร์ควบคุมการยิง และวิ่งเข้าหาตามเป้าหมายที่เรดาร์ภาคพื้นล็อคไว้ แต่ลูกจรวดจะไม่สามารถควบคุมทิศทางเป้าหมายได้เอง ลูกจรวดจะส่งข้อมูลของเป้าที่ลูกจรวดเองจับได้ส่งกลับมายังภาคพื้นดินผ่านทางดาต้าลิงค์ และ ทางภาคพื้นดินจะเป็นคนกำหนดเส้นทางการบินของจรวดตลอดเวลา ซึ่งมีข้อได้เปรียบคือ รบกวนได้ยาก ข้อมูลของเป้าหมายเช่นความเร็ว ทิศทาง ความสูงของเป้าหมายจะแม่นยำมากกว่าข้อมูลที่เรดาร์จากภาคพื้นได้รับเพราะภาครับของลูกจรวดนั้นอยู่ใกล้กว่าทางภาคพื้นดินนั่นเอง อีกทั้งการคำนวณจากคอมพิวเตอร์ของภาคพื้นดิน ทำให้ลูกจรวด ฉลาดมากขึ้นเนื่องจากไม่โดนจำกัดด้วยขนาดเหมือนคอมพิวเตอร์ในลูกจรวด อีกทั้งยังได้เปรียบกว่าระบบแอคทีฟโฮมมิ่งเนื่องจากเรดาร์ภาคพื้น ทนต่อชาฟฟ์/แจมเมอร์ ได้มากกว่าเรดาร์ในลูกจรวดอีกด้วย ผู้แปล)
วิธีการนำวิถีต่างจากเดิมจึงต้องการเรดาร์แบบใหม่ เพราะฉะนั้นจึงมีการปรับปรุงเรดาร์แฟลปลิด เป็นรุ่น บี ซึ่งเปลี่ยนจากเรดาร์ควบคุมการยิง(engagement radar)เป็นเรดาร์กำหนดเป้าหมายและนำวิถี Radiolokator Podsvieta i Navedeniya (RPN - Illumination and Guidance Radar) ซึ่งเรดาร์แฟลปลิดบี สามารถต่อตีเป้าหมายได้พร้อมกัน6เป้าหมาย นำวิถีจรวดได้2ลูกต่อ1เป้าหมาย ในมุม90องศาด้านหน้าเรดาร์ ซึ่งเทียบได้กับเรดาร์แบบSPY-1 Aegis
5P85DU TEL
นอกจากการปรับปรุงด้านเรดาร์และลูกจรวดแล้ว ตัวแท่นยิงก็มีการปรับปรุงเช่นกัน โดยรถบรรทุกแบบ MAZ-7910 ได้รับการดัดแปลงเพื่อเป็นแท่นยิง ซึ่งมี2รุ่นคือ 5P85S ซึ่งมีเคบินเก็บของขนาดใหญ่และ 5P85D ซึ่งเป็นรถเสริมทำหน้าที่เป็นแท่นยิงหรือรถบรรทุกลูกจรวดสำรอง ทั้งคู่ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าแบบ5S18/19 และรถบัญชาการเคลื่อนที่แบบ54K6 ทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานรถบรรทุกแบบMAZ-7910 เหมือนกัน ใน1กองร้อยของเอส-300พีเอส จะประกอบไปด้วย แท่ยิงเคลื่อนที่แบบ 5P85S 1คัน แท่นยิงเคลื่อนที่/รถบรรทุกจรวดแบบ 5P85D 2คัน และรถเรดาร์เคลื่อนที่แบบ5N63S ติดตั้งเรดาร์30N6 Flap Lid B 1คัน
ทั้งหมดทั้งปวงนี้ทำให้ระบบเอส-300พีเอส มีขีดความสามารถเทียบเท่าระบบMIM-104แพทริออตทุกด้าน แต่ได้เปรียบตรงที่ อ่อนตัวมากกว่า เคลื่อนที่ได้ดีกว่า และมีความสามารถในการต่อต้านเป้าหมายที่บินต่ำได้ดีกว่าโดยใช้เรดาร์แบบ ทินชิลด์ และแคลมเชลล์ติดตั้งบนเสาแบบพับเก็บได้
Create Date : 30 ธันวาคม 2550 |
|
3 comments |
Last Update : 30 ธันวาคม 2550 19:49:16 น. |
Counter : 1286 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: icy_CMU 30 ธันวาคม 2550 21:59:47 น. |
|
|
|
| |
|
|
icy_CMU |
|
|
|
|
คุณพี่ไม่สบายตัวร้อนหรือเปล่าค่ะ เป็นอะไรมากป่าว
ปีใหม่จะมีญาติเก่ามาหามีพระ (พะ โล้) ยังค่ะพี่ จะได้อุ่นใจ
เนี๊ยะ ๆ ที่ถามนะเป็นห่วงนะ คริ คริ