แผนรักกระชากใจเธอ ตอนที่ 3





ด้วยเพราะไม่เคยจีบใครมาก่อน อย่างมากที่สุดก็แค่ทอดสะพานให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาหาเท่านั้น จิดาภาจึงใช้เวลาขบคิดกว่าค่อนคืนว่าควรจะเริ่มรุก จากตรงไหนดี และควรใช้วิธีใดในการสืบหาเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อลิลลี่ ตากลมโตสำรวจความพร้อมของร่างกายตัวเองผ่านกระจกใบใหญ่ตรงหน้าอีกครั้ง ครั้นเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเพอร์เฟกต์สมใจแล้ว มือเรียวจึงเอื้อมไปหยิบน้ำหอมรูปทรงผลไม้ที่วางปะปนอยู่กับขวดน้ำหอมอื่นๆขึ้นมาฉีด วันนี้หญิงสาวเลือกใช้น้ำหอมที่ให้กลิ่นอายของสาวแรกรุ่น ดูซนๆอย่างนิน่า ริชชี่ ต่างจากทุกทีที่มักจะใช้น้ำหอมกลิ่นโฉบเฉี่ยวหรืออ่อนหวาน ด้วยต้องการจะสร้างความแตกต่างให้ดูน่าค้นหามากขึ้น มือบางเอื้อมไปหยิบแฟ้มงานและกล่องใส่ม้วนกระกระดาษเขียนแบบที่วางอยู่ไม่ไกลนักขึ้นมาสะพายก่อนจะก้าวเท้าเดินออกมาจากห้องนอนส่วนตัวในที่สุดเมื่อเห็นว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว

ปากอิ่มฮัมเพลงคลอไปกับวิทยุในรถอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงแผนการที่ตนวาดไว้ พลันเสียงเพลงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น มือเรียวเอื้อมไปกดปุ่มรับเข้าก่อนจะเสียบบลูทูธเข้ากับหูฟังของตนเองเพื่อความสะดวกในการสนทนา

จิดาภาอดขำไม่ได้เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่พิมลพัทธ์หรือผักหวานเพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเยาว์โอดครวญมาทางโทรศัพท์ ลีจินฮุนหนุ่มหล่อที่จัดได้ว่าเป็นเพอร์เฟกต์แมนคนหนึ่งของเกาหลี ลงทุนลัดฟ้าข้ามประเทศมาบริหารงานในโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังด้วยตนเองเพียงเพราะอยากกลับมาอยู่ใกล้ชิดเพื่อนของเธออีกครั้ง ดูท่าว่าคราวนี้คงจะเอาจริงกว่าทุกที ด้วยยอมเทหน้าตักหมดตัวเป็นเดิมพัน จิดาภาอดนึกถึงชีวิตของตัวเองไม่ได้ นี่ท่าความรักสั่งการได้ด้วยสมองก็คงจะดีสินะ เธอจะได้ไม่ต้องมาคอยวุ่นวายใจคิดหาวิธีตามจีบแอนโทนี่อย่างนี้ ทั้งๆที่มีชายหนุ่มซึ่งเพียบพร้อมไม่ต่างกันรอคอยเธออยู่อย่างมั่นคงแท้ๆ หากแต่ใจเจ้ากรรมก็ไม่อาจตัดใจไปจากตาคมเข้มสีน้ำตาลคู่นั้นได้สักที

...ไม่สิ เธอจะมามัวท้อแท้ไม่ได้ โลกนี้ไม่มีใครสมหวังอะไรง่ายๆโดยไม่ลงทุนอยู่แล้ว...หญิงสาวปลุกปลอบใจตัวเอง ในเมื่อผลตอบแทนอาจจะเป็นความรักที่ไขว่คว้ามาทั้งชีวิต ฉะนั้นเธอจะต้องสู้ จะต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาจิดาภาบอกตัวเองอย่างมุ่งมั่น ขณะเอื้อมไปคว้ากระเป๋าถือและกระเป๋าใส่อุปกรณ์มาสะพายก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถมินิคูเปอร์ของตน

“ อ้าว ทำไมวันนี้รีบกลับละจีน...รึว่าจะไปรับจ๊อบเดินแบบที่ไหนอีก” ธนาดลเอ่ยปากแซวเมื่อเห็นร่างโปร่งระหงของรุ่นน้องสะพายกระเป๋าเขียนแบบและหอบหิ้วกระเป๋าถือออกมาจากห้องทำงานทั้งๆที่เพิ่งจะบ่ายสามโมงเท่านั้น จิดาภาเหลือบมองเวลาบนข้อมือ ครั้นเมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลืออยู่บ้างหญิงสาวจึงหันมาต่อปากกับรุ่นพี่ที่เดินถือแก้วกาแฟออกมาจากห้องแพนทรีทันที

“ ไม่ได้ไปสักหน่อย แต่ถึงจะไปก็ถือว่าเป็นการทำเพื่อบริษัทเหมือนกันน่ะล่ะ “

“ ตรงไหนของแกวะ ไม่ต้องมาอ้างเลยไอ้จีน“

“ ก็เป็นการโปรโมทไปในตัวไง พอคนพูดถึงจีนเขาก็ต้องถามหาแล้วว่านางแบบคนนี้มาจากไหน แล้วที่นี้ทุกคนก็จะคุ้นชื่อเดคเคอเรโดยไม่ต้องเสียเงินโปรโมทสักกะบาท” จิดาภาลอยหน้าลอยตาพูด ก่อนจะรีบตัดบทเมื่อนึกถึงเป้าหมายที่สำคัญกว่าของตนเอง “ ไม่คุยด้วยล่ะ พี่ดลเนี๊ยะ ชอบชวนคุยให้เสียเวลา“

“ แล้วแกจะไปไหน” ธนาดลตะโกนถามเมื่อเห็นว่าร่างโปร่งระหงเดินจากไปจริงๆหลังจากพูดจบ

“ ไปคุยงานกะลูกค้าเจ้าคะ...ฝากบอกแดเนียลด้วยนะว่าวันนี้จีนไม่เข้าแล้ว “ จิดาภาหันหน้ามาตอบ ก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อจะได้ไปยังที่หมายให้เร็วกว่ากำหนด



จิดาภาอดนึกถึงตอนที่ตนโทรไปนัดหมายขอเข้าพบแอนโทนี่ด้วยตัวเองไม่ได้ ความจริงแล้วการขอพบเพื่อนำแบบที่ร่างเสร็จแล้วเพียงแค่แบบเดียวจากทั้งหมดกว่า 30 แบบไปให้อีกฝ่ายดูก่อนเพื่อปรับความคิดให้ตรงกันนั้นไม่ใช่สิ่งจำเป็นเลยสักนิด โดยปกติแล้วการออกแบบบูติกโฮเต็ลมักจะนำแบบไปให้ลูกค้าพิจารณาก็ต่อเมื่อผ่านไปได้กว่าครึ่งทาง หากแต่หญิงสาวก็นำมันมาใช้เป็นข้ออ้างเพื่อให้ได้พบกับชายหนุ่มจนได้ หญิงสาวบอกแอนโทนี่ว่าอยากให้เขาได้ดูก่อนเพื่อจะได้พิจารณาแนวทางว่าโอเคหรือยัง หรือจะต้องปรับแก้ตรงไหนบ้าง ดีกว่านำแบบมาให้ดูเมื่อเสร็จไปได้ครึ่งหนึ่งอย่างที่เคยทำมาจนเป็นธรรมเนียมปฎิบัติไปแล้วซึ่งแอนโทนี่เองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้เช่นกัน

จิดาภาเลือกที่จะนัดหมายตอนสี่โมงเย็นเพราะรู้ดีว่าเมื่อพูดคุยเรื่องงานเสร็จแล้ว แอนโทนี่จะต้องชวนรับประทานอาหารว่างด้วยกันเป็นแน่ หากแต่เธอไม่ได้ต้องการแค่นั้น ฉะนั้นการนัดหมายเวลานี้จึงเหมาะสมที่สุด จากอาหารว่างจะได้กลายเป็นดินเนอร์มื้อค่ำแทน

แอนโทนี่ลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับอีกฝ่ายทันทีที่ได้ยินเสียงเลขาสาวรายงานผ่านทางโทรศัพท์ว่าจิดาภาเดินทางมาถึงแล้ว ตาคมเหมือนจะพร่าไปชั่วขณะเมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนหวานที่อีกฝ่ายส่งมาให้ ชายหนุ่มพยายามเตือนสติของตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าอย่าไปหลงไหลไปกับรอยยิ้มบาดใจและรูปลักษณ์ถูกตาของอีกฝ่าย ขณะเดินนำหน้าไปยังโต๊ะประชุมซึ่งตั้งอยู่ภายในห้อง

“ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่มารบกวนเวลาคุณแอนดี้เหมือนกำลังจะยุ่งๆอยู่ด้วยสิ” จิดาภาเอ่ยปากหลังจากเหลือบไปเห็นกองเอกสารบนโต๊ะของชายหนุ่มเข้า แอนโทนี่ส่งยิ้มบางๆมาให้ก่อนจะพูดตอบ

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ใช่งานเร่งด่วนอะไร ผมกำลังว่างๆอยู่พอดีเลยหยิบเอามาทำก่อน“

“ คุณแอนดี้ขยันจังนะคะ ถ้าเป็นจีนคงปวดหัวแย่ถ้าต้องอยู่กับกองเอกสารพวกนี้ทั้งวัน จีนถึงได้แยกตัวไปเรียนสถาปัตย์อยู่คนเดียวทั้งๆที่เพื่อนๆในกลุ่มเรียนวิศวะกันหมด “

“ ถ้าผมจำไม่ผิด คุณวินก็จบสถาปัตย์เหมือนกันไม่ใช่รึครับ“ แอนโทนี่เอ่ยถามอย่างสงสัย จิดาภาได้แต่ส่งเสียงร้องอย่างยินดีในใจที่ตนสามารถดึงความสนใจของอีกฝ่ายได้สำเร็จ

...เยี่ยมมากยัยจีน ต่อไปก็แค่พยายามดึงความสนใจเขาเอาไว้จนกว่าจะห้าโมงกว่าๆแล้วค่อยคุยเรื่องงานต่อ ที่นี้ พอเขาเห็นว่ามันเย็นมากแล้วจะได้ชวนแกทานข้าวเย็นด้วยกันต่ออย่างที่คิดไว้ไง... จิดาภาบอกตนเองในใจก่อนจะตอบคำถาม

“ จีนหมายถึงกลุ่มเพื่อนตั้งแต่ประถมนะคะ จีนกับวินเพิ่งจะมารู้จักกันตอนมัธยมเอง เพราะเรียนสายวิทย์-ถาปัดเหมือนกัน ส่วนเพื่อนคนอื่นๆก็ไปเรียนเตรียมวิดวะกันหมด“

“ คุณจีนรู้จักกับคุณวินตั้งแต่ยังเด็กนี่เองถึงดูสนิทกันมาก ผมเองก็มีเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆเหมือนกัน“ แอนโทนี่เผลอเล่าเรื่องของตัวเองออกไปโดยไม่ทันรู้สึกตัว อาจจะเป็นเพราะรอยยิ้มหวานๆ กับดวงตาใสแจ๋วราวกับลูกกวางนั่นที่ทำให้อาการระวังตัวของเขาหายไป

จิดาภารับฟังเรื่องราวในวัยเด็กของอีกฝ่ายด้วยความสนใจ สมองเก็บข้อมูลและรายละเอียดที่อีกฝ่ายบอกเล่าเอาไว้อย่างครบถ้วน แอนโทนี่มีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวซึ่งก็คือทักษ์ พัฒนะไพศาลกุล อย่างที่วินธัยเคยหาข้อมูลมาให้ จากการรับฟังหญิงสาวสัมผัสได้ว่าในวัยเด็กนั้นเจ้าชายของตนเฮี้ยวไม่แพ้ใครเช่นกัน เขาเป็นคนไม่ยอมคนและพร้อมจะลุยถ้าเพื่อนมีปัญหา ชายหนุ่มเคยใฝ่ฝันที่จะเป็นนักแข่งรถสมัยเรียนปริญญาตรีที่ญี่ปุ่น หากแต่ด้วยหน้าที่ของลูกชายผู้สืบสกุลเพียงคนเดียว ทำให้เขาต้องละทิ้งความฝันเอาไว้ให้คงเหลือเพียงแค่งานอดิเรกเท่านั้น และเข้ามาช่วยเหลืองานของครอบครัวทันทีที่เรียนจบในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับอิทธิพล เพียงแต่ที่ทั้งสองคนไม่รู้จักกันนั้นเป็นเพราะว่าชายหนุ่มจบการศึกษาไปก่อนหน้าที่อิทธิพลจะเข้าไปศึกษาต่อนั่นเอง


สาวหวานตรงหน้าดูจะมีอะไรคล้ายเขาหลายอย่างจนแทบไม่น่าเชื่อ แอนโทนี่สัมผัสได้ว่าหญิงสาวผูกพันกับเหล่าเพื่อนสนิทมากเพียงใดยามที่พูดถึง ชายหนุ่มอดยินดีไม่ได้เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วทายาทห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่มอบดอกไม้ให้หญิงสาวในวันแรกที่เขาเห็นนั้นคือเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มของหญิงสาวนั่นเอง หากแต่เมื่อหวนนึกถึงพิชานาฎ ความหวาดระแวงก็กลับประทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เธอคนนั้นก็เคยพูดว่าเป็นเพียงเพื่อนเช่นเดียวกัน แถมยังเป็นเพื่อนที่ชอบงัดข้อกันอยู่บ่อยๆเสียด้วยซ้ำ หากแต่หญิงสาวกลับมีเรื่องราวของผู้ชายคนนั้นมาเล่าให้เขาฟังได้อยู่เสมอ

... ผู้หญิง ปากมักไม่ตรงกับใจ... แอนโทนี่เผลอยิ้มหยันออกมาเมื่อนึกมาถึงตอนนี้

แววตาที่จู่ๆก็กลับฉายแสงแห่งความไม่พอใจขึ้นมาทำให้จิดาภาอดแปลกใจไม่ได้ หญิงสาวรีบเปลี่ยนมาคุยเรื่องงานทันทีหวังให้อีกฝ่ายได้ดึงสติกลับมาตรงหน้าอีกครั้ง เธอเองไม่รู้หรอกว่าเขากำลังนึกถึงเรื่องอะไรอยู่ รู้แต่ว่าเธอไม่ชอบเลยสักนิดกับอาการแบบนี้ของเขา สังหรณ์ลึกๆบอกเธอว่าสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจ คือกระจกใสบางๆที่ขวางกั้นไม่ให้เธอเข้าไปถึงตัวเขาได้ ...แล้วเธอควรจะทำอย่างไรกัน ถึงจะรู้ได้ว่าสิ่งที่คอยรบกวนจิตใจของเขาอยู่ตลอดเวลาคืออะไร ...

“ ตายจริง มัวแต่คุยเพลิน นี่จีนยังไม่ได้เอาแบบออกมาให้คุณแอนดี้ดูเลยใช่ไหมคะ “ จิดาภาแกล้งอุทาน เรียกสติของแอนโทนี่ให้หลุดออกมาจากภวังค์ ชายหนุ่มพยายามตั้งสติให้กลับมาสนใจในงานตรงหน้าอีกครั้งพร้อมทั้งพร่ำบอกตัวเองตามที่เพื่อนสนิทเคยพูดอยู่เสมอว่า เขาไม่ควรเอาพฤติกรรมของคนคนหนึ่ง มาเป็นตัวตัดสินว่าผู้คนที่อยู่รายล้อมคนคนนั้นจะต้องเป็นเหมือนกันหมด...ตราบใดที่เขายังไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง..

“ ผมเองต่างหากที่ชวนคุณจีนคุยจนเพลิน ขอโทษด้วยนะครับ งั้นเรามาคุยเรื่องงานกันต่อดีกว่า คุณจีนคงไม่มีธุระที่ไหนนะครับ ผมก็มัวแต่คุยเพลินจนจะหกโมงเย็นอยู่แล้ว “

“ ไม่หรอกคะ...ช่วงนี้แดเนียลให้จีนดูงานของคุณอย่างเดียว เพียงแต่ว่า ถ้างานเสร็จช้าคุณจะมาโทษจีนไม่ได้นะ “ จิดาภาเอยแกมหยอก แอนโทนี่ได้แต่ยิ้มเมื่อได้ฟัง หญิงสาวตรงหน้าราวกับมีมนต์วิเศษที่ทำให้เขาลืมความขุ่นข้องหมองใจในเรื่องของพิชานาฏไปได้เพียงแค่เห็นรอยยิ้มหวานๆและแววตาสุกสกาวของเจ้าตัวเท่านั้น จิดาภายื่นแบบที่ถูกม้วนอยู่ในกระเป๋าเขียนออกมาให้อีกฝ่ายได้ดู เจตนาจงใจให้มือสัมผัสมือ สัมผัสแผ่วๆที่พัดผ่านทำให้แอนโทนี่อดหวั่นไหวไม่ได้ กลิ่นน้ำหอมซนๆที่โชยออกมาจากคนตรงหน้าทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายราวกับว่าอยู่ท่ามกลางกองขนมในวัยเยาว์ จิดาภามองอาการสูดลมหายใจลึกๆของอีกฝ่ายอย่างสมใจ คิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกใช้น้ำหอมกลิ่นนี้

“ สวยมากเลยครับ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนกับว่ากำลังอยู่ในบ้านของตัวเอง ”

“ ห้องนี้จีนตั้งชื่อไทยให้ว่าห้องอบอุ่นคะ จีนออกแบบให้มันดูเป็นกันเองแต่ก็แอบเก๋ที่ดีไซน์ของพร๊อบรอบๆ คิดว่าจะแต่งออกมาแนวๆนี้แต่แตกต่างที่วัฒนธรรมของแต่ละชาติอีก 9 ห้องคะ…ส่วนห้องอื่นๆที่เหลือ จีนจะแต่งให้เป็นห้องตามอารยธรรมของประเทศต่างๆที่เด่นๆอย่างอียิปต์ อินเดีย จีน 10 ห้องคะ ส่วนสิบห้องที่เหลือจะแต่งให้ออกแนวโมเดิร์นแกลอรี่ คุณแอนดี้คิดว่ายังไงคะ อยากให้จีนออกแบบให้ต่างสไตล์ให้หมดเลย หรือว่าจะให้เพิ่มห้องที่ออกแนวอวกาศอะไรพวกนี้ไหมคะ“ แอนโทนี่อดมองใบหน้าหวานๆของคนตรงหน้ายามอธิบายงานของตนให้เขาฟังไม่ได้ ท่าทางเอาจริงเอาจังและแววตามุ่งมั่นทำให้หญิงสาวดูน่าสนใจไปอีกแบบ
ชายหนุ่มอดสะดุ้งไม่ได้เมื่อเผลอคิดไปว่า...จะดีแค่ไหนนะถ้าเขาจะได้เห็นหน้าหวานๆแบบนี้ทุกวัน ได้พูดคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องด้วยกันหน้าเตาผิงไฟในห้องอบอุ่นที่หญิงสาวออกแบบ...เมื่อรู้ว่าตัวเองเริ่มจะฟุ้งซ่านมากไปแล้ว แอนโทนี่จึงรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะตอบคำถามร่างโปรงระหงตรงหน้าที่มองมาอย่างรอคอยคำตอบ

“ ผมโอเคกับคอนเซปต์นี่เลยครับ แต่จะยุ่งยากไปไหมถ้าผมจะขอให้คุณจีนเอางานมาให้ดูเรื่อยๆ เออ ผมหมายความว่า ผมอยากดูแบบที่เสร็จทันทีเลยโดยไม่ต้องรอประชุมรวมกันครั้งใหญ่ “

“ ค่ะ...ทำไมจะไม่ได้ละคะ“ จิดาภากล่าวรับอย่างลิงโลด ถึงจะงงๆไปบ้างในตอนแรกแต่มันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ คราวนี้เธอจะได้ไม่ต้องปวดหัวคอยแต่งเรื่องหาทางมาพบอีกฝ่ายเหมือนเมื่อวานอีก

“ ผมกลัวว่าคุณจีนจะหาว่าผมเรื่องมากนะครับ“ แอนโทนี่กล่าวยิ้มๆ

...ใช่เลยคะ ฉันต้องด่าว่าเรื่องมากแน่ๆ ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คุณ... จิดาภานึกในใจหากแต่กลับพูดออกไปอีกอย่างหนึ่ง “ ลูกค้าคือพระเจ้า ใครจะกล้าว่าพระเจ้าของตัวเองได้ละคะ“

“ แต่ผมไม่อยากเป็นพระเจ้านี่ครับ...อยากเป็นเพื่อนร่วมงานมากกว่า และถ้าคุณจีนจะกรุณา ผมอยากให้เราเป็นเพื่อนกันจริงๆ เสียด้วยซ้ำ“

…แต่ฉันอยากให้เราเป็นมากกว่านั้นนะคะ แอนดี้ อยากให้เราเป็นคนรู้ใจกัน อยากให้ตัวเองเป็นผู้หญิงที่คุณรักมากที่สุด... จิดาภาคิดต่อในใจ ขณะตอบกลับอีกฝ่ายเสียงหวาน

“ จีนดีใจมากเลยคะที่คุณแอนดี้เห็นจีนเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่ง”

“ ถ้าอยากนั้นคืนนี้ผมขอเลี้ยงฉลองรับเพื่อนใหม่ได้ไหมครับ” จิดาภาแทบอยากตะโกนออกมาดังๆทันทีที่ได้ฟัง หากแต่สิ่งที่ออกมาจากปากอิ่มคงมีแต่คำตอบรับอย่างอ่อนหวานเท่านั้น

“ ด้วยความยินดีคะ “

แสงเทียนสลัวๆ คลอเคล้าด้วยเสียงไวโอลินบรรเลงในท่วงทำนองแสนหวาน ทำให้หัวใจของจิดาภาฟองฟูราวกับอยู่ในฝัน ไม่รู้ว่าเพราะฤทธ์ของแชมเปญหรือบรรยากาศที่เป็นใจทำให้หญิงสาวเผลอเล่าเรื่องราวของตนให้คนตรงหน้าฟังอย่างมากมาย ผิดกับทุกครั้งยามที่ออกเดทกับชายหนุ่มคนอื่นๆ รสนิยมที่พ้องกันอย่างบังเอิญในหลายๆเรื่องทำให้คนทั้งคู่หลงลืมเข็มของเวลาที่ค่อยๆเดินผ่านไปทุกๆนาที

แอนโทนี่สบสายตาสุกสกาวของคนตรงหน้าราวกับต้องมนต์ ความสดใสและความจริงใจที่อีกฝ่ายแสดงให้เห็นกำลังกะเทาะเปลือกหนาที่เขาเพียรสร้างขึ้นมาปกป้องตัวเองนานนับปี ทั้งๆที่เฝ้าบอกตัวเองว่านี่อาจเป็นแค่ละครบทหนึ่ง หากแต่ใจกลับไม่ยอมรับฟัง เรื่องราวในวัยเด็ก และวีรกรรมสุดแสบสมัยเรียนไฮสคูลที่ญี่ปุ่นยามแอบหลบพี่เลี้ยงออกไปซิ่งรถแข่งกับทักษ์ ถูกถ่ายทอดให้คนตรงหน้าฟังอย่างที่ไม่เคยมีใครได้รับรู้มาก่อน แม้แต่ผู้หญิงที่เคยคิดว่าต้องใจที่สุดอย่างพิชานาฎเองก็ตาม

จิดาภาหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อได้ฟังเจ้าชายในฝันของตนพูดถึงความเฮี้ยวในสมัยวัยรุ่นให้ฟัง ปากอิ่มเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้นและรู้จังหวะจะโคนส่งผลให้การสนทนาลื่นไหลจนเกือบล่วงเข้าวันใหม่โดยที่คนทั้งคู่ไม่รู้สึกตัว

“ แล้วคุณแอนดี้เอารถไปซ่อนไว้ที่ไหนคะ ทำไมถึงไม่มีใครรู้เลยล่ะ“

“ ผมให้คุณจีนเอาเก็บไปคิดเป็นการบ้านนะครับ“ แอนโทนี่กล่าวเสียงนุ่มเมื่อเห็นสัญลักษณ์จากคนสนิทที่บ่งบอกว่าใกล้ถึงเวลาที่ห้องอาหารฝรั่งเศสแห่งนี้จะปิดแล้ว “ ถ้าทายถูกผมมีรางวัลให้ “

“ เล่นเอารางวัลมาล่อแบบนี้... แล้วคืนนี้จีนจะหลับลงไหมคะเนี๊ยะ ใจร้ายจัง“ จิดาภาแกล้งตัดพ้อเสียงหวาน ตากลมสวยส่งสายตาออดอ้อนอย่างที่เคยใช้แล้วสำเร็จทุกครั้งยามอยู่กับคนคุ้นเคย

แอนโทนี่ตาพร่าไปชั่วขณะเมื่อได้สบสายตาคู่นั้น ริมฝีปากอิ่มที่ยื่นน้อยๆตรงหน้าดูเย้ายวนให้ทาบทับริมฝีปากลงไปสัมผัส ชายหนุ่มอดตกใจกับความคิดที่จู่ๆก็พลุ่งพล่านขึ้นมาของตนเองไม่ได้ หน้าคมพยายามบังคับสีหน้าและท่าทางของตนไม่ให้หวั่นไหวไปกับกิริยาที่คนตรงหน้าแสดง

“ ผมก็อยากคุยกับคุณจีนต่อนะครับ แต่ว่าห้องอาหารจะปิดแล้วนะสิ“ แอนโทนี่พยายามบังคับสายตาให้จดจ้องอยู่แต่ดวงตาคู่สวยในขณะที่พูด จิดาภาเหลียวมองไปรอบๆตัวทันทีที่ได้ฟัง

“ ตายจริง นี่เราคุยกันเพลินจนไม่มีใครเหลือเลยหรือคะ” จิดาภาหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อพูดจบ ทำให้แอนโทนี่พลอยอมยิ้มตามไปด้วย

“ ครับ...คราวนี้คุณจีนคงไม่หาว่าผมใจร้ายอีกนะ ที่ไม่ยอมเล่าต่อ“

“ ไม่คะ ใจร้ายอยู่ดี เอารางวัลมาล่อไม่พอ ยังไม่ยอมบอกด้วยว่าจะเฉลยที่เหลือให้ฟังต่อวันไหน...ไม่เห็นใจคนรอฟังบ้างเลย“

แอนโทนี่มองอาการเหมือนจะงอนน้อยๆของคนตรงหน้าอย่างเผลอไผล มือหนาเผลอเอื้อมไปปัดปอยผมที่หล่นลงมาระหน้าไปทัดไว้ให้ที่ใบหูของอีกฝ่ายอย่างหลงลืมตัว จิดาภามองกิริยาอ่อนโยนที่อีกฝ่ายแสดงกับตนเองตาค้าง ตากลมโตสบสายตาอ่อนโยนที่ทองมองมาดุจต้องมนต์สะกด เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่อาจรู้ได้ ตราบจนเสียงชนเก้าอี้ของบริกรที่เดินเข้ามาในห้องอาหารเพื่อหวังจะเก็บกวาดโต๊ะเก้าอี้ดังขึ้นภวังค์ของคนทั้งคู่จึงสะบั้นลง แอนโทนี่กระแอมในลำคอเบาๆอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอ่ยแก้เกี้ยวกับการกระทำที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่

“ มีอะไรติดแก้มคุณจีนก็ไม่รู้ครับ ผมปัดออกให้แล้วล่ะ “ แอนโทนี่บังคับเสียงพูดของตนให้เป็นปกติ ขณะซ่อนสีหน้าเก้อเขินของตนโดยการเอื้อมตัวไปหยิบกระเป๋าถือและกระเป๋าเขียนแบบของจิดาภามาถือไว้ให้ “ ดึกแล้ว ... เดี่ยวผมขับรถตามไปส่งนะครับ”

“ เออ ... คะ คะ “ จิดาภาตอบรับเสียงตะกุกตะกัก ขณะเดินตามอีกฝ่ายออกจากห้องอาหาร ใบหน้าหวานแดงซ่านเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่... นี่เธอมีหวังแล้วใช่ไหม เขาใจตรงกันกับเธอเหมือนกันใช่ไหม ...

“ เดี่ยวผมขับรถตามไปนะครับ “ แอนโทนี่ก้มหน้าลงพูดกับคนในรถที่ตนเพิ่งเดินมาส่งเสียงทุ้ม หน้าหวานๆที่แดงซ่านจนสังเกตเห็นได้แม้ในแสงไฟนีออน ทำให้เขาอดนึกเอ็นดูไม่ได้

“ คะ...ขอบคุณมากนะคะสำหรับอาหารมือนี้“ จิดาภากล่าวเสียงหวาน ตากลมโตเปล่งประกายสุกใสอย่างปิดไม่มิดขณะสบสายตาอ่อนโยนที่มองทอดสบมา หญิงสาวทอดสายตามองตามร่างสูงที่เดินไปยังรถยุโรปคันโตเพื่อขับตามไปส่งตนที่คอนโดด้วยแววตาหวานไหว รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าหวานตลอดเส้นทางที่ขับรถ เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวนึกอยากจะให้เส้นทางกลับบ้านของตนทอดยาวออกไปให้มากกว่านี้

“ กลับถึงบ้านแล้วโทรบอกจีนหน่อยนะคะ...จีนเป็นห่วง“

ไม่น่าเชื่อว่าคำแค่สามคำจะทำให้เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจฟองฟูออกมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แอนโทนี่ส่งรอยยิ้มไปให้อีกฝ่ายอย่างอิ่มเอมใจก่อนจะเอ่ยปากรับคำอย่างแข็งขัน

“ครับ “

“ อ้อ จีนยังไม่ลืมเรื่องนั้นนะคะ รีบๆมาเฉลยเข้าล่ะ ให้เวลาจีนคิดนานๆ เกิดจีนทายถูกขึ้นมาละก็ คุณแอนดี้ได้เสียรางวัลให้จีนแน่ๆ” จิดาภาเอ่ยทวงถึงเรื่องที่พูดค้างกันไว้ก่อนจะออกมาจากห้องอาหาร แอนโทนี่อดอมยิ้มไม่ได้เมื่อได้ฟัง นึกเข็ดเขี้ยวจนอยากบีบจมูกโด่งๆของคนตรงตรงหน้าเล่น

“ ครับ...ไม่ลืม ถ้าทายถูกละก็ คุณจีนอยากได้อะไร ผมยกให้หมดทุกอย่างเลย…กู๊ดไนท์ครับ ” แอนโทนี่กล่าวคำลา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไขประตูห้องพักเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ กู๊ดไนท์คะ“ จิดาภากล่าวตอบ ก่อนจะปิดประตูคอนโดที่พักของตนเองลง ... นอนหลับฝันดี ฝันถึงจีนคนเดียวนะคะ... หญิงสาวคิดในใจต่ออย่างเพ้อๆ มือบางยกขึ้นกุมหน้าอกตนเองหวังจะบรรเทาอาการใจเต้นระรัวให้ทุเลาลง

... ฉันมีหวังแล้ว .. มีหวังแล้ว ... จิดาภาคิดในใจอย่างเป็นสุข ขณะทอดสายตามองผ่านความมืดไปยังทางเข้าคอนโด ทอดสายตามองตามท้ายรถยุโรปสีขาวคันโตไปจนสุดสายตา



“ ไง... แม่สาวโสดในฝัน อารมณ์ดีมาจากไหนกัน ยิ้มแก้มไม่ยอมหุบเลยนะเรา“ ธนาดลเอ่ยทักอย่างยั่วเย้า ขณะเดินออกมาจากห้องประชุมพร้อมกัน จิดาภามองอีกฝ่ายตาโต ...คนเราเวลามีความสุขนี่มันปิดกันไม่มิดขณะนี้เลยหรือ... หญิงสาวได้แต่คิดในใจใน หากแต่ปากกลับพูดไปอีกอย่าง

“ พี่ดล นี่ไม่รู้บ้างเลยเหรอ ว่าหนึ่งยิ้มจะทำให้คนเราอายุอ่อนลงไปอีกสิบปี…มิน่าล่ะ ตีนกานี่ขึ้นให้ฮึ่มเชียว“ เสียงหัวเราะคิกคักดังตามหลังมาทันทีที่จิดาภาพูดจบ เนื่องด้วยทุกคำพูดของหญิงสาวนั้น ดังพอจะทำให้ตรีนุช ประชาสัมพันธ์สาวร่างอวบคู่ปรับของธนาดลซึ่งเดินตามหลังคนทั้งคู่มาด้วยได้ยินทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน ธนาดลได้แต่ส่งสายตาพิฆาตมาให้รุ่นน้องสาว ก่อนจะพูดสวนกลับ

“ เออ... รู้ แต่ระวังเอาไว้แล้วกัน หัวเราะมากๆจะต้องมานั่งร้องไห้ทีหลัง“

“ เสียใจด้วยนะคะ คุณพี่ คนอย่างจิดาภาสะกดคำว่าน้ำตาไม่เป็น จำไม่ได้แล้วด้วย ว่าร้องไห้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่“

ธนาดลได้แต่มองท่าทางลอยหน้าลอยตาของอีกฝ่ายอย่างนึกหมั่นไส้ ยิ่งเมื่อเหลือบเห็นท่าทางกลั้นหัวเราะของสาวร่างอวบที่ยืนหลบอยู่เบื้องหลังรุ่นน้องสาว ความหงุดหงิดก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทวีคูณ

“ เออ แกมันเก่ง น้ำตาตกในเมื่อไหร่อย่ามายืมไหล่ฉันซับก็แล้วกัน“ ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป จิดาภาอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางงอนเป็นเด็กๆเวลาเถียงสู้ไม่ได้ของรุ่นพี่ คงจะอายยัยหนูนุชซะมากกว่าล่ะนั่น ถึงได้รีบเดินหนีไปอย่างนี้

“ ใช่แล้ว นุชเกือบลืมไปแน่ะคะ เมื่อครู่มีโทรศัพท์จากเพลนทีกรุ๊ปถึงคุณจีน นุชเห็นว่ากำลังประชุมกันอยู่เลยบอกเค้าไปว่าเดี่ยวจะให้คุณจีนโทรกลับทันทีที่ประชุมเสร็จ“ จิดาภาหูผึ่งทันทีที่ได้ยินชื่อเพลนทีกรุ๊ป

“ บอกไว้หรือเปล่าจ๊ะว่าใครโทรมา“

“ เขาบอกว่าชื่อ มีนาคะ เป็นเลขาของคุณแอนดี้“

จิดาภาอดที่จะเผยยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อของชายในฝัน ร่างโปร่งระหงเดินตัวปลิวไปยังห้องทำงานของตนทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ ตรีนุชได้แต่มองท่าทางเร่งรีบของหนึ่งในไดเรกเตอร์ด้วยแววตาสงสัย หากแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากมายนัก ด้วยรู้ดีว่าหญิงสาวที่ตนแอบปลื้มและยกย่องให้เป็นไอดอลประจำตัวนั้นมักจะกระตือรือร้นและสนใจในงานที่ตนได้รับมอบหมายเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว


“ อะไรนะคะ ขอแคนเซิลนัดดูแบบคอนโดวันมะรืนนี้“

“ ใช่คะคุณจิดาภา เผอิญว่าคุณแอนดี้มีธุระด่วน ต้องบินไปประชุมที่ฮ่องกงกว่าจะกลับมาคงเป็นสัปดาห์หน้า ยังไงทางเราขอเลื่อนนัดดูแบบห้องพักโรงแรมที่ภูเก็ตเป็นกลางอาทิตย์หน้าทีเดียวเลยนะคะ แล้วเดี่ยวมีนจะโทรไปคอนเฟิร์มนัดอีกทีคะ “

จิดาภาวางสายโทรศัพท์ลงด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว อารมณ์ที่เบิกบานมาทั้งวันพังทลายลงทันทีที่ได้ยินคำสนทนาจากปลายสาย ตอนนี้หญิงสาวกำลังสับสนกับการกระทำของแอนโทนี่ ทั้งๆที่ความสัมพันธ์ดูเหมือนจะงอกเงยไปในทางที่ดีอยู่แล้วจากการดินเนอร์มื้อแรกด้วยกันเมื่อคืนนี้ แต่จู่ๆชายหนุ่มก็กลับมาทำตัวเป็นทางการอย่างเก่าโดยให้เลขาเป็นคนโทรมาเลื่อนนัดเธอแทนซะอย่างนั้น

จิดาภาไม่ได้แปลกใจเลยที่จู่ๆชายหนุ่มจะมีธุระด่วนจนต้องบินไปต่างประเทศ แต่หญิงสาวกำลังเสียใจที่เขาไม่ได้เป็นคนโทรมาเลื่อนนัดด้วยตนเอง ทั้งๆที่ก็มีเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเธออยู่แล้ว บางคนอาจจะมองว่าการคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องจุกจิกแบบนี้เป็นการกระทำที่งี่เง่า แต่สำหรับจิดาภาแล้ว การกระทำเล็กๆน้อยๆนี่ล่ะ เป็นตัวบ่งบอกความรู้สึกนึกคิดของคนคนนั้นได้เป็นอย่างดี

แอนโทนี่มองปุยเมฆสีขาวที่พัดผ่านหน้าต่างเครื่องบินที่ตนโดยสารอยู่ด้วยจิตใจที่สับสน ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าทำไม่ถูกที่จู่ๆก็หนีหายมาโดยไม่ยอมบอกกล่าวอีกฝ่ายด้วยตนเอง หากแต่ความรู้สึกอ่อนหวานในใจที่ค่อยๆเพิ่มพูนมากขึ้นทุกทีที่อยู่ใกล้ทำให้เขานึกกลัว ชายหนุ่มสัญญากับตัวเองมาโดยตลอดตั้งแต่เลิกรากับพิชานาฎในครั้งนั้นว่าจะไม่ยอมให้ใครมามีอิทธิพลเหนือจิตใจได้อีก เขาจะต้องเป็นผู้ควบคุมเกมไม่ใช่ผู้เล่นเกม หากแต่จิดาภากลับทำให้เขารู้สึกว่าจิตใจที่เคยควบคุมมาได้เป็นอย่างดีในช่วงสองปีที่ผ่านมากำลังจะกลับมาเป็นเหมือนเก่า เขากำลังจะกลับมาเป็นเด็กหนุ่มไม่ประสาที่หลงไหลอีกฝ่ายจนหน้ามืดตามัวเหมือนเมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมา

ชายหนุ่มค่อยๆปิดเปลือกตาลง หวังให้การนิทราเป็นตัวหยุดความสับสนในใจขณะนี้ หากแต่ใบหน้าหวานๆของอีกฝ่ายกลับลอยเด่นขึ้นมารบกวนจิตใจตลอดเวลา แอนโทนี่เผลอสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดที่ไม่อาจควบคุมจิตใจของตนได้เหมือนดั่งเก่า ตาคมทอดมองปุยเมฆด้านนอกอีกครั้งด้วยแววตาเหม่อลอย ...นี่เขาควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เดินหน้าต่อทั้งๆที่ไม่รู้ว่าหนทางจะเป็นเช่นไร หรือหันหลังกลับแล้วก้าวเดินไปตามทางที่คุณปู่แผ้วถางไว้ให้ ทางราบเรียบที่อาจจะไม่ตื่นเต้นหรือน่าดึงดูดใจ แต่เป็นทางที่เขารู้ดีว่าจะปลอดภัยและจะไม่ทำให้ตัวเองต้องบาดเจ็บอีกต่อไปอย่างแน่นอน ...

บอมบาลูบาร์ ผับดังย่านไฮโซของกรุงเทพมหานคร

จิดาภาแสร้งทำตัวครื้นเครงไปกับเหล่าผองเพื่อนที่นัดมาร่วมพลเพื่อดื่มและแดนซ์คลายเครียดกันในวันสุดสัปดาห์เช่นนี้ หญิงสาวเอ่ยปากแซวผักหวาน เพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเยาว์ด้วยว่าพ่อและแม่ของทั้งสองเป็นเพื่อนรักร่วมแกงค์กันมาก่อนอย่างสนุกปาก กลบเกลื่อนความไม่สบายใจที่เกิดจากการกระทำของแอนดี้เมื่อตอนกลางวัน หากแต่อาการเหม่อลอยยามเผลอตัวของหญิงสาวก็ไม่อาจหลุดรอดสายตาปานเหยี่ยวของวินธัยไปได้ ชายหนุ่มเฝ้ามองอาการยิ้มแย้มของเพื่อนสาวด้วยความแปลกใจ ปกติแล้วจิดาภาไม่ใช่คนชอบเก็บอะไรมาคิดให้รกสมองหรือเก็บความเครียดเอาไว้กับตัวเช่นนี้ หญิงสาวมักจะระบายมันออกมาให้เพื่อนสนิทรับทราบแล้วกลับมาร่าเริงดั่งเก่าในเวลาอันรวดเร็วต่างหาก แต่ก็นั่นล่ะ ตั้งแต่เพื่อนสนิทของเขาตกหลุมรักเข้าโครมเบ้อเร้ออะไรที่คิดว่าจะไม่มีทางได้เห็น ก็เกิดขึ้นมาแล้วทั้งนั่น ไม่ว่าจะเป็นอาการเขินอายเหมือนสาวแรกรุ่น การเปลี่ยนลุกส์ของตัวเองเพื่อดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย จวบจนไปถึงอาการวิตกจริตคิดกังวลอะไรล่วงหน้าไปก่อนมากมาย

วินธัยตัดสินใจฉุดเพื่อนสาวให้ออกไปเต้นรำกลางฟลอลร์ด้วยกันในที่สุด หวังให้อีกฝ่ายได้สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับจังหวะเสียงเพลงจนหลงลืมเรื่องอะไรก็ตามที่ทำให้หญิงสาวไม่สบายใจอยู่ในตอนนี้ เจษฎาเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มรีบลุกจากโต๊ะตามมาด้วยทันที ทิ้งให้ผักหวาน กัญชนินทร์และเจ้าตะวันนั่งดื่มกันต่อที่โต๊ะเพียงสามคน

“ เฮ้ย เอส นั่นมันสาวโสดในฝันหวานใจแกไม่ใช่เหรอ“

อิทธิพลรีบเบือนสายตามองตามทิศทางที่เพื่อนสนิทบุ้ยใบ้ทันทีที่ได้ยิน รอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปากเมื่อเห็นร่างโปร่งบางคุ้นตากำลังเต้นรำอยู่กลางฟลอลร์พร้อมกับเพื่อนสนิท ชายหนุ่มรีบก้าวเท้าไปเบื้องหน้าหวังจะเดินตรงไปหาอีกฝ่าย หากแต่ก็เดินไปได้เพียงแค่สองก้าวเท่านั้นด้วยโดนแรงดึงจากมือของเพื่อนสนิทที่มาด้วยกันฉุดรั้งเอาไว้ก่อน

“ นี่แกยังไม่เข็ดอีกเหรอวะเอส เขาก็บอกอยู่ว่าไม่ได้คิดอะไรกับแก เห็นแกเป็นแค่เพื่อน ยังจะฝืนเข้าไปยุ่งกับเขาให้เจ็บอีกทำไหม“

“ ฉันรู้...แต่ตราบใดที่เขายังไม่แต่งงาน ฉันก็มีสิทธิ์“

“ แกนี่มัน...“ ร่างสูงเบื้องหน้าอิทธิพล ได้แต่ชะงักคำพูดของตนไว้ในลำคอเมื่อเห็นแววตามุ่งมั่นของเพื่อน

“ ดื้อด้านจริงๆ อยากจะเป็นของตายของผู้หญิงคนนั้นก็ตามใจแก ฉันจะไปนั่งกินเหล้ากับพวกไอ้นุมัน เสร็จธุระของแกแล้วก็ตามไปด้วยแล้วกัน“
ตาคมฉายแววหม่นเศร้าเนื่องด้วยคำพูดของเพื่อนสนิทกระแทกใจเข้าอย่างจัง หากแต่เพียงชั่วครู่ก็กลับมาฉายแววมุ่งมั่นดั่งเดิม ชายหนุ่มรีบกวาดสายตามองไปรอบๆทันทีเมื่อเห็นว่าร่างโปร่งบางในชุดเดรสสีขาวได้หายออกไปจากฟลอลร์เต้นรำแล้ว สองขาจึงรีบก้าวแทรกผ่านผู้คนเมื่อมองเห็นหญิงสาวในขุดเดรสสีขาวยืนอยู่ไม่ห่างจากจุดที่ตนเองยืนอยู่มากนัก หากแต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อเข้าไปใกล้แล้วพบว่าหญิงผู้นั้นไม่ใช่คนที่ตนเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกลมหายใจ

ชายหนุ่มรีบกล่าวขอโทษอีกฝ่ายทันที ก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาร่างโปร่งบางคุ้นตาต่อไป

“ มีใครเห็นหวานบ้างไหม“ ตะวันถามอย่างร้อนรนทันทีที่เพื่อน ๆ กลับมานั่งที่โต๊ะครบแล้ว ทุกคนต่างส่ายศีรษะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความร้อนใจด้วยนึกห่วงเพื่อนสาวที่จู่ๆก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

“ งั้นเอาอย่างนี้ จีนนั่งเฝ้าโต๊ะเอาไว้เผื่อหวานเดินกลับมาจะได้ไม่เคว้ง ส่วนต้ากับวินเดินไปดูที่โซนอาร์แอนด์บี เจษฎ์ นายลองย้อนไปดูที่ลานจอดรถนะเพื่อหวานจะไปรอที่นั่น ส่วนฉันจะเดินวนหารอบๆที่เหลือเอง“

ทุกคนพยักหน้ารับการตัดสินใจของเจ้าตะวัน ชายหนุ่มผู้เปรียบเสมือนพี่ใหญ่ในกลุ่มทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ ต่างคนต่างแยกย้ายกันออกเดินตามหาผักหวานทิ้งให้จิดาภานั่งรออยู่ที่โต๊ะเพียงลำพัง หญิงสาวพยายามสอดส่ายสายตามองไปรอบๆหวังจะเห็นร่างคุ้นตาของเพื่อนสนิทหากแต่เป็นร่างสูงใหญ่ของอิทธิพลต่างหากที่เดินตรงมายังโต๊ะที่หญิงสาวนั่งอยู่ จิดาภาได้แต่ลอบทอดหายใจอย่างกลัดกลุ้ม ...ให้มันได้อย่างนี้สิ ไอ้คนที่อยากเจออยากให้มาหากลับไม่มา ส่วนไอ้คนที่อยากจะหนีหน้าไปให้ไกลกลับเดินเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตไม่ยอมหนีห่างไปไหนสักที...

“ สวัสดีครับจีน“ อิทธิพลเอ่ยทักเสียงนุ่ม ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ใกล้ตัวอีกฝ่าย จิดาภาได้แต่ส่งรอยยิ้มไปให้ร่างสูงคุ้นตา ก่อนจะเอ่ยรับคำทักทาย

“ สวัสดีคะเอส มาคนเดียวหรือมากับใครคะ “

“ มากับพวกไอ้นุ ไอ้เต้นะครับ แล้วนี่เพื่อนๆจีนไปไหนกันหมดละครับ“ ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยท่าทีสบายๆ ในเมื่อเธออยากให้เขาเป็นแค่เพื่อน เขาก็จะยอมทำตัวเป็นเพียงเพื่อนที่ดีไปก่อน เขาจะยืนอยู่ข้างๆ จะรอจนกว่าหญิงสาวเห็นใจและยอมรับเขากลับเข้ามาในใจอีกครั้ง

“ ไปตามหาหวานนะคะ ไม่รู้หายไปไหน ยิ่งดื่มเข้าไปเยอะๆอยู่ด้วย“

“ ถ้าอย่างนั้น ผมจะนั่งเป็นเพื่อน จนกว่าคนอื่นๆจะกลับมานะครับ“ จิดาภาได้แต่พยักหน้ารับ ตากลมสวยฉายแววห่วงใยเพื่อนสนิทอย่างปิดไว้ไม่มิด
อิทธิพลลอบมองใบหน้าหวานใสของคนตรงหน้าอย่างคนึงหา...ทั้งๆที่อยู่ใกล้เพียงแค่นี้ แต่เขากลับเอื้อมไม่ถึงเสียที..ชายหนุ่มคิดในใจอย่างหม่นเศร้า ก่อนจะรีบปัดความคิดนี้ทิ้งไป... เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวคิดถึงแต่เรื่องของตัวเอง สิ่งที่เขาควรทำคือปลอบใจคนตรงหน้าที่กำลังวิตกกังวลกับการหายตัวไปของเพื่อนรักต่างหาก

“ ไม่ต้องคิดมากนะครับ คุณหวานเป็นคนเก่ง ยังไงก็เอาตัวรอดได้สบายอยู่แล้ว เธออาจจะแค่ไปเจอคนรู้จัก เลยเผลอทักทายนานไปหน่อยเท่านั้น“
จิดาภาได้แต่ส่งยิ้มจางๆไปให้คนตรงหน้า ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดปลอบตนเองอยู่ ยิ่งเมื่อเห็นสายตาห่วงหาที่อิทธิพลส่งมาให้ หญิงสาวก็ยิ่งเสียใจเมื่อนึกถึงการกระทำที่ผ่านมา ...ทำไมนะ ทำไมคนที่เธอหลงรักไม่ใช่เขา ถ้าเพียงแต่เป็นเขา เธอคงไม่ต้องมานั่งวุ่นวายใจอยู่อย่างนี้ ...

“ ไอ้จีนไม่ต้องเป็นห่วงแล้วแก ไอ้หวานมันโทรมาบอกฉันว่า มันเจอเฮียพีทตรงหน้าห้องน้ำ เลยขอให้เฮียแกช่วยพาไปส่งที่คอนโดแล้ว อ้าว นี่มัน... “ กัญชนินทร์ที่ตอนนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความโล่งอกชะงักคำพูดของตนเองลงเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทไม่ได้นั่งอยู่เพียงลำพัง หญิงสาวส่งรอยยิ้มไปให้ชายหนุ่มซึ่งเคยกิ๊กอยู่กับเพื่อนของตนพักใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากทัก

“ สวัสดีคะ คุณเอส“

“ สวัสดีครับคุณต้า คุณวิน“ อิทธิพลเอ่ยปากทักตอบไม่ลืมที่จะเผื่อแผ่ไปยังร่างสูงที่ก้าวเดินตามมา วินธัยพยักหน้ารับก่อนจะส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามไปให้เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ไม่ห่าง

“ เห็นไหมครับผมบอกแล้วว่าคุณหวานไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ... จีนคงอยากจะสนุกกับเพื่อนๆต่อแล้ว“ อิทธิพลกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะขอตัวเดินจากไปโดยไม่ลืมที่จะหันมากล่าวคำลาเพื่อนสนิททั้งสองของจิดาภา วินธัยรีบทรุดตัวลงนั่งข้างๆหญิงสาวแทนที่อีกฝ่ายทันที ในขณะที่กัญชนินทร์เองก็รีบนั่งตรงเก้าอี้อีกข้างที่ว่างอยู่

“ เป็นไงมาไงกัน ไหงตาเอสมานั่งอยู่กับแกได้วะจีน“ วินธัยเอ่ยถาม

“ เขาเห็นฉันนั่งอยู่คนเดียว เลยเข้ามานั่งเป็นเพื่อน“

“ พระเอกมั๊กมาก ขนาดแกบอกว่าไม่เคยคิดอะไรกับเขา เขายังเป็นห่วงเป็นใยไม่ยอมทิ้งแกให้อยู่คนเดียวอีกต่างหาก... “ กัญชนินทร์แกล้งกล่าวด้วยท่าทางเพ้อๆ ก่อนจะพูดต่อ “ ถามจริงๆเถอะ แกไม่คิดจะใจอ่อนบ้างเลยเหรอจีน เขาออกจะแสนดีป่านนี้ “

จิดาภาส่ายหน้าเบาๆแทนคำตอบในขณะที่วินธัยได้แต่ลอบถอนหายใจอยู่ในอก ...ทำไมนะไอ้จีน ทำไมไม่รักคนที่เขารักแกวะ... ชายหนุ่มได้แต่คิดอยู่คนเดียวในใจ ก่อนจะยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นดื่ม สิ้นสุดการสนทนาในเรื่องนี้ลงแต่เพียงเท่านี้


*.:。✿*゚‘゚・✿.。.:*.:。✿*゚‘゚・✿.。.:*

มาเเล้วคับ ต้องขอโทษคนรออ่านด้วยที่อัพช้า ไม่ใช่เเค่ในนี้แต่ทุกบอร์ดนั่นล่ะ 555 เพิ่งรู้ว่าการรีไรท์ยิ่งเพิ่มรอบก็ยิ่งยากแฮ่ะ มันกลายเป็นว่า อันนี้ก็ไม่ดีสักที เหอๆๆ ผ่านมาจะสองอาทิตย์ เพิ่งได้บทที่ 1 เอง เอิ๊กๆ

บ่นมาพอประมาณ มาเรื่องหนูจีนดีกว่า เรื่องนี้แอบหยอดว่าเปลี่ยนอารมณ์และโหมดไปเรื่อยๆ อ่านๆไประวังไว้นะจ๊ะเพราะที่เดาน่ะ อาจจะผิดหมด อิอิอิ

ชอบคุณนักอ่านที่เเวะเข้ามาอ่าน มาทักทายกันนะจ๊ะ ทุกเมนท์คือกำลังใจ จำนวนคนอ่านคือยาชูกำลังที่ได้ผลที่สุด


◕‿◕ ณนาถ











Create Date : 14 ตุลาคม 2551
Last Update : 14 ตุลาคม 2551 8:41:51 น. 2 comments
Counter : 178 Pageviews.

 
ตอบเมนท์ค้า

SmileTeppe -- ช่วงนี้มันวุ่นๆ เลยมาอัพไม่สม่ำเสมอ (เห็นหลายคนแอบตามไป่นที่บอร์ดอื่น) เดี่ยวจะรีบลงให้เท่ากันทุกบอร์ดภายในอาทิตย์นี้ ยังไงคนอ่านอย่าบ่นละกันว่าตามไม่ทัน อิอิ



โดย: Na_Nath วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:8:46:03 น.  

 
หวัดดีคับ เอาเรื่องดีๆมาฝาก
บางเวลากำลังใจก็มาจากผืนดินที่เรายืนอยู่
บางครั้งเราก็ห่างไกลจาก
...ความเรียบง่าย
ผมเลยชวนไปอ่านปู่เย็นด้วยกัง
ขออภัยที่ต้องวางลิงค์ภาพใหญ่คับ

คำคมและประวัติปู่เย็น



โดย: พลังชีวิต วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:8:50:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Na_Nath
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






✎ งานเขียนทั้งหมดในblog นี้ ✎

สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายพระราช

บัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์

เผยแพร่ หรือ คัดลอกไปกระทำการ

ใดๆก็ตาม..หากผู้ใดกระทำการฝ่าฝืน

เจ้าของ blog สามารถดำเนินการตาม

กฏหมายได้ทุกกรณี (◡‿◡✿)




Group Blog
 
 
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
14 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Na_Nath's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.