Musica Amante คนรักดนตรี

<<
พฤศจิกายน 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
11 พฤศจิกายน 2552
 

เสนีย์ ฉัตรวิชัย : เมื่อเสียงดนตรีจบลง

หลังจากที่ The Innocent Concert จบลงไป ตามมาด้วยบทสัมภาษณ์พี่โอมที่ยาวเหยียด หลังจากนั้น เวลาที่ผมจะแวะเข้ามาใน Blog นี้มันน้อยก็ลง เพราะผมจำเป็นต้องเอาเวลาไปตามเก็บงานที่คั่งค้าง อยู่ก่อนคอนเสิร์ตให้เรียบร้อยเสียก่อน แต่ก็ไม่ได้ทิ้งเสียทีเดียว ทันทีที่มีโอกาสเจอสมาชิกท่านอื่นของวง ผมก็จะเชิญมาคุยด้วย


ภาพโดย DANG_EOS

อย่างครั้งนี้ ผมคุยกับพี่ปื๊ด เสนีย์ ฉัตรวิชัย เอาไว้ตั้งแต่ปลายเดือน ตุลาคม นี่เพิ่งมีเวลาแกะคำสัมภาษณ์แบบจริงๆจังๆ ถ้าใครรู้จักเป็นส่วนตัวกับพี่ปื๊ดเป็นส่วนตัว จะรู้ว่า เขาเป็นคนที่มีอารมณ์ร่าเริงบ่อยครั้ง และพูดจาด้วยถ้อยคำที่ตรงๆ เป๊ะๆ ไม่ต้องกลั่นกรองมากมาย ดีก็ชมเลย ไม่ดีก็ติกันต่อหน้านั้นเลย ดังนั้น บทสัมภาษณ์นี้ จึงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่มีทั้งชื่นชม และเร่าร้อน ซึ่งแน่นอน ช่วงนี้ ผมก็คงถามแต่เรื่องที่เกี่ยวกับคอนเสิร์ตครั้งมี่ผ่านมานี่แหละครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าตัวภาคภูมิใจนำเสนอมากมาย


Musica Amante : เห็นว่าพี่ปื๊ดได้ดูวิดีโอคอนเสิร์ตที่ตัดต่อคร่าวๆมาบ้างแล้วแล้ว รู้สึกยังไงกับภาพรวมของคอนเสิร์ตที่ผ่านมาบ้าง

พี่ปื๊ด : เอางี้ครับ ผมเล่าให้ฟังดีกว่า ว่าผมมีความรู้สึกยังไงบ้าง ขอเริ่มตอน ก่อนหน้าคอนเสิร์ตประมาณ 3 วัน(พุธที่ 7 ต.ค.) นะครับ วันนั้นเราประชุมกันที่ออฟฟิส มิสเตอร์มิวสิค ของพี่โอม เพื่อคุยเรื่องสคริปท์ทั้งหมดในงานคอนเสิร์ต แล้วก็คุยกันว่า เลิกแล้วผมจะไป อิมแพค เพราะรู้ว่า เครื่องดนตรีเข้าไป setup วันนี้ แล้วผมก็ไป เพราะว่ามันเป็นประวัติศาสตร์ของพวกเรา เราก็อยากเห็นมันตั้งแต่แรก อยากได้สัมผัสความรู้สึกของที่นั่นตั้งแต่แรก ตั้งแต่เริ่มนับหนึ่ง ผมเข้าไปก็เห็นทีมงานเริ่มทำงานกันแล้ว เริ่มสร้างเวที ทีมงานหลายๆทีม ประชุมกันอย่างขะมักเขม้น ทีมงานของผู้จัดเองก็มีหลายสิบคน อยู่ในห้องประชุมกันแล้วก็เตรียมแผนที่จะทำโปรดักชั่นของดิอินโนเซ้นท์ในคอนเสิร์ตทั้งหมด ผมก็มีโอกาสเข้าไปนั่ง ผมไปนั่งในที่นั่งของคนดูในทุกราคาเลย เพื่อหาความแตกต่างของความรู้สึกและมุมมองในการชมของผู้ชม

Musica Amante เพื่อทดสอบระบบการฟังที่แตกต่างกันหรือยังไง

พี่ปื๊ด : เปล่าครับ ผมต้องการจะรู้ว่า ถ้าผมเป็นคนดู นั่งอยู่ตรงนี้ ผมจะรู้สึกยังไง นั่งตรงที่ตั้งแต่ 3500 ไล่ไปจนถึงข้างบน ที่นั่งราคา 800 ผมไปนั่ง แล้วมองจากข้างบนลงมาข้างล่าง มองลงมาบนเวที เพื่อให้เก็บความรู้สึกนี้ไว้ว่า ความรู้สึกของแฟนเพลง เวลาเราเล่นแล้วมองขึ้นไปเขาจะรู้สึกยังไงถ้าเค้านั่งอยู่ตรงนี้ ตรงนี้มันดีพอมั๊ย เห็นเราชัดมั๊ย ได้ยินเสียงชัดหรือไม่ ผมไปเก็บความรู้สึกแบบนี้ก่อนคนอื่น ผมไปคนเดียวไม่มีใครไปด้วย ต่างคนต่างก็มีงานที่ต้องทำ แต่ผมอยู่ใกล้หน่อย เลยไปก่อน

แล้วก็ขึ้นไปยืนอยู่บนเวที ทุกมุม ในมุมที่เราไม่เคยยืนบนเวทีที่ใหญ่ขนาดนี้สำหรับเรามาก่อนในชีวิต นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่จะมีโอกาสได้เล่นให้คนดูเป็นจำนวนเกือบหมื่น จากข้างล่าง ก็ขึ้นมาข้างบน แล้วก็มายืนมองออกไปข้างล่าง แล้วก็นึกภาพคนดูว่ามันจะเป็นยังไงน้า เราจะรู้สึกยังไงน้า ความรู้สึกมันจะเป็นยังไง จริงๆแล้ว ก็พยายามจินตนาการ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และกำลังใจให้ตัวเอง จากนั้นผมก็ไปตรวจสอบพื้นที่ตัวเองต้องยืนบนเวที ตู้เบส พื้นที่ เวทีที่ผมยืน นั่นแหละ ผมเริ่มจากอิมแพค ตั้งแต่วันนั้น ผมอยู่จนดึกเลย เรียกว่าเป็น Pre production จนถึงดึก

มาถึงวันรุ่งขึ้น(พฤหัสที่ 8 ต.ค.) ก็ไปซ้อม ซ้อมกันเหนื่อยมาก แปลกตรงที่ ผมกลับมา ผมหลับสนิทเลย ตอนนั้นนัดกัน 11 โมง ไปถึงก็สิบเอ็ดโมงกว่าๆ แล้วก็ซ้อมตั้งแต่บ่ายๆ ยันตีหนึ่งนั่นแหละ คือถามว่ามันเหนื่อยมั๊ย เหนื่อยมาก แต่มันหลับสนิท สมองไม่คิดห่วงอะไรแล้ว

วันต่อมา(ศุกร์ที่ 9 ต.ค.) ก็ซ้อมหนักอีก ถึงตีสองแน่ะ แต่คืนนั้น มันเป็นคืนก่อนวันเล่น ผมกลับนอนไม่หลับ ผมนอนได้แค่สามชั่วโมง แล้ววันโชว์ ก็ซ้อม run through จนถึง เย็น ห้าโมงครึ่ง

Musica Amante : จริงๆถ้าเวลาตรงเป๊ะ ตามกำหนดการเป็นทางการ คือรันทรูเสร็จก่อนเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง เพราะว่า ตามเวลาแล้ว ประตูฮอลล์จะเปิด ตอน 18.00 น. แต่วันนั้น ก่อนหน้านั้น ฝนตกลงมาอย่างหนักมาก ทั่วกรุงเทพ การจราจรติดขัดไปหมด ก็เลยขยับเวลาให้เปิดประตูช้าลง

พี่ปื๊ด : นั่นแหละ moment นั้นผมจำได้แม่นยำ เพราะผมเหนื่อยจนแบบเบลอไปแล้ว แล้วเบลอจนกระทั่งผมเล่นผิดแล้วตอนรันทรู ผมเล่นเบสผิดแล้ว เพราะมันเหนื่อยมาก ซ้อมรันทรูกันแบบเหนื่อยจริงๆ ยังคิดในใจเลยว่า ความรู้สึกเป็นแบบนี้ ร่างกายเป็นแบบนี้ เดี๋ยวถึงเวลาแล้วจะเล่นไหวมั๊ยเนี่ย

พอลงจากเวที หลังจากรันทรูปั๊บ ก็ต้องเจอญาติพี่น้องที่มาให้กำลังใจ มาเยี่ยม มาแสดงความยินดีกับเราก่อนคอนเสิร์ต ผมก็พยายามใช้เวลากับตรงนั้นให้น้อยที่สุด แม้กระทั่งมีคนมาหา ผมยังต้องขอตัวเข้าไปหลบ ไปอาบน้ำ เพื่อ Refresh ตัวเองให้มันสดชื่น ให้มันหายเหนื่อย หายเพลีย จากซ้อมเมื่อกี๊

ก็ยังดีที่ พออาบน้ำอาบท่าแล้วร่างกายมันดีขึ้นแฮะ ทีมงานก็รีบหาอะไรมาให้ผมกินใหญ่เลยเพื่อให้พลังงาน เพราะเขาเห็นแล้วว่า ผมเหนื่อยมาก พอได้อาบน้ำ ได้รับประทานอาหารบ้าง มันก็ดีขึ้น

ถึงเวลาจริงๆ จำได้ว่า พอลงจากลิฟท์ด้านหลังเวที ผมเข้าไปแอบมองคนดู หลังจากที่ประตูเปิดเข้ามาแล้ว มันน้อยอ้ะ อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นประตูเพิ่งเปิด ผมไปแอบมองอยู่ แล้วผมก็ใจเสีย ตกใจว่า เฮ้ย ทำไมมีคนดูแค่นี้เองเหรอ จะไหวหรือเนี่ย ผมก็นิ่งเลย เครียด แทบไม่ได้คุยกับใครเลย ก็เดินไปสวดมนต์ด้านหลัง แอบไปอยู่คนเดียว เพราะปกติเวลาเล่นคอนเสิร์ต ผมจะไว้ครูอยู่แล้ว แอบไปภาวนาสวดอยู่ ซักพักก็เดินออกมา ไปแอบดูใหม่ อู้ว....คนเต็มเลย พอเห็นคนเต็มเท่านั้นแหละ มันก็ได้กำลังใจ แล้วก็มีเพื่อนฝูง มีคนในวงการมาหลังเวที มาให้กำลังใจกันใหญ่ เราก็ดีเลย ใจเรามาแล้วตอนนั้น

แต่สิ่งที่มันทำให้เกิดพลังมากๆก็คือ ถึงเวลาเล่น พอ Interlude ขึ้น แล้วพวกผม 4 คนเดินออกมาจากข้างเวที มันรับรู้ถึงพลังของคนดู หรือแฟนเพลงที่ส่งมาให้เรา มันส่งมาเต็มๆ ผมรับรู้ได้เลยว่า มันเป็นพลังที่แบบทำให้เรา Alert ตื่นตัว ผมลืมว่าผมเหนื่อยเลย หายเหนื่อยไปเลย ลืมไปหมดว่าร่างกายกำลังเพลีย มันมีพลังขึ้นมาแบบน่ามหัศจรรย์มาก

จนถึงเวลาเล่น ก็มีเรื่องขำๆก็คือ เล่นจบไปสองเพลง สายชล ระดมกิจ เดินเข้ามาหาผม กระซิบว่า ปื๊ด หายตื่นเต้นหรือยังวะ ผมดูหน้าเค้า ผมก็รู้ว่า เขาตื่นเต้นน่ะ เค้าตื่นเต้นมาก เค้าเดินมาหาผมแล้วไม่รู้จะคุยอะไรไง ผมก็บอก หายแล้วๆๆๆ

Musica Amante : ในระหว่างโชว์ มีช่วงไหนบ้าง ที่พี่ปื๊ดมีความรู้สึกว่ามันมีอะไรที่พิเศษไปกว่าปกติบ้าง

พี่ปื๊ด : ตรงโชว์ ผมชอบตั้งแต่ภาพเปิดคอนเสิร์ตแล้ว คืองานนี้ผมบอกเลยว่า ต้องยกผลประโยชน์ความดีให้คนจัดจริงๆ แล้วก็ยกให้คุณพลที่เป็นคนทำภาพ Visual Effect (พล หุยประเสริฐ Stage designer & Visual) ทั้งหมด ภาพ Back ground ด้านหลังทั้งหมด เขาเป็นคนทำ

ผมไม่เคยมีโอกาสได้เห็นมาก่อนเลยว่า ข้างหลังจะเป็นยังไง พอได้มาดูภาพจากวิดิโอ เมื่อกี้นี้ ถึงได้รู้ว่า โอ้โห นี่คอนเสิร์ตเรา ขนาดนี้เลยหรือ เพราะตอนซ้อมรันทรู เราก็ไม่ได้เห็นข้างหลัง เราก็เล่นดนตรีกันไปอย่างเดียว คือภาพที่เรามอบจากข้างๆ ตั้งแต่ตอนเพลง 26.00 น. ตั้งแต่ Interlude แล้ว มันก็ยังดูว่า ก็คงไม่เท่าไหร่ แต่พอดูจากมุมข้างล่างของคนดู มันจะ อู้หู นี่มันฝรั่งเลยนี่ มันเป็นโปรดักชั่นแบบเมืองนอกน่ะ นี่คือช่วงแรกที่ผมชอบแล้ว

แล้วช่วงที่ผมชอบอีกก็คือ ช่วง อินโนเซ้นท์ก่อตั้ง 3 คนเค้าน่ะ ก็คือ สิทธิศักดิ์ กิจเต่ง เค้าร้องเพลง รักไม่รู้ดับน่ะ ผมขนลุกเลย ภาพแบบนี้มัน ผมเองยังไม่เคยเห็นเลย หมายถึงร้องเพลงแบบนี้สดๆนะ เห็นหน้าพร้อมกัน ร้องเพลงด้วยกัน ผมยังไม่เคยเห็นเลย ผมก็ได้เห็นวันนั้นแหละ นั่นเป็น Part ที่ประทับใจมาก แล้วก็รู้สึกดีสำหรับตัวเองที่ได้เล่นอีเลคโทน

Musica Amante : จริงๆแล้ว เครื่องเล่นอิเลคโทนนี้ วางมานานหรือยัง

พี่ปื๊ด : ตั้งแต่เริ่มเข้าอินโนเซ้นท์เลยครับ ตั้งแต่ปี 2527 ประมาณนี้แหละ ไม่ได้เล่นแล้ว พอเข้าวงมาแล้ว ก็ไม่ได้เล่นเลย ไม่เคยจับอีกเลย ซักนิดก็ไม่ได้แตะ

Musica Amante : แล้วมาซ้อมเพลงนี้จริงๆเมื่อไหร่

พี่ปื๊ด : ซ้อมเพลงนี้จริงๆครั้งแรกที่ Color Frame ที่เราซ้อมบล๊อกกิ้งกันครั้งแรกนั่นหละ ( 8 วันก่อนวันคอนเสิร์ต) นั่นแหละคือครั้งแรก หลังจากไม่ได้จับมายี่สิบกว่าปี ตอนนั้นก็ยังกุกกักๆอยู่ เพราะว่าไม่ได้จับมานานไง หลังจากนั้นก็มาได้ซ้อมที่ห้องซ้อมอีก 2-3 วันเอง

Musica Amante : ความจริงได้ยินมาว่า Set เพลงที่เล่นแบบ Acoustics นี่ ลงตัวหลังสุดใช่ไหม ซึ่ง รวม เพลงลองคิดดู ที่พี่ปื๊ดเล่นอีเลคโทนนี้ด้วย แล้วมีการตัดสินใจใช้เพลงนี้จริงๆ ตอนไหนครับ

พี่ปื๊ด : ก่อนหน้าซัก สัปดาห์ได้มั๊งครับ พี่โอมบอกว่า เอาภาพที่คนไม่เคยเห็นดีกว่า แม้กระทั่งพี่โอมเองก็ไม่เคยเห็น เพราะว่าผมไม่เคยเล่นมาเลย คือที่มันมาช้า เพราะว่า ช่วงนั้นมันเป็นการ Brain storming จริงๆน่ะ อยากให้ทุกคนออกความคิดเห็น เพราะว่ามันเป็นช่วงย้อนไปสมัยยุคแรกๆแล้ว ทุกคนก็จะมีโมเม้นท์ของตัวเองที่ดีๆอยู่ ก็อยากให้เอาออกมาใช้

พี่โอมเค้าบอก เค้าอยากเห็นผมเล่นอีเลคโทน เอ้า เล่นเลย อยากเห็น พี่สาท(สิทธิศักดิ์ กิจเต่ง)มาร้องใช่มะ เอ้า พี่สาทมาร้องกัน ที่แรกผมกับพี่โอมไม่อยู่ ก็ให้ 3 คนนี่แหละอยู่บนเวที ก็เล่น Acousticกันไป จริงๆแล้วก็เปลี่ยนกันขนาดก่อนจะเล่นคอนเสิร์ตก็ยังเปลี่ยนได้น่ะ ความจริงเพลงแรกที่พี่โอมต้องร้องคือเพลง เรา ตกลงกันไว้อย่างนั้น


ภาพโดย DANG_EOS

Musica Amante : อ้าว แล้วทำไมเปลี่ยนล่ะ

พี่ปื๊ด : ตอนซ้อมรันทรู ตอนคอนเสิร์ต พี่โอมบอกไม่เอาแล้วเพลงนี้ ไม่ร้อง เลยเปลี่ยนเป็นร้องเพลงจะเอายังไง ตอนท้ายแทน

ช่วงต่อไปที่ประทับใจก็คือช่วงที่มี Guest มา ผมรู้สึกว่า คนดูสนุกมากเลย แล้วเราก็คิดว่า เราคิดกันไม่ผิดเลยที่เล่นโชว์นี้ ที่จะเลือก Guest แบบนี้ แล้วทำให้คนดูสนุกได้ขนาดนี้ มันเป็นช่วง Peak ของคอนเสิร์ต ที่คนดูสนุกมากๆ ประทับใจมาก

แล้วช่วงที่เรียกว่าเป็นไฮไลท์สุด รู้สึกขนลุกสุด ก็คือเพลงฝากรัก พี่ต้อยออกมาก็รู้สึกขนลุกแล้ว แต่ผมรู้สึกมากกว่านั้น ตอนจบที่ทุกคนออกมาแล้ว มองไปข้างล่าง แฟนเพลงทำหน้าแบบว่า เค้าประทับใจน่ะ ดูสีหน้ารู้เลยว่า เค้าอิ่มมาก เค้าชื่นใจ เหมือนกับว่า โอโห นี่แหละคอนเสิร์ตที่เค้ารอ

Musica Amante : ผมดูจากรูปถ่ายคนดูในโมเม้นท์นี้ ผมก็เห็นความรู้สึกของคนดูแบบที่พี่ปื๊ดว่าไว้จริงๆ นะ

พี่ปื๊ด : ผมมองจากข้างบนไปแล้วมองเห็นสีหน้าของคนดูงี้ รู้เลยว่าเขามีความสุข อู้หู สุดๆ แล้วที่ประทับใจอีกก็คือ ตอนที่พวกผม 4 คนออกไปยืน เหลือพวกผม 4 คนแล้ว แล้วทุกคน Standing ovation น่ะ คนทั้งฮอลล์ลุกขึ้นปรบมือให้ เป็นความรู้สึกที่ผมมีความสุขที่สุด คือความรู้สึกแบบนี้ ผมจะเห็นในคอนเสิร์ตฝรั่งนะ ที่เค้าร้องเพลงแล้วคนชอบแล้วลุกขึ้นปรบมือให้ ก็ไม่คิดว่า ในชีวิตนี้จะได้รับ standing ovation แบบนั้นบ้าง ในคอนเสิร์ตประวัติศาสตร์ของดิอินโนเซ้นท์

คือตอนนั้น ถ้าผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ก็ร่วงไปแล้ว เห็นภาพนั้นแล้วผมแบบกลั้นสุดเลย เพราะเราไม่คิดว่าจะได้รับความชื่นชมแบบนั้น ไม่คิดเลย เป็นความตื่นเต้น เป็นความภูมิใจที่สุดในชีวิตแล้ว นี่คือมีอยู่ 4 ช่วงที่ผมประทับใจมาก

Musica Amante : หลังจากนั้น มี Feed back อะไรมาถึงตัวพี่ปื๊ดบ้าง

พี่ปื๊ด : ก็มีบ้างครับ คอนเสิร์ตจบ ก็ได้รับการแสดงความยินดีจากพรรคพวกเพื่อนฝูง คนที่ใกล้ตัวผมทุกคนที่ได้ดูพูดๆคล้ายกันหมด เป็นคอนเสิร์ตที่คุ้มค่ากับการรอคอยมา 20 ปี

ที่สำคัญ เมื่อวันศุกร์ เสาร์ ที่ผ่านมา (16-17 ต.ค. หลังคอนเสิร์ต 1 สัปดาห์) ผมไปทำบุญบรรจุอัฐิยายเข้าสถูปที่วัดในจังหวัดหนองบัวลำพู เสร็จแล้วผมก็มีนัดกับพี่เหมา มือเบส วงชาตรี

ต้องท้าวความว่า พี่เหมานี่ก็เป็นอีกคนที่เข้าไปดูคอนเสิร์ตด้วย ผมก็รู้สึกภูมิใจว่า วงระดับตำนานอย่างวงชาตรี ก็ยังตั้งใจจะไปดูอินโนเซ้นท์น่ะ พอดีช่วงนั้นพี่เหมาจะไปที่อุดร ผมก็เลยขับรถจากหนองบัวลำพูมาอุดรเพื่อไปเจอพี่เหมา มาร้านอาหารที่เค้าโชว์อยู่ คืนนั้น มีพี่เหมา มีพี่ประเทือง พี่นราธิป กาญจนวัฒน์ แล้วก็พี่ภูสมิง หน่อสวรรค์ มี นรีกระจ่าง คันธมาศ มีพี่อ๊อด โอภาส

คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมที่ไม่อยากเชื่อก็คือ กระแสการโปรโมทคอนเสิร์ตของเรา มันไปถึงที่นั่นเลย ผมรู้สึกเหมือนเราเป็นสตาร์ในวันนั้น เดินเข้าไปคนในร้านนั้น มองผม หมายถึงเขาจำได้ เดินเข้าไปจนไปถึงแฟนของพี่เหมาที่เป็นคนจัดงาน เค้าเดินมารับผมที่หน้าร้าน พาเดินเข้าไป ทุกคนมองสายตาเค้าชื่นชม มันบอกถึงกระแสการโปรโมทของคอนเสิร์ตอินโนเซ้นท์ครั้งนี้ที่ทำให้คนรู้จักมาถึงจังหวัดอุดรธานี ซึ่งอยู่ไกลคอนเสิร์ตฮอลล์ในกรุงเทพอยู่มาก ผมก็ถูกเชิญขึ้นไปร้องเพลง ก็ขึ้นไปเล่นเปียโน ร้องเพลงเพราะเธอหรือเปล่า กับเพลงฝากรัก คนในร้านที่เต็มไปหมด เค้ามองเราด้วยสายตาชื่นชม แล้วก็ร้องเพลงอินโนเซ้นท์ลั่นร้านเลย ผมว่าบรรยากาศมันสุดยอดเลยนะ พอผมลงมาจากเวทีเวลานั้น เหมือนเป็นซุปเปอร์สตาร์เลยนะ แทบทุกโต๊ะ ขอถ่ายรูปผมหมดเลย

ที่สำคัญ มีแฟนเพลงอยู่กลุ่มหนึ่งในร้านนั้น เค้าเข้ามากอดผม แล้วเขาบอกว่า เค้าเห็นผมเข้ามาในร้านนั้นแล้ว เค้าขนลุก เค้าบอกว่า พี่รู้มั๊ยว่า พวกผมและครอบครัวผม สิบกว่าคน เพิ่งขับรถไปดูพี่ที่อิมแพค อารีน่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แล้วผมไม่คิดว่าผมจะมาเจอพี่ที่นี่ ไม่คิดว่ามันจะได้ขนาดนี้เลยหรือ จากวันเวลาที่เราเงียบหายไป 20 ปี ด้วยแรงของคอนเสิร์ต ก็ยังมีคนที่รู้จักเราอยู่ และอยู่ไกลถึงที่นี่ ผมถือว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้เราประสพความสำเร็จมากๆนะเนี่ย กับการที่ตัดสินใจรวมกันทำงานแล้ว Feedback ได้ขนาดนี้

Musica Amante : หลังจากเห็นภาพรวมคอนเสิร์ตในวิดีโอ ไปแล้ว มีความรู้สึกยังไงบ้าง

พี่ปื๊ด : ผมว่ามันสุดยอด ผมก็เพิ่งจะเห็นว่าทำไมคนดูถึงบอกว่ามันสุดยอด นี่ขนาดยังตัดต่อไม่เรียบร้อยนะ ไม่ได้มองเข้าข้างตัวเองนะ ถ้าผมเป็นคนดู ผมเห็นภาพ ผมเห็นการแสดง เห็นระบบเสียงขนาดนี้แล้วก็ อื้อหือเลย ยอดเยี่ยมแล้วสำหรับเมืองไทย

แม้กระทั่งระบบเสียง หนึ่ง ETC นี่เดินคุยกับผม พี่ปื๊ดครับ ผมขออนุญาต copy ระบบเครื่องเสียงของพี่ ถ้าวันนึง ETC มีโอกาสได้จัดคอนเสิร์ตแบบพี่ ผมจะเอาระบบเสียงแบบอินโนเซ็นท์นี่แหละไปไว้ในคอนเสิร์ตผม หนึ่งพูดกับผมอย่างนี้

มันเป็นความภาคภูมิใจเพราะว่างานนี้ทุกคนมาทำเพราะว่ามีใจที่รักพวกเรา รักอินโนเซ้นท์ ตั้งแต่ผู้จัด กระทั่งน้องๆที่ดูแลเรื่องเสื้อผ้า ดูแลเรื่องเครื่องดนตรี เสื้อผ้า หน้า ผม ทุกคนทำด้วยความรู้สึกที่ดีหมด ทุ่มเทกันมากๆ ซึ่งผมไม่ค่อยมีโอกาสแบบนี้กันในชีวิตนักดนตรีที่เล่นกันมาตลอด นี่เป็นครั้งประวัติศาสตร์ในชีวิตจริงๆที่ว่า รวมกันแล้วมีคนมาชื่นชอบ และมาทำงานให้พวกเรากันขนาดนี้ ทุกอย่างคือใจ บางทีใจมันส่งถึงกันบอกได้เลยว่า ทุกคนทำด้วยใจ มันจึงประสพความสำเร็จ

Musica Amante : ได้ยินมา แม้แต่พี่โอม ก็บอกว่า คอนเสิร์ตครั้งนี้มันเริ่มมาจากพี่ปื๊ดเป็นคนแรก และพี่โอมเป็นคนสุดท้ายในการตัดสินใจเรื่อง Reunion ที่มาเป็นอย่างไรครับ

พี่ปื๊ด : ที่มามันมีอยู่ว่า วันหนึ่งเมื่อปลายปีที่แล้ว ผมขับรถผ่านแถวบ้านพี่โอม แล้วก็นึกไงไม่รู้ แวะเข้าไปหาพี่โอมหน่อย ไม่ได้นัดหรอก ก็เลี้ยวรถไปจอดหน้าบ้านพี่โอม กดออดที่บ้าน ก็มีเด็กในบ้านออกมาบอกว่า พี่โอมไม่อยู่ ผมก็กลับขึ้นรถก็โทรหาพี่โอม หน้าบ้านนั่นแหละ พี่โอมอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ก็ได้คุยกันก็ถามพี่โอมว่า เอาหรือยังพี่ พี่โอมบอกว่า ลองดูซี่ ปื๊ดลองซี่ ปื๊ดรู้จักคนเยอะ เผื่อจะหาโปรโมเตอร์ที่มาร่วมจัดกับเรามานั่งคุยกัน ตอนแรกก็คิดอยู่เหมือนกันนะว่า เอาใครดีหว่า ก็ไปคุยหลายคน แต่ส่วนใหญ่ที่ผมคุยเค้าก็คุยกับพี่โอมหมดแล้ว

ผมเชื่อว่า สำหรับอินโนเซ้นท์นี่ โปรโมเตอร์ทุกรายในเมืองไทยนี่แทบจะคุยกับพี่โอมมาหมดแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้มันบังเอิญ เป็นเรื่องบังเอิญมากที่หลังจากนั้น 2-3 วัน ผมโทรศัพท์ไปหาคุณใหม่ มือกลองวงนูโว เพื่อจะเยี่ยมอาการเขา ได้ยินข่าวว่าเค้าตีกลองแล้วอยู่ดีๆก็มีอาการตาบอดกลางเวทีเลย ตอนเล่นคอนเสิร์ต เหลืออีก 3 เพลงจะจบ อยู่ดีๆตาก็บอดไปข้างหนึ่งขณะตีกลอง เหลือตาข้างเดียว ก็ได้ข่าวว่าเขาไปผ่าตัด ก็คุยกันสัพเพเหระ พอดีผมนึกได้ว่า นูโวเพิ่งทำคอนเสิร์ตไป ก็เลยถามว่า คอนเสิร์ตเค้า ใครเป็นคนทำให้ เค้าก็บอกว่า ชื่อสอง บริษัท ไอเวอร์คส์ เป็นเด็กใหม่ ทำคอนเสิร์ตเมืองนอกอย่างเดียว ผมก็เลยขอเบอร์เขา เผื่อว่าจะได้คุยกัน

พอรุ่งขึ้น ผมก็โทรหาคุณสอง จำได้ว่า เวลาประมาณ 11 โมงเช้า โทรหาเค้า

ฮัลโหล คุณสองใช่ไหมครับ ผมปื๊ดมือเบส วงอินโนเซ้นท์นะครับ คุณสองเค้านิ่งเงียบไป เงียบจนผมต้องฮัลโหลๆๆ
แล้วก็ตอบมาว่า ครับๆพี่ครับ

ผมก็บอกว่า ได้เบอร์จากคุณใหม่มา อยากจะทำคอนเสิร์ตอินโนเซ้นท์ ก็เลยโทรหาคุณสอง

เสียงคุณสองตอบมาว่า เมื่อไหร่ครับพี่ นัดผมได้เลยครับ

ผมก็บอกว่า วันนี้แหละครับ ผมจำได้ว่า เจอคุณสองครั้งแรก ที่ร้านกาแฟสตาร์บั๊ก ตรงเมเจอร์รัชโยธิน ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยครับ ตอนหลังพอรู้จักกันแล้วเค้าก็สารภาพว่า เค้าตื่นเต้นมากที่ผมโทรหาเค้า แล้วก็เล่าให้ผมฟังว่า เค้าเป็นแฟนเพลงของอินโนเซ้นท์ ตั้งแต่เค้า 8 ขวบ เค้าชอบและมีความใฝ่ฝันว่า วันหนึ่งที่เป็นผู้จัด จะต้องจัดคอนเสิร์ตอินโนเซ้นท์ให้ได้ นี่คือความโชคดีที่ผมเจอคุณสอง พอได้คุยกันปั๊บ ผมก็รู้ว่า ไม่ธรรมดา คุยกันตอนที่ผมเจอพี่โอม ผมก็มั่นใจแล้วว่า แนวโน้มน่าจะเป็นไปได้ในการที่จะร่วมงานกัน ผมคุยกับคุณสองอยู่ประมาณ 3-4 ครั้ง ก็สรุปว่า น่าจะทำได้ ผมจึงแจ้งกับพี่โอมว่า พี่โอมผมเจอแล้วนะคนแบบนี้ พี่โอมก็บอกอ่ะมาคุยกัน ผมก็เลยพาสองมารู้จักพี่โอมก็เลยคุยกันจนคลิ๊ก พี่โอมก็คลิ๊กก็เลยได้ทำ ถือเป็นความโชคดี


ภาพโดย DANG_EOS

Musica Amante : หลังจากจบงานคอนเสิร์ตนี้แล้วพี่ปี๊ด จะทำอะไรที่เกี่ยวกับวงการเพลงอีกบ้าง

พี่ปื๊ด : มีอันนึงที่ผมกำลังจะทำก็คือเป็น งานบรรเลงเปียโนเพลงอินโนเช้นท์ เดี๋ยวผมกำลังคัดเลือกเพลงว่าผมจะเอาเพลงอะไรบ้าง ถ้าถามผม ณ ปัจจุบันผมชอบเล่นเปียโนมากกว่าเล่นเบส ณ ปัจจุบันนะ เล่นเบสมันต้องเล่นเป็นวง เปียโนมันเล่นคนเดียวได้ คือหลังจากที่หยุดวงไป ผมก็แทบไม่ได้เล่นเบสอีกเลย ผมเล่นเปียโนทุกวัน อยู่บ้านผมก็เล่นทุกวันเปียโน คืออย่างน้อยลงมาตื่นมาก็จับนิดๆหน่อยๆ มันเล่นวันล่ะเพลงก็ยังเออฟีลยังได้เล่น มันเล่นเป็นชั่วโมงบางทีก็เล่นเพลงเดียว วิญญาณนักดนตรีมันยังอยู่ตลอด ก็เลยคิดว่าไหนๆเราทำงานตรงนี้ ความเป็นอินโนเช้นท์มันน่าจะมาต่อยอดอะไรได้อีกเยอะในline ของผม ผมมองว่าผมสามารถทำได้ก็เลยจะทำอัลบั้มบรรเลงเปียโนเพลงของอินโนเช้นท์เท่านั้น กำลังเนี้ยะกำลังคัดเลือกเพลงอยู่ แต่ในตัววงก็ค่อยว่ากันอีกที คือในตัววงนี้ตอนนี้กระแสมันมี ผมก็ไม่ได้เข้าข้างตัวเองหรอกแต่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ว่ามันมีกระแสตอบรับที่ดีมาก

ดังนั้นผมก็เลยกำลังมองว่าเราจะทำอะไรกันต่อไป มันน่าจะทำได้ เพียงแต่ผมเชื่อว่า ยังมีแฟนเพลงอีกหลายกลุ่ม หลายคน ที่ไม่ได้มาดูคอนเสิร์ตอินโนเช้นท์ ไม่มีโอกาสมาดูยังมี แม้กระทั่ง อย่างที่ผมบอกที่อุดร ภาคอีสานที่ผมไปเจอมา มันเป็นสิ่งที่แบบ ถ้าเราไปเล่นเค้าจะไม่มาดูเราเหรอ นี่ผมกำลังคิดว่าอาทิตย์หน้าผมกำลังจะไปเชียงใหม่ ไปหาเพื่อนแล้วผมจะไปเช็คฟีตแบค ผมก็เชื่อว่าไม่แพ้อุดรหรอก

ฉะนั้นผมมองว่า ผมว่าถ้าจะเช็คฟีตแบคในวงกว้างๆ อาจจะต้องรอหลังจาก DVD วางแล้ว คือ คนที่ไม่ได้ไปดูคอนเสิร์ตก็จะได้เห็นแล้วก็จะได้รู้ว่าวันนั้นมันเป็นยังไง ส่วนตัวผม ผมมองว่าความสดของกระแสคอนเสิร์ตที่เกิดมา 2 อาทิตย์ใช่มั๊ย คืออย่างที่อุดรที่ผมไป ที่ผมผ่านมานั่นมันผ่านมาแค่อาทิตย์เดียว แล้วผมเห็นว่ากระแสมันแรงจริงๆ ผมไม่เคยรู้สึกว่าผมเป็นซุปเปอร์สตาร์เหมือนตอนนั้นเลย ทั้งๆที่แบบเราเลิกวงมาตั้งนานแล้ว แล้วเพราะคอนเสิร์ตนี้คอนเสิร์ตเดียวมันทำให้เราเป็นได้ขนาดนี้ เพราะฉะนั้นผมมองว่าในขณะที่เรามีกระแสอยู่ มีการตอบรับดีอยู่แบบนี้ พวกเราควรทำอะไรที่ทำให้มันถึงที่สุด ไหนๆทำแล้วไม่แน่อาจจะมีอะไรที่ดีๆเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้ นอกจาก DVD คอนเสิร์ต ซึ่งอันนั้นต้องมีอยู่แล้ว DVD

Musica Amante : คำถามต่อไปนี้ หนักนิดนึงครับ เคยได้ยินพี่ปื๊ดบ่นมาก่อน เรื่องงานเพลงอินโนเซ้นท์ที่ผ่านมานับสิบปีมานี้ ไม่เคยได้รับผลประโยชน์ รวมทั้งล่าลุดสดๆร้อนๆหลังคอนเสิร์ตจบ พี่ปื๊ดเพิ่งไปซื้อCD รวมเพลงของอินโนเซ้นท์ด้วยตัวเองที่เพิ่งออกใหม่มาเลย เรื่องราวเป็นอย่างไรครับ

พี่ปื๊ด : ก็เป็นเรื่องที่แบบคาใจน่ะครับ เรื่องงานเก่าของ อินโนเช้นท์ ที่เราทำเมื่อตลอดเวลาในชีวิตการเป็น อินโนเช้นท์ ก่อนที่เราจะแยกตัวมันเป็นเรื่องของความทำไม่ถูกต้องของวงการ ทีมงานที่เราเคยทำงานกันมาแล้วเราเหนื่อยกันมามาก สมัยก่อนที่เราจะสร้างชื่อสร้างเสียงกัน อินโนเช้นท์ พูดง่ายๆ ก็คือ ความสามารถของทุกคนที่มารวมตัวกัน แล้วเป็น อินโนเช้นท์ ที่ทำให้คนยอมรับ แต่มันก็ถูกเรียกว่ายังไงล่ะ มันถูกเอาเปรียบ โดยระบบหรือบุคคล มันไม่ใช่ระบบซี่ มันเป็นเรื่องของบุคคลมากกว่า มันเป็นเรื่องของจิตใต้สำนึกของคนมากกว่า ผมมองตรงนี่ ว่ามันเป็นจิตสำนึกว่า การถือโอกาสเหมือนทำนาบนนหลังคนดนตรีมันไม่ถูก

พวกผมนี้ก่อนที่จะทำให้มันเกิดงานขึ้นมา กว่าจะทำให้มันมีชื่อเสียง ผมต้องเหนื่อยขนาดไหนและผม โดยเฉพาะผมตลอดเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ผมเป็นคนที่คุยกับพี่โอมมาตลอดเวลาทุกปีว่าปีนี้พี่โอมทำอะไร 6 ปีนี้ผมคุยทุกคนตลอด ถามดูได้เลย มีผมคนเดียวที่ผมพูดตลอดโทรถามพี่สันต์เอามั๊ย พี่ชลเอามั๊ย ปีนี้เอามั๊ย คุยกะพี่โอมซี่ พี่โอมบอกพูดตรงๆ คุยกะพี่โอม พี่โอมก็ยังติด 6 ปีเต็มๆ จนมาปีนี้จนมาสำเร็จ แล้วพี่คิดดูว่าสิ่งที่ผมทำ ผมซ้อมแล้วผมเหนื่อยแล้วผมต้องทำทุกอย่างทั้งหมดทุกคนเหนื่อย พวกเพื่อนผมเหนื่อย คนทำคอนเสิร์ตก็เหนื่อย คนลงทุนทำคอนเสิร์ตก็เหนื่อยทั้งเงิน เหนื่อยทั้งหาเงินเหนื่อยทั้งการโปรโมต แต่ทำไมต้องมีอัลบั้มประเภทแบบเอาเพลงพวกผมมารวมแล้วขายใหม่ แล้วขายตัดราคาลงมา ทำให้ผมดูแล้วผมไม่มีค่าอะไรเลยในสายตาเค้า ไม่มีค่าเลย มัน จริงๆ ผมเคยเห็นที่เค้าทำแบบนี้หลายครั้งแล้วนะ โดยเฉพาะงานของ อินโนเช้นท์ ด้วย

คือตลอดเวลา 20 ปีเค้าก็ขายมากันอยู่นะครับ แต่พวกผมไม่เคยได้ส่วนแบ่งเลยแม้แต่สลึงเดียว นี่กำลังจะถามว่าแล้วมีส่วนได้ แม้กระทั่งกระแสอัลบั้มใหม่ที่เค้าวางมาขายเพลง อินโนเช้นท์ 25 ปีเนี้ยะ คือเจตนาเค้า ถ้าผู้อ่านไปเห็นตามแผง ก็จะเห็นว่าเจตนาคืออะไร แม้แต่หน้าปกก็เอาโลโก้ของพวกผมที่ใช้โฆษณาลงทุนทำในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ก็ไปอยู่บนหน้าปกของเค้า นี่มันคืออะไร

คือผมก็มองว่า คงจะไม่ยอมหรอกคราวนี้ ก็ต้องฝากถึงบรรดาแฟนๆด้วย พวกผมกำลังจะมีอัลบั้มเป็น Boxset บอกมาของ อินโนเซ้นท์ ในเวลาไม่นานนี้ ฉะนั้นผมขอบอกเลยว่าถ้าอันอื่นที่มันเป็นของ อินโนเซนต์ จะเป็นอะไรก็ตามที่ไปพบเห็นที่อื่นนะครับ พวกผมไม่ได้รับส่วนแบ่งอะไรเลย คนที่ทำได้อย่างเดียวเลย พวกผมไม่ได้เลยซักบาทเดียว ผู้ฟังก็ต้องเลือกเอาครับ ระหว่างแผ่นที่พวกผมทำด้วยความรู้สึกที่ดีกับ ณ ปัจจุบัน กับแผ่นที่ฉวยโอกาสโดยไม่ได้นึกถึงความเหนื่อยยากของพวกผมเลย ก็ถือว่า ผมมาฟ้องกับผู้บริโภคละกัน

==========================================

ต้องบอกว่า ประเด็นที่ผ่านไปนี้ ร้อนเร่าขึ้นมาทันทีครับ ความจริงแล้วมีประเด็นอื่น ที่อยากให้พี่ปื๊ดพูดถึงเหมือนกัน อย่างเช่น เรื่องแฟนคลับของดิอินโนเซ้นท์ ที่พี่ปื๊ดค่อนข้างมีความประทับใจเป็นการส่วนตัวมากทีเดียว แต่ว่า เดี่ยวยาวไป แล้วก็ไม่ได้เอามาลงซักที ขอติดไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ

ส่วนครั้งหน้า คงเป็นคิวของหัวหน้าวง พีรสันต์ จวบสมัยครับ ผมมีวัตถุดิบในมือแล้วด้วย



Create Date : 11 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2552 21:54:21 น. 17 comments
Counter : 38520 Pageviews.  
 
 
 
 
ไม่ไหวเลยครับบทความนี้ .....
















เพราะว่าซึ้งจนน้ำตาไหลเลยครับ ..


สุดยอดจริงๆ ครับ ทั้งพี่ปี๊ดและพี่ๆ The Innocent ทุกคนครับ
 
 

โดย: กึ่งยิงกึ่งผ่าน วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:25:54 น.  

 
 
 
สุโค้ยครับ ชอบๆ ^^
 
 

โดย: โอ๋ IP: 124.121.166.146 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:59:13 น.  

 
 
 
พี่ปื้ดสุดยอด ต้องขอบคุณที่เป็นคนจุดประกายทำให้มีโอกาสเกิด concert ครั้งนี้ ขอบคุณมากค่ะพี่
 
 

โดย: soo jeng IP: 124.120.82.145 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:18:13 น.  

 
 
 
กลับบ้าน ยังไม่ได้กินข้าวเลย ขออ่านก่อน...ตื้นตันอีกละ...
จะพูดอะไรได้ล่ะ นอกจาก ...สุดยอดดดดด


ขอบคุณน้าmusicaที่ช่วยส่งผ่านสิ่งดีๆมาให้พวกเราค่ะ
 
 

โดย: Nostalgia IP: 113.53.169.76 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:29:19 น.  

 
 
 
ซึ้งค่ะ

บี๋นึกภาพพี่ปื๊ดเดินไปนั่งทุกจุด ไปยืนทุกจุดใน impact แล้วขนลุกค่ะ สุดๆ เลยค่ะพี่
 
 

โดย: บี๋เองค่ะ IP: 61.91.113.94 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:05:06 น.  

 
 
 
ครับ พี่ ผม ได้อ่านเบื้องหลัง ต่างๆ แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด จริง ๆ ครับ โดยเฉพาะ เรื่องการที่ เขาเอาเพลงเก่ามาขายใหม่ มันไม่แฟร์กับพวกศิลปินเลยอย่างน้อยน่าจะมี % ให้กับศิลปินบ้างทุกความเหนือ่ยยากที่ศิลปินและคนแต่งเพลงแต่งทำนองทำกันมา OK มันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่อย่างน้อยก็เป็นสิ่งตอบแทนที่ควรจะได้ไม่ใช่เหรอ ผ่านไปกี่ปีกี่ปี คุณเอากระแสของการทำกิจกรรมของศิลปินมาขายของที่ไม่ได้ส่วนแบ่ง กับความหน้าด้านของคนที่เอาเปรียบผมว่ามันไม่ถูกต้อง
ขออภัยทีแรงแต่เป็นอย่างที่คิดมาตลอดเวลามีข่าวศิลปินตกอับ คนที่ควรช่วยเหลือก็ไม่ยื่นมือ ทั้ง ๆ ที่เขาทำให้คุณรวยแต่ก็ยังเอาเปรียบกันอยู่ร่ำไป

แต่คอนเสิร์ทที่พวกพี่ ๆ จัด ผมบอกไม่อายเลยว่า 20 กว่าปีที่รอมา วันนั้นพี่ปื๊ดกลั้นน้ำตาได้ แต่ขอบอก ผมนี่น้ำตาร่วงด้วยความตื้นตัน เพราะไม่เคยไปดูคอนเสิร์ทพวกพี่เลยแบบสด ๆ ดูแต่ TV สมัยนั้น พอเริ่มจะไปดูได้ พี่ ๆ ก็เลิกกันไปแล้ว เหมือนที่บอกความรู้สึกใน WB ตลอดว่า ช่วงเวลานี้คือสิ่งเติมเต็มที่หายไป มันกลับมาเป็น Jigsaw ชิ้นสุดท้ายที่ทำให้สมบูรณ์ แต่ก็คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะเห็นพวกพี่ ๆ เล่น คอนเสิร์ทให้พวกเราดูกันอีกไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตายกันไปข้างนึงเลย พูดจากใจจริงเลยครับ
ขอบคุณครับ
หนุ่ม TIFC
 
 

โดย: หนุ่ม TIFC IP: 125.25.42.195 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:57:13 น.  

 
 
 
ผมไปดูวัน Sound Check ครับ ตอนซ้อมคิวอยู่ เห็นพี่ปื๊ดเล่นเบสส่งสัญญาณ Wireless แล้วลงมาที่ที่นั่งคนดูแล้วก็เล่นเบสไปด้วย ฟังไปด้วยตลอด เหมือนพยายามจะเช็คว่าซาวน์ที่ออกมามันเป็นยังไงบ้าง เห็นถึงความเอาใจใส่ของพวกพี่เป็นอย่างดีเลยครับ :D
 
 

โดย: GooG IP: 192.168.253.21, 124.157.202.109 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2552 เวลา:4:23:03 น.  

 
 
 
ขอบคุณคุณ Musica Amante ที่ถ่ายทอดความมาให้ได้อ่านและได้อิ่มเอมกัน
สำหรับผม ตอนนี้...
หลังจากชมคอนเสิร์ทดีเยี่ยม, ดูรูปในเว็บและอ่านบทความดีดีเกี่ยวกับอินโนเซนท์แบบนี้แล้ว
ก็รอคอยดีวีดี นี่แหละ 55+
 
 

โดย: Maroon Man IP: 10.20.150.210, 203.149.16.33 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:59:21 น.  

 
 
 
ภูมิใจ ที่พี่ปึ๊ด เป็นเด็ก พ.พ. ด้วย (เกี่ยวกันมั๊ยเนี่ย) เห็นความตั้งใจของพี่ๆ แล้ว รู้สึกปลื้มจริงๆ ที่ได้ร่วมเป็นหนึ่งในความทรงจำของคอนเสิรต์ครั้งนี้ รวมถึงโปรโมรเตอร์คอนเสริต์ครั้งนี้ด้วย ถ้าเค้าไม่ชอบวง The Incocent มาก คงไม่ทำให้ขนาดนี้ เป็น concert ที่มี แสง สี เสียง เทียบได้กับของเมืองนอกเลย

ขอบคุณ คุณ Musica Amante อีกครั้งนะคะ รอคอยตอนต่อๆ ไปเสมอ และหวังว่าคงมีโอกาสได้เห็นภาพครอบครัวของทุกคนบ้างนะคะ
 
 

โดย: Traveller IP: 202.57.137.114 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:57:14 น.  

 
 
 
อ่านแล้วตื้นตันใจอ่ะ น้ำตาจะไหล มันบอกได้ถึงความรู้้สึกของการรอคอยทั้งคนเล่นและคนรอดู แฟนคลับอย่างเราๆ พวกเรารอพี่ ๆมานานมากและถามถึงกันตลอดว่าเมื่อไหร่ ๆ จะได้ดูคอนฯ อินโนเซนต์ วันนี้ไม่ผิดหวังเลยค่ะ
 
 

โดย: เราเอง IP: 110.164.148.240 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:55:26 น.  

 
 
 
ผมเป็นอดีตนักดนตรีคนหนึ่งจากเชียงใหม่ครับ...เป็นแฟนเพลงของวงดิอินโนเซนต์ตั้งแต่ชั้นมัธยมมาตลอดระยะเวล 20 กว่าปีเช่นกัน.....ตอนนั้นมีวงผมวงเดียวที่คิดจะแกะเพลงของดิิอินโนเซนต์เล่น เพราะรักและศรัทธาในฝีมือของสมาชิกทุกคนในวง....แม้ว่าเวลาล่วงเลยมาเินิ่นนาน...และปัจจุบันมีครอบครัวมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ...และเลิกเล่นดนตรีแล้ว.....แต่วงดิอินโนเซนต์ยังเป็นสุดยอดวงดนตรีของเมืองไทยที่อยู่ในใจผมตลอดไปครับ....ขอเป็นกำลังใจให้สมาชิกวงดิอินโนเซนต์ทุกคนครับ ...

 
 

โดย: ลุงfamily IP: 180.183.88.213 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:30:00 น.  

 
 
 
เพราะว่า...ในยุคนั้นเพลงของวงดิอินโนเซนต์ถือว่ายากมากครับสำหรับนักดนตรีสมัยนั้นที่คิดจะแกะเล่น....ในยุคนั้นไม่มี MD หรือ YOuTUBE อินเตอร์เน็ต ฯล ให้เรียนรู้ในเรื่องของการเล่นดนตรีเลยครับ......คำว่า "แกะเพลง" ในสมัยเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมาของวงดนตรีวัยรุ่นต่างจังหวัดอย่างวงของผม คือ เทปคาสเส็ทที่เป็นม้วนๆ บางเพลงนี่แกะกันจนเทปยืดต้องเอาไปแช่ในตู้เย็นก็เคยมีครับ.... อยากให้สมาชิกวงดิอินโนเซนต์ทุกท่านได้เก็บความภาคภูมิใจว่า...เป็นประวัติศาสตร์ของวงดนตรีเมืองไทย....ที่วงดิอินโนเซนต์เป็นแบบอย่างให้แก่นักดนตรีร่วมรุ่นและรุ่นหลังได้ยึดเป็นแบบอย่าง.... สำหรับผม ดิอินโนเซนต์ ชื่อนี้ไม่ได้ไร้เดียงเลยสำหรับเรื่องดนตรี....แต่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับต้นๆ และเป็นอีกตำนานหนึ่งของวงดนตรีที่ฝีมือดีที่สุดในเมืองไทยครับ...

 
 

โดย: ลุงfamily IP: 180.183.83.138 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:38:34 น.  

 
 
 
ผู้หญิงที่เอาดอกไม้ไปให้คุณปี๊ด (ช่อแรกนะ) นั่งชั้นเดียวกับเรา
ขำ ๆ ที่ปีนข้ามลงมาเอาดอกไม้ลงไปให้คุณปี๊ด การ์ดจะพาลงไปก็ไม่ยอม
สงสัยกลัวเอาไปให้คุณปี๊ดไม่ทันมั้ง อิอิ...
 
 

โดย: ญาติสายชล IP: 125.24.62.106 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:57:13 น.  

 
 
 
รออ่านตอนถัดไปอยู่นะครับ
 
 

โดย: คนรอ IP: 203.144.144.165 วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:17:08:31 น.  

 
 
 
หวัดีคร๊าบบบบบบ

ตามหาพี่ไม่เจอเลย (ความจริงไม่รุ้จะไปหาที่ไหน) คิดถึงมากๆ ครับ

นี่ถ้าพี่ไม่ไปเฉลย คงไม่รู้กันว่า ไปอยู่สะที่ไหนแล้ว
ดีใจมากๆ ครับ ไว้นัดรวมพลคนรุ่นดึกกันบ้างสิครับ.. คิดถุง..^^





 
 

โดย: นัยพรสุดหล่อ IP: 58.9.62.112 วันที่: 4 เมษายน 2553 เวลา:16:31:02 น.  

 
 
 
ไปไหนไปด้วย บอกกันบ้างเน้อ คนวัยดึกด้วยกัน
 
 

โดย: jane IP: 118.175.32.108 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:14:20 น.  

 
 
 
 
 

โดย: พิชัย โรงเรียนแม่พระฟาติมา สมัยประถมอยากโทรคุยด้วยคิดถึง. IP: 27.145.42.204 วันที่: 21 กันยายน 2560 เวลา:20:34:23 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

Musica Amante
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




เปิดตา เปิดหู เปิดสมอง เปิดใจ
เพลงที่ดี ดนตรีที่ดี ไม่มีค่าย
[Add Musica Amante's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com