แผนรักกระชากใจเธอ ตอนที่ 14



ท่ามกลางเวลาเร่งรีบในชั่วโมงที่เร่งด่วนของประเทศซึ่งเต็มไปด้วยการแข่งขันอย่างสิงค์โปร์ ชายชราในชุดเสื้อโปโลลำลองกำลังพัทลูกกอล์ฟลงหลุมย่างสบายอารมณ์ ภายในบริเวณบ้านที่เต็มไปด้วยสวนเขียวขจีบ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของได้เป็นอย่างดีสำหรับเกาะเล็กๆที่พื้นที่มีค่ามากกว่าทองคำเช่นนี้

เวลาแห่งความสุขถูกขัดขวางโดยโทรศัพท์ซึ่งคนสนิทยื่นส่งมาให้ จางเทียนอี้อดขมวดคิ้วไม่ได้หากแต่เมื่อรู้ว่าปลายสายคือเฉินอี้หลิง หลานสาวคนเล็กของเพื่อนสนิท รอยยิ้มก็กลับมาปรากฏบนใบหน้าอีกครั้ง ชายชราพยักหน้าเป็นสัญญาณให้คนสนิทถอยออกไปก่อนจะกรอกเสียงพูดกับปลายสายด้วยน้ำเสียงที่น้อยนักจะใช้กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว

“ ว่ายังไงเจ้าหลิงหลิงน้อย หายหน้าไปนานเลยนะมัวแต่ไปเที่ยวเล่นกับพี่อี้เหมินของเจ้าเพลินละซิ”

“ ใครว่าละคะ พี่อี้เหมินน่ะหนีไปเที่ยวคนเดียวแล้วลอยแพหลิงหลิงไว้ต่างหากล่ะ”

คิ้วของชายชรากลับมาขมวดอีกครั้งเมื่อได้ฟัง น้ำเสียงที่ใช้ถูกปรับให้เข้มขึ้นเมื่อถามถึงสาเหตุกับอีกฝ่าย

“ หมายความว่ายังไง ไหนอี้เหมินบอกว่าเราไปอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงได้ลอยแพน้องแบบนี้ นี่พี่เค้าแกล้งอะไรเราอีกหรือเปล่าหลิงหลิง”

“ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะคุณปู่เทียนอี้ “ เฉินอี้หลิงรีบปฏิเสธด้วยกลัวว่าตนจะทำให้จางอี้เหมินต้องลำบาก “ คือว่าหลิงหลิงขออนุญาตพี่อี้เหมินมาพักอยู่กับเพื่อนสนิทน่ะค่ะ”

“ ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป แล้วทำไมถึงบอกว่าพี่เขาลอยแพเราล่ะ”

“ ก็คุณปู่น่ะซิ” น้ำเสียงกล่าวหาที่ได้ยินทำให้ชายชราอดแปลกใจไม่ได้

“ ปู่เหรอ ปู่ไปทำอะไรให้”

“ ก็คุณปู่ใช้งานพี่อี้เหมินหนักมากจนพี่เขาทนไม่ไหวต้องหนีไปพักผ่อนน่ะซิคะ มือถือก็ปิดเบอร์โทรติดต่อก็ไม่ยอมให้ไว้ หลิงหลิงเป็นห่วงพี่เค้าจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วนะคะคุณปู่”

“ เกิดเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน“

จางเทียนอี้รีบซักทันที เฉินอี้หลิงลอบยิ้มอย่างสมใจขณะเล่าถึงเหตุการณ์ให้อีกฝ่ายได้ฟัง...ช่วยไม่ได้นะคุณเลขาในเมื่อคุณไม่ยอมบอกฉันดีดี ฉันก็ต้องพึ่งคนที่คุณไม่อาจปฏิเสธได้ล่ะ



แอนโทนี่มองคนในอ้อมแขนด้วยแววตาอ่อนโยน มือหนาเกลี่ยไปตามไรผมก่อนจะกดจูบตามลงไปเบาๆอย่างแสนรัก จิดาภาได้แต่บิดกายหนีอย่างรำคาญสัมผัสแผ่วๆที่รุกรานไปทั่วใบหน้า เสียงหัวเราะที่ได้ยินทำให้คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันทั้งๆที่เจ้าตัวยังหลับตาอยู่... เสียงอะไรกัน ทำไมถึงดังเหมือนอยู่ใกล้อย่างนี้นะ

ตากลมสวยค่อยๆปรือขึ้นอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจเมื่อมองเห็นแผงอกเบื้องหน้า กระไออุ่นที่โอบล้อมรอบตัวทำให้หญิงสาวระลึกได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวาน ใบหน้าหวานแดงซ่านอย่างไม่อาจระงับได้เมื่อนึกถึงสัมพันธ์ใกล้ชิดที่เกิดขึ้น

แอนโทนี่อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นลูกแมวน้อยของเขาซุกตัวเข้าหาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี เนื้อตัวขาวผ่องตอนนี้แดงระเรื่อด้วยความอายของเจ้าตัว มือหนาเชยคางมนให้แหงนเงยขึ้นก่อนจะจูบเบาๆลงบนปากอิ่มและเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“ อรุณสวัสดิ์ครับคนดีของพี่”

“ อรุณสวัสดิ์คะ” จิดาภาตอบรับเสียงอุบอิบในลำคอ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้หญิงสาวรู้ดีว่าตนเองไม่ใช่คนเก่าอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอเป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจ

“ หน้าตาพี่ตอนตื่นนอนดูไม่ได้เลยหรือครับ จีนถึงไม่ยอมมองหน้าพี่แบบนี้” แอนโทนี่เย้าเสียงหวาน มือบางที่ทุบลงบนอกแกร่งไม่ได้ทำให้เจ็บปวดแต่อย่างใดเพราะชายหนุ่มยังคงหัวเราะได้อย่างมีความสุข

“ คนบ้า พี่แอนดี้ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ สนุกหรือไงคะเวลาเห็นจีนทำอะไรไม่ถูก”

“ จ๊ะ “

ชายหนุ่มตอบรับแทบจะทันที จิดาภาได้แต่หันหลังหนีอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับคนหน้าเป็น สัมผัสแผ่วๆจากปากนุ่มที่ไล่มาตามไหล่บางทำให้หญิงสาวต้องรีบหันหน้ากลับมาอีกครั้งก่อนจะยกมือขึ้นปิดริมฝีปากของคนตรงหน้าไม่ให้รังแกตนมากไปกว่านี้

“ ใจร้าย “ แอนโทนี่แกล้งโอดเสียงละห้อย ก่อนจะร้องโอ้ยออกมาเสียงดังเมื่อถูกมือบางหยิกเข้าที่สีข้างอย่างแรง

“ สมน้ำหน้า” จิดาภาย่นจมูกใส่อย่างสะใจ ก่อนจะหันหนีแทบไม่ทันเมื่อถูกคนตรงหน้าแกล้งกลับโดยการไล่เม้มไปตามผิวบางอย่างหยอกล้อ

เสียงหัวเราะแผ่วๆที่ดังมาจากในห้องทำให้คนสนิทอย่างจางต้าซื่อได้แต่หยุดยืนรออย่างกะวนกะวายใจ ชายร่างสูงได้แต่เดินไปมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับข้อความที่ได้รับ เมื่อครู่มีนาเพิ่งโทรมาบอกว่าจางเทียนอี้ประมุขของตระกูลจางต่อโทรศัพท์สายตรงเข้ามาถามหานายน้อยของตน ชายวัยต้นสามสิบนึกรู้ได้ในทันทีว่าคงเป็นเพราะคุณหนูหลิงหลิงโทรไปรายงานท่านผู้เฒ่าเป็นแน่ สังหรณ์ในใจบอกว่าความวุ่นวายกำลังจะตามมาในไม่ช้า สุดท้ายชายหนุ่มทำได้เพียงแค่ทอดถอนใจ เอาไว้ให้นายน้อยของเขาออกมาจากห้องพักส่วนตัวก่อนแล้วกันค่อยรายงานถึงเรื่องนี้ให้ฟัง เขาไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะความสุขของคนทั้งคู่ในเวลานี้


กว่าแอนโทนี่และจิดาภาจะออกมาจากห้องได้ก็เป็นเวลาสายมากแล้ว ทั้งคู่ช่วยกันหอบหิ้วอุปกรณ์วาดภาพไปยังชายฝั่งทะเลจุดเดียวกับที่หญิงสาววาดรูปเล่นวันก่อน แอนโทนี่เหลือบหางตาไปยังต้นไม้ใหญ่ที่ยืนทอดรากอยู่ไม่ไกลนัก สัญญาณมือจากร่างสูงใหญ่ของจางต้าซื่อทำให้ชายหนุ่มจำต้องขอตัวจากร่างโปรงระหงตรงหน้าเพื่อก้าวเข้าไปถามไถ่ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะบอก

จางต้าซื่อได้แต่ลอบถอนใจเมื่อเห็นประกายตาขุ่นมัวของนายน้อย เขาเองก็ไม่อยากขัดขวางเวลาส่วนตัวของผู้เป็นนายเช่นกัน หากแต่สิ่งที่รู้ก็ใหญ่เกินกว่าที่จะมองข้ามไปได้

“ มีอะไรเหรอต้าซื่อ” แอนโทนี่ถามเสียงเข้ม จางต้าซื่อได้แต่ก้มหัวเป็นเชิงขอโทษก่อนจะรายงานถึงสิ่งที่ตนได้รับรู้จากมีนาเลขาสาวของชายหนุ่มให้ฟัง

“ คุณท่านโทรมาถามหาคุณชายกับคุณมีนครับ โกรธใหญ่ที่คุณมีนไม่ยอมบอกที่อยู่ให้ ท่านเลยสั่งมาว่าให้คุณชายติดต่อกลับไปด่วน ก่อนที่ท่านจะทนรอไม่ไหวแล้วบินมาหาคุณชายที่เมืองไทยเอง”

แอนโทนี่ขมวดคิวทันทีที่ได้ฟัง ปกติคุณปู่ของเขาไม่เคยก้าวเข้ามาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเลยสักครั้ง ทำไมครั้งนี้ท่านถึงทำราวกับว่าเขาทำความผิดใหญ่หลวงแบบนี้

“ คุณปู่รู้เรื่องฉันได้ยังไงกัน”

“ คิดว่าคงเป็นคุณหลิงหลิงครับ เธอตามหาคุณมาหลายวันแล้วแต่คุณมีนไม่ยอมบอกที่อยู่ของคุณให้รู้ เธอคงเป็นห่วงคุณนะครับ”

...หลิงหลิงนะหลิงหลิงก่อเรื่องอีกแล้ว...แอนโทนี่ได้แต่สบถในใจอย่างฉุนเฉียวก่อนจะสั่งให้จางต้าซื่อต่อโทรศัพท์ถึงปู่ของตนให้ทันที



เสียงโทรศัพท์ที่แผดร้องและหมายเลขปลายทางที่ปรากฎบนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้จางเทียนอี้รู้ได้ในทันทีว่าเป็นของหลานชายตนเอง ชายชรารีบกดรับสายก่อนจะต่อว่ากลับไปอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว “ โทรมาแล้วรึ นึกว่าจะลืมไปแล้วว่ายังมีปู่อยู่อีกคน”

“ โธ่ คุณปู่ครับ” แอนโทนี่รีบส่งเสียงครวญ “ ผมเพิ่งโทรไปคุยกับคุณปู่เมื่อวันก่อนเองนะครับ”

“ แต่ก็ไม่บอกว่าไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพ... อี้เหมินนี่เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ มีอะไรที่ปิดบังปู่อยู่หรือเปล่า”

น้ำเสียงที่พูดกลับมาทำให้แอนโทนี่ลังเลที่จะพูดถึงเรื่องจิดาภาให้ฟัง...คงต้องรอให้คุณปู่ได้มาเจอกับหญิงสาวเสียก่อนเขาจึงค่อยบอกกล่าวเรื่องนี้ให้ได้ฟัง ทำแบบนี้น่าจะดีกว่า ... ชายหนุ่มคิดในใจก่อนจะส่งเสียงสดใสตอบกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ ไม่มีนี่ครับ ผมแค่มาเที่ยวเกาะส่วนตัวของรุ่นน้องที่ฮาร์วาร์ด”

“ แล้วทำไมต้องปิดบังที่อยู่ด้วย หลิงหลิงเป็นห่วงเรามาก รู้บ้างหรือเปล่า”

... นั่นไงล่ะ สุดท้ายก็เผยไต๋ออกมาจนได้ว่าเป็นหลิงหลิงที่โทรไปบอก... แอนโทนี่คิดในใจ ก่อนจะแสร้งกุคำตอบกลับไปสดๆร้อนๆ

“ เผอิญว่าเจ้าของเกาะ เขาไม่ชอบให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายนะครับ ผมเลยสั่งคุณมีนว่าห้ามบอกที่อยู่ผมกับใครทั้งนั้น คุณมีนทำไปตามคำสั่งครับคุณปู่”

“ ก็น่าจะโทรไปหาน้องบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้ตามหาเราอยู่คนเดียวแบบนี้ น้องไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ปู่หมั่นอวี้อุตส่าห์วางใจให้เราดูแลอย่าทำให้ท่านต้องผิดหวังซิ อี้เหมิน”

“ ครับคุณปู่ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีก” แอนโทนี่ได้แต่รับคำอย่างจำใจด้วยรู้ดีว่าปู่ของตนเป็นคนไม่ชอบคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น จางเทียนอี้ยิ้มรับอย่างพอใจในคำตอบก่อนจะหันกลับมาถามถึงกำหนดการกลับของชายหนุ่มต่อ

“ แล้วนี่จะกลับกรุงเทพเมื่อไร” แอนโทนี่ได้แต่กัดริมฝีปากอย่างตัดสินใจ ความจริงเหลือเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ก่อนที่จิดาภาจะกลับไปทำงานใหม่อีกครั้ง เขาอยากเก็บเกี่ยวช่วงเวลาดีๆที่มีแต่เขาและเธอก่อนจะกลับไปใช้ชีวิตเฉกเช่นปกติอีกครั้ง

“ คงกลับภูเก็ตวันจันทร์น่ะครับ แล้ววันอาทิตย์หน้าผมถึงจะกลับกรุงเทพ”

“ ทำไมต้องรอวันจันทร์ แล้วทำไมถึงไม่รีบกลับกรุงเทพ” น้ำเสียงที่ถามกลับมาทำให้แอนโทนี่นึกรู้ว่าปู่ของตนกำลังไม่พอใจ

“ ผมสัญญากับรุ่นน้องไว้นะครับ ถ้ากลับก่อนคงน่าเกลียด แล้วอีกอย่างงานตกแต่งโรงแรมที่ภูเก็ตจะเสร็จอาทิตย์หน้าแล้วด้วยผมอยากอยู่ดูความเรียบร้อยก่อน”

“ ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ…แต่อย่าลืมโทรไปบอกน้องด้วย หลิงหลิงเป็นห่วงเรามากนะ รู้ไหม”

คนเป็นปู่ยอมอ่อนข้อให้เมื่อได้ฟังเหตุผล หากแต่ก็ไม่วายสั่งความก่อนจะวางสาย แอนโทนี่ได้แต่รับปากอย่างจำใจก่อนจะกดวางสายลงในที่สุด



เสียงโทรศัพท์ที่กรีดร้องทำให้เฉินอี้หลิงซึ่งกำลังนั่งหน้ามุ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ผุดลุกขึ้นในทันที หญิงสาวรีบตรงไปยังโซฟาที่วางกระเป๋าถือทิ้งไว้ ก่อนจะควานหาโทรศัพท์และกดรับในทันที ใบหน้ารูปหัวใจเผยรอยยิ้มกระจ่างใสเมื่อได้ยินเสียงทักจากปลายสาย... ในที่สุดพี่อี้เหมินก็โทรมาซักที

อินทุอรได้แต่ส่ายหัวเมื่อเห็นอาการของเพื่อนสนิท หญิงสาวหันความสนใจมายังแบบร่างจิวเวอรี่ตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะยิ้มออกมาบางๆอย่างสบายใจ... ดูท่าเพื่อนรักของเธอคงจะหายจากอาการองค์ลงเสียทีกระมั้ง

“ พี่อี้เหมิน พี่อยู่ที่ไหนคะ รู้ไหมว่าหลิงหลิงตามหาพี่ไปทั่วเลย” เฉินอี้หลิงรีบเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงดีใจ

“ รู้…แล้วพี่ก็ขอบใจด้วยที่เป็นห่วง แต่พี่ขอเถอะนะหลิงหลิงถ้าไม่จำเป็นอย่าโทรไปรบกวนคุณปู่อีก “

“ พี่อี้เหมิน” ปากอิ่มถูกเจ้าตัวเม้มแน่นอย่างระงับอารมณ์ “ ก็หลิงหลิงเป็นห่วงพี่นี่คะ โทรไปถาม คุณมีนก็ไม่ยอมบอก ไปตามหาเองก็ไม่ได้คำตอบ หลิงหลิงไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องโทรไปถามคุณปู่ซิคะ” น้ำเสียงน้อยใจที่ได้ยินทำให้แอนโทนี่อดใจอ่อนอย่างทุกครั้งไม่ได้ น้ำเสียงที่ใช้ในประโยคต่อมาจึงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“ เอาล่ะ เอาล่ะ พี่เข้าใจแล้ว ไม่ต้องทำเสียงอย่างนั้นหรอก เอาเป็นว่าพี่สบายดี วันอาทิตย์หน้าจะกลับถึงกรุงเทพ”

“ อาทิตย์หน้าเลยหรือคะ ตกลงว่าพี่อี้เหมินอยู่ไหนกันแน่ ทำไมถึงบอกหลิงหลิงไม่ได้”

“ พี่มาพักที่เกาะส่วนตัวของรุ่นน้องน่ะหลิงหลิง มันเป็นเกาะปิดไม่เปิดให้คนนอกเข้าออก”

เฉินอี้หลิงเม้มปากแน่นเมื่อได้ฟัง ใจนึกอยากจะซักต่อให้มากกว่านี้ หากแต่เพราะรู้ดีว่าพี่อี้เหมินของเธอไม่ชอบคนจุกจิก หญิงสาวจึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ

“ แล้วเบอร์โทรศัพท์ล่ะคะ เป็นความลับด้วยเหรอ” หญิงสาวประชดกลับอย่างอดไม่อยู่

“ ไม่ใช่หรอกจ๊ะ แต่พี่ไม่อยากให้เขาลำบากใจ เอายังงี้แล้วกัน พี่จะโทรมารายงานตัวกับหลิงหลิงทุกวันเลยโอเคไหม “ แอนโทนี่ยอมอ่อนข้อให้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะรู้ดีถึงอุปนิสัยของหญิงสาว ชายหนุ่มจึงจำต้องรับปากแบบนี้เพื่อกันไม่ให้เธอเข้ามาวุ่นวายจนเสียเรื่องอีก

“ จริงนะคะ พี่อี้เหมินรับปากแล้วนะ” เฉินอี้หลิงพูดด้วยน้ำเสียงลิงโลด ก่อนจะวางสายลงอย่างวางใจในที่สุด...อย่างน้อยพี่อี้เหมินก็เห็นความสำคัญของเธอมากกว่าคนอื่นๆไม่ใช่เหรอ



แอนโทนี่ทอดสายตามองร่างโปรงระหงเบื้องหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน ในที่สุดเขาก็กำจัดอุปสรรคที่จะทำให้เธอและเขาไม่สามารถอยู่ร่วมกันตามลำพังไปได้ ชายหนุ่มคิดในใจอย่างอารมณ์ดีขณะก้าวไปตามทางเดินอย่างไม่รีบร้อน ในมือมีดอกกล้วยไม้ที่แอบขอมาจากลูกชายแม่บ้านใหญ่ซ่อนอยู่ข้างหลัง

จิดาภาส่งยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างน่ารัก มือบางรับเอาดอกกล้วยไม้มาถือไว้ในมืออย่างทะนุถนอม ก่อนจะเขย่งตัวขึ้นจูบข้างแก้มชายหนุ่มแทนคำขอบคุณ แอนโทนี่ส่ายศีรษะน้อยๆอย่างไม่ยอมรับ ชายหนุ่มชี้มายังริมฝีปากของตนขณะะทอดสายตามองอีกฝ่ายด้วยแววตาพราวระยับ จิดาภาอดพึมพำถึงความเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายไม่ได้ หากแต่ก็ยอมโน้มลำคอของชายหนุ่มลงมาเพื่อประทับจูบแต่โดยดี

หากแต่แอนโทนี่กลับไม่พอใจเพียงแค่นี้ เพราะทันทีที่ริมฝีปากบางประทับลงมา ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะบดเบียดริมฝีปากเข้าหาก่อนจะคลึงเคล้าและตามเข้าไปหาความอ่อนหวานภายใน จิดาภาได้แต่เอนตัวซบอกอุ่นหลังจากที่จูบร้อนแรงผ่านพ้นไป ใบหน้าหวานยังแดงซ่านไม่หายแม้ในยามที่ถูกเจ้าของอ้อมกอดเย้าแหย่ถึงความหัวไวของตนเอง

“ ลูกศิษย์พี่เก่งจัง สอนแค่ไม่กี่ครั้งก็จูบเก่งจนอาจารย์แทบขาดใจ”

“ คนบ้า ชอบแกล้งให้จีนได้อายอยู่เรื่อยเลย” จิดาภาแกล้งว่าให้อย่างแสนงอน หากแต่แอนโทนี่กลับไม่นึกรำคาญเลยสักนิด ชายหนุ่มโอบประคองเอวบางที่หันหน้าหนีให้กลับมาดูภาพวาดด้วยกันอีกครั้งก่อนจะเอยปากชมเมื่อเห็นว่าผลงานของหญิงสาวเสร็จลุล่วงสมบูรณ์แบบแล้ว

“ เสร็จแล้วนี่ จีนของพี่เก่งจัง วาดรูปก็เก่ง ลงสีก็เก่ง แถมยัง...จูบเก่งอีกต่างหาก” ชายหนุ่มแกล้งทอดประโยคท้ายอย่างล้อเลียนอีกครั้งทำให้คนในอ้อมแขนได้แต่ยืนแก้มแดงแปร้ดอย่างทำอะไรไม่ถูก

“ พี่แอนดี้ !”

“ ครับ ครับ ครับ ยอมแล้วครับ ไม่พูดแล้วคร้าบ เฮ้อ ! เมียเราดุจริงแฮ่ะ พูดเล่นนิดเดียวก็เสียงเขียวแล้ว “ แอนโทนี่แกล้งยกมือขึ้นทั้งสองข้างดุจยอมยกธงขาวให้คนตรงหน้า จิดาภาได้แต่หัวเราะอย่างนึกขำในความหน้าเป็นของคนรัก ยิ่งได้เห็นแง่มุมที่คนอื่นไม่เคยสัมผัส หญิงสาวก็ยิ่งรักคนตรงหน้าเข้าไปใหญ่ ... รักจนไม่อาจคิดได้เลยว่าจะอยู่เพียงลำพังโดยไม่มีเขาได้อย่างไร

สองหนุ่มสาวเกี่ยวก้อยกันเดินเล่นไปตามชายหาดอย่างมีความสุข แอนโทนี่มองร่างโปร่งระหงที่ขีดเขียนชื่อตนเองบนผืนทรายอย่างนึกเอ็นดูก่อนจะทรุดตัวลงนั่งและเขียนชื่อตนเองลงไปบ้าง จิดาภาส่งยิ้มให้คนตรงหน้ายามที่ชายหนุ่มหันกลับมามองก่อนจะยิ้มกว้างมากกว่าทุกครั้งเมื่อเขาเขียนคำว่ารักลงตรงกลางระหว่างชื่อของเขาและเธอ


ในอีกมุมหนึ่งของฟากฟ้า บนชั้นสูงที่สุดของตึกใหญ่ใจกลางเมืองกรุงเทพ อิทธิพลมองตั๋วเครื่องบินในมืออย่างตัดสินใจ ก่อนจะทอดสายตามองออกไปบนฟ้ากว้าง

...ทั้งๆที่รู้ว่าปลายทางจะเป็นอย่างไร แต่เขาก็จะไป ไปให้เห็นกับตา...

ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มขื่นให้กับตัวเองเมื่อนึกมาถึงตอนนี้ ทั้งๆที่บอกตัวเองมาโดยตลอดว่าความสุขของเธอก็คือความสุขของเขา หากแต่เมื่อนึกถึงภาพที่เธอยืนเคียงข้างคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ใจเจ้ากรรมก็อดเจ็บแปลบขึ้นมาไม่ได้

...ง่ายนักที่จะรัก แต่ยากนักที่จะลืม...



“ คุณอิทธิพล”

มีนาเอ่ยทักเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่อยู่ตรงบริเวณแคชเชียร์

“ ดิฉันมีนาเป็นเลขาส่วนตัวของคุณแอนดี้คะ คุณอิทธิพลมาพักผ่อนเหรอคะ” มีนาบอกถึงสถานะของตนเองให้ทราบก่อนจะลอบกวาดตามองร่างสูงตรงหน้าอย่างตรวจตรา อิทธิพลพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงตอบรับก่อนจะส่งยิ้มให้คนตรงหน้าเมื่อรู้ว่าเธอเป็นใคร

“ ครับ แล้วคุณมีนาล่ะครับ มาทำอะไรที่นี่”

“ ดิฉันมาดูงานให้คุณแอนดี้น่ะคะ “ อิทธิพลพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะเลียบเคียงถามถึงชายหนุ่มผู้เป็นศัตรูหัวใจ

“แล้วคุณแอนดี้ล่ะครับอยู่ที่ไหน ผมจะได้เข้าไปทักทายซักหน่อย” มีนาส่งยิ้มให้ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยคำพูดที่ท่องจำจนขึ้นใจ

“ คุณแอนดี้ไปพักผ่อนคะ น่าเสียดายนะคะที่คุณอิทธิพลมาเข้าพักตอนที่โรงแรมยังไม่ทันเสร็จดี ไม่อย่างนั้นล่ะก็จะต้องประทับใจในโรงแรมของเรามากกว่านี้แน่ๆ”

“ เท่านี้ก็สวยมากแล้วล่ะครับ ยิ่งเป็นฝีมือของจีนด้วยแล้ว รับประกันได้เลยว่าจะต้องไม่เหมือนใคร” อิทธิพลพูดยิ้มๆขณะลอบสังเกตอาการของคนตรงหน้า หากแต่กลับไม่พบพิรุธอะไรเลยสักนิด ชายหนุ่มได้แต่เก็บงำคำถามที่มีอยู่ในใจ รู้ดีว่าถามไปให้ตายยังไงคนตรงหน้าก็ไม่มีวันยอมปริปากบอก
มีนาได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างอย่างชั่งใจ ...จะรายงานคุณแอนดี้ดีไหมนะว่าคุณอิทธิพลมาเข้าพักที่โรงแรมตอนนี้ ...

...อย่าเลย...หญิงสาวตัดสินใจได้ในที่สุดว่าไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ คงไม่มีอะไรหรอก ในเมื่อคุณแอนดี้กับคุณจีนก็เข้าใจกันดีแล้วนี่นา หญิงสาวคิดในใจก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไปเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยภายนอกอีกครั้ง



จิดาภาทอดสายตามองหาดทรายเบื้องหน้าอีกครั้งอย่างตัดใจขณะก้าวเท้าขึ้นเรือยอร์ชที่จอดรออยู่เทียบท่า แอนโทนี่สังเกตเห็นโดยตลอดถึงท่าทีอาลัยของหญิงสาว ชายหนุ่มได้แต่โอบกอดร่างโปร่งระหงเอาไว้แนบกายขณะยืนมองตัวเกาะที่ค่อยๆเล็กลงไปเรื่อยจนลับสายตาไปพร้อมกัน

“ จีนต้องคิดถึงที่นี่มากแน่ๆเลยคะพี่แอนดี้”

“ พี่ก็เหมือนกันจ๊ะ” แอนโทนี่ก้มลงตอบ ขณะกระชับอ้อมกอดของตนให้แน่นเข้า ภายในใจบัดนี้มีคำตอบสำหรับรุ่นน้องหนุ่มเอาไว้แล้ว

...เขาจะซื้อที่นี่ ไม่ใช่ทั้งเกาะแต่เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น แค่พื้นดินส่วนนั้น พื้นที่ที่เป็นบ้านในฝันของจิดาภา ...

ชายหนุ่มยิ้มในใจเมื่อนึกมาถึงตอนนี้ เขาจะเก็บความคิดนี้เอาไว้ จะไม่บอกให้เธอได้รู้ เพื่อที่มันจะได้เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ ของขวัญแทนใจที่เขามีให้ต่อเธอในวันแต่งงาน



อิทธิพลมองร่างโปร่งระหงที่นั่งหันหลังทอดสายตามองทะเลเบื้องหน้าด้วยความยินดี เพียงแค่เห็นด้านหลังเขาก็รู้แล้วว่านี่คือเธอ คือจิดาภาคนที่เขารัก หากไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้เดินไปหา สองขาก็พลันชะงักอยู่กับที่เมื่อมองเห็นแอนโทนี่เดินตรงไปยังเก้าอี้ตัวที่หญิงสาวนั่งอยู่เช่นกัน ชายหนุ่มมองคนทั้งคู่ด้วยแววตาปวดร้าว ภาพที่แอนโทนี่ก้มตัวลงพูดกับหญิงสาวด้วยแววตาอ่อนโยน แววตาที่หญิงสาวใช้มองคนตรงหน้ามันทำให้เขาเจ็บยิ่งกว่าเจ็บ ชายหนุ่มไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่เดินหนีไปเสีย กลับยืนดูคนทั้งคู่หยอกล้อกันราวกับไม่รู้สึกอะไร

ไม่ใช่เพราะเขาเข้มแข็งหรอก หากแต่มันเจ็บเสียจนหมดแรงที่จะเคลื่อนไหวต่างหาก อิทธิพลได้แต่ยิ้มขื่นให้กับตัวเองในใจ นี่ไงล่ะ คำตอบที่เฝ้าตามหา ไม่ใช่เพราะระยะทางที่ห่างไกลหรือการติดต่อที่ไม่ได้ผลหากแต่เป็นเพราะใจเธอ ...ใจเธอไม่เคยมีเขาอยู่เลยสักนิด

แอนโทนี่กุมมือบางให้เดินไปบนทางเดินเพื่อขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นบนสุดด้วยกันช้าๆ ใจจริงแล้วอยากจะโอบกอดคนเอวบาง ให้เดินไปด้วยกันมากกว่า หากแต่คำขอร้องเมื่อครู่ทำให้ต้องยั้งความต้องการของตนเอง

...พี่แอนดี้อย่าทำรุ่มร่ามแบบนี้ซิคะ ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคนแล้วนะ...

ชายหนุ่มยังจำได้ดีถึงน้ำเสียงเว้าวอนยามที่เขาก้มหน้าลงไปใกล้หวังจะชื่นใจให้หายเหนื่อย ตากลมสวยที่มองมาอย่างขอร้องทำให้ชายหนุ่มชะงักการกระทำของตนเองลง ก่อนจะมองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

“ ทำไมครับ จีนกลัวคนอื่นจะรู้หรือไงว่าเราเป็นอะไรกัน”

“ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย” จิดาภาทอดเสียงพูดกับคนขี้ใจน้อยเสียงหวาน “ จีนแค่ไม่อยากให้คนเอาไปพูดในทางไม่ดี จีนไม่แคร์หรอกนะคะถ้าจะต้องปิ๋วตำแหน่งสาวโสดในฝันเพราะมีคนรู้ว่าไม่ใช่สาวโสด แต่จีนไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่เสียใจ ที่จีนทำตัวไม่เหมาะสมต่างหาก”

แววตาที่สลดลงทำให้แอนโทนี่ต้องรีบกุมมือบางตรงหน้ามาเกาะกุมไว้ก่อนจะเอ่ยพูดความในใจออกมา

“ พี่ขอโทษครับที่เอาแต่ใจตัวเอง แต่พี่อยากให้จีนรู้ไว้ สิ่งที่เรามีให้กันมันคือความสวยงาม คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากความรักจริงๆ มันอาจจะเร็วไปในสายตาของใครบ้างคนแต่มันไม่ใช้สิ่งที่ผิดเลยสักนิด รอหน่อยนะครับ อีกไม่นานพี่จะทำให้ทุกอย่างถูกต้องมากกว่านี้ “

จิดาภายิ้มรับคำพูดของคนตรงหน้า รับรู้ได้ถึงความจริงใจที่เขาให้มา ความจริงแล้วเธอไม่เคยเสียใจเลยสักนิดกับความสัมพันธ์ที่เลยเถิด อาจจะผิดหวังบ้างที่มันเกิดขึ้นก่อนเวลาอันสมควร แต่ก็ไม่ได้คิดมากถึงสิ่งที่เสียไป เพราะรู้ว่ารักเขาเธอจึงเต็มใจมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดให้ หากแต่หน้าตาทางสังคมของบิดามารดาต่างหากที่ทำให้ต้องระมัดระวังการกระทำเพื่อไม่ให้เสื่อมเสียไปถึงท่านทั้งสอง แอนโทนี่ฉุดมือบางตรงหน้าให้ลุกยืนขึ้นก่อนจะเอ่ยชวนหญิงสาวให้ขึ้นไปยังห้องพักด้วยกัน

“ ไปครับ ไปข้างบนกันดีกว่า” จิดาภาได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะตามอารมณ์ของชายหนุ่มไม่ทัน หากแต่คำพูดแผ่วๆที่กระซิบให้ได้ยินเพียงสองคนระหว่างเดินไปด้วยกัน ทำให้หญิงสาวต้องจิกเล็บลงบนแขนแกร่งด้วยหมั่นไส้ในความเจ้าเล่ห์ของผู้ชายคนนี้

...ห้ามทำรุ่มร่ามก็ได้ แต่ถ้าอยู่กันสองคนคงไม่เป็นไรใช่ไหมครับ...



อิทธิพลไม่ได้ออกไปแสดงตัวให้รู้ว่ามีตนอยู่ในที่นี่ ด้วยรู้ดีว่าไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร หากแต่ที่ยังรั้งรอไม่กลับกรุงเทพในตอนนี้เพียงเพราะอยากจะพูดกับจิดาภาให้เข้าใจเสียก่อน โอกาสเป็นของชายหนุ่มเมื่อวันรุ่งขึ้นแอนโทนี่ต้องกลับไปยังเกาะร้อยรักอีกครั้งเพื่อทำสัญญาซื้อขายที่ดินกับแทนคุณ ชายหนุ่มฉวยโอกาสที่มีนาเดินออกไปคุยธุระกับผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บุกเข้าประชิดตัวจิดาภาในขณะที่หญิงสาวยืนคุมงานตกแต่งภายในที่เหลืออยู่

“ เอส” จิดาภาเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างตกใจเมื่อจู่ๆเขาก็ปรากฎกายตรงหน้าราวกับปาฏิหาริย์ อิทธิพลได้แต่ฝืนยิ้มไปให้หญิงสาวขณะเอ่ยปากทักด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะปรับให้เป็นปกติที่สุด

“ สวัสดีครับจีน “

“ คือ ... เอสมาเที่ยวหรือคะ”

จิดาภาได้แต่อึกอักพูดออกไปอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะรู้ดีว่าผิดที่ให้ความหวังกับเขาก่อนที่จะคืนดีกับคนรัก หญิงสาวจึงไม่กล้าที่จะประสานสายตากับอีกฝ่ายมากนัก

“ ครับ กำลังจะกลับแล้วล่ะ แต่อยากจะพูดอะไรกับจีนก่อน…ขอเวลาผมสักสิบนาทีได้ไหมครับ” จิดาภาได้แต่กัดริมฝีปากด้านในอย่างชั่งใจก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่ายเบาๆ หญิงสาวเดินนำหน้าชายหนุ่มไปยังต้นสนใหญ่ด้านนอก ก่อนจะเปิดฉากการสนทนาขึ้นก่อนอย่างคนที่ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว

“ เอสกลับมาตั้งแต่เมื่อไรคะ”

“ ผมกลับมาได้สามสี่วันแล้วล่ะครับ แต่เพิ่งจะมาพักที่นี่เมื่อสองวันก่อน”

“ งั้นคุณก็....” จิดาภาได้แต่ชะงักคำพูดค้างในลำคอ... มาตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแสดงว่าเขาต้องพบและเห็นเธอกับแอนโทนี่แล้ว

“ ผมติดต่อจีนไม่ได้ เป็นห่วงไม่รู้จะทำอย่างไรดีเลยมาดักรอที่นี่น่ะครับ”

จิดาภาได้แต่กัดริมฝีปากล่างอย่างสะเทือนใจ เธอมีความสุขในขณะที่เขากลับจมอยู่กับความทุกข์เพราะติดต่อเธอไม่ได้ หญิงสาวได้แต่มองคนตรงหน้าด้วยแววตาเสียใจ... เพราะเธอเขาถึงต้องเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า

“ จีนขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอกก่อน จีนไปเที่ยวเกาะกับ...เออ ที่นั้นไม่มีคลื่นน่ะคะสัญญาณโทรศัพท์ใช้ไม่ได้”

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่เห็นจีนมีความสุขผมก็ดีใจแล้ว”

อิทธิพลฝืนยิ้มให้คนตรงหน้า ก่อนจะเงียบไปพักใหญ่และตัดสินใจถามถึงสิ่งที่ตนอยากรู้ออกมา

“ จีนกับเขา เข้าใจกันดีแล้วใช่ไหมครับ”

จิดาภาได้แต่พยักหน้ารับด้วยไม่อาจโกหกคนตรงหน้าได้ นึกสงสารชายหนุ่มขึ้นมาจับใจหากก็ไม่อาจโกหกให้เขาต้องเสียใจไปมากกว่านี้เช่นกัน

“ ผมคงมาช้าไปสินะ ไม่ซิต้องบอกว่าผมไม่เคยได้รับโอกาสนั้นมากกว่า”
น้ำเสียงเจ็บปวดที่ได้ยินทำให้จิดาภาได้แต่นิ่งอึ้งอย่างทำอะไรไม่ถูก เธออยากจะปลอบเขา อยากจะขอโทษเขาแต่ก็ไม่อาจพูดอะไรออกมา ด้วยมันติดค้างอยู่ในลำคอ

“ เอสค่ะ...จีน”

“ ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ “ อิทธิพลฝืนยิ้มขณะทอดสายตามองคนตรงหน้า “ แล้วจีนก็ไม่ได้ผิดอะไรด้วย เป็นผม... เป็นผมเองต่างหากที่เอ่ยปากว่าจะรอเอง จีนไม่เคยพูดหรือขออะไรออกมาทั้งนั้น”

จิดาภามองคนตรงหน้าอย่างสะเทือนใจ หยาดน้ำตาคลอเคล้าอยู่ในตาคู่สวยเมื่อมาถึงตอนนี้ อิทธิพลได้แต่สะกดกลั้นความเสียใจของตนเองเอาไว้ เขาอยากเห็นเธอยิ้มไม่ใช่เหรอ อยากเห็นเธอมีความสุขไม่ใช่ทุกข์เพราะตัวเขาแบบนี้

“ ผมแค่อยากแสดงความดีใจด้วย ไม่ต้องห่วงหรือคิดมากเรื่องผมอีกนะครับ แค่จีนมีความสุขผมก็ดีใจแล้ว” ชายหนุ่มพูดเสียงสั่นขณะยกมือปาดน้ำตาที่หางตาให้ และตัดใจเดินจากไปอย่างช้าๆ

... จบแล้วสินะสำหรับรักครั้งนี้ จบลงด้วยดีและเหลือเพียงแต่เขาที่ปวดใจ ....


จางเทียนอี้มองบัญชีธนาคารจากจอคอมพิวเตอร์เบื้องหน้าด้วยแววตาประหลาดใจ เงินสดในบัญชีกว่าสิบล้านเหรียญสหรัฐ (เกือบสี่ร้อยล้านบาทไทย) อันตรธานหายไปจากบัญชีส่วนตัวของหลานชายเขาได้อย่างไร ชายชรารีบต่อสายตรงถึงหลานชายตัวดีทันที หากแต่คำตอบที่ได้รับกลับมีเพียงคำพูดผ่านคอลเซนเตอร์ว่าไม่สามารถติดต่อหมายเลขปลายทางได้ในขณะนี้เท่านั้น

ชายชรารีบกดโทรศัพท์ถึงคนสนิทส่วนตัวทันที ก่อนที่ตั๋วเครื่องบินชั้นเฟิรส์คลาสพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางจะถูกวางตรงหน้าในครึ่งชั่วโมงถัดมา คุณหญิงสุดาลักษมีมองบิดาสามีด้วยความแปลกใจเพราะเป็นคนนำน้ำขิงมาเสิรฟให้เองจึงทำให้รู้ว่าประมุขของบ้านกำลังจะออกเดินทางไปต่างประเทศในเวลาอันใกล้นี้

“ คุณพ่อจะไปไหนเหรอคะ” สะใภ้ของบ้านเอ่ยถามขณะประคองถ้วยน้ำขิงให้คนตรงหน้า จางเทียนอี้ยกถวยน้ำขึ้นดื่มก่อนจะเอ่ยปากขอบใจและบอกถึงวัตถุประสงค์ในการไปให้อีกฝ่ายรับรู้

“ พ่อว่าจะไปกรุงเทพสักหน่อย อยู่ดีๆก็เกิดคิดถึงเจ้าหลานชายขึ้นมา”

“ คุณพ่อจะไปหาแอนดี้เหรอคะ ทำไมมันฉุกละหุกนักละ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”

“ ไม่มีอะไรหรอกลักษมี พ่อก็แค่ไปเยี่ยมตามธรรมดาเท่านั้น” ประกายตาที่ไม่ได้ฝาฟางไปตามกาลเวลาฉายแสงเจิดจ้าต่างจากคำพูดโดยสิ้นเชิง
ร่างบอบบางที่ไม่ได้อ้วนท้วนไปตามกาลเวลามองตามหลังบิดาสามีไปด้วยแววตาครุ่นคิด ... จะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ ไม่เช่นนั้นประมุขเฒ่าของตระกูลจางคงไม่รีบร้อนออกเดินทางเช่นนี้

แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ! หญิงวัยกลางได้แต่คิดในใจอย่างสงสัย ...แต่จะเป็นเรื่องอะไรก็ดี ตอนนี้สิ่งที่เธอควรทำมากที่สุดคือโทรศัพท์ไปบอกลูกชายให้เตรียมตัวเอาไว้ต่างหาก.. เมื่อคิดได้ดังนี้ คุณหญิงสุดาลักษมีจึงรีบเดินเข้าไปในตัวบ้านทันทีเพื่อต่อโทรศัพท์ถึงลูกชายเพียงคนเดียว

แอนโทนี่ยิ้มสู้เสือขณะประสานสายตากับปู่ของตน เพราะรู้จากมารดามาก่อนว่าจางเทียนอี้ผู้เป็นปู่จะบินมาหา ชายหนุ่มจึงตั้งรับได้อย่างไม่ตกใจมากนัก จางเทียนอี้มองใบหน้าคมคายของหลานชายด้วยแววตารู้ทัน คนเป็นแม่คงโทรมาบอกก่อนล่ะซิ ถึงได้เตรียมตัวซะพร้อมพรักขนาดนี้

“ สวัสดีครับคุณปู่”

คนเป็นปู่พยักหน้ารับก่อนจะตรงเข้ามาสวมกอด มือหนาที่เหี่ยวย่นไปบ้างตามกาลเวลาตบไหล่หลานชายเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากทัก

“ ว่าไงเจ้าตัวดี คล้ำขึ้นนะเรา มัวแต่เที่ยวเพลินล่ะซิ”

“ คุณปู่คร้าบ นานๆทีผมจะลาพักร้อนนะ ทำงานหนักก็ต้องขอชาร์ทแบตกันบ้างซิครับ”

“ ปู่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่จะไปไหนก็บอกกล่าวกันบ้าง ไม่ใช่แอบหนีไปแบบนี้”

แอนโทนี่ได้แต่พยักหน้ารับขณะพาปู่ของตนไปนั่งพักยังโซฟารับรองตรงโถงล๊อบบี้ จางเทียนอี้กวาดตามองไปรอบๆอย่างพอใจ สไตล์การออกแบบที่เห็นดูร่วมสมัยแต่ก็แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นอย่างกลมกลืน

แค่เห็นสายตาของคนเป็นปู่แอนโทนี่ก็รู้แล้วว่าท่านพอใจผลงานคนรักมากแค่ไหน ชายหนุ่มอดยิ้มด้วยความภาคภูมิใจไม่ได้ ...จีนของเขาเก่งเสมอ ทั้งเก่งและน่ารักจนไม่ว่าใครๆต่างก็ต้องอิจฉาที่เขาได้เป็นผู้ครอบครองเธอ

“ คืบหน้าไปมากแล้วนี่ “

“ ครับ ตอนนี้เราเปิดส่วนฟร้อนให้บริการด้านอาหารและห้องพักบ้างส่วนแล้ว ส่วนบูติกโฮเตลที่เหลือจะตกแต่งเสร็จภายในอาทิตย์นี้ และจะพร้อมให้บริการทุกส่วนได้ไม่เกินปลายเดือนครับ”

“ แล้วงานเปิดตัวล่ะ”

“ จัดสิ้นเดือนนี้เหมือนกันครับ มีนาติดต่อออร์แกไนเซอร์ที่เคยจัดงานเปิดตัวโรงแรมที่กรุงเทพไว้แล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอีก”

“ ดี” จางเทียนอี้พูดสั้นๆ หากแววตากลับวาวโรจน์อย่างคนที่คิดอะไรขึ้นมาได้ “ ปู่จะชวนปู่หมั่นอวี้แล้วก็พ่อแม่พี่ๆของหลิงหลิงมาด้วย จะได้มาดูผลงานของเราว่าเยี่ยมขนาดไหน”

“ ต้องขนมากันหมดเลยหรือครับ” แอนโทนี่อดถามด้วยความแปลกใจไม่ได้ รู้สึกแปลกๆไม่น้อยกับแววตาที่ยากจะอ่านออกของคนเป็นปู่

“ แน่ล่ะซิ งานใหญ่ทั้งที่นี่”

ตาคมกล้าฉายแววหมายมาดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หากแต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็วจนคนเป็นหลานไม่ทันสังเกตเห็น แอนโทนี่เผยยิ้มอย่างยินดีเมื่อเห็นร่างโปร่งระหงของจิดาภาก้าวเข้ามาพร้อมกับมีนาเลขาส่วนตัว ชายหนุ่มตรงเข้าไปรับก่อนจะเดินนำหญิงสาวให้เข้ามาทำความรู้จักกับปู่ของตน

“ คุณปู่ครับ นี่คุณจีน จิดาภา สถาปนิกคนเก่งของเราครับ” จิดาภายกมือไหว้ชายชราตรงหน้าช้าๆ รู้สึกได้ถึงแววตาคมกริบที่จ้องมองมาราวกับจะเอกซเรย์ให้ทะลุไปถึงภายใน

จางเทียนอี้มองสตรีหน้าตาดีเบื้องหน้าอย่างคาดประเมิน กิริยาเอาใจใส่ที่หลานชายแสดงออกทำให้ชายชราอดหวาดระแวงไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนหน้าตาดี ดูคล่องและเฉลียวฉลาดยิ่งนัก ไม่แปลกถ้าแอนโทนี่จะติดใจ เพียงแต่ว่าสำหรับเขาแล้วหลานสะใภ้ของตระกูลจางมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น คือ เฉินอี้หลิง !

“ สวัสดีคะ คุณจาง”

“ สวัสดี ได้ข่าวว่าคุณเป็นคนตกแต่งที่นี้ทั้งหมด เก่งนะ อายุยังไม่เท่าไร สามารถทำงานได้ขนาดนี้” ถึงจะพูดชมแต่จิดาภาก็รับรู้ได้ถึงความห่างเหินจากน้ำเสียงที่ได้ยิน หญิงสาวแสร้งยิ้มประดุจไม่รู้สึกอะไรก่อนจะเอ่ยคำขอบคุณเสียงหวาน

“ ขอบคุณคะ จีนไม่ได้เก่งมากไปกว่าคนอื่นหรอกคะ แค่ได้รับโอกาสมากกว่าก็เท่านั้น”

จางเทียนอี้พยักหน้ารับช้าๆ หากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก จิดาภาได้แต่ยิ้มอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี ถ้าไม่เพราะแววตาของแอนโทนี่ทอดมองมาเธอคงจะถอดใจและลุกขึ้นเดินออกจากที่นี้ไปแล้ว

“ คุณปู่หิวหรือยังครับ ห้องอาหารอิตาเลียนของที่นี่ทำอาหารใช้ได้ที่เดียวผมกับจีนไปทานด้วยกันบ่อย คุณปู่ลองไปชิม...”

“ ปู่อยากกินอาหารจีนมากกว่า” จางเทียนอี้พูดขัดขึ้นมาก่อนที่แอนโทนี่จะพูดจบ ชายหนุ่มได้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะเอ่ยปากชวนจิดาภาให้ไปรับประทานอาหารด้วยกัน

“ งั้นเราไปทานอาหารจีนกันก็ได้ครับ จีนครับ เดี่ยวไปทานพร้อมพี่เลยนะ” ยังไม่ทันทีจิดาภาจะพูดตอบ จางเทียนอี้ก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน

“ ทำไมต้องไปรบกวนคุณจีนเธอด้วย เธออาจจะยังไม่หิวก็ได้”

จิดาภาได้แต่ฝืนยิ้มก่อนจะทอดสายตามองแอนโทนี่ดุจจะบอกว่าตนไม่เป็นอะไร เพราะไม่ใช่แขกที่อีกฝ่ายต้องการ หญิงสาวจึงทำได้แค่ขอตัวกลับไป เพื่อไม่ให้ชายชรารู้สึกไม่ดีไปมากกว่านี้

“ จีนต้องกลับไปคุยกับผู้รับเหมาต่อน่ะค่ะพี่แอนดี้ ยังไงคงต้องขอตัวก่อน เอาไว้โอกาศหน้าคงได้ไปรบกวนนะคะคุณจาง” หญิงสาวกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนจะลุกเดินจากไป แอนโทนี่ได้แต่ทอดสายตามองตามร่างโปร่งระหงด้วยความสงสารจับใจที่ต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้เพราะปู่ของตนเอง
ยังไม่ทันที่แอนโทนี่จะได้พูดคุยกับปู่ของตนเองต่อ เสียงใสคุ้นหูก็ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของเฉินอี้หลิง

“ สวัสดีคะคุณปู่ สวัสดีคะพี่แอนดี้” หญิงสาวเอ่ยทักเสียงใสขณะปรากฎกายขึ้นพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบโต แอนโทนี่หันกลับมามองผู้เป็นปู่ของตนเองทันที ชายชราทำเพียงแค่ยิ้มก่อนจะพูดออกมาเหมือนสิ่งที่ตนทำเป็นการกระทำที่สมควรอยู่แล้ว

“ ปู่ให้คนไปรับหลิงหลิงมาเองล่ะ จะปล่อยให้น้องนั่งเหงาอยู่คนเดียวได้ยังไง จริงไหม “พูดกับหลานชายเสร็จก็กางมือออกก่อนจะพูดกับเฉินอี้หลิงด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวล


“ ว่าไงเจ้าหลิงหลิงน้อยมาให้ปู่กอดทีซิ ไม่เจอตั้งนานสวยขึ้นนะเรา”
เฉินอี้หลิงถลาเข้ามากอดรัดชายชราทันที ทั้งสองหัวเราะพูดคุยกันอย่างมีความสุขก่อนจะพากันเดินไปยังห้องอาหารจีนเพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน แอนโทนี่ได้แต่เดินตามไปด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความครุ่นคิด

... นี่เขาจะทำอย่างไรดี ยังไม่ทันที่จะทำให้คุณปู่สนิทสนมกับจิดาภามากกว่านี้ เฉินอี้หลิงก็ถูกตามตัวมาเสียก่อน ... ชายหนุ่มคิดในใจอย่างหนักอก นึกรู้ว่าความรักของตนคงพบเจออุปสรรคจากปู่ของตนเองไม่น้อย

จิดาภาซึ่งยืนหลบมุมอยู่ตรงเสาต้นใหญ่ได้แต่ทอดสายตามองตามคนทั้งสามไปด้วยใจที่เจ็บปวด... ไม่มีที่วางสำหรับเธอในครอบครัวของเขา.. หญิงสาวได้แต่คิดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ หากแต่ความรักก็กลับผลักดันความเข้มแข็งให้ปรากฎออกมา

...ไม่เป็นไร เธอจะทนให้ถึงที่สุด จะทำให้ปู่ของแอนโทนี่ยอมรับให้ได้ จะต้องทำให้ได้ ...หญิงสาวได้แต่บอกตัวเองอย่างมุ่งมั่นก่อนจะก้าวเดินจากมา
...ต่อให้อุปสรรคมากแค่ไหน ต่อให้ไม่ได้รับการยอมรับเพียงใด ขอแค่ให้เขารักเธอ ขอแค่ให้เขามีเธอเป็นหนึ่งในใจ แค่นี้เธอก็พร้อมที่จะสู้! สู้ให้ถึงที่สุดอยู่แล้ว...


ตลอดช่วงบ่ายแอนโทนี่ไม่มีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยกับจิดาภาเลย ชายหนุ่มถูกเฉินอี้หลิงและจางเทียนอี้รบเร้าให้พาไปเที่ยวชมในตัวจังหวัด กว่าจะกลับมาก็เลยเวลาอาหารค่ำไปแล้ว จิดาภาได้แต่เก็บตัวอยู่ในห้องพักอย่างทรมานใจ รู้ดีว่าวันนี้คงไม่ได้พบเขาอีก ชายหนุ่มคงจะโดนคนเป็นปู่รั้งไว้ให้อยู่ข้างกายทั้งคืนเป็นแน่ ตากลมหวานทอดฝ่าความมืดออกไปอย่างเปล่าเปลี่ยวใจ... นี่ซินะ ความรู้สึกที่ผักหวานเพื่อนสนิทของเธอได้รับ ท้อ... แต่ก็ไม่อาจถอดใจได้

ถึงจะพยายามข่มใจให้หลับอย่างไร หากแต่หญิงสาวกลับไม่อาจทำได้อย่างใจคิด จิดาภาตัดสินใจเดินไปยังห้องดูดาว หวังให้ความงามของท้องฟ้ายามค่ำคืนปลอบประโลมใจที่เหน็บหนาว เสียงพูดคุยเป็นภาษาจีนกลางที่ดังแว่วมาจากโถงกลางทำให้หญิงสาวตัดสินใจแฝงตัวไปกับความมืดถือวิสาสะแอบฟังการสนทนา ภาพที่เห็นคือร่างสูงของชายคนรักที่กำลังนั่งประจันหน้ากับญาติผู้ใหญ่คอยตอบคำถามที่อีกฝ่ายป้อนเข้ามาอย่างไม่อาจบิดพริ้วไปได้

“ เอาเงินออกจากบัญชีไปทำอะไรตั้งหลายล้านเหรียญฮึอี้เหมิน” ชายชราเปิดฉากถามทันทีเมื่ออยู่ตามลำพังกับหลานชายเพียงคนเดียวแล้ว

“ ผมเอาไปช่วยรุ่นน้องน่ะครับ เขามีปัญหาทางบ้าน โดนญาติฝ่ายพ่อโกงจนเกือบล้มละลาย”

“ เงินไม่ใช่น้อยๆ มีอะไรเป็นหลักประกันว่าเขาจะไม่เบี้ยวเรา” ชายชราที่ยังไม่ทิ้งเขี้ยวเล็บของนักธุรกิจใหญ่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แอนโทนี่นิ่งคิดอย่างตัดสินใจ ตอนนี้ปู่ของเขายังไม่ยอมรับจิดาภาเลยแม้แต่น้อย ถ้ารู้ว่าเขานำเงินส่วนตัวไปซื้อเกาะร้อยรักบางส่วนเพื่อนำมาสร้างเป็นบ้านพักให้หญิงสาว เรื่องคงไม่จบลงง่ายๆเป็นแน่ และเธอจะต้องโดนปู่ของเขากล่าวหาว่าเข้ามาเพื่อหวังปอกลอก

“ โฉนดที่ดินและพี่หย่งฉีครับ”

“ หย่งฉี ... หย่งฉีมาเกี่ยวอะไรด้วย” จางเทียนอี้เอ่ยถามด้วยความแปลกใจหลังจากได้ยินชื่อพี่ชายคนโตของเฉินอี้หลิงเข้ามาเกี่ยวข้อง

“ พี่หย่งฉีร่วมหุ้นกับแทนคุณเปิดบริษัทจิวเวอรี่แห่งใหม่ที่เมืองไทยครับ”

“ ถ้าหย่งฉีเองก็เห็นด้วย คงไม่มีอะไรน่าห่วงล่ะมั้ง” ชายชราพูดเสียงเบาลงเหมือนรำพึงกับตนเอง แอนโทนี่ได้แต่ลอบถอนใจเมื่อมาถึงตอนนี้ หมดปัญหาไปเปลาะหนึ่งแล้ว ชายหนุ่มคิดอย่างโล่งใจ

“ ทำไมถึงให้สถาปนิกคนนั้นมาพักที่ชั้นนี้” คำถามต่อมาดูจะหนักหนายิ่งกว่าเก่า แอนโทนี่ได้แต่ถามตัวเองในใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดีตอนนี้ บอกปัดไปก่อนเพื่อไม่ให้คุณปู่มองจิดาภาในแง่ลบ หรือยอมรับความจริงแล้วเสี่ยงกับการแตกหัก

“ เธอเป็นผู้หญิง มาพักคนเดียวค่อนข้างจะอันตราย ผมเลยให้มาพักด้วยกันบนชั้นนี้”

ตากลมสวยที่เร้นกายมองคนทั้งสองในความมืดสลดลงทันทีเมื่อได้ฟัง จิดาภาได้แต่กำมือแน่นเมื่อมาถึงตอนนี้...ทำไม ทำไมเขาถึงไม่บอกออกไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอ ทำไมถึงพูดเหมือนระหว่างเราไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่าคำว่านายจ้างและลูกจ้างแบบนี้

“ แล้วเธอมีความสัมพันธ์ยังไงกับเจ้ากันแน่อี้เหมิน”

แอนโทนี่ได้แต่กำมือแน่นอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไปในที่สุด

“ เธอกับผมเราเป็นแค่เพื่อนกัน”



*.:。✿*゚‘゚・✿.。.:*.:。✿*゚‘゚・✿.。.:*จบตอน

เอาเเล้วสิ หลิงหลิงเริ่มเเผลงฤทธิ์ เเถมคุณปู่ยังไม่ยอมรับ แล้วพี่แอนดี้ พี่แอนดี้ทำไมถึงพูดอย่างนั้น หนูจีนของเราล่ะจะทำเช่นไร พบกับคำตอบได้ในตอนต่อไปคะ

◕‿◕ ณนาถ






Create Date : 12 มกราคม 2552
Last Update : 12 มกราคม 2552 22:22:48 น. 2 comments
Counter : 370 Pageviews.

 
ตอบเมนท์คะ

คุณโสดในซอย -- อยากทาให้ใครเอ่ย พี่แอนดี้หรือหนูจีนคะ อิอิ


โดย: ณนาถ(Na_Nath) IP: 124.121.13.122 วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:22:20:58 น.  

 
กระผมมีจุดประสงค์ที่จะนำเรื่องของคุณนั้นไปโพสต์ไว้ในเวปไทยบุคคาเฟ่ และจัดทำอาร์ทเวิคให้ และหากมีผุ้อ่านสนใจสามารถตีพิมพ์ออกมาเป็นเล่มได้ โดยคุณซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือและเป็นชื่อผู้แต่งก็จะได้ส่วนแบ่งตามราคาด้วยหากสงสัยในขอใดสามารถเข้าไปดูได้ที่เวป //www.thaibookkafe.com หรือหากนในโปรดติดต่อ wazabikung@hotmal.com


โดย: สันติภาพ IP: 124.121.130.10 วันที่: 15 มกราคม 2552 เวลา:11:25:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Na_Nath
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






✎ งานเขียนทั้งหมดในblog นี้ ✎

สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายพระราช

บัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์

เผยแพร่ หรือ คัดลอกไปกระทำการ

ใดๆก็ตาม..หากผู้ใดกระทำการฝ่าฝืน

เจ้าของ blog สามารถดำเนินการตาม

กฏหมายได้ทุกกรณี (◡‿◡✿)




Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
12 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Na_Nath's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.