กุมภาพันธ์ 2554

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
16
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
 
 
คือ "รัก"
สวัสดีนะ


วันนี้มีเมนูรสอร่อย ตักมาหน่อย ไม่ได้ปรุงเอง

แต่ชิมอาหารจานคิด จากเชฟฝีมือเด็ด ก็กลมกล่อมล่ะ


.


ความรักที่แท้จริง โดย ท่านชยสาโรภิกขุ

ธรรมบรรยาย ณ ห้องประชุมของเกษตรสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการเกษตร

ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๓๓

ตีพิมพ์ในนิตยสารธรรมจักษุ ปีที่ ๘๐ ฉบับที่ ๑ ประจำเดือน พฤษภาคม ๒๕๓๙


" .. Smiley

" .. นอกจากทำให้ท่านผิดหวัง เรื่องการเรียนหนังสือ

มีอีกเรื่องหนึ่งคือ คุณพ่ออาตมาเป็นคนมีอคติต่อศาสนา

ท่านมีความเห็นว่า ศาสนาคริสต์เป็นกาฝากของสังคม

เป็นยาเสพติดของประชาชน เป็นของหลอกลวง

แล้วท่านเหมาเอาว่าศาสนาทุกศาสนาคงเหมือนกัน

ลูกจะออกจากโลก บวชเป็นพระ จึงเป็นสิ่งที่ขัดใจท่านมากเหมือนกัน

แต่เราลองอธิบายให้ท่านฟัง ฟังแล้วท่านบอกว่า

เรื่องพระพุทธศาสนานี้ พ่อไม่เคยศึกษา ไม่รู้เรื่อง

แต่ว่าสิ่งที่พ่อต้องการมากที่สุดคือ ต้องการให้ลูกมีความสุข

ถ้าลูกเห็นว่าบวชเป็นพระแล้ว จะมีความสุข พ่อก็พอใจแล้ว

อาตมารู้สึกว่าน้ำตาจะไหล ต้องขอตัวออกจากห้อง

วันนั้นเป็นวันที่เข้าใจ เรื่องความรัก ความรักที่แท้จริง

เห็นพ่อสามารถเสียสละความหวัง ความต้องการของตัวเอง

โดยไม่ได้หวัง อะไรเลย นอกจากปรารถนาให้เรามีความสุข

วันนั้นเป็นวันสำคัญมากในชีวิต

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา รู้สึกว่าความเคารพรัก ในคุณพ่อเพิ่มขึ้น ทวีขึ้นอย่างมาก

และตัวเองก็ได้ความเข้าใจเรื่องความรักด้วยว่า

ความรักนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีเงื่อนไข

เป็นความรักที่ไม่มีตัณหา หรือความต้องการใด ๆ เข้าไปแอบแฝง

เป็นความรักที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทน มีแต่จะให้ ไม่มีความคิดว่าจะเอา

.

.

.

เรื่องความรักนี้ เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตของฆราวาสทุกคน

บางคนถึงกับเอาเป็นสรณะที่พึ่งของชีวิต

ซึ่งมักจะทำให้ชีวิต ประสบความทุกข์ระทมบ่อยๆ

รักได้ ไม่เป็นไร ไม่ผิดศีล ไม่ผิดอะไร

แต่พุทธศาสนาสอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ต้องประกอบด้วย ธรรมะ

ต้องยอมรับความจริง เราต้องพยายามพิจารณาทุกเช้าทุกเย็น ว่า

เราต้องมีความพลัดพราก จากคนที่เรารักทุกคน ไม่วันใดวันหนึ่ง

เราไม่ตายจากเขาๆ ก็ต้องตายจากเรา

อันนี้ไม่ใช่เพื่อทำให้เรารู้สึกกลุ้มใจหรือเศร้าใจ

แต่เป็นการเปิดจิตใจให้กว้าง ออกไปรับความจริง

ซึ่งปกติ เราชอบพยายามประคับประคองอารมณ์ที่สบายของเราไว้

โดยการกลบเกลื่อนความจริง บางแง่ บางมุม บางประการ

คือ สิ่งที่จะลดรสชาติของอารมณ์นั้น

เพราะว่าธรรมชาติของคนเรานี้

ชอบเพลิดเพลินในอารมณ์ เพลิดเพลินในความรัก

แต่ถ้าเราเพลิดเพลินในสิ่งใดแล้ว

ความเพลิดเพลินนั้นแหละ เป็นความยึดมั่นถือมั่น

เกิดภพ เกิดชาติ เกิดความไม่มั่นคง เกิดความหวั่นไหว

เพราะว่าอารมณ์ทั้งหลาย เป็นของไม่เที่ยง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ตามเหตุ ตามปัจจัย

ผู้ยึดมั่นในอารมณ์ ย่อมฝืนธรรมชาติ ไม่ให้เปลี่ยนแปลง

แต่มนุษย์เราจะสู้ธรรมชาติไม่ได้ มันเป็นการฝืนที่ลมๆ แล้ง ๆ

เป็นการฝืนที่จะทำให้รู้สึกระทมขมขื่น รู้สึกเซ็ง หมดหวัง สิ้นหวัง

นักปฏิบัติผู้ปรารภธรรมะ จะคำนึงถึงความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เสมอ

สำนึกรู้ในโทษของการไม่ยอมรับความจริงว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง

รู้ว่ายึดมั่นในสิ่งที่ไม่เที่ยงเมื่อไร ก็ต้องเป็นทุกข์ทันที

คิดอย่างนี้ได้ความรักมันไม่หายหรอก

ความรักของเราไม่ใช่ว่ามันจะจืดชืดหมดรสชาติ

แต่จะเป็นความรักที่สุกงอม เป็นความรักของผู้ใหญ่

เป็นความรักที่ไม่มีโทษอะไร

เรื่องความรักนี้ ต้องสังเกตว่ามันจะเปลี่ยนสภาพ

ตามความรู้และความเข้าใจในธรรมะของผู้รัก

หมายความว่า ถ้าพวกเราไม่มี สติปัญญา เป็นที่พึ่งภายในใจ

ไม่มีตัวผู้รู้ คอยคุ้มครอง การดำเนินชีวิต คอยดูแล

สิ่งที่เราทำ คำที่เราพูด เราย่อมมีความรู้สึกขาดความมั่นคง

ซึ่งจะอยู่ลึกๆ ในใจตลอดเวลา รู้สึกว่าขาดอะไรสักอย่าง

มีความรู้สึกอย่างนี้แล้ว เรามักจะพยายามลบความรู้สึกนี้ โดยความรัก

จึงแสวงหาความรักอย่างดิ้นรน กระสับกระส่าย กระวนกระวาย

ความรักของเรานั้น จะประกอบด้วยความเห็นแก่ตัว เพราะเกิดจากความอยาก

แต่ผู้มีที่พึ่งภายในแล้ว มีความมั่นคงภายในใจแล้ว

จะมีความรู้สึกพอดี ไม่มีอะไรขาดไม่มีอะไรเกิน พอดีๆ

ผู้ที่รู้สึกพอดี นั่นแหละสามารถให้ความรัก ด้วยความอิสระ

มีความรู้สึกไวต่อคนอื่น ต่อความต้องการของเขา

ความกลัวความวิตกกังวลของเขา

สามารถสังเกตเห็นสิ่งแวดล้อม หรือบุคคลรอบข้างอย่างลึกซึ้ง

เพราะเดี๋ยวนี้เราก็พอแล้ว ไม่มีความห่วงอะไร

จิตที่เต็มไปด้วยธรรมะแล้ว เป็นจิตที่สร้างสรรค์มาก

เพราะว่าไม่มีอะไรบกพร่อง พร้อมที่จะช่วยคนอื่นได้

พร้อมที่จะให้ความรัก โดยไม่หวังอะไรตอบแทน

คือ เขาจะรักหรือไม่รักเรื่องของเขา แต่ว่าเราจะให้

เราพอใจกับการให้ แต่ไม่มีความต้องการในความรัก

เพื่อแก้ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยว หรือว่างเปล่าในใจของตัวเอง

มีธรรมะเป็นที่พึ่ง ความรักเป็นที่พึ่งไม่ได้ แต่ธรรมะเป็นที่พึ่งได้

ธรรมะเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง ในชีวิตมนุษย์

เราต้องพยายามเป็นผู้รู้จักฝึกอบรมตัวเอง รู้จักปกครองตัวเอง

ถ้าเราปกครองตัวเองไม่ได้ มันยากที่จะหลีกเลี่ยงความบกพร่อง

ฉะนั้นให้บริหารตัวเอง ด้วยการสอดส่องดูแล

การกระทำ การพูด ความคิดของตัวเอง สร้างตัวรู้ขึ้นมาภายใน

ตัวผู้รู้นี้จะเป็นเหมือนพี่เลี้ยง หรือกัลยาณมิตรติดตัว

ไปที่ไหนมันจะคอยชี้แนะตักเตือน

เวลาจะพูดโกหก พูดซุบซิบนินทา จู้จี้ขี้บ่น

ตัวผู้รู้จะไม่พอใจ ตัวผู้รู้จะ “เฮ่ย”

แต่คำว่า “เฮ่ย” ของตัวผู้รู้นั้น จะประกอบด้วยเมตตา

เตือนว่า “ไม่ได้นะ พูดอย่างนี้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน

เป็นการเบียดเบียนอย่าไปทำเลย”

เวลาเราคิดหมกมุ่นในกาม คิดปองร้าย

คิดอาฆาตพยาบาท คิดแก้แค้น หรือคิดเอารัดเอาเปรียบ

ตัวผู้รู้จะร้อง “เฮ่ย! หยุด” เราต้องมีการหยุด ต้องมีการเลิก

พวกเราเคยฟังคำเหล่านี้บ่อย หยุด ละ เลิก อะไรอย่างนี้

แต่ฟังแล้วรู้สึกว่าเป็นคำห้วน ไม่ไพเราะ ค่อนข้างแสลงหู

แต่ว่า การเลิก การหยุด การละ การวางนี้ เป็นไปเพื่อความสุข

ความสุขในโลกนี้มีหลายประเภท

ถ้าเราไม่มีความกล้าหาญ ที่จะสละความสุข

ที่มีปริมาณน้อย หรือความสุขที่ไม่บริสุทธิ์

เราจะไม่มีสิทธ์ที่จะก้าวไปถึง หรือบรรลุความสุขที่สุขุม และบริสุทธิ์

เหมือนกับว่าเราอยู่ในห้องนี้ เราก็เข้าห้องโน้นไม่ได้ จะอยู่ทั้งสองห้องก็ไม่ได้

ต้องเลือกให้สังเกต และยอมรับความจริงของธรรมชาติว่า

การมัวเมา สยบในความสุข ทางเนื้อหนัง

เป็นการปิดโอกาส ที่เราจะเข้าถึงความสุขที่เลิศกว่า

ฉะนั้นต้องพิจารณาว่า ความสุขอย่างไรมีความสำคัญ อันไหนมีคุณค่าแก่ชีวิต

ในการวิเคราะห์ความ สุข ประเด็นสำคัญ อยู่ที่ความไม่เที่ยง

เราติดในโลกียสุขตอนเป็นหนุ่มเป็นสาว

เมื่อเราแก่ลง เราจะรู้สึกเหมือน ชีวิตเป็นดอกไม้เฉา หรือต้นไม้กรำแดด

จะกลุ้มใจว่าชีวิตของคนแก่นี้ไม่มีความหมาย

เพราะว่าเราเคยยึดมั่น ถือมั่น ในความสุข ทางเนื้อหนัง

ว่า เป็นสิ่งที่ให้ความหมายแก่ชีวิต แต่ตอนนี้กำลังตาฟาง หูไม่ค่อยได้ยิน

นั่งลงก็ “โอ๊ย” ลุกขึ้นก็ “โอ๊ย” ทานข้าวก็ไม่อร่อย

ไม่มีอริยทรัพย์เป็นที่พึ่งภายใน เลยทุกข์เสียดายอดีต กลัวอนาคต

จิตใจเหี่ยวแห้ง ผู้หญิงเลยหันเข้าหาวัด ผู้ชายหันหาเมียน้อย

ทั้งสองก็ไม่ค่อยได้เรื่อง

.

.

.

แต่ถ้าเราเอาความสุขที่เกิดจากคุณงามความดีเป็นจุดมุ่งหมายในการดำเนินชีวิต

ความสุขนี้เรามีโอกาสเข้าถึง มีโอกาสที่จะเสวยตลอดชาติ

แล้วเป็นความสุขที่เยือกเย็น เป็นความสุขที่เกิดขึ้นในจิตใจของเรา

แล้วจะแผ่ไปมีผลต่อคนรอบข้างด้วย คือการช่วยคนอื่น

อยู่ที่เรามีคุณธรรมภายใน มีความสงบ มีความสุขภายใน

ผู้ที่วุ่นวายสับสน จะไปช่วยคนอื่นไม่ได้ พูดอะไรไม่มีใครเชื่อ ทำอะไรไม่ได้ผล

แต่สำหรับผู้มีคุณธรรม

คำพูดมีน้ำหนัก การกระทำก็มีน้ำหนัก ทำอะไรก็เป็นที่ประทับใจผู้อื่น

เพราะฉะนั้น ถ้าเรามีความหวังที่จะช่วยคนอื่น ให้เราฉลาดในการช่วยตัวเอง

เพราะการช่วยตัวเองและการช่วยคนอื่นเป็นสิ่งเดียวกัน

ชีวิตที่มีการช่วยตัวเองและช่วยผู้อื่น

เป็นชีวิตที่เบิกบานผ่องใส ด้วยการทำหน้าที่

การทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ก็ด้วยการปล่อยวาง

ความหวังในผลคือการเจริญมรรค เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ .."

.

...Credit: K.โชติช่วงชัชวาล

//www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10373919/Y10373919.html

(//topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2011/03/Y10373919/Y10373919.html)


แด่ หัวใจ มีรัก ทุกดวง ที่ผ่านมาเจอ ;)


Smiley
.


วันที่จดจำ วันหนึ่งของชีวิต

รุสึกว่า เวลาที่ได้หายใจ เข้า ออก ทุกขณะ เป็นสิ่งล้ำค่า

.

.

ใครบางคน ทำให้ฉันเห็น ความสำคัญ ของบทความนี้ . . ถูกทุกข้อ เลย

.

.

ฉันรุสึกขอบคุณ จากใจ

ขอบคุณ . . มิตรภาพโลกไซเบอร์ ที่มีเหตุปัจจัย ให้ได้พบกัน

ความรุสึกดีๆ ที่มอบให้ ฉันสัมผัส และรับมัน ไว้ ด้วยใจทั้งสิ้น

ขอบคุณ . . มิตรภาพใกล้ตัว พบเจอรอบ นอกขอบจอ

ขอบคุณ . . พ่อ ผู้เป็นต้นแบบชีวิต ให้กำเนิดจิตใจ

ขอบคุณ . . มี้คุง ผู้เป็นสายใยผูกพัน มอบเลือดเนื้อเชื้อไข

ขอบคุณ . . หมูน้อย ผู้เป็นดวงใจ คือความหวัง และพลังใจ

ขอบคุณ . . คนหนึ่ง ผู้เป็นดั่ง อาจารย์ และ กัลยาณมิตร

เติมและสอน ให้รุจัก ของจริง และรักด้วยมิตรจิต

(อยากเติม s ให้ Love & Friendship จัง รับมาเยอะหลายเลย)

.

.

.

.. Smiley ..


รักมากมาย _ กอล์ฟ เบญจพล (Be my guest)




.

.

~ รักที่แท้ เติมเต็มได้ ที่ใจเอง ~


Smiley


- : Valentine Entry delayed for II months : -

14 + 04 + 11 ;)


~ ทุกอย่าง อยู่ที่ใจ ~

Smiley



Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 14 เมษายน 2554 21:01:38 น.
Counter : 511 Pageviews.

0 comments

เลื้อย
Location :
Seoul,  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



สวัสดี ชาวโลก...ออนไลน์

ขอบคุณที่แวะเข้ามาแล้วเยี่ยมชมค่ะ

นานๆ จึงจะได้มาอัพซักกะครั้งแหละ...
ตามแต่ใจจะพาไป

หากเข้ามาอัพบ่อย ตายแน่เลย
งานท่วมหัว เอาตัวไม่รอด..

จะทักทาย ติชม ประการใด ตามสบายละกัน ^^'

ไว้คุยกันค่ะ ;)

ปล. ชักงงๆนิดหน่อย ตรูแปะไว้คราวก่อน
แล้วไฉนจึงหายไปได้ละเนี่ย...งึ่มๆ