Group Blog
กล้วยไม้ในป่าไทย
Thai native orchid profiles
โลกสีเขียว
ถอดความ
GMOs
เล่าเรื่องจากภาพถ่าย
Portfolio
Film addicted
Half frame
เรื่องเมืองไทย
ขายกลัวยไม้
<<
กรกฏาคม 2549
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
22 กรกฏาคม 2549
กล้วยไม้ ... ไม่น่าเลี้ยง (ตอนที่ 2)
All Blogs
กล้วยไม้พันธุ์แท้ดอกหอม (ตอนที่ 2)
กล้วยไม้พันธุ์แท้ดอกหอม (ตอนที่ 1)
ทิ้งใบ ให้ดอก
กล้วยไม้พันธุ์แท้ของไทยที่มีบทบาทต่อการทำลูกผสม (ตอนที่ 2)
กล้วยไม้พันธุ์แท้ของไทยที่มีบทบาทต่อการทำลูกผสม (ตอนที่ 1)
กล้วยไม้ในสวนยาง (ตอนที่ 2)
กล้วยไม้ในสวนยาง (ตอนที่ 1)
บานเดี๋ยวเดียวก็เหี่ยวเสียแล้ว
ถิ่นอาศัยของกะเรกะร่อนในธรรมชาติ
สำรวจกล้วยไม้กับชายบ้าหม้อ (ข้าวหม้อแกงลิง) ตอน 2
สำรวจกล้วยไม้กับชายบ้าหม้อ (ข้าวหม้อแกงลิง) ตอน 1
สิงโตในรังเพลิง
กล้วยไม้ในป่าชุ่มน้ำ
ลุยโคลน .. ดูสิงโตอาบน้ำ
กล้วยไม้ ... ไม่น่าเลี้ยง (ตอนที่ 3)
กล้วยไม้ ... ไม่น่าเลี้ยง (ตอนที่ 2)
กล้วยไม้ ... ไม่น่าเลี้ยง (ตอนที่ 1)
ตะเข็บไทย .... ตะเข็บไพร
เลาะริมน้ำ ... ตามหาฉัททันต์
ตามรอยหมูป่า หาก่อ เฟิน และกล้วยไม้
ม. ม้า เงื่องหงอย
เขา ฒ.ผู้เฒ่า
มุดถ้ำ ... หาน้ำทอง
ดูเหลืองกาญจน์ที่ป่าไทรโยค
กล้วยไม้ป่าภาคใต้
จากหาดทรายขาว ... สู่ตะนาวศรี
กะเรกะร่อนกับต้นตาล
กล้วยไม้ ... ไม่น่าเลี้ยง (ตอนที่ 2)
ในธรรมชาติ เรามักพบช้างงาเดียว
(Thunia alba)
ในป่าระดับสูงที่มีแสงแดดส่องถึง ถึงแม้ว่ากล้วยไม้ชนิดนี้ชอบแสงมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันชอบอุณหภูมิสูง การจัดการสภาพแวดล้อมให้มีแสงมากเพียงพอ โดยอุณหภูมิต่ำและความชื้นสัมพัทธ์สูงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปัจจัยทั้ง 3 ตัวที่กล่าวถึงจะแปรผันตามและผกผันกันเสมอ คือเมื่อไรที่ความเข้มแสงมาก อุณหภูมิจะสูงตามและความชื้นในอากาศจะลดลงอย่างรวดเร็ว หลายครั้งพบว่าช้างงาเดียวที่นำมาปลูกในที่ราบจะทิ้งใบในช่วงต้นฤดูหนาวและไม่แตกใบใหม่ในช่วงต้นฤดูฝนเหมือนในธรรมชาติ หรือไม่ก็จะเน่าที่โคนลำในช่วงต้นฤดูฝนแล้วตายไปเลย
การปลูกกล้วยไม้ที่มีหัวใต้ดินบางตัวก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เกือบทั้งหมดของกล้วยไม้ดินจะมีช่วงการพักตัวซึ่งโดยส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงฤดูหนาว หลังจากออกดอกแล้วกล้วยไม้จะค่อยๆ ทิ้งใบเพื่อรักษาพลังงานเก็บไว้ใช้ในปีถัดไป เหมือนกับการจำศีล ถึงแม้ว่าหัวกล้วยไม้นั้นอยู่ใต้ผิวดิน แต่กิจกรรมทางเคมีในระดับเซลยังมีการดำเนินอยู่ แม้ไม่มากเท่าช่วงฤดูฝนแต่ก็ยังควรจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมด้วย ตั้งแต่เครื่องปลูกที่ควรร่วนซุยและสะอาด การปลูกกล้วยไม้กลุ่มนี้จึงควรผสมทรายน้ำจืดที่สะอาด ขี้เถ้าแกลบ หรืออิฐมอญละเอียดเพื่อช่วยในการระบายน้ำ ในฤดูหนาวที่หัวกล้วยไม้กำลังพักตัวอยู่นั้น ควรลด (ไม่ใช่งด) การให้น้ำและแยกกระถางออกไปไว้ในที่รำไร หลายท่านอาจกังวลว่ากล้วยไม้ทิ้งใบจะสังเคราะห์แสงได้อย่างไร จึงยังรดน้ำตามปกติ ผลที่สุดแล้วหัวที่อยู่ใต้ดินจะเน่าและอำลาโลกอย่างถาวรไปเลย กล้วยไม้ดินที่มีลักษณะลำต้นทอดยาวไปตามผิวดิน เช่นสกุล Ludisia และ Anoetochilus ก็ควรต้องหมั่นเปลี่ยนเครื่องปลูกด้วยเช่นกัน แต่เครื่องปลูกที่มีสัดส่วยอินทรียวัตถุสูงก็มักจะอุ้มน้ำดีทำให้เน่าได้ง่าย ความจริงกล้วยไม้ทั้ง 2 สกุลไม่ชอบความแฉะในเครื่องปลูก แต่ต้องการความชื้นสัมพัทธ์ที่สูงมากกว่า และจะไม่ทิ้งใบเหมือนกล้วยไม้ดินประเภทหัว ในช่วงต้นฤดูฝนหากกล้วยไม้ทิ้งใบมากเกินไปจนเหลือแต่ลำต้นยาวๆ ก็อาจใช้มีดสะอาดตัดเป็นท่อนๆ แล้วชำลงในเครื่องปลูกใหม่ก็ได้
กล้วยไม้พันธุ์แท้ในสกุลหวาย (Dendrobium) มีลักษณะการเจริญเติบโตในธรรมชาติที่หลากหลาย ในทุกภูมิภาคของประเทศ มีกล้วยไม้หลายชนิดพันธุ์ในสกุลนี้ที่เลี้ยงได้ไม่ง่ายนัก ตัวอย่างเช่น เอื้องปากนกแก้ว
(Dendrobium cruentum)
ที่เก็บมาจากป่า เมื่อนำมาเลี้ยงในสภาพเมืองโดยไม่ผ่านขั้นตอนการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ทีละน้อย (Hardening) ส่วนใหญ่จะค่อยๆ แห้งตาย เพราะสภาพธรรมชาติของกล้วยไม้ชนิดนี้อยู่ในป่าที่สมบูรณ์มาก เมื่อเก็บลงมาเลี้ยงจะปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ไม่ค่อยได้ แต่ถ้าเป็นต้นที่มาจากการเพาะเมล็ดในห้องปฏิบัติการหรือนำไปเป็นคู่ผสมกับชนิดพันธุ์อื่นจะเลี้ยงง่ายกว่ามาก มีคนเคยบอกทีเด็ดให้ฟังว่า การเกาะเอื้องปากนกแก้วบนต้นไม้เป็นจะมีโอกาสรอดกว่าเกาะเป็นแผ่นไม้ที่ตายแล้วหรือปลูกเลี้ยงในกระถาง ..... ควรรับฟังไว้เสียหน่อยไม่เสียหาย หวายปม
(Dendrobium pendulum)
เป็นอีกตัวหนึ่งที่เลี้ยงยากติดอันดับ การปลูกเลี้ยงที่ประสบความสำเร็จนิยมเกาะกับไม้และแขวนในที่ชื้นและแสงรำไร เมื่อรากเดินแล้วก็ยังคงต้องประคบประหงมเรื่องสภาพแสงและความชื้นอยู่ ปัญหาที่พบบ่อยคือรากใหม่ไม่เดิน ลำลูกกล้วยจะค่อยๆ เหี่ยวแห้งลง เอื้องชะนี
(Dendrobium senile)
ชนิดนี้ไม่ถึงกับยากในระดับปราบเซียน แต่ก็ทำเอามือใหม่ถึงผู้ปลูกเลี้ยงระดับกลางทำตายและถอดใจไปแล้วมากมาย หัวใจสำคัญอยู่ที่เครื่องปลูกและความชื้นในอากาศสูงๆ เอื้องแซะที่พบในประเทศไทยมีกลิ่นหอมทุกตัว หากจะกล่าวถึงในความเห็นส่วนตัวคิดว่าเลี้ยงยากทุกตัว แต่ที่ยากที่สุดเห็นทีจะไม่พ้น เอื้องแซะภู
(Dendrobium bellatulum)
กับเอื้องแซะดอยปุย
(Dendrocium margaritaceum)
บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลเกิน 1,000 เมตร ของทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย มีกล้วยไม้หลายชนิดดำเนินเผ่าพันธุ์ในสภาพแวดล้อมที่มีบรรยากาศชื้นและเย็นเกือบตลอดทั้งปี เอื้องสายวิสูตร
(Dendrobium falconeri)
มีสีดอกเป็นพื้นขาว ใจปากมีสีดำตัดกับเหลืองส้ม ปลายกลีบมีสีม่วง ในฤดูออกดอกจึงสามารถมองเห็นสะดุดตาได้ตั้งแต่ไกล แต่ความงามของมันทำให้เป็นที่หมายปองของคน เมื่อนำมาปลูกในที่ราบ ลำลูกกล้วยสีดำเล็กๆ จะค่อยๆ แห้งและตายในที่สุด เช่นเดียวกับ เอื้องมณีไตรรงค์
(Dendrobium wardianum)
คนที่เคยปลูกทราบดีว่าแม้จะได้มันมาในสภาพที่ดีมากอย่างไร ลำอวบอ้วนแค่ไหน รากติดมากเท่าไหน แต่สุดท้ายมันต้องจบชีวิตลงอย่างเศร้าสลด กล้วยไม้ชนิดนี้จึงถูกขนานนามใหม่สนุกๆ ว่า มี แต่ ตาย ลง ทราบแบบนี้แล้วอย่าได้หาซื้อหรือเก็บมาเลี้ยงเลยครับ
ยังมีตอนที่ 3 เป็นตอนจบครับ
*** รูป ***
บนซ้าย ช้างงาเดียว
บนกลาง เอื้องปากนกแก้ว
บนขวา เอื้องชะนี
ล่างซ้าย เอื้องสายวิสูตร
ล่างขวา เอื้องมณีไตรรงค์
Create Date : 22 กรกฎาคม 2549
Last Update : 26 กรกฎาคม 2549 8:43:20 น.
7 comments
Counter : 5985 Pageviews.
Share
Tweet
ขอบใจมากสำหรับความรู้ครับ
โดย: พีแพท47 (
พีแพท47
) วันที่: 23 กรกฎาคม 2549 เวลา:19:44:42 น.
รออ่านตอนที่ ๓ ครับ
โดย:
d-k
วันที่: 24 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:48:59 น.
รออ่านตอนต่อไปค่ะ
โดย:
ลูกปืน
วันที่: 24 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:52:04 น.
แวะมาเก็บเกี่ยวความรู้น่าสนใจค่ะ แล้วจะแวะมาอ่านเรื่อย ๆ นะคะ
โดย:
อินถวา
วันที่: 29 กรกฎาคม 2549 เวลา:10:29:51 น.
แวะมาอ่านต่อจากตอนที่1ค่ะ
น้าโหดเขียนเรื่องน่าสนใจอีกแล้ว
แถมได้ความรู้ด้วย ขอบคุณค่ะ
โดย:
noojew
วันที่: 30 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:21:49 น.
เยี่ยมมากเลยน้า
เอ พิมพ์กี่ที กี่ที ก็คำนี้
น้าจะได้รับคำชมมากไปแล้วนะเนี่ย
โดย:
เสือจุ่น
วันที่: 31 กรกฎาคม 2549 เวลา:10:18:05 น.
ตอน 3 ยังไม่มาซักกะทีน่ะ อยากอ่านแล้วค่ะ
โดย:
ชิงช้าไม้
วันที่: 5 สิงหาคม 2549 เวลา:8:58:47 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
น้าโหด
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add น้าโหด's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.