Musica Amante คนรักดนตรี

<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
31 สิงหาคม 2552
 

ชีวิตกับดนตรี ของโอม ชาตรี ตอนที่ 4(สุดท้าย) ความเปลี่ยนแปลง

ความจริง ตอนสุดท้ายของการสัมภาษณ์นี้
ผมตั้งชื่อไว้ก่อนแล้วว่า รียูเนี่ยน เพราะผมชอบการพูดปิดเรื่องเหตุของการรียูเนี่ยนมาก
แต่ว่า มาคิดอีกที ตอนนี้มีการพูดถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญของอินโนเซ็นท์ด้วย เลยเอาชื่อแบบนี้ดีกว่า

เชิญทัศนาได้เลยครับ

=====================================

ภาพจากการบันทึกรายการ รู้จริงปะ

ตุ้ย ธีรภัทร : พี่เคยคิดเล่นๆเป็นสัดส่วนไหมว่า เช่นการเปลี่ยนคอร์ดยากหรือการใส่ความยากลงไป สมมุติว่าเราคิดแทนคนฟังอะไรคือจุดที่เค้าเรียกว่า ปล่อยของ มันควรมีสัดส่วนมากน้อยขนาดไหน

พี่โอม : เดี๋ยวนี้รู้แล้ว แต่ก่อนนี้ไม่รู้

ตุ้ย ธีรภัทร : ยังไงครับ

พี่โอม : แต่ก่อนนี้ไม่รู้เลย อินโนเซ้นท์นี่เป็นวงที่แปลกมาก คือจุดกำเนิดเป็นวงที่เริ่มมาจากเพลงPop เพลง Bubble Gum เลยอ้ะ เพลงฮิต เพลงตลาด แต่ในวันเวลาที่พี่อยู่ ไม่มีซักครั้งที่อินโนเซ้นท์คุยกันว่า เพลงไหนจะฮิต คือเราไม่เคยคุยกันว่า เราจะทำ Hit single ชุดที่เราคุยกันเรื่องนี้มากสุดเป็นชุดสุดท้าย ชุด 10 นาฬิกา ชุดนี้เราเริ่มรู้แล้วว่า อัลบั้มต้องมีซิงเกิ้ลโปรโมท กลายมาเป็นเห็นใจกันหน่อยอะไรอย่างนี้

แต่ก่อนหน้านั้นเราไม่เคยมีการคุยกันว่าเพลงไหนจะเป็นเพลงโปรโมท เพลงไหนจะเป็นเพลงฮิตหรือไม่ฮิต ตัวอย่างนึง คืออัลบั้มชุดรักคืออะไรเนี่ย ที่มีเพลงชื่อสักวัน เพลงนี้เป็นเพลงที่พี่และวงภูมิใจมาก คือตอนนั้นวงเราตัดสินใจใช้คอร์ดที่ยุ่งยากและซับซ้อนมาก แล้วก็มีคนส่วนหนึ่งชอบกันด้วย

เราทำเพลงนี้ออกมาที่ความยาว 6 นาที โดยที่เราไม่รู้เลยว่าวิทยุเค้าจะไม่เปิด ไม่ได้คิดเรื่องนี้ไว้เลย แล้วบอกว่าตัดให้สั้น ก็ไม่ตัด อันนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงว่า เราไม่ได้มีความรู้ทางด้านการตลาดเลย แล้วก็ไม่ได้มีใครที่เกี่ยวข้องกับวงมาบอกเราด้วยนะ อาจจะเป็นความไม่เจนเรื่องการตลาดด้วยกันทั้งหมดก็ได้ แต่สำหรับพี่ พี่นึกขอบคุณสิ่งนี้มาตลอดเลย

ตุ้ย ธีรภัทร : เหมือนกับว่าพี่สะท้อนออกมาเป็นธรรมชาติ

พี่โอม : คือความไม่รู้ บางทีมันก็ทำให้เราสามารถทำสิ่งต่างๆด้วยธรรมชาติ พี่ก็มองกลับไปว่า ด้วยวัย ด้วยความเป็นนักดนตรีต่างจังหวัด เรายังจำเป็นที่จะต้องสร้างเครดิต สร้างชื่อเสียงให้กับนักดนตรีในวงการ ถ้าเราไม่ทำสิ่งนั้น ทุกวันนี้เราอาจจะมี Value แค่เป็นวง Bubble gum วงหนึ่ง คงไม่มีใครสนใจได้ว่า วงอินโนเซ้นท์ทำอะไรได้มากไปกว่ามีเพลงป๊อปๆเพราะๆ อะไรอย่างเงี๊ยะ ทุกวันนี้ยังมีคนที่สนใจ อย่างพี่เองพี่เจอน้องๆเค้ายังจำไลน์โซโล่พี่เล่นได้ เค้ายังพูดถึงเพลงนั้นเพลงนี้

อย่างทุกวันนี้เราจะมีคอนเสิร์ตดิอินโนเซ้นท์เนี่ย มีคนเยอะมากที่อยากฟังเพลงสักวัน เวอร์ชั่นออริจิน่อล เวอร์ชั่นที่ยาว 6 นาทีที่พี่ว่านี่แหละ แม้แต่ที่วงเอง ก็อยากจะให้เราเล่นเวอร์ชั่นนี้แบบออริจิน่อลเลย ซึ่งพี่ก็คิดว่า ถ้าวันนั้นเราไม่ทำ เราเป็นวงอีกแบบนึงนะครับ เราอาจจะอยาก re-arrange ทั้งหมด ให้มันเปลี่ยนไปหมดเลยก็ได้ บางทีเราต้องบอกก่อนว่า ดนตรีมันไม่มีถูกไม่มีผิดน่ะครับ แต่สำหรับพี่อะไรที่มันเกิดขึ้นในอินโนเซ้นท์ยุคนั้น มันเป็นความภูมิใจ ความไม่รู้นี่แหละมันทำให้เป็นธรรมชาติที่แท้จริง เราสร้างงานเหล่านั้นด้วยความไม่รู้ พี่ก็เลยคิดว่ายุคอินโนเซ้นท์สำหรับพี่มันเป็นยุคแห่งการเรียนรู้เลย เราได้เรียนรู้การทำงานทุกๆเรื่องมาจากในยุคนั้นหละ

ตุ้ย ธีรภัทร : แสดงว่า จากจุดเริ่มต้นมาจนช่วงกลางแล้วเนี่ย สิ่งที่พี่เรียนรู้จากการทำงาน กับอินโนเซ้นท์ ได้ต่อยอดมาถึงการทำงานทีแกรมมี่ด้วยมั๊ยครับ

พี่โอม : ต้องบอกอย่างนี้เลยครับ ในยุคแกรมมี่นี่เป็นยุคที่พี่ทำงานแล้วค่อนข้างประสพความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยอะไรบ้างก็ไม่รู้นะครับ แต่ว่าในส่วนตัวพี่เอง พี่มั่นใจเสียยิ่งกว่ามั่นใจว่า ความสำเร็จในยุคนั้นมันมาจากการได้ลองผิดลองถูกจากยุคก่อนหน้านั้นซึ่งเป็นยุคของดิอินโนเซ้นท์ หลายๆอย่าง สิ่งที่เราลองถูก เราก็นำมาใช้พัฒนาต่อไป สิ่งที่เราลองว่าผิด เราก็แก้ไข

ยกตัวอย่างพอมาถึงงานในยุคแกรมมี่เนี่ย ตุ้ยจะไม่เห็นพี่ทำงานเพลงที่ยาวเกิน 4 นาทีเลย เราก็รู้แล้วว่า ถ้าเราต้องการความสำเร็จทางการตลาด เพลงไม่ควรจะยาวมากเกินไป เพลงที่มันยาวมากๆ ถึงมันจะเพราะ หรือไม่เพราะอะไรก็ตาม แต่มันมีปัญหาทางด้านการตลาด พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เมืองนอกเค้าก็มีปัญหานี้กัน ซิงเกิ้ลที่ยาวมากๆ แล้วเราก็ไม่มีกำลัง หรือมี Knowhow ที่จะมาตัดซิงเกิ้ลกัน พี่ไม่รู้เรื่อง ตัดเทปยังไงไม่รู้จัก เราก็เอาทุกๆอย่างครับ ประสพการณ์ทำงานในห้องอัด ในยุคของแกรมมี่พี่ก็ได้รับบทบาททำงานเป็นโปรดิวเซอร์ การทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ของแกรมมี่สำหรับพี่เป็นเรื่องง่ายมากตั้งแต่จุดเริ่มต้น เพราะว่าพี่โปรดิวซ์งานอินโนเซ้นท์มาโดยไม่รู้ตัว ตลอดเวลาอยู่แล้ว

ตุ้ย ธีรภัทร : เหมือนได้ประสพการณ์จากตรงนั้นมา

พี่โอม : ใช่ครับ งานชุดแรกที่ได้ทำที่แกรมมี่คือชุด นินจา ของ คริสติน่า เนี่ย เราก็ทำงานเหมือนกับทำกับวงอินโนเซ้นท์นี่แหละ เพียงแต่เปลี่ยนสมาชิกวงมาเป็นนักร้องผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง วิธีทำงานก็เหมือนเดิมหมด หนำซ้ำเรายังมีทีมงานที่เก่งๆมาช่วยเป็นทีมใหญ่อะไรอย่างนี้

ตุ้ย ธีรภัทร : ผมถามถึงจุดเปลี่ยนผ่านนิดนึงครับ แล้วจุดจากอัลบั้ม 10 นาฬิกา จนได้มีโอกาสมาทำงานที่แกรมมี่ ที่มาที่ไปเป็นอย่างไรครับ

พี่โอม : ต้องเล่าย้อนนิดนึงครับ ช่วงก่อนชุด 10 นาฬิกา ประมาณชุดครั้งนี้…ของพี่กับน้อง เป็นชุดที่ 8 ตอนนั้น สมาชิกอินโนเซ้นท์ รวมถึงตัวพี่ เริ่มมีพฤติกรรมเอาอย่างนักดนตรีเมืองนอก คือว่า เริ่มทำงานหลายๆอย่าง มี side project มีอะไรกันเยอะมากขึ้น ตัวพี่เองก็จะเริ่มไปเล่นซัพพอร์ทให้กับพี่แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ แล้วก็ไปร่วมเล่นคอนเสิร์ตให้กับพี่เต๋อ เรวัต พุทธินันทน์ ในอัลบั้มเต๋อ 2 แล้วก็ เต๋อ 3 กลายมาเป็นคอนเสิร์ตปึ๊ก

ช่วงนั้นแหละจะทำอะไรอยู่หลายๆด้าน ช่วงที่เล่นคอนเสิร์ตให้พี่เต๋อ พี่ก็เล่นคอนเสิร์ตด้วย แล้วก็อยู่วงอินโนเซ้นท์ด้วย แล้วก็อยู่วงพลอยกับพี่แจ้ด้วย อยู่ 3 วงเลย เราก็จะมีพฤติกรรมประเภทบอกเลยว่า โอ้โห นี่มันเท่ห์ ฝรั่งเค้าก็เป็นอย่างนี้กัน ในขณะที่มองย้อนกลับไป ผู้เกี่ยวข้องเค้าก็ส่ายหัวกันหมด

ตุ้ย ธีรภัทร : เรื่องเวลาหรือเปล่าครับ

พี่โอม : ใช่เรื่องเวลา แล้วอีกอย่างนึง เราไม่รู้หรอกว่า มันเกิด Conflict ขึ้นระหว่างค่ายด้วยเหมือนกัน เพราะว่าวงอินโนเซ้นท์มันอยู่ค่ายนิธิทัศน์ ส่วนพี่เต๋อ เค้าอยู่ค่ายแกรมมี่ เราไม่ได้คิดอะไร เราคิดว่า นักดนตรี ต้องไม่มีค่าย เราคิดอย่างนี้แหละ ใครชวนเรา เราทำหมด ตอนนั้นทำงานอยู่กับพี่แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ ช่วงหลังๆพี่เต๋อเค้าปั้นพี่เบิร์ดขึ้นมาไง เราก็ไปแต่งเพลงให้พี่เบิร์ด โดยที่ไม่ได้คิดว่าเค้าเป็นคู่แข่งกัน ไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้น พี่ก็เลยได้มีโอกาสได้ทำงานทั้งฝั่งนิธิทัศน์ แล้วก็ฝั่งบริษัทแกรมมี่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาโดยทำหน้าตาเฉยอย่างนั้นแหละ พี่เต๋อส่งเพลงมาให้ทำ เราก็ทำ วงอินโนเซ้นท์ก็ยังอยู่ในบริษัทนิธิทัศน์ต่อไป

จนสิ่งต่างๆเหล่านี้มันก็ผ่านวันเวลามาถึงชุด 10 นาฬิกา เรื่องเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ หมายถึงว่า พี่ก็ยังทำงานป้อนให้ศิลปินแกรมมี่อยู่ ตอนนั้นก็แต่งเพลงเยอะแยะไปแล้วให้บริษัทแกรมี่ แต่เราไม่ได้อยู่บริษัทแกรมมี่ เราก็ยังมีวงอินโนเซ้นท์ วงก็ไม่ได้มาอยู่แกรมมี่เพราะว่า แกรมมี่ก็เป็นแกรมมี่ นิธิทัศน์ก็เป็นนิธิทัศน์

ชุด 10 นาฬิกา ก็เป็นชุดที่วงก็เริ่มทำงานแล้วก็เรียกว่าอะไรก็ตามที่มันเดินมาถึงจุดหนึ่งที่ถึงเวลาของมัน มันจะมีสัญญาณบางอย่างบอกเอง ถามพี่เอง พี่ก็จะบอกว่า ชุดนี้เราก็เริ่มรู้สึกแล้วละว่า เราอยู่ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลง ตัวพี่อยู่ท่ามกลางบริษัทใหญ่ๆ 2 บริษัท มันก็เริ่มมีคำถามว่า ทำไมเราต้องทำอะไรซับซ้อน ทำไมเราไม่อยู่ที่ใดที่หนึ่งที่เรารู้สึกโอเคไปเลย ไอ้วงที่เราทำมาเราก็อยากทำให้มันดีที่สุด ชุด 10 นาฬิกาสำหรับตัวพี่เอง ก็เป็นชุดที่เราทดลองกลไกทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง

ตุ้ย ธีรภัทร : กลไกอะไรครับ

พี่โอม : กลไกว่า ถ้าเราทุ่มเทตัวเองทั้งหมด เข้าไปในอัลบั้มของวงตัวเองหนึ่งชุด คือถ้าตามฟอร์มพี่ว่าวงอินโนเซ้นท์ถึงเวลาแยกย้ายตั้งแต่ชุดก่อนหน้านั้นแล้วด้วยซ้ำ เนื่องจากว่าสภาพของแต่ละคนก็ทำงาน side project เต็มไปหมด อินโนเซ้นท์ส่วนหนึ่งก็ไปเล่นเป็นนักดนตรี Session เล่น Support ให้พี่ปั่นก็มี คุณปื๊ดกับพีรสันติก็ไปเล่นเป็นวง Support concert ให้ พี่ก็เล่นเป็นวงให้พี่แจ้ แล้วก็พี่เต๋ออะไรอย่างงี้ ช่วง 10 นาฬิกา ก็เลยเป็นช่วงที่พี่ต้องตัดสินใจ


ภาพจากวันบันทึกรายการ รู้จริงปะ (อีกภาพ)

ตอนนั้นพี่เต๋อก็จะชวนมาทำงานที่แกรมมี่ พี่ก็ขอพี่เต๋อว่า ผมยังอยากทำวงอยู่ ก็เลยยังไม่ได้มาร่วมงานด้วย ก็ทำงานชุดนี้ออกมาหน้าตาอย่างที่เห็นนี่แหละครับ เป็นอัลบั้มเต็มรูปแบบเลย มีคอนเสิร์ต มีโปรโม(Promotion)อะไร แล้วในช่วงนั้นมันก็มีอะไรหลายๆอย่างที่เป็นเหตุที่ทำให้เราเป็นจุดหักเห เป็นจุดตัดสินใจ ว่าเรายังอยากจะทำงานในชุดต่อไปมั๊ย

ความที่พี่อยู่ 2 บริษัทด้วย มันก็อาจจะเป็นปัญหาหนึ่ง เรื่องเวลาก็อย่างหนึ่ง แล้วก็การทำงานร่วมกับทีมโปรดักชั่นของพี่เต๋อ เป็นอะไรที่พี่รู้สึกดีมากๆ เนื่องจากพี่เต๋อก็เป็นที่รู้จักยอมรับทั้งวงการอยู่แล้ว แล้วโปรเจคต่างๆที่พี่เต๋อเค้าจะทำในเวลานั้นเนี่ย มันเป็นโปรเจคที่โดดเด่นมากๆ เป็นอะไรที่วงการเพลงไทยไม่เคยมี

ตัวพี่เองทำวงอินโนเซ้นท์ วงก็อยู่กับบริษัทนิธิทัศน์ เค้าไม่ได้ตัดสินใจจะย้ายไปอยู่ฝั่งแกรมมี่อะไร เนื่องจากพวกที่วงเค้า พูดง่ายๆว่า ติดบ้านด้วยหละบวกไปกับบรรยากาศการทำงานร่วมกับบริษัทนิธิทัศน์นี่ก็ทำกันมานานมากๆแล้ว แต่หลายอย่างมันก็เป็นเรื่องซ้ำๆ ปัญหาต่างๆมันก็ทำให้เรารู้สึกว่า มันไม่เกี่ยวกับทางดนตรีแล้ว มันเป็นเรื่องของเงื่อนไขทางบริษัท การตลาดอะไรต่างๆนานา เยอะแยะ

หลังจากนั้นพี่ก็เลยตัดสินใจว่า หลังจากชุดนี้พี่จะไม่พูดเรื่องทำชุดต่อไปแล้วกัน ดิอินโนเซ้นท์ ก็เลยไม่มีการทำชุดต่อไป เรื่องทั้งหมดมันก็ง่ายๆตรงที่ว่า พอหยุดวงปั๊บ พอตัดสินใจว่ายังไม่ทำชุดต่อไป พี่ก็คุยกับพี่เต๋อว่า โอเค งั้นผมพร้อมจะมาทำงานอยู่ในทีมเป็นโปรดิวเซอร์แล้ว พี่จำได้ตอนนั้นก็ชวนวงอินโนเซ้นท์เค้าง่ายๆเลยว่า เออไปอยู่แกรมมี่ด้วยกันมั๊ย วงเค้าก็ลังเลๆ พี่ก็เลยคิดว่างั้นก็ไม่เป็นไร ก็หยุดวงไปก่อน

ตุ้ย ธีรภัทร : คือถือว่าหยุดทำงานไปก่อน พักก่อน

พี่โอม : ก็ไม่เรียกว่าพักหรอก ก็หยุดทำงานชุดต่อไป

ตุ้ย ธีรภัทร : แต่ไม่มีใครรู้ว่า พักนานถึง 20 ปี

พี่โอม : คราวนี้ พี่ว่าจุดหักเหจริงๆ มันอยู่ที่ พอพี่มาทำงานในส่วนที่เป็นโปรดิวเซอร์แล้วเนี่ย ตรงนี้มันเป็นงานที่ไปได้ดีมากๆ แล้วพวกที่วงเค้าก็แล้วแต่พี่น่ะ แล้วพี่ก็ไม่รู้แล้ว เราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยจากตรงนั้น ว่าจะยังไง มากจากบุคคลภายนอก วงดิอินโนเซ้นท์ก็จะหยุดตัวเองไปโดยปริยาย พี่ก็ไม่แน่ใจว่า ถ้าย้อนวันเวลาได้นะครับ สมมุติว่าพี่ move อินโนเซ้นท์มาอยู่แกรมมี่ได้ ป่านนี้จะยังคงอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะในความจริงเราย้อนวันเวลาไม่ได้

ตุ้ย ธีรภัทร : ผมจำได้ว่า โอกาสที่ได้ทำงานร่วมกับพี่เวลาหนึ่ง รู้สึกจะมีวันหนึ่งถามพี่เล่นๆว่า เมื่อไหร่พี่จะรวมวง setเป็นคอนเสิร์ตอีกซักครั้ง พี่ก็ยิ้มเฉยๆ แล้วก็ไม่ตอบอะไร แล้วทำไมวันนี้ถึงได้มีการรวมตัวครั้งสำคัญครั้งนี้

พี่โอม : พี่ว่า มันถึงเวลาที่เหมาะสมของมันนะ คือเวลาของวงดนตรีวงหนึ่งที่มีอายุยาวๆนะครับ แล้วก็มีเพลงเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงส่วนหนึ่ง ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวงการเพลง มันก็มีเวลาของมันอยู่ตลอดเวลาหละครับ แต่ว่าเวลาที่เหมาะสมมันไม่ใช่มีอยู่ตลอด เวลาของมันหมายถึงว่า ถึงเวลานี้อินโนเซ้นท์หยุดวงไป ก็ 20 ปีแล้ว 20 ปีพอดี

จริงๆ 10 ปี หรือ 5 ปี ก็จัดคอนเสิร์ตได้แล้วหละ แต่สำหรับพี่เอง พี่รู้สึกอยู่ตลอดว่า มันไม่ใช่เวลา ถามว่าเราเอาตรงไหนมาวัด คือพี่ไม่รู้สึกว่าเรารู้สึกเต็มที่กับการที่จะกลับไปหาสิ่งนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าโดยนิสัยพี่ทำอะไรอยู่ข้างหน้าไปเรื่อย สร้างงานใหม่ไปเรื่อย จบงานหนึ่งก็หาอะไรข้างหน้าต่อไปเรื่อยๆ

ดิอินโนเซ้นท์เนี่ย พอเลย 10 ปีมาแล้ว ทุกๆปี จะมีคนแสดงความจำนงที่อยากจะทำคอนเสิร์ตรียูเนี่ยนขึ้นมา พี่ก็จะปฏิเสธมาเรื่อยๆด้วยเหตุผลเดียวคือพี่ยังไม่รู้สึกว่ามันถึงเวลาที่เหมาะสม เวลาที่เหมาะสมคือพี่อาจจะใช้ความรู้สึกตัวเองวัดเลย

พอสุดท้ายนี่ เมื่อเวลาซัก 2-3 ปีนี้มานี้ มันถึงเวลาของมันแล้ว เรารู้สึกได้ เรานึกออกว่า เราจะกลับไปเล่นเพลงต่างๆเหล่านี้ด้วยความรู้สึกไหน อย่างไร เรามีknowhow เรามีความชำนาญพอที่เราจะโปรดิวซ์งานในอดีตแบบนี้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปเอางานที่เกือบยี่สิบปีที่แล้ว เอามาหยิบยื่นอีกทีหนึ่ง แล้วไม่เด๋อด๋า ช่วงหลังๆพี่นึกออกว่าจะทำยังไง

อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงที่พี่กลับมาเป็น Artist อีกครั้ง คือเล่นดนตรีเยอะขึ้น เราเริ่มรู้สึก เราสัมผัสได้ว่า ถ้าเรากลับไปเล่นงานของดิอินโนเซ้นท์อีกทีเนี่ย มันจะประมาณไหน สิ่งเหล่านี้มันก็ก่อร่างสร้างตัวมาเรื่อยๆ จากเดิมที่ปิดประตูเลย ไม่เซเยสกับใครเลย เราก็เริ่มเปิดประตูมากขึ้น คือสำหรับพี่ พี่อยู่ในวงการเพลงอยู่แล้ว พี่ทำงานกับทางการตลาดตลอดเวลาอยู่แล้ว

ดิอินโนเซ้นท์เนี่ย ไม่ได้มีความน่าสนใจทางการตลาดใดๆเลยด้วยซ้ำสำหรับสายตาพี่ แต่ว่าหนนี้ มันเป็นสิ่งที่ผู้จัดเค้าหยิบยื่นความพร้อมทุกด้านจริงๆ คือเค้าไม่ได้มองอินโนเซ้นท์ว่าเป็นวงในอดีตที่จะนำกลับมาทำโชว์อีกครั้งหนึ่งด้วยเหตุผลทางการตลาดว่า คุ้มทุน หรือไม่คุ้มทุนอย่างไร หนนี้พี่มีโอกาสที่จะนำเพื่อนๆที่วงเค้าขึ้นเล่นคอนเสิร์ตที่พี่กล้าพูดได้ว่า มันจะเป็นคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดเท่าที่พี่เคยทำมา คือพี่มีโอกาสทำสิ่งนี้กับวงที่พี่เริ่มต้นมากับเค้า แล้วมันเป็นวันเวลาในปีที่พี่คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะหันมาขอบคุณทั้งวงและก็ผลงานในอดีต เพราะว่าเหตุผลที่แท้จริงพี่ไม่เคยลืมเลยว่าพี่มาทุกวันนี้ได้เพราะประตูบานนั้นของดิอินโนเซ้นท์ ทุกวันนี้เวลาที่งานเหล่านั้นมันถูกเอามาเล่น เออมันเป็นสิ่งดีงามของวงการที่มันมีการระลึกถึงกัน มันมีอะไรต่างๆ พี่ก็เลยนึกว่าดิอินโนเซ้นท์เนี่ยมันถึงเวลาที่จะกลับมาให้รางวัลกับตัวเอง

สำหรับพี่นี่ จะภูมิใจมากที่ได้พาเพื่อนในวงเค้าเล่นคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดที่เค้าจะได้เล่น และจะยิ่งดีที่สุดที่จะมีคนมาดูเรา ถ้าคนที่ชอบงานเพลงแล้วมาดูเราเนี่ย ผู้จัดเค้าก็จะจัดในที่ๆใหญ่ ที่อิมแพคอารีน่า ซึ่งดิอินโนเซ้นท์ไม่เคยได้เล่นที่อย่างนี้มาก่อน พี่คิดว่า เพียงแต่มีคนมาดูเราเต็มอารีน่าเนี่ย มันก็เป็นเกียรติประวัติสูงที่สุดของวงดนตรีวงหนึ่งที่มาจากราชบุรีแล้ว แค่นี้ก็มีเหตุผลเพียงพอที่เราจะทำสิ่งนี้แล้ว นี่คือการขยายความการถึงเวลาของมันนั่นแหละ

=================================

เอาเป็นว่า จบการสัมภาษณ์พี่โอม โดย คุณตุ้ย ธีรภัทร
เพียงแต่ตอนนี้นะครับ
แต่ยังมีเรื่องราวอีกมากมายในวงการดนตรีให้เราพูดถึง
และไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้แน่นอน


Create Date : 31 สิงหาคม 2552
Last Update : 31 สิงหาคม 2552 13:12:31 น. 18 comments
Counter : 1670 Pageviews.  
 
 
 
 
ในการทำ Blog ขึ้นมานี้
สารภาพเลยว่า ทำขึ้นมา เพราะความเสียดายของ เสียดายวัตถุดิบ
บทสัมภาษณ์ดีๆ ยาวๆ จะถูกนำมาตัดต่อใช้งาน สกู๊ป เพียงนิดเดียว
ก็เลยกะว่า เอา Blog นี่แหละ เอาไว้เก็บของ ที่ไม่ได้เผยแพร่ที่สื่อใดๆ
เผื่อใครอยากเข้ามาอ่านโดยจงใจ หรือโดยบังเอิญ
ก็อาจได้ทราบความเปลี่ยนแปลงส่วนหนึ่ง หรือ ร่องรอยหนึ่งในความเปลี่ยนแปลงของหน้าหนึ่งในวงการดนตรี ในมุมมองขอบบางคนที่อยู่ในวงการ

แต่พอทำไปซักพัก นึกสนุกดีเหมือนกัน ยิ่งได้คุยกับพี่โอม ยิ่งได้ไอเดียดีๆ บางทีถ้าผมมีเวลา อาจขยายความของ Blog นี้ ให้น่าสนุกขึ้นอีก

ใครก็ตาม เข้าแวะมาเยี่ยม ก็สามารถทิ้งคำทักทาย
หรือ ความเห็นอะไรที่คุณอยากพูด เกี่ยวข้องกับเรื่องที่คุยกันหรือไม่ก็ได้ครับ แต่ขออย่างเดียวว่า อยากให้มองโลกกันในแง่ดี คุยกันด้วยมุมมองที่เคารพซึ่งกันและกันเท่านั้น

หากอยากส่งข้อความถึงบุคคงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวใน Blog
ก็ฝากไว้ได้ครับ ผมส่งต่อให้พวกเขาได้อย่างแน่นอน
 
 

โดย: Musica Amante วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:10:30:47 น.  

 
 
 
โอ้วว เซ้งตัวเอง พิมพ์ผิดเยอะแยะในความเห็น
แก้ไขไม่ได้ซะด้วย
 
 

โดย: Musica Amante วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:10:37:45 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากค่ะ
อ่านทุกเรื่องของ innocent จุใจดีจัง..
ขออนุญาตแปะลิงค์ไว้ใน The Innocent Appreciator Facebook นะคะ
 
 

โดย: Nostalgia Hope IP: 202.12.97.100 วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:14:19:59 น.  

 
 
 
ติตตามอ่านมาตั้งแต่เริ่มเขียนเลยค่ะ

ขอบคุณมากสำหรับเนื้อหาและบทสัมภาษณ์ดีๆนะคะ

คิดถึงอินโนเซนต์จริงๆ..ตอนนี้รอวันจะได้ดูคอนเสิร์ตมากๆเลย
 
 

โดย: jj IP: 202.149.25.235 วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:19:24:05 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากครับ ใจดีมากๆ ^^
 
 

โดย: Soundsyndrome (เด็กน้อยกว่า ) วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:19:44:15 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากๆค่ะ ไดรู้้อะไรมากขึ้นเยอะเลย
 
 

โดย: fs IP: 125.25.184.81 วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:23:38:14 น.  

 
 
 
ชอบจัง! เป็นห่วงแต่ว่า ทำไมบัตรคอนเสริต์ เหลือเยอะจัง ส่วนตัวเอง จองแล้วตั้งแต่วันแรกที่เปิดจอง ! ตอนแรกคิดว่าจะเต็มอย่างรวดเร็ว และอาจต้องเปิดรอบ 2 ด้วยซ้ำไป อะไรกันเนี่ย คนชอบเยอะแยะ แต่ทำไมยอดจองบัตรน้อย สงสัยจัง.ง.ง.ง.ง.
 
 

โดย: Traveller IP: 202.57.137.114 วันที่: 2 กันยายน 2552 เวลา:15:52:39 น.  

 
 
 
ความจริง ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายหรอกครับ
คนที่อยากดู อินโนเซ้นท์ ไม่ใช่วัยรุ่นแน่ๆ
และถ้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว การทำให้เกิดกระแสอยากดู ไม่ใช่เรื่องง่ายๆหรอกครับ
แต่เชื่อว่า ในที่สุดแล้วน่าจะ Sold out ได้

เท่าที่ดูก็มีความคืบหน้าในทางที่ดีนะครับ
ยังเหลือเวลาอีกตั้ง 1 เดือนครึ่ง

แต่ทางวง ตอนนี้ ซ้อม กันอย่างหนัก สัปดาห์ละ 5 วันแล้วครับ
ถ้าได้ดูซ้อมจะเห็นว่า การไม่ได้รวมกัน 20 ปี ไม่ได้เป็นอุปสรรคเลย
ในฐานะคนดู คนติดตามอย่างผม บอกได้ว่า ถ้าวงนี้ต้องขึ้นเวทีวันพรุ่งนี้ ในทางดนตรี วงเค้าก็พร้อมแล้วครับ
ทุกคนกระหายอยากเล่นมาก
แต่มันต้องรอการซ้อมร่วมกับอะไรหลายๆอย่าง ให้ synchronize ทั้งระบบ

รอนิดนะครับ
คนใกล้ชิดอย่างผม ยังอยากดูเลยครับ
 
 

โดย: Musica Amante วันที่: 4 กันยายน 2552 เวลา:10:20:39 น.  

 
 
 
อ่านไปก็นึกขอบคุณอะไรหลายๆ อย่างค่ะ
ขอบคุณพี่ๆ The Innocent ที่ได้ฝากอะไรดีๆ ไว้ให้กับวงการ ขอบคุณพี่โอมเป็นพิเศษสำหรับ "ความเป็นชาตรี คงสุวรรณ" ที่ไม่มีอะไรเทียบได้ ขอบคุณทุกๆ ท่านที่ทำให้เราจะได้ดูคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดในชีวิตในวันที่ 10 ตุลานี้ บี๋เชื่อว่า มันจะเป็นคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดในชีวิตของบี๋แน่ๆ ขอบคุณคุณ Musica สำหรับ blog ดีๆ มากมายที่ให้พวกเราได้อ่านกัน ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

เจอกัน 10 ตุลาค่ะ
 
 

โดย: Bebe IP: 125.25.102.6 วันที่: 5 กันยายน 2552 เวลา:16:52:43 น.  

 
 
 
เชื่อเหมือนก้นว่าจะเป็น คอนเสิร์ตที่ดีที่สุดในชีวิตเรา
รวมช่วงเวลาของวัยเยาว์ มีความฝัน เป็นอิสระ และเบิกบาน..ไม่ต้องอะไรมาก แค่เป็นอินโนเซนท์อย่างที่เป็นก็พอแล้ว...

ถ้าพอมีเวลา ฝากคุณ Musica ถามพี่ๆเกี่ยวกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับตำนานเครื่องดนตรีชิ้นสำคัญๆที่เคยใช้กันมาได้ไหมคะ
ที่อยากรู้ที่สุดคือเรื่องกีต้าร์ 12 สายของพี่พีรสันต์ค่ะ..ตอนนี้ยังอยู่หรือเปล่า..
 
 

โดย: Nostalgia IP: 125.26.196.250 วันที่: 6 กันยายน 2552 เวลา:10:56:41 น.  

 
 
 
ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
ดิอินโนเซนต์ ถือเป็น 1ใน10 ของนักร้องที่ผมโปรดปราณที่สุดในชีวิต ถึงแม้อายุผมยังน้อยอยู่ 28 เอง แต่ร้องเพลงพี่ๆได้ทุกเพลงครับ ^_^

พบกันในคอนเสิร์ตนะครับ (ไปดูคนเดียวด้วยฮ่ะ เนื่องจากเพื่อนๆ ไม่มีใครรู้จัก ดิอินโนเซนต์เลย ฮึ่ม!!)
 
 

โดย: พลังใจแมวน้ำ IP: 124.120.120.205 วันที่: 14 กันยายน 2552 เวลา:21:59:18 น.  

 
 
 
ขอบคุณ คุณ Musica Amante สำหรับ Blog อันเยี่ยมยอดชิ้นนี้ เต็มอิ่มจริง ๆ ครับ

ขอบคุณลุงกึ่งยิงกึ่งผ่าน สำหรับภาพสวย ๆ ที่ทำให้ผมอิจฉาตาร้อนผ่าว ๆ ทุกครั้งที่ได้ดูภาพการซ้อม

ขอบคุณ The Innocent สำหรับการสร้างสรรผลงานอันเยี่ยมยอดที่ทำให้ประสบการณ์อันแสนสุขในวัยเยาว์ทุกอย่างที่อยู่ในความทรงจำของผมมาตลอดได้มีโอกาสพร่างพรูหลั่งไหลออกมาอีกครั้งกับการ Reunion ในครั้งนี้

นี่เป็นคอนเสริทที่ผมรอคอยและอยากดูที่สุดในชีวิต
และผมเชื่อเหลือเกินว่านี่จะเป็นคอนเสริทที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตที่ผมจะได้ดู แค่คิดว่าจะได้ไปดูก็ตื่นเต้นจนแทบนอนไม่หลับแล้วล่ะครับ

ผมเองก็เชื่อว่า บัตรจะต้อง sold out ได้แน่นอน
วันที่ 10 ตุลา นี้เจอกันนะครับ The Innocent
 
 

โดย: Nat_Jimbo IP: 125.24.144.205 วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:0:08:43 น.  

 
 
 
คุณ Musica Amante ครับ

ไม่ทราบว่าในคอนเสริทเอากลัองเข้าไปบันทึกภาพหรือถ่ายรูปได้มั๊ยครับ

และที่สำคัญที่สุดหลังจบคอนเสริทจะมีการทำ DVD ออกมาขายมั๊ยครับ
 
 

โดย: Nat_Jimbo IP: 125.24.144.205 วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:0:10:54 น.  

 
 
 
ตอบ กล้องเล็กๆ คงไม่เป็นไร
แต่กล้องใหญ่ ไม่น่าจะได้นะครับ
ได้ข่าวมาว่า มีทำดีวีดีครับ
แต่ยังไงเสีย ก็คงเก็บความประทับใจได้ไม่เหมือนดูสดครับ
ดู Live แล้ว มาเก็บ DVD ไสเป็นความทรงจำครับ
 
 

โดย: Musica Amante วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:19:29:46 น.  

 
 
 
เออ..กล้อง Cannon 350 D เล็กพอที่จะเอาเข้าไปได้ไหมคะ
อยากถ่ายรูปเองด้วยง่ะ
 
 

โดย: Nostalgia IP: 125.26.192.86 วันที่: 27 กันยายน 2552 เวลา:18:06:55 น.  

 
 
 
กล้อง DSLR ทุกประเภท ถือเป็นกล้องใหญ่ครับ
คุณภาพของไฟล์จะสูง
 
 

โดย: Musica Amante IP: 110.164.14.19 วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:22:39:44 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากครับ ที่บันทึกเรื่องราวดีๆ เอาไว้ให้อ่านกัน
 
 

โดย: mountainfox IP: 110.164.21.161 วันที่: 17 ตุลาคม 2552 เวลา:10:26:05 น.  

 
 
 
ขอบคุณสำหรับบทสัมภาษณ์...เราคิดว่สตลอดชีวิตที่เหลืออยู่จะไม่มีวันลืมThe innocent พวกเขาคือแรงผลักดันให้มีชีวิตได้ในวันต่อๆไป40ปีแล้วสำหรับวงนี้..เราเกิดทันน่าจะอัลบัมที่4..รู้สึกดีใจที่เกิดทัน..รักตลอดไป
 
 

โดย: ปิ่นปินัทธ์ ปิยรมย์ศิริ ฝ้าย IP: 1.46.9.123 วันที่: 22 ตุลาคม 2563 เวลา:23:11:07 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

Musica Amante
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




เปิดตา เปิดหู เปิดสมอง เปิดใจ
เพลงที่ดี ดนตรีที่ดี ไม่มีค่าย
[Add Musica Amante's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com