Why are we dying to live while we are living to die?
Group Blog
 
<<
เมษายน 2557
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
28 เมษายน 2557
 
All Blogs
 

รีวิว...งานแต่งงาน สมาคมธรรมศาสตร์ ภาค 2

หายไปนานมากค่ะเพราะไม่มีเวลาเลยค่ะ แต่พยายามจะรีวิวให้เร็วเพราะเริ่มจะลืมๆรายละเอียดไปบ้างแล้วค่ะ (ความจำปลาทอง T^T)

งั้นขอเริ่มเลยนะคะ

1. ถ่ายพรีเวดดิ้ง

ตั้งแต่แรกเราก็ตั้งใจว่าจะไม่ถ่ายพรีเวดดิ้งเพราะเราไม่อยากถ่ายคิดว่าแพงและไม่จำเป็น แฟนเราชอบถ่ายรูปอยู่แล้วเลยทำให้เรามีรูปสวยๆด้วยกันเยอะค่ะ แต่สุดท้ายเพราะเจ้าบ่าวอยากได้รูปสวยๆเอาไว้ดูในชุดแต่งงานเราเลยได้ถ่ายพรีเวดดิ้งถึงสองครั้ง

ครั้งแรก...พอดีเจ้าบ่าวไปเยี่ยมเจ้าสาวที่ญี่ปุ่นเราเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ถ่ายพรีเวดดิ้ง แต่เราไม่ได้ใส่ชุดแต่งงานนะคะเพราะว่าช่วงที่ไปเป็นหน้าหนาว อากาศติดลบถึงเลขตัวเดียวเลยไม่อยากเสี่ยง เราเลยหาชุดคู่ซื้อกันที่ญี่ปุ่นบางส่วนเอามาจากไทย แล้วก็ใส่ชุดคู่ถ่ายรูปโดยให้พี่ที่รู้จักกันที่ชอบถ่ายรูปมาถ่ายให้

ครั้งที่สอง...เจ้าสาวกลับมาจากญี่ปุ่นแค่2 อาทิตย์ก่อนวันงาน ตอนแรกก็คิดว่าคงไม่มีเวลาไปถ่าย และคิดว่าไม่จำเป็นเพราะคิดง่ายๆว่าวันจริงคงได้ถ่ายรูปที่สมาคมธรรมศาสตร์สวยๆ แต่ขอบอกว่าวันงานยุ่งมากๆ ไม่มีเวลาไปเดินสวยถ่ายอะไรเลย สุดท้ายเจ้าบ่าวก็ขอให้ถ่ายรูปด้วยกันตกลงกันได้ก็แค่หนึ่งวันก่อนที่จะถ่ายเลยหาสถานที่ไม่ทัน ตกลงกันว่าจะไปถ่ายที่สมาคมธรรมศาสตร์เพราะว่าถ่ายได้และฟรีเพื่อนเจ้าบ่าวมาถ่ายให้ฟรี แต่งหน้าโดยเพื่อนเจ้าสาว ทำผมที่ร้านทำผมหน้าคอนโดเพื่อนเจ้าสาว วันนั้นจัดแจงให้น้องที่เป็นแม่งานและเพื่อนอีกคนที่เป็นพิธีกรและแม่งานมาเจอกันรวมถึงเพื่อนอีกคนด้วยให้มาคุยแผนกันคร่าวๆ ยิงทีเดียวได้นกสองตัว อิอิ


ภาพ: ชุดแต่งงานที่ใช้ถ่ายคือชุดจริงที่ใส่วันงานแต่งงานค่ะ ทั้งชุดที่จะใช้ยกน้ำชาและชุดที่ใช้ในงานเลี้ยง ถ่ายมาแค่ไม่กี่รูป ไม่กี่มุมแต่เราก็ชอบค่ะ เพราะว่าไม่ได้ตั้งใจอยากมีรูปมากมาย แค่นี้ก็พอใจแล้ว



ภาพ: ถ่ายที่เซนไดช่วงปีใหม่พอดีค่ะ โชคดีที่วันที่ถ่ายหิมะตกค่ะ ปีที่ผ่านมาหิมะตกน้อยมา อั้นมานานมาตกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 


2. รูปตั้งหน้างาน

ก่อนวันงานต้องตกลงกับคุณเพ็ญก่อนว่าจะขอขาตั้งรูปกี่อันจะตั้งรูปเท่าไร เราขอไป 2 ค่ะ แต่จริงๆใช้ 3 เพราะว่ามีรูปวาดอีกรูปหนึ่งมาเพิ่มทางคุณเพ็ญก็จัดหาให้ได้อย่างรวดเร็วนะคะ แต่รูปนี่ต้องเอาไปให้แต่เนิ่นๆทางเจ้าหน้าที่จะได้จัดให้เรียบร้อยได้

เนื่องจากเราไม่ได้จ้าง studio ให้ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งให้เราเลยต้องอัดรูปพร้อมหากรอบเองค่ะ เราสองคนชอบแบบเรียบๆค่ะแบบหลุยส์อะไรแบบนี้ไม่ใช่แนวเท่าไหร เราได้กรอบรูปไม้สีขาวสะอาดตามาจาก IKEA ราคาไม่แพงค่ะน่าจะอยู่ประมาณ 5-700 บาท (จำไม่ได้) เราเลือกรูปจากพรีเวดดิ้งทั้งสองที่มาอัดรูปเองอัดไม่ใหญ่มากค่ะประมาณ 16x20 นิ้ว ราคารูปละประมาณ 200 บาทค่ะ(ร้านใหญ่ๆจะราคาแค่ 150 ประมาณนี้ค่ะ)


ภาพ: เสียดายที่ช่างภาพไม่ได้เก็บบรรยากาศตรงนี้เลยค่ะมีแค่รูปกับรูปถ่ายหน้างานอันเดียว กรอบสีขาวแบบนี้ค่ะมีจัดตกแต่งด้วยดอกไม้เล็กน้อย เหมือนมีโครงสีขาวรูปจักรยานเล็กๆวางไว้ด้วยค่ะแต่ไม่เจอรูปถ่ายเต็มๆ


3. ดอกไม้และซุ้มหน้างาน

ตรงหน้างานมีซุ้มที่จัด 4 ที่ค่ะ 1. ฉากถ่ายรูปหน้างาน 2. ซุ้มภาพถ่าย 3. ซุ้ม LOVEพร้อมรูปวาดและ 4. ซุ้มรูปถ่ายบ่าวสาวรูปใหญ่

เจ้าบ่าวเป็นคนจัดการเรื่องนี้ค่ะเพราะเราไม่สามารถไปร่วมคุยกับทางคนที่จัดดอกไม้ให้ได้ค่ะเราต้องติดต่อกับทาง “คุณเพ็ญ” เองค่ะว่าจะจัดงานวันนั้นวันนี้ซึ่งจริงๆแล้วร้านดอกไม้กับอาหารเป็นเจ้าเดียวกันค่ะวันที่ไปชิมอาหารก็สามารถตกลงเรื่องดอกไม้ได้เลยค่ะ มีรูปแบบมาให้เลือกแฟนเล่าว่าปรับเปลี่ยนอะไรไม่ค่อยได้ อยากได้แบบนั้นแบบนี้ทางร้านก็บอกว่าทำไม่ได้พูดแต่ว่าเดี๋ยวดูให้ว่าแบบไหนสวย คือเราจะไปกำหนดว่าเอาซุ้มนั้นไว้ตรงนี้เอาซุ้มนี้ไว้ตรงนั้นไม่ได้ค่ะ ประมาณว่าบอกสีมา ทำให้ เอาซุ้มขนาดไหนดอกไม้สีอะไร ทำเอาแฟนหงุดหงิดเลยค่ะ ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นแบบนี้หรือเปล่านะคะพอดีแฟนเราไปลุยเดี่ยวค่ะเลยไม่ค่อยมีปากเสียงเถียงอะไรไม่ทัน


ภาพ: อันนี้เป็นฉากถ่ายรูปหน้างานค่ะตอนแรกที่บอกไปคือเอาดอกไม้ตรงๆ มีห้อยๆนิดหน่อยแต่ทำไม๊ออกมาเป็นโค้งแบบนี้แถมเบี้ยวอีกต่างหาก ป้ายชื่อที่ติดไม่ได้ดูดีเลยค่ะไม่มีจะดีกว่า ปริ้นมาธรรมดาค่ะ ไม่มีโฟมระยิบระยิบอะไรทั้งนั้น แต่ก็พอรับไหวค่ะ ช่างมันๆ จากใน package 28,000 บาทจะมีเค้กมีสมุดโน้ต กล่องรับเงินให้ค่ะ แต่เราไม่เอานะคะ เจ้าบ่าวขอแลกของพวกนี้เป็นฉากถ่ายรูปหน้างานจากที่ตามpackage คือ 3 เมตรขอเพิ่มเป็น 5 เมตร เจ้าบ่าวบอกว่าถ้าย้อนเวลาได้จะไม่เอาดอกไม้ ไม่เอาโลโก้ด้วยค่ะ เอาผ้าสีเรียบๆไม่ต้องตกแต่งอะไรเลย ตอนแรกเราก็บอกให้เอาอย่างนั้นค่ะ แต่เจ้าบ่าวกลัวมันโล้นไป

สังเกตดูที่พรมนะคะ เอิ้กกก ทำไมสีไม่เท่ากันคือตอนที่อยู่ในงานก็เห็นก็ไม่ค่อยพอใจแล้ว มาดูๆในรูปอีกรอบคือเหมือนจะทำให้ดูเป็นทางเดินแต่แบบว่ามันตัดกันไปไหมเหมือนเอาพรมเก่ามาไว้ตรงกลาง ข้างๆแดงแจ๊ดนี่ของใหม่? คือมันเห็นชัดมากๆค่ะ ขัดใจมากๆ ทางร้านดอกไม้น่าจะจัดหาพรมสีเท่าๆกันมานะคะ แบบนี้ดูไม่ค่อยดีเลยค่ะ



ภาพ: บนเวทีขอเป็นสีขาวกับทองค่ะ ส่วนป้ายชื่อบนเวทีค่ะใช้ได้ทั้งงานแต่งงานและงานเลี้ยงค่ะ บอกคุณเพ็ญไว้ก่อนเลยค่ะ ใจดีให้ยืมได้ การตกแต่งมีแค่ดอกไม้สี่เสาซึ่งตัวเราชอบค่ะไม่อยากได้ดอกไม้อะไรมากมาย เอาแค่ให้ไม่โล่งเกินไปก็พอค่ะในห้องมีพรมปูเป็นทางเดินให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินเข้างานค่ะ 



ภาพ: ซุ้ม LOVE ตรงโถงหน้างานเจ้าบ่าวพยายามทำให้โถงข้างบนโล่งที่สุดเพื่อที่ช่างภาพจะสามารถเก็บรูปบ่าวสาวและแขกที่ถ่ายรูปที่ฉากหน้างานได้อย่างเต็มที่ซุ้มนี้เป็นแค่ซุ้มเดียวที่อยู่ข้างบนและค่อนมาข้างหน้าทำให้มีพื้นที่เหลือสำหรับถ่ายรูปค่ะ


ภาพ: ซุ้มติดรูปค่ะ รูปเราอัดมาเองค่ะ ให้แม่งานเอาไปให้เจ้าหน้าที่ตั้งแต่เช้าค่ะเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้นำไปจัดค่ะ เราอัดรูปมาประมาณ 50 รูปค่ะ มีน้องหมีที่ผ่านงานมาอย่างโชกโชนมาเป็น prop ด้วยค่ะ เรามาสมาคมตอนที่จัดงานก็หลายรอบก็เห็นซุ้มคล้ายๆกันค่ะ แล้วแต่ว่าเจ้าภาพอยากให้เอาไว้ที่ตรงไหนบ้าง มีทั้งร่มที่เอาไว้ประดับภาพก็มีค่ะ


4. Presentation 

เราทำ Presentationกันเองค่ะทำจนวันสุดท้ายก่อนแต่งงานเลยทีเดียว ความคิดของเราสองคนคืออยากให้ทุกคนได้รู้จัก"ตัวตน" ของเราค่ะ ไม่ใช่แค่ความรักของเราสองคน แต่รวมถึงครอบครัวเพื่อน ประวัติของเราทั้งคู่

เราเลือกที่จะเริ่มต้นpresentation ด้วยภาพงานแต่งงานของพ่อแม่ของเราค่ะเราสองคนจะไม่มีวันลืมตามาดูโลกได้เลยถ้าไม่มีคนสำคัญของเราทั้งสี่ท่านนี้ ทุกๆรูปเราให้ความสำคัญกับครอบครัวและเพื่อนฝูง ไม่ค่อยฉายภาพเดี่ยวแต่จะเป็นภาพหมู่มากกว่า จนมาถึงเรื่องราวของเราสองคนก็ยังพ่วงว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของกันและกันเราอยากให้งานออกมาอบอุ่นค่ะ มีรูปแขกในงานเยอะๆค่ะ

เราสามารถนำ presentation ไปลองเปิดก่อนวันงานได้ค่ะไม่เสียค่าใช้จ่าย เจ้าหน้าที่มีประจำอยู่แล้ว ส่งไฟล์ให้เขาไปเขาจะ save เก็บไว้ค่ะเป็น back up ให้เรา ถ้าเราไม่มีการเปลี่ยนแปลง presentation เขาก็จะใช้อันเดิมแต่พอดีเราเปลี่ยนค่ะเลยให้ไฟล์ใหม่ไปให้วันงานนั่นแหละค่ะ ระบบเสียงดีมากค่ะได้ยินชัดทั่วห้อง ส่วนจอก็ใหญ่ค่ะ เห็นไปถีงหลังห้องเลย

วันงานทางแม่งานของเราต้องไปบอกเจ้าหน้าที่ก่อนสัก 15 นาทีว่าจะเริ่มแล้วเจ้าหน้าที่จะเตรียมปิดไฟและเปิด presentation ค่ะ เวลาเปิด presentationจะปิดไฟมืดทั้งห้องแบบมองอะไรไม่เห็นทานอาหารต่อไม่ได้ ใจจดจ่ออยู่ที่ presentation เลยค่ะเสร็จแล้วก็ค่อยๆเปิดไฟให้พิธีกรเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้างานค่ะ


ภาพ:โลโก้ที่เราคิดเองค่ะ เป็นภาพเปิดค่ะ โลโก้นี้ใช้หลายงานมากค่ะ ตั้งแต่ในการ์ดในแทกติดของรับไหว้ สติกเกอร์ติดของชำร่วย ป้ายบนเวที ป้ายหน้างานตรง backdropเราใช้โลโก้นี้ทุกที่เลยค่ะเจ้าสาวออกแบบรอบนอก เจ้าบ่าวออกแบบภายใน ลงตัวดีค่ะ ออกมาแล้วชอบสุดๆ


5. เพลงเปิดตัว


เราเลือกใช้เพลงะ We’ve only just begun ของวง TheCarpenters ค่ะเพราะความหมายเหมาะกับการเดินเข้างาน เนื้อเพลงตามนี้ค่ะ...

We've only just begun to live
White lace and promises
A kiss for luck and we're on our way
(We've only begun)

Before the risin' sun, we fly
So many roads to choose
We'll start out walkin' and learn to run
And yes, we've just begun

เนื้อเพลงจริงๆยาวกว่านี้นะคะแต่ตัดแค่ช่วงที่เดินค่ะเราสองคนไม่ได้ซ้อมเดินเข้าเลยค่ะ พลาดมากๆๆๆ ทั้งๆที่มาสำรวจสถานที่ มาลองเปิด presentation หลายรอบและมีโอกาสซ้อมหลายครั้งค่ะ ทำให้เวลาเดินเข้าจริงไม่ได้จังหวะคือ ไม่ได้คิดด้วยค่ะว่าควรเดินถึงเวทีที่ท่อนไหน เพลงนี้ตอนแรกจะช้าแล้วมาเร็วคือมาคิดได้ตอนเดินแล้วว่าน่าจะเดินขึ้นเวทีให้ถึงก่อนเริ่มท่อนเร็วแต่พลาดไปแล้วค่ะ สำหรับใครที่วางแผนว่าจะแต่งงานก็อยากให้ดูตรงนี้ด้วยค่ะซ้อมเดินหน่อยก็ดีค่ะ จะได้รู้จังหวะ

ส่วนการประสานงานเราเอาไฟล์เพลงนี้ให้ทางเจ้าหน้าที่ประจำห้องไปค่ะ ทางเค้าก็เปิดให้หลังจากที่ฉาย presentationและพิธีกรขึ้นเปิดงานค่ะไม่ต้องบอกอะไรเลยค่ะ เจ้าหน้าที่มืออาชีพมากๆ เปิดไฟหรี่ได้เป๊ะตามจังหวะทุกอย่างเพื่อนชมเลยค่ะว่าจ้างใคร เราบอกว่าเปล่า ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำแต่อุ่นใจค่ะที่ไว้ใจให้ทางสมาคมจัดงานให้ มืออาชีพจริงๆ


ภาพ: ตอนเดินเข้างานค่ะ ประหม่ามากๆค่ะ ตื่นเต้นแบบว่าท่องไว้ในใจตลอดว่ายิ้มไว้นะๆ 


6. วงดนตรี

ตอนแรกเราไม่คิดจะจ้างวงดนตรีค่ะเพราะคิดว่าเปลืองแต่คุณแม่ขอร้องมา คงคิดว่าอยากจะร้องคาราโอเกะแต่เราก็จ้างวงดนตรีแบบเครื่องดนตรี3 ชิ้นมาค่ะ ไม่มีนักร้อง มีดับเบิ้ลเบสเปียโน และแซ็กโซโฟน เพลงที่เราต้องการคือเพลงสากลในยุค 60’s70’s 80’s ค่ะ แต่ในงานก็ได้ยินเพลงไทยขึ้นมาบางจังหวะนะคะ แต่ไม่มากเท่าไร

วงที่เราเลือกเราเลือกจากราคาและผลงานค่ะได้วงละไม //www.lamaiband.com/ มาค่ะ หาจากในเนตนี่แหละค่ะตอนแรกอยากได้วง FabFour แต่ราคาเปิดตัวมาแพงมากค่ะประมาณ 35,XXX ซึ่งเราสองคนสู้ไม่ไหวค่ะเลยจ้างวงละไมแทน ราคา 6,000 บาท ค่านำเข้าที่บริจาคให้ทางสมาคมอีก 2,000บาทรวมทั้งสิ้น8,000 บาทค่ะ

แขกบางท่านก็ชมค่ะว่าเพลงเพราะเพราะส่วนใหญ่เป็นเพื่อนคุณพ่อเพื่อนคุณแม่ซึ่งน่าจะเป็นเพลงที่อยู่ในยุคเดียวกันเราทั้งสองคนก็ชอบค่ะ แต่สารภาพเลยว่าไม่ค่อยได้ฟัง ได้ฟังผ่านๆแค่ไม่กี่เพลง

เสียดายที่ไม่มีรูปวงดนตรีค่ะT^T


7. พิธีการบนเวที

พิธีการบนเวทีของเราสั้น กระชับและง่ายค่ะ เริ่มจากให้เพื่อนที่เป็นพิธีกรเริ่มกล่าวเปิดงาน เปิด presentation เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นเวที เชิญพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายคล้องพวงมาลัย เชิญผู้ใหญ่ที่เราเคารพกล่าวอวยพร เจ้าบ่าวเจ้าสาวกล่าวขอบคุณแขกผู้มาร่วมงาน เสร็จแล้วเรากับเพื่อนๆก็เดินลงไปทานอาหารค่ะ บางครั้งเราก็เดินแยกกับเจ้าบ่าวนะคะเพราะจะได้รับแขกได้ทั่วถึง งานนี้ไม่มีการถ่ายรูปกับแขกในงานค่ะเพราะเจ้าบ่าวไม่ชอบ บอกว่าไม่สวย เราเลยอดถ่ายภาพร่วมกับญาติๆหลายต่อหลายคนเลยค่ะ เพราะญาติบางท่านเข้ามาในงานก่อนที่เราจะออกมาถ่ายรูปหน้างานค่ะ

งานนี้เจ้าบ่าวไม่ยอมสัมภาษณ์ค่ะ ตอนแรกเราก็ว่าจะมีสัมภาษณ์เล็กน้อย ประมาณ 1-2 คำถาม แต่เห็นว่างานไม่ได้ดั่งใจเจ้าบ่าวมาเยอะแล้ว เราเลยบอกเพื่อนที่เป็นพิธีกรค่ะว่าไม่ต้องมีสัมภาษณ์ เอาใจเจ้าบ่าวเขาหน่อย...


8. ช่างกล้อง

แฟนเราเป็นคนติดต่อช่างกล้องค่ะได้ช่างกล้องมาจากการแนะนำจากเพื่อนอีกทีหนึ่งค่ะ ช่างกล้อง 2 คนราคา 10,000บาทค่ะไม่มีไฟร่มหรืออะไรใดๆทั้งสิ้น มีแค่กล้องกับแฟลชมาค่ะ แต่ภาพออกมาก็โอเคนะคะแม้จะเก็บภาพได้ไม่ครบทุกส่วนแต่หลักๆก็ได้แหละค่ะ

เสียดายอย่างเดียวคือไม่มีกล้องvideo ตอนแรกอยากจะจ้างแต่เจอราคาแล้วจอดเลยค่ะ สุดท้ายเจ้าบ่าวว่าจะให้เพื่อนๆกันถ่ายให้ด้วยกล้องของเจ้าบ่าวเองแต่หากล้องไม่เจอค่ะฉุกละหุกมากๆ เลย สุดท้าย มี video มาจากแขกที่มาร่วมงานที่ถ่ายนั่นนี่นิดหน่อยให้ค่ะอย่างน้อยเราก็มีอะไรกับเค้าบ้าง T^T


9. โต๊ะรับแขก

โต๊ะรับแขกของเราประกอบไปด้วยของ3 สิ่งค่ะ จัดวางได้ไม่แน่นมากมีดอกไม้มาประดับวางไว้หน้ากล่องรับซองเล็กน้อย ดูแล้วไม่อึดอัดค่ะเพื่อนๆเราอยู่เป็นคนรับซองให้ของชำร่วยค่ะ



9.1. สมุดอวยพร เนื่องจากเราไม่เอาสมุดอวยพรที่รวมที่ package ของทางคุณเพ็ญเราเลยต้องหาเองค่ะ ตอนแรกก็ไปเดินๆร้านเครื่องเขียนที่ญี่ปุ่นจะซื้อสมุดมาแต่ก็ไม่ชอบใจ สุดท้ายมาตายรังที่ table mat ลายดอกไม้ตามฤดูต่างๆของญี่ปุ่นเราซื้อมา 3 ห่อ 300 แผ่นแต่ใช้จริงๆแค่ 288 แผ่นค่ะ หน้าปกให้แฟนออกแบบให้ค่ะ แฟนเอารูปเราสองคนมาเรียงๆต่อกัน ใส่โลโก้ไว้ตรงกลาง เอาไปอัดที่ร้านถ่ายรูปไม่แพงมากค่ะ เราซื้อกระดาษแข็งจากญี่ปุ่นกลับไป จริงๆเป็นแผ่นกระดาษที่เอาไว้เขียนอำลาแนวๆ friendship บ้านเราอ่ะค่ะ เสร็จแล้วก็เอารูปที่อัดกับกระดาษแข็งมาต่อประกบติดกันแล้วเอาไปเข้าห่วงออกมาสวยงามดั่งใจเลยค่ะ ขนาดไม่ใหญ่มากแต่เขียนได้ด้านเดียวนะคะ ปากกาเป็นปากกาสีๆซื้อมาจากญี่ปุ่นค่ะ 

9.2. กล่องใสซอง ตอนแรกก็กะจะทำเองเหมือนกันแค่แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัดเลยให้เพื่อนที่ทำงานคุณพ่อทำให้ค่ะ เราบอกคุณน้าว่าอยากได้กล่องเป็นรูปบ้าน ตอนแรกก็จินตนาการว่าอยากทำรั้ว มีตุ๊กตานั่นนี่ กล่องนี้เราหอบกระดาษห่อของขวัญกลับมาจากญี่ปุ่นเลยค่ะ คิดว่าน่าจะเอามาใช้ได้ คุณน้าทำออกมาเยอะไปนิดหน่อยเนื่องจากเราชอบเรียบๆค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะเขาทำมาให้เราด้วยใจเราก็รับไว้ด้วยใจค่ะ รูใส่ซองใหญ่มากๆค่ะเราเลยเอาแผ่นโฟมบางๆมาติดไว้กันไม่ให้เห็นค่ะ แต่ก็ล้วงได้อยู่ดี สุดท้ายเวลาเปิดเราดึงหลังคาออกค่ะเอาไว้ใส่ของที่เหลือจากงานแต่งงานได้ต่อค่ะ

9.3. ชั้นวางของชำร่วยสีขาวได้มาตาม package ดอกไม้ค่ะ ชั้นน่ารักดีค่ะ จัดเรียงง่ายดีค่ะ ส่วนของชำร่วยได้กล่าวถึงไปแล้วในตอนแรกค่ะ 


จบแล้วค่ะสำหรับรีวิวงานแต่งงานของตัวเอง....รายละเอียดเยอะมากๆค่ะ ถ้าใครสนใจอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมจุดไหนก็สามารถสอบถามได้นะคะ 


ข้อควรระวังที่ได้จากการจัดงานแต่งงาน

1. ควรเดินถ่ายรูปตามโต๊ะเพื่อเก็บตกภาพกับแขกที่อาจจะไม่ได้ถ่ายหน้างานทั้งตอนก่อนเข้างานและตอนออกจากงาน
2. ควรซ้อมเดินเข้างานด้วยเพลงที่เตรียมมาเพื่อให้รู้จังหวะการเดินและเนื้อเพลง
3. ควรบอกช่างกล้องให้ถ่ายภาพบรรยากาศงานให้เยอะๆ
4. ควรชี้แจงเรื่องดอกไม้ให้ชัดเจน อย่าปล่อยให้เจ้าหน้าที่คิดเองเออเอง
5. ถ้าอยากจะเก็บมาลัยคล้องคอ ควรแขวนไว้ ไม่ควรวางไว้กับผ้า ราจะขึ้น
6. ถ้าจะเขียนชื่อแขกบนโต๊ะ ควรจะเขียนให้ชัดและบอกให้ชัดเจนว่าอยู่ตรงไหน อย่างไร
7. ตอนที่รับแขกหน้างานควรใส่รองเท้าสบายๆเพราะกระโปรงคลุมมิดอยู่แล้ว
8. ควรยิ้มเสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ข้อคิดที่ได้จากการจัดงานแต่งงาน

1. มีอะไรหลายๆอย่างที่เราทำเองได้ค่ะ เช่น ตกแต่งของชำร่วยให้น่ารักขึ้น ถ้ามีเวลาหลังเลิกงานก็ลองทำดูค่ะ แขกที่ได้รับไปรับรู้ถึงความทุ่มเทของเราจริงๆค่ะ และถึงจะไม่มีใครพูดถึง แต่เราก็สุขใจที่ได้เห็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เป็นดั่งใจเราค่ะ...เพราะในงานจะมีอีกหลายๆอย่างที่ไม่ได้ดั่งใจ

2. เชื่อใจซึ่งกันและกันค่ะ ในการเตรียมงานครั้งนี้เราทั้งสองคนไม่ทะเลาะกันเรื่องงานเลยค่ะ อาจจะมีเครียดเรื่องแขกที่เยอะไปบ้าง แต่เรื่องการเตรียมงานไม่ว่าจะเป็นการ์ด ของชำร่วย ลำดับพิธีการ ชุดแต่งงาน ถ่ายรูป ช่างกล้อง ช่างแต่งหน้า ฯลฯ เราต่างชื่นชมกันและกันค่ะ เราเชื่อใจในการตัดสินใจของกันและกัน และมั่นใจว่าอีกฝ่ายทำดีที่สุดแล้ว และนี่ทำให้เราผ่านงานนี้มาแบบฉลุยค่ะ

3. อันนี้ได้มาจากแม่ค่ะ บางครั้งที่พ่อแม่เชิญแขกมามากมาย นั่นเพราะว่าอยากให้เพื่อนๆมาร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จอีกก้าวของลูกๆ ยิ่งถ้าเป็นลูกคนสุดท้ายที่ออกเรือนแล้วล่ะก็ นั่นก็นับว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่พ่อแม่จะมีโอกาสเชิญเพื่่อนๆมาเลี้ยงสังสรรค์แบบนี้ งานเลี้ยงที่พ่อแม่มีโอกาสเชิญเพื่อนๆเยอะขนาดนี้มีไม่บ่อยหรอก...จริงไหมคะ

4. จดรายจ่ายค่ะ เราเรียนบัญชีมาค่ะเราชินกับการทำรายรับรายจ่าย เราจดทุกเม็ดค่ะ จดไว้ด้วยว่าใครจ่ายอะไรไปบ้างเพราะสุดท้ายแล้วเราเอาเงินช่วยงานที่ได้มาจ่ายเจ้าหนี้ (คนที่จ่ายค่าต่างๆไปก่อน) แล้วจึงเอาเงินส่วนเกินที่ได้มาฝากไว้ในบัญชีร่วมกันค่ะ ทำแบบนี้แล้วทำให้เราสามารถประเมินค่าใช้จ่ายได้ล่วงหน้า และทำให้งบไม่บานปลายเพราะเรารู้ว่าตอนนี้รายจ่ายอยู่ที่เท่าไร เราตั้งงบไว้เท่าไหน เกินหรือขาดเท่าไร

5. อยากจะชมเจ้าบ่าวเป็นการส่วนตัวค่ะ เราอ่านเรื่องการแต่งงานมาก็มาก ส่วนใหญ่เจ้าสาวจะเจอปัญหาเจ้าบ่าวไม่ช่วยเตรียมงาน แต่สำหรับเราแล้วเราไม่เจอปัญหาแบบนั้นเลยค่ะ เจ้าบ่าวช่วยทุกอย่าง เรารู้หน้าที่ของตัวเองอย่างชัดเจน เราช่วยกันทำ presentation ออกแบบ logo และเลือกเพลงด้วยกัน ต้องขอบคุณเจ้าบ่าวมากๆค่ะที่ทำให้เราไม่รู้สึกว่า "เราบ้าไปคนเดียว" เพราะมีผู้ชายอีกคนที่พร้อมจะ "บ้า" ไปกับเราด้วย

6. สุดท้ายนี้อยากจะฝากไว้ว่า...อย่าพยายามสร้างศัตรูก่อนงานแต่งงานนะคะ ชีวิตจะเครียดค่ะ T^T




 

Create Date : 28 เมษายน 2557
9 comments
Last Update : 19 สิงหาคม 2557 20:22:54 น.
Counter : 17309 Pageviews.

 

งานแต่งงานน่ารักมากค่า เราก็กำลังจะแต่งเดือน พย นี้ ยังหาที่ไม่ได้เลย ไม่ทราบว่าถ้ามีเพื่อนเป็นศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ เช่าสถานที่แทนเราได้มั๊ยคะ แล้วช่วงงานเลี้ยงนี่ไม่ทราบว่าจัดหลังจากยกน้ำชาเลยรึป่าวคะ เรากะจัดงานให้เสร็จไปเลยไม่เลี้ยงเย็นอ่ะค่ะ ขอบคุณที่มาช่วยรีวิวนะคะ อิอิ แต่งงานนนี่วุ่นวายจริงๆเลย 555

 

โดย: kpattzy IP: 171.99.156.89 17 พฤษภาคม 2557 19:33:24 น.  

 

ตอบนะคะ
1. เรื่องให้คนอื่นเช่าสถานที่เองนี่ไม่แน่ใจเลยค่ะ ลองโทรถามทางสมาคมดูนะคะ
2. เราจัดงานแต่งงานยกน้ำชาตอนเช้า แล้วกินเลี้ยงต่อตอนเที่ยงเลยค่ะ จองห้องไว้สองห้องข้างๆกันค่ะ

 

โดย: LpDeeDa 20 พฤษภาคม 2557 10:29:09 น.  

 

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ ได้ข้อคิดและข้อเตือนใจด้วย
เจ้าบ่าวเจ้าสาวน่ารักนะคะ ร่วมมือร่วมใจกันดีจัง :)

ตอบคุณ kpattzy แพลนจะแต่งเดือนพย.เหมือนกันค่ะ 23 พย. โทรไปสอบถามมาแล้ว เต็มหมดเลยค่ะ ว่างอีกทีต้นปีหน้า
เจ้าหน้าที่เค้าแนะนำให้จองแต่เนิ่นๆ ต้นปีน่ะค่ะ เพราะมีให้ห้องเดียว และเต็มตลอดอยู่แล้ว
อดเลย เราก็เร่งหาที่อื่นละค่ะ กลัวจะเร่งกันไปหมด

 

โดย: aliz IP: 27.55.161.10 26 พฤษภาคม 2557 13:41:31 น.  

 

ร้านดอกไม้ใช่เจ้าเดียวกับคุณป้อมคุณเป็ดมั้ยคะ คือเข้าไปดูในเฟสบุ๊คร้านคุณป้อมคุณเป็ด รู้สึกว่าแนวเดียวกันเลยค่ะ(ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่) ส่วนตัวชอบผ้ากากเพชรค่ะ ทำแบคดรอป ถ้าบอกเค้าเค้าจะมีให้รึป่าว ถ้าไม่มี แล้วเรายอมซื้อเองเค้าจะทำให้ได้ป่ะคะ
ปล.ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

 

โดย: Coollii IP: 125.24.121.220 13 มิถุนายน 2557 23:54:13 น.  

 

เข้าใจว่าเป็นร้านเดียวกันนะคะ เพราะถ้าจัดที่สมาคมฯจะต้องใช้ร้านอาหารและร้านดอกไม้ที่สมาคมแจ้งไว้เท่านั้น
แฟนบอกว่าเจ้าหน้าที่บอกว่าปกติจะคุยงานเรื่องดอกไม้กับคุณป้อม แต่ของเราเจอคุณเพ็ญค่ะ เรื่องการออกแบบน่าจะคุยกันได้นะคะ ลองคุยดูค่ะ

 

โดย: lpdeeda IP: 157.7.205.214 18 มิถุนายน 2557 10:58:00 น.  

 

ขอบพระคุณมากค่ะ ^_^

 

โดย: Cool lii IP: 1.47.199.102 3 กรกฎาคม 2557 7:08:35 น.  

 

สนใจที่นี่ไว้เหมือนกันคะ เสิชหาข้อมูลมาเจอบล็อกคุณ LPDEEDA
อ่านเพลิน พร้อมข้อมูลเป็นแนวทางได้คะ

ที่บอกว่า
"เราจัดงานแต่งงานยกน้ำชาตอนเช้า แล้วกินเลี้ยงต่อตอนเที่ยงเลยค่ะ จองห้องไว้สองห้องข้างๆกันค่ะ"

ถามนิดนึงคะว่า ช่วงยกน้ำชาเช้า แขกร่วมด้วยในห้องยูงทอง2 ที่นั่งพอมั้ยคะ

ขอบคุณคะ

 

โดย: Nara IP: 183.88.35.122 26 มกราคม 2558 11:40:02 น.  

 

ตอบคุณ Nara นะคะ (ขอโทษนะคะที่มาตอบช้า)

ตอนช่วงพิธีเช้าที่นั่งพอค่ะ แต่เด็กๆ เพื่อนๆอาจจะต้องยืนบ้างเพราะญาติเยอะค่ะ แต่พองานเช้าจบแล้วแขกเริ่มมานี่ห้องล้นจนอยู่ไม่พอเลยย้ายไปอยู่ห้องยูงทอง 1 กันโดยไม่ได้นัดหมายเลยค่ะ เจ้าสาวเปลี่ยนชุดออกมาเลยตกใจเลยค่ะที่เห็นแขกนั่งอยู่ในห้องแล้ว และนี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไม่ได้ถ่ายรูปกับแขกบางท่านค่ะ

 

โดย: LpDeeDa 19 เมษายน 2558 1:02:05 น.  

 

=o=

 

โดย: 1 IP: 118.174.208.163 22 กันยายน 2558 13:33:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


LpDeeDa
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




การที่เราเอาหนังสือที่เราอ่านอยู่นั้นมาย่อลงใน blog ก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมีคนอ่านมากมายหรอก แต่แค่เป็นการกระตุ้นตัวเองให้ตั้งใจอ่านเข้าไว้ และนึกเสมอว่ายังมีคนที่ยังรออ่านใน Blog อยู่ (หรือเปล่า)
Friends' blogs
[Add LpDeeDa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.