คนเราจะมีความสุข เมื่อสิ่งที่ ทำ พูด คิด ตรงกัน
<<
ตุลาคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
29 ตุลาคม 2550

I Not Stupid(2002) - คนสิงคโปร์มีความสุขได้ยังไง?

(CAUTION : SPOILER)

อารมณ์ความรู้สึกนิยมชมชอบหนังแอ็คชั่นที่ได้ดู Resident Evil :Apocalypse ถูกกลบด้วยรอยน้ำตาจากหนังสะท้อนปัญหาระบบการศึกษาของเด็กชั้นประถมต้นจากประเทศที่เรียกได้ว่า "เป็นเอก" ในเอเชีย อย่าง "สิงคโปร์"
ประเทศเล็กๆ เพียงจุดเดียวในแผนที่โลก ประเทศเล็กๆ ที่เศรษฐกิจเฟื่องฟูนานที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศที่อุดมด้วยทรัพยากรมนุษย์ ประเทศที่เงินเดือนของคนจบปริญญาตรีเริ่มต้นที่ 5-6 หมื่นบาท...

คืนนี้ ฉันดู I Not Stupid ค่ะ หนังสิงคโปร์แท้ 100 % ทั้งเรื่องพูดด้วยภาษา Singlish อันเป็นเหตุให้ต้องอ่านซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษตลอด...เพราะจับภาษาจีนในเรื่องไม่ได้

ตัวละครเด็ก 3 ตัวในห้องบ๊วยของโรงเรียน (เป็นระบบการเรียนของสิงคโปร์ ประมาณว่า ถ้าโดนจับมาไว้ห้องนี้ แปลว่ายังไงก็โง่จนขนไม่ขึ้น พ่อแม่ที่ลูกๆ เรียนห้องนี้จะราวกับโดนสังคมรอบข้างจิกกัดตลอดเวลา)

เทอร์รี่ - เด็กอ้วน ลูกคุณหนู ทำอะไรเองไม่เป็นเลยซักอย่าง เพราะพ่อแม่รวยมากกก ตามใจสุดๆ ปาดเนยบนขนมปังยังไม่เป็นเลย - -"" เทอร์รี่เป็นเด็กที่เชื่อแม่มากกกกกก...ไม่เคยทำอะไรขัดโอวาท
จนหลายครั้งเห็นแล้วรำคาญเลยค่ะ...มันมีเด็กแบบนี่อยู่จริงๆ ด้วยเหรอเนียะ

ก็อกพิน - เด็กน้อยผอมแห้ง ชอบวาดรูปเป็นชีวิตจิตใจ แต่โดนแม่จับฉีดภาพวาดทั้งหมดตลอด ด้วยเหตุว่า คะแนนเลขของคุณน้องน้อยหน้าก็เพื่อนคนอื่นเค้า...ประโยคที่น้องก็อกพินพูดทั้งน้ำตาตลอดทั้งเรื่องคือ
"แม่ครับ หยุดตีผมเถอะครับ ผมขอโทษ สอบครั้งหน้าผมจะทำให้ได้มากกว่า 90 ครับ"

บุน ฮย็อค - เป็นเด็กที่มีความเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในเรื่อง เลิกเรียนต้องช่วยแม่เลี้ยงน้อยและขายก๋วยเตี๋ยว
เป็นเด็กที่เท่มากๆ ค่ะ สุขุม รู้จักคิด

หนังเหมือนจะเน้นน้องน้อยป.3ของเราที่สองคนแรกมากกว่า คือเทอร์รี่(ถูกโอ๋แต่เด็กทำอะไรไม่เป็น ได้แต่อ้วน) กับก็อกพิน(ชอบวาดรูป) เดี๋ยวจะเล่าต่อไปค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น...แต่ต้องบอกก่อนเลยว่า มันไม่ใช่หนังรักกุ๊กกิ๊กเด็กน้อยหวานแหววแบบ "แฟนฉัน" หรือ ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์....หรอกนะคะ
ฉันดู I Not Stupid ไปก็ได้แต่คิด...เด็กป.3 เนียะ...ตอนนั้นเราๆ ทำอะไรกันอยู่่คะ?

ขอเล่าเรื่องของน้องก็อกพินละกันค่ะ
เพราะเสียน้ำตาให้เธอมากเหลือเกิน...ร้องไห้จนปวดหัวเลยหล่ะค่ะ

คุณแม่น้องก็อกพินเคยเป็นคุณแม่ที่ใจดี
เธอเคยพูดเสมอว่า...เธอไม่เคยคิดว่าลูกของเธอโง่ แต่ยังไงลูกของเธอก็อยู่ห้องบ๊วย แล้วผลการเรียนเลขกับภาษาอังกฤษของน้องก็อกพินก็ไม่ดีนัก เธอมักปรับทุกข์เรื่องนี้กับเพื่อนสาวออฟฟิศ
สาวออฟฟิศเหล่านั้นก็บอกว่า...นี่เธอ ทำไมไม่ลงโทษบ้างหล่ะ เนียะ..ตอนแรกชั้นก็ไม่อยากทำนะ
แต่พอตีเด็กไป ลูกชั้นได้คะแนนมากกว่า 90 ตลอดแหล่ะ...และเพื่อนสาวอีกคนก็บอกเห็นด้วยๆๆ
แรกๆ ตีไปอาจจะทำใจลำบาก แต่เดี๋ยวก็ชินกันเอง

หลังจากนั้น...จากคุณแม่ที่ใจดี เธอก็เปลี่ยนไป
เธอ"เฆี่ยน"ลูกของเธอทุกวันค่ะ...ทุกครั้งที่ผลการเรียนไ่ม่ดี หรือเกิดเรื่องที่โรงเรียน
เพราะน้องก็อกพินเป็นเด็กห้องบ๊วย ไอ้เด็กห้องเอมันก็จะชอบมาหาเรื่องทับถมตลอด
พยานปากเอกของเราทุกครั้งคือ เทอร์รี่...ที่ถึงแม้จะเห็นเหตุการณ์ตลอดก็จะเอาแต่ร้องไห้แล้วบอกว่า..
"แม่ชั้นบอกว่าไม่ให้เข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่น ฉันไม่เห็นอะไรเลย ฮือ...."

ผลคือ...น้องก็อกพินต้องโดนแม่ตีทุกวันค่ะ...
มีครั้งหนึ่งที่เทอร์รี่ท้าก็อกพินว่า ใครโดนฉีดยาแล้วร้องไห้ คนนั้นไม่ใช่ลูกผู้ชาย
ก็แน่นอนหล่ะค่ะว่า เทอร์รี่หน่ะ...หลังจากนั้นร้องไห้จ๊า...แบบเด็กประเภทที่ถ้าไม่ได้ของเล่นต้องลงไปดิ้นนั่นแหล่ะค่ะ
ส่วนน้องก็อกพินบอกคุณครูว่า...ผมไม่ร้องไห้กับเรื่องแค่นี้หรอกฮะ เพราะผมต้องทนกับอะไรที่เจ็บกว่านี้มามากแล้ว

จนกระทั่งวันหนึ่ง
คะแนนเลขประกาศอีกครั้ง บุนฮย็อคทำลายสถิตินักเรียนห้องบ๊วย ได้คะแนน 75/100 เพราะเค้าพยายามเป็นเพื่อนกับโจทย์เลขตามคำแนะนำของคุณครูลีสุดใจดีของเรา แต่...ก็อกพินได้น้อยมากตามเคย
ค่ำวันนั้น ก็อกพินเดินเล่นจนดึกไม่ยอมกลับบ้านซักที จนในที่สุดตัดสินใจกดลิฟท์ไปชั้นบนสุดของอพาร์ทเมนท์เพื่อฆ่าตัวตาย...(ขอโทษเถอะค่ะ...เด็กป.3 ตัดสินใจฆ่าตัวตายอ่ะ...นี่มันสังคมแบบไหนกันคะ...โลกเราทุกวันนี้มันขนาดนี้เลยเหรอ)

น้องก็อกพินไม่มีลังเลที่จะกระโดดเลยค่ะ
แต่ตำรวจที่มาจับกลุ่มวัยรุ่นมัวสุมแถมนั้นเห็นเข้าเลยคว้าไว้ได้ก่อน
ทีนี้เรื่องเลยถึงพ่อแม่ของน้องแล้วค่ะ

คุณพ่อน้องก็อกพินเป็นครีเอทีฟ ทำงานอยู่บริษัทออกแบบโฆษณาค่ะ คุณพ่อไม่ได้จบปริญญา และพูดภาษาอังกฤษไม่ fluently ถ้าเทียบกับคนสิงคโปร์ทั่วไป ซึ่งก็เป็นเหตุผลนึงที่คุณแม่บอกว่าเป็นต้นเหตุว่าลูกเรียนไม่เก่ง
คุณพ่อเป็นคนอะลุ่มอล่วย เป็นประเภท "เอาหน่า...ใจเย็นๆ ก่อน" ไปกับทุกสิ่ง
ทุกครั้งที่ภรรยาเฆี่ยนลูก เค้าก็ไม่เคยว่าอะไร เพราะเข้าใจภรรยาว่าหวังดีกับเด็ก
กับตัวเค้าเองตอนนี้ก็มีปัญหากับที่บริษัท เพราะฝรั่งที่เป็นหัวหน้างานคนใหม่มาขโมยไอเดียไปเสนอลูกค้า

พอรู้ว่าลูกตัวเองคิดฆ่าตัวตายตอนนี้อยู่ที่สถานีตำรวจ
แน่นอนว่าทั้งตัวเค้าและภรรยาก็รีบไปแน่...
คุณพ่อก็พูดเกลี้ยกล่อมเด็กน้องก็อกพินอยู่นานว่า ฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออกที่ดีเลยนะ มีอะไรพูดจากันได้นี่ครับลูก...(ในเรื่อง... ไม่ว่าจะครอบครัวไหน พ่อแม่ไม่ฟังเด็กเลยค่ะ "ไม่เคย" ฟังเลยแม้แต่ครั้งเดียว อุดปากเด็กด้วยคำว่า "ชั้นเป็นแม่เธอนะ ชั้นรู้ว่าอันไหนดีไม่ดี เธอต้องเชื่อชั้น")

ส่วนคุณแม่ มองน้องก็อกพินที่ตัวสั่นกลัวแม่อยู่ในอ้อมกอดพ่อ...
ชั้นกลัวมากเลยค่ะ...กลัวว่าคุณแม่จะทำอะไรน้องอีก...ชั้นกลัว..ถ้าเธอจะหยิบไม้ขึ้นมาฟาดน้องแกให้หนักเหมือนที่แล้วๆ มาอีก

แต่ไม่ค่ะ...คุณแม่มองลูกน้อยตัวสั่นเต็มไปด้วยคราบน้ำตาแล้วก็ล้มลงไป
ทุกคนต้องพาเธอส่งเข้าไอซียูด่วน...เพราะความจริงอันโหดร้ายคือ...ด้วยความเครียดที่กังวลกับการเรียนของก็อกพินมากเกินไป...
เธอเป็นลูคิเมียค่ะ...จะมีชีวิตอยู่ได้อีกสามเดือน

ในระยะนี้ เจ้าอ้วนเทอร์รี่โดนลักพาตัวหลังโรงเรียนเลิกค่ะ ด้วยเหตุผลว่า คุณพ่อของเทอร์รี่สั่งไล่คนงานชาวจีนออก...คนจีนคนนี้เลยคิดจะเรียกค่าไถ่เทอร์รี่เป็นการหาเงินเพื่อกลับเมืองจีน
ก็อกพินช่วยเพื่อนไว้ไม่ได้ เพราะโดนผู้ใหญ่ตบเข้าให้จบหัวคว่ำอ่ะนะคะ
ก็วิ่งไปหาตำรวจแล้วสเก็ตภาพหน้าคนร้ายแบบเหมือนเปี๊ยบให้ จนตำรวจอึ้งไปตามๆ กันค่ะ
(เป็นฉากที่ชอบมากค่ะ น้องน้อยผอมแห้งอย่างก็อกพินที่โดนแม่ตีตลอด ใครๆ ก็ว่าเธอโง่ กลับวาดรูปได้มหัศจรรย์อย่างไม่น่าเชื่อ...ไม่ทราบเหมือนกันนะคะ ส่วนตัวแล้ว ชั้นว่า เพราะคุณพ่อเป็นครีเอทีฟด้วยหล่ะค่ะ ลูกถึงได้เชื้อหล่ะน๊า...)

เรื่อง...แย่ไปกว่านั้นอีกค่ะ
อาการคุณแม่ทรุด...คุณหมอบอกว่า ต้องเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก..ไม่งั้น โอกาสรอดก็คงยากเต็มที
น้องก็อกพินเล่าให้เทอร์รี่กับบุนฮย็อคฟังอย่างเครียดมาก
เจ้าเทอร์รี่ของเรา..ด้วยความที่ซื่อไม่ไหวแล้วก็บอกว่า
"อ่าว...ถ้าแม่นายตายจริงๆ ก็ไม่มีใครคอยด่า คอยว่านายแล้วนี่ ดีซะอีกถ้าแม่นายจะตายจริงๆ เธอก็ไม่ได้รักนายซะหน่อย"
โอ้....ฟังแล้ว...อึ้งไปเลยค่ะ เจ้าเด็กอ้วนคนนี้
ใช้ส่วนไหนของสมองกลั่นประโยคนี้ออกมากันนนนน....

โอเค...ถึงฟังดูู่แย่นะคะ แต่ถ้าดูแล้วก็จะเข้าใจจริงๆ หล่ะค่ะว่าเทอร์รี่เค้าซื่อจริงๆ... เค้าไม่รู้จริงๆ พูดเหมือนแม่เป็นของเล่นที่เก่าแล้วชิ้นนึงที่โยนทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้อ่ะค่ะ...

แน่นอนค่ะ... ลองคิดดูสิคะถ้ามีคนมาพูดแบบนี้กับแม่คุณ เป็นคุณจะยอมมั๊ย?
ก็อกพินผู้ไม่เคยหาเรื่องใครต่อยและเอาเรื่องกับเทอร์รี่จริงๆ ค่ะ น่าสงสารน้องมากๆ เลยอ่ะฉากนี้
และแน่นอน...ลูกคนรวยนี่ค่ะ พ่อแม่หญ่ายยย ค่ะ
พ่อของเทอร์รี่บุกไปบ้านก็อกพินเพื่อจัดการเจ้าเด็กที่มันบังอาจมาต่อยลูกอั๊ว (กรุณาคิดภาพคนจีนที่ชอบพูดจาเสียงดังๆๆๆๆ นะคะ)

วันเดียวกันนั้นเอง...คุณพ่อของเทอร์รี่พึ่งตกงานจากบริษัทค่ะ ไม่มีที่ทำงานอีกต่อไปแล้ว...

ฉากที่พ่อเทอร์รี่มาบอกว่า ลูกลื้อมาต่อยลูกอั๊ว
เทอร์รี่เลือดกลบปากมาเลย ทำอะไรไม่ได้ได้แต่ร้องไห้...(แต่ตัวเองก็ปากห-าจริงๆ ก่อนนี่นา... ไปแช่งแม่เค้าตายแบบนั้นอ่ะ)
พอคุณพ่อของก็อกพินฟังจบเท่านั้นแหล่ะ
...ก็อกพินโดนตบหน้าหันเลือดกลบปากลงไปกองกับพื้นเลยหล่ะค่ะ...

คุณๆ อ่านถึงประโยคนี้คงไม่รู้สึกอะไรมั๊งคะ...เพราะอาจจะไม่รู้หรือเข้าใจมาก่อนว่าคุณพ่อคนนี้เป็นคนใจดี
ใจเย็น และ take it easy กับทุกเรื่องอ่ะค่ะ
คุณพ่อที่ไม่เคยด่า ไม่เคยว่าลูกเลยแม้จะทำคะแนนได้ไม่ดี
แต่คราวนี้ ไม่มีคำว่าฟังคำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้น
น้องก็อกพินของเราลงไปนอนกับพื้นหน้าคว่ำ หน้าบวมเลือดไหลทันที...
"ทำไมไม่หยุดสร้างปัญหา หา!! ไม่รู้หรือไงว่าแค่นี้ แม่แกก็ไม่สบายใจมากพอแล้ว!!!"

ก็อกพินหยุดคบหาสมาคมกับเทอร์รี่ หันมามุ่งมั่นขยันเรียนกับบุนฮย็อค ที่ตอนนี้คะแนนเลขดีขึ้นมากแล้ว เนื่องด้วยการพยายามเป็นเพื่อนกับหนังสือเลขประสบผลสำเร็จ เด็กน้อยสองคนก็เลยตั้งใจอ่านหนังสือ ทำโจทย์ร่วมกัน
และผลคือ...

ไม่สำเร็จค่ะ...
ก็อกพินได้ 51 คะแนน...
เค้าอยากได้มากกว่า 90 คะแนนไปให้แม่ที่กำลังจะตายอยู่รอมร่อแล้ว..
ก็อกพินได้แต่ร้องไห้ บุนฮย็อคบอกให้เอาชีทข้อสอบของเค้าเปลี่ยนชื่อไปให้แม่ดูเถอะ
เทอร์รี่ก็เข้ามาบอกว่า เราเลเวลพอๆ กัน เอาของชั้นไปให้แม่นายดูน่าเชื่อกว่านะ (เทอร์รี่ได้คะแนนเยอะว่าก็อกพินค่ะ)
...

ก็อกพินร้องไห้กลับโรงพยาบาล
เดินไปเกาะขอบเตียงคนไข้ของคุณแม่ที่นอนป่วยซมซีด...
"แม่ฮะ... ผมขอโทษ ผมพยายามแล้ว...ผมอยากได้มากกว่า 90 คะแนน แม่จะได้พอใจ แต่ผมก็ทำไม่ได้...ผมขอโทษครับ ฮือ..."
คุณแม่ลูบผมของก็อกพินเบาๆ...มันเนิ่นนานเหลือเกินที่เธอพึ่งระลึกได้ว่า เธอใจร้ายกับลูกมากแค่ไหน และตัวตนที่แท้จริงของเธอก็ลูกทำลายไปกับทุกครั้งที่เธอเฆี่ยนลูก

"ก็อกพิน อย่าร้องไห้เลยลูก แม่เคยเข้าใจผิดมานานว่าเป็นเพราะลูกขี้เกียจ ลูกถึงทำคะแนนไม่ได้ดี แต่มันไม่ใช่เลย อย่าร้องไห้เลยนะคนดี หนูทำเต็มที่ของหนูที่สุดแล้ว แม่รู้แล้วจ้ะ"

คุณครูลี เข้ามาเยี่ยมไข้คุณแม่ของก็อกพิน
เธอบอกว่า เธอแอบส่งภาพวาดของก็อกพินไปร่วมการประกวดภาพวาดนานาชาติเยาวชนที่อเมริกาและได้รางวัลอันดับ 2 ซึ่งได้รับแรงตอบรับดีมากๆ
ทุกคนในครอบครัวของก็อกพินตื่นเต้นดีใจกันใหญ่...

คุณแม่ได้ไขกระดูกที่เข้ากันได้พอดีมาจากไขกระดูกของเทอร์รี่
เทอร์รี่เรียนรู้ว่า การที่เค้าเชื่อฟังผู้ใหญ่ทุกครั้งมันไม่ถูก...เพราะแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังทำผิดพลาดเลย
เค้าได้เรียนรู้ที่จะเติบโตจากการไปช่วยบุนฮย็อคเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวให้ลูกค้า(ถึงจะทำหกใส่หัวลูกค้า) และรู้จักการพยายามหลบหนีจากแก๊งค์ลักเด็ก(เพราะโดนคนร้ายขู่ว่าถ้าหนีจะสับให้เป็นชิ้นๆ ไปโยนในป่า คุณน้องเลยนั่งนิ่งไม่ไปไหน ขนาดบุนฮย็อคเคลียร์ทางให้แล้ว คุณน้องยังไม่ยอมไปเลย)

หนังเรื่องนี้ ถึงจะแค่ 105 นาที แต่ฉันรู้สึกว่ามันหนัก...แน่น..และเต็มมากๆ ค่ะ
ประเด็นหลายอย่างที่เล่นในเรื่อง ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันได้สั้นๆ เลย
เช่น ปัญหาเด็กๆ ในสิงคโปร์ไม่อยากเรียนภาษาจีนเพราะไม่เห็นมันจะจำเป็นเลย
ปัญหาพ่อแม่ขีดเส้นทางอนาคตลูกแบบไม่ให้หายใจเองเลย
ปัญหาการมองว่าฝรั่งดีกว่าคนของเราเอง(อันนี้เป็นเหมือนประเทศไทย) แนวคิดเดียวกัน ถ้าฝรั่งพรีเซนต์จะดูมีภาษีดีกว่าคนประเทศตัวเองพรีเซนต์ซักสามร้อยเท่า
และแน่นอนค่ะ...ปัญหาระบบการแบ่งนักเรียนเป็นห้องๆ ตามเลเวล ที่เรียกว่าระบบ Stream
โดยครูๆ ทั้งหลายจะไม่มาสนใจ ใ่ส่ใจ หรือเจียดเวลามาดูแลห้องบ๊วยเลย
หนังสือคู่มือเตรียมสอบไม่มีแม้แต่จะผลิตมาเพื่อเด็กห้องบ๊วย
ปัญหาการฆ่าตัวตายในสิงคโปร์...และขอโทษ นี่เด็กประถมสามนะคะ...
กับปัญหาการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ของรัฐบาลสิงคโปร์ (ที่โดนล้อเลียนด้วยการกำหนดคาแร็คเตอร์ของแม่เทอร์รี่ให้เหมือนถอดแบบนโยบายรัฐบาลสิงคโปร์มาเปี๊ยบๆ)


ตอนจบของหนัง
คุณครูลีบอกครอบครัวของน้องก็อกพินว่า มีคนสนใจฝีมือวาดภาพของคุณน้อง
เลยเสนอว่าให้ไปเรียนที่อเมริกาจะดีมั๊ยด้วยค่ะ...ตอนจบก็เป็นตอนจบที่แฮปปี้อย่างแท้จริงค่ะ
และเป็นตอนจบที่ดิฉันปรบมือดังๆ ให้ตามที่หนังขึ้นคำว่า ..ขอเสียงปรบมือหน่อย... แบบยินดีปรบให้จนมือหักไปข้างนึงเลย..

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภาพวาดทีีได้รางวัลของก็อกพิน...เป็นรูปก็อกพินในชุดครุยรับปริญญา พร้อมด้วยคราบน้ำตาค่ะ
เป็นภาพวาดที่สะท้อนอารมณ์หลายๆ อย่างของเด็กคนนี้ได้เครียดและครบถ้วนสมบูรณ์ดีที่สุดจริงๆ
มหาลัย...สถานที่ที่ใครๆ ก็ตราหน้าว่าเค้าไม่มีทางไปเรียนได้หรอก...
คุณแม่...ที่คอยแต่จะฉีดภาพวาดเค้าทิ้งทุกวัน และไม่เคยเชื่อใจลูกตัวเองเลยแม้ซักครั้ง
ครูใหญ่และครูๆ ที่โรงเรียน... ไม่เคยแม้แต่จะฟังเหตุผล อคติในใจที่มีต่อเด็กห้องบ๊วย ทำให้ตามืดบอด ไม่ยอมรับฟังความจริงใดๆ ทั้งสิ้น

เพื่อนชาวสิงคโปร์บอกชั้นว่า ระบบการศึกษาของสิงคโปร์ทำให้คนเราสร้างเพื่อนในสถานศึกษาไม่ได้
เพราะคนเอาแต่แข่งกัน แข่งกันแบบเอาตาย...
ระบบสตรีมนี้...ด้วยแรงกดดันจากภาพยนตร์ รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศยืนยันจะเปลี่ยนวิธีการของระบบการศึกษาเป็นแบบใหม่ภายในปี 2008 ค่ะ

ดูหนังจบ...ทำให้รักประเทศไทยขึ้นอีกมากค่ะ
สภาพสังคมในสถาบันการศึกษาเราอาจจะแข่งขันกันสูง...แต่ฉันก็ยังหายใจได้เป็นปกติ และไม่มีความคิดอยากฆ่าตัวตายโผล่ขึ้นมาในหัว
ดูละครแล้วย้อนดูตัว... พ่อแม่ก็โตๆ กันแล้ว...มีความรับผิดชอบมากพอที่จะเลี้ยงลูกให้โตมาเป็นคนดีของสังคม เป็นคนดีที่ประเทศชาติภาคภูมิใจ และเค้าภูมิใจว่าเค้าเป็นคนไทย...ทำกันได้มากน้อยแค่ไหนคะ?

-nadine

ps...อีกอย่างนึงคือ...หนังเรื่องนี้ ทุกตัวละคร ไม่เคยพูดว่า "ขอโทษ" เลยค่ะ..




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2550
7 comments
Last Update : 29 ตุลาคม 2550 23:37:25 น.
Counter : 1621 Pageviews.

 

ผมชอบรูปที่ก๊อกพินวาดมากๆเลยครับ
มันสื่อให้เห็นเลยว่า กว่าที่เด็กสิงคโปร์คนหนึ่งจะได้ใบปริญญามาให้แม่เชยชม พวกเขาช้ำใจแค่ไหน
แต่ในสังคมที่แข่งขันกันสูง ก็ไม่แปลกที่พ่อแม่จะเคี่ยวเข็ญลูก เหมือนที่แม่โนบิตะดุว่าโนบิตะทุกครั้งที่คะแนนตกต่ำ เพราะญี่ปุ่นเองก็เป็นไม่แพ้สิงคโปร์

และประเทศไทยก็ไม่ได้ต่างกันมากมายนัก!!!


ผมดูแล้วกลับไม่ได้รักประเทศไทยมากขึ้นเลยครับ เพราะผมกลับคิดว่าประเทศเราก็ไม่ได้ต่างกับประเทศเขามากนัก แถมบางอย่างยังจะหนักข้อกว่าเสียอีก...

หนังยาวแค่ 105 นาที ผมเห็นด้วยกับ จขบ. มากๆว่ามันหนัก แน่น และอิ่มมากๆ ทั้งๆที่มันนำเสนอออกมาแบบ comedy (แต่ก็ร่ำๆจะกลายเป็น black comedy ในหลายๆจุดเหมือนกัน)

หนังเรื่องนี้มีทั้งประเด็นของการเชิดชูฝรั่ง ผู้ใหญ่ควบคุมเด็ก และในสังคมแข่งขันทำให้การ "ดูถูกเหยียดหยาม" ซึ่งกันและกันกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา (ดังตัวละครที่เป็นญาติของเทอร์รี่ ในห้อง 1 - ผมเคยได้ยินแม่คนหนึ่งคุยกับลูกว่า "ทำไมเทอมนี้ได้แค่ 3.9")

เรื่องค่านิยมฝรั่ง ฉากหนึ่งที่เห็นกันชัดๆเลยคือแม่ของเทอร์รี่ ที่ทั้งเรื่องตัวละครตัวนี้พูดอังกฤษมาตลอด แต่เมื่อถึงคราวต้องพึ่งพระพึ่งเจ้า(แม่กวนอิม) เธอก็ต้องพูดภาษาจีน ภาษาดั้งเดิมของชาวสิงคโปร์(และของเธอเอง) ในขณะที่เจ้าแม่นั้นถึงกับมียันต์ให้โหลดในอินเตอร์เน็ต!!!


ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ หนังที่สาระเปี่ยมขนาดนี้ คนกำกับเป็นตลกคาเฟ่สิงคโปร์นะครับ.. (แล้วตลกคาเฟ่ไทยมัวทำอะไรอยู่) และมีภาคสองออกมาแล้วด้วยชื่อ I Not Stupid, Too แต่ผมดูแล้วชอบภาคแรกมากกว่าเยอะครับ ภาคสองมันน้ำเน่ามากเกินไปหน่อย
(หนังเอาดาราที่เป็นก๊อกพิน กับ บุนฮย็อค ที่โตขึ้นเยอะ มาเล่นเป็นตัวละครตัวใหม่ เล่นประเด็นความไม่เข้าใจระหว่างวัยรุ่นกับผู้ใหญ่เป็นประเด็นหลักครับ)



ปล. หนังเรื่องนี้ได้ทุนจากรัฐบาลสิงคโปร์โดยตรงนะครับ (ไม่แน่ใจว่าทั้งหมดหรือเปล่า)

 

โดย: nanoguy 30 ตุลาคม 2550 0:36:09 น.  

 

คือว่าดูนานแล้วในโรงหนังอ่ะคับ จำความไม่ค่อยได้แล้ว ฮิ

 

โดย: joblovenuk 30 ตุลาคม 2550 14:13:35 น.  

 

เคยเห็นใบโฆษณาเรื่องนี้ตอนอยู่สิงคโปร์น่ะค่ะ แต่ต้องกลับมาก่อนหนังเข้าเลยไม่ได้ดู มันเข้าที่ไทยด้วยเหรอคะ หาดีวีดีได้ที่ไหนคะ ฟังจขบแล้วอยากดูจัง

 

โดย: ViPaSa 30 ตุลาคม 2550 21:30:27 น.  

 

โอ๊ย เบลอ ต้องบอกว่าอ่านแล้วอยากดูจัง

 

โดย: ViPaSa 30 ตุลาคม 2550 21:31:36 น.  

 

ตอบคุณ nanoguy

หลายๆ เหตุผลทำให้สงสารประเทศไทยนะคะตอนนี้ คุณ nanoguy
หลายๆ อย่างทำให้ฉันรู้สึกว่าประเทศเราด้อยพัฒนาจัง...(เช่น ข่าวเมาท์คาวๆ ฉาวๆ ของดาราหรือนักการเมือง เป็นต้น)
แต่ฉันก็มีความรู้สึกว่า ประเทศเราน่าสงสารชะมัด
คนไทยที่เก่งๆ เค้าถึงไม่อยากอยู่ เพราะสภาพแวดล้อมมันไม่อำนวยต่อความรู้ความสามารถของเค้านี่นา...

ส่วนเหตุผลที่ทำให้รักประเทศไทยมากขึ้น
เพราะถึงแม้คนกรุงเทพจะยิ้มยาก
คนขับรถแดงที่เชียงใหม่จะพยายามโก่งราคากับนักท่องเที่ยว
วัดพระแก้วเก็บค่าเข้าชมจากชาวต่างชาติแพ๊งแพง
คนไทยก็ยังใจดีค่ะ
คนไทยยิ้ม และช่วยเหลือกัน
ใจดี มีน้ำใจ ขี้สงสาร
ถึงเราขี้เมาท์ และอยากรู้เรื่องชาวบ้าน
ฉันก็ยังชอบชีวิตแบบมีความสุขง่ายๆ ของไทยนะคะ
มันมีความสุขง่ายๆ ได้ที่ใจดีอ่ะค่ะ

ส่วนค่านิยม ฝรั่งดีกว่า เนียะ...
เฮ้อ..
หลังจากอ่านหนังสือ ต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้ ของคุณบัณฑิต อึ้งรังษี จบนะคะ
เลิกเทอดทูนฝรั่งไปเลยค่ะ
ด้วยเหตุผลว่า...มันก็คนเหมือนกันนี่หว่า..
เลิกกลัวฝรั่งแล้วด้วย...คนเราไม่ได้วัดกันที่สีผมนี่!!
ตอนนี้เป็นโรคชอบเชียร์เอเชียค่ะ ^^
คนญีุ่่ปุ่น คนเกาหลี คนจีน คนสิงค์โปร์ เก่งๆ เยอะมาก
และทุกคนก็ทำงานกันหนัก ตั้งใจทำงานกันทั้งนั้น
ส่วนคนไทย...ต้องดูเป็นรายตัวค่ะ..เหอๆๆ



ตอบคุณ joblovenuk
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ ^^
หนังตั้งแต่ปี 2002 เนียะตอนนั้นยังอยู่เชียงใหม่อยุ่เลยค่ะ
มั่นใจว่ามันไม่เข้าโรงที่กาดสวนแก้วหรือเมเจอร์ฯ แน่ๆ ค่ะ
หนังดีๆ...หาดูที่เชียงใหม่ยากค่ะ เศร้าจัง...



ตอบคุณ ViPaSa
อ่า...ไม่ทราบว่ามันเข้าโรงรึเปล่าค่ะ เพราะก็ตั้งหลายปีแล้ว
หาแผ่นได้ค่ะ ร้้านเฟมมีแน่ๆ
แต่ส่วนตัว...หาในเน็ทเอาค่ะ (มีชัวร์ๆ ^^ หุๆๆๆ)

ไม่ได้เขียนบล็อกในบล็อกแก๊งค์มานานมากๆ
แปดเดือนแล้วแหน่ะ..
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ^^

 

โดย: msdonat 31 ตุลาคม 2550 17:51:26 น.  

 

อ้า~~~~
ไม่ได้มาที่นี่นานแค่ไหนแล้วนะ

..เรื่อง I Not Stupid นี่ เคยดูอย่างวูบวาบ ก็ไม่พูดอะไรละกัน แต่ว่านะ ตอนนี้เรา อิ่ม และ อมยิ้ม เอามากๆ กับซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่อง Nodame Cantabile --- คือเรื่องนี้หลายคนเค้าดูกันไปนานแล้ว แต่เราเพิ่งได้ดูและเพิ่งได้ enjoy อรรถรสของเรื่องไปหมาดๆ ไม่รู้ จขบ. ได้ดูรึยังเอ่ย

^^

 

โดย: อย่างไรก็ตาม IP: 161.200.255.162 1 พฤศจิกายน 2550 1:04:03 น.  

 

ตอบคุณ อย่างไรก็ตาม

โนดาเมะดูจบไปกรี้ดไป
อ่านวิจารณ์ของท่านต่อพงษ์จบไปก็ไปเปิดดูอีกรอบอ่ะค่ะ
บอกตามตรงว่าเป็นเรื่องที่ให้พลังงานมากๆ
ดูจบแล้วคึกค่ะ!!!
555
จริงๆ ค่ะ เป็นหนังที่ดูแล้วรู้สึกดี ยิ่งใหญ่ และสดชื่นค่ะ ^^
ปกติไอ้พวกหนังยิ่งใหญ่ๆ ทั้งหลาย(ประเภทรัสเซ็ล โครว) มันไม่ทำให้สดชื่นนี่ค่ะ ^^ อุๆๆ

โอ้..ชอบฉากจิอากิตามไปหานางเอกที่บ้านมากๆ ค่ะ โฮ่ๆๆ
ตัดสินใจจะซื้อ เจ้าโมโต เรเซอร์ สีเขียวเพราะนังหนูโนดาเมะด้วยหล่ะค่ะ 555 (ไม่รู้ของเค้าจะดีรึเปล่า ได้ข่าวว่าสวยแต่ทำอะไรไม่ได้เลย เจ้าโมโต เรเซอร์เนียะ ^^;;;)

ซีรีส์ล่าสุดที่ดูจบไปนี่คือช่วงสอบเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เลยค่ะ
ด้วยความเซ็งตัวเองว่า..อ่านยังไง ก็โง่...
แล้วอยู่ดีๆ อยากดูหนังไทย เลยไปขุดหาหนังในยูทูบ
5555
นั่งดูแก้วตาพี่ไปอีกรอบค่ะ 13 ตอนรวดจบในคืนเดียว ตั้งแต่บ่ายสามยันหกโมงเช้า...เพื่อนๆ อึ้งกันไปเป็นแถวๆ 555
ช้านนนไม่อยากอ่านหนังสือสอบนี่ฟร่าาาาาา เหอๆๆ

ช่วงนี้ไม่รู้จะดูซีรีส์อะไรเหมือนกันค่ะ
จริงๆ อยากดู ทางผ่านกามเทพ เพราะกรี้ดแอนดริว และชอบอ๋อม สกาวใจ แต่เซ็งเสียงเจนี่ อ่ะค่ะ...
ได้ข่าวว่า อุ้มรัก สนุก...แต่เท่าที่อ่านเรื่องย่อแล้ว..นางเอกวีนทั้งเรื่องเลยนี่นา...มันน่าสนุกตรงไหนกันเหรอคะ

ช่วงนี้มีซีรีส์อะไรน่าดูมั่งน๊าาา...

 

โดย: จขบ. ค่ะ ^^ IP: 203.237.142.208 1 พฤศจิกายน 2550 22:44:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


msdonat
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add msdonat's blog to your web]