Why are we dying to live while we are living to die?
Group Blog
 
<<
มกราคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
16 มกราคม 2557
 
All Blogs
 
ขึ้นรถพยาบาลที่ญี่ปุ่น

เรื่องที่ขึ้นรถพยาบาลที่ญี่ปุ่นนี่ผ่านมาเกือบครึ่งปีแล้ว แต่เผอิญที่บ้านมีเหตุให้ต้องเข้าโรงพยาบาลเลยนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา...

คราวที่แล้วที่เล่าเรื่องการถอนฟัน (ไม่) คุดที่ญี่ปุ่นไปนั้น พบว่าหลังจากนั้นไม่นานก็เจ็บฟันคุดอีก คราวนี้คุณหมอคนเดิมเลยบอกว่า "โอเค ถอน!" โชคดีที่ฝันคุดซี่นั้นขึ้นตรงไม่ขวางกั้นอะไรใดๆทั้งสิ้น คุณหมอเลยแค่ดึง "กึกๆ" แล้วก็หลุด แต่คราวนี้ไม่ยักถามแฮะว่าจะเอากลับบ้านไหมทั้งๆที่ใจอยากเอากลับ อยากดูซากฟันคุดที่ทำให้ฉันเสียฟันดีๆไปเมื่อคราวก่อน แต่ในเมื่อคุณหมอไม่ว่าอะไร เราก็ไม่ว่าอะไร

ก่อนออกจากคลินิค คุณหมอก็ให้คุณพยาบาลมาอธิบายให้ฟังว่าควรจะปฏิบัติตนอย่างไร สิ่งหนึ่งที่ค้างคาใจแต่ก็ไม่ได้ถามคือ "ห้ามออกกำลังกายหนัก" เอ...ห้ามออกกำลังกายนี่ ห้ามเดินด้วยหรือเปล่า?? เดินนี่ถือว่าหนักไหม?? คือช่วงนั้นกำลังจะเตรียมตัวกลับบ้าน ตั๋วรถบัสก็ไม่ได้ซื้อและใช้ตั๋วแบบ prepaid ทำให้พยายามประหยัดเงินด้วยการเดินไปป้ายรถเมล์ที่ใกล้ๆ ก็คิดว่า เดินจากคลินิกไปป้ายรถเมล์ที่มหาลัยก็คงไม่เป็นไรมั้ง...ใกล้ๆ >>> คือพอมาอยู่ญี่ปุ่นแล้ว อะไรๆก็ใกล้ทั้งนั้น เดินจากห้องไปมหาลัย 3 กิโลก็ว่าใกล้ เข้าเมือง 2-3 กิโลก็ว่าใกล้ คือคิดเองเออเอง

พอจ่ายเงินค่าถอนฟันเสร็จแล้วก็ค่อยๆเดินมา พยาบาลบอกว่าอย่าออกกำลังกายหนัก ไม่หนักๆ เดินช้าๆ ช้ากว่าปกติ ก็คิดว่าไม่เป็นไร พอเดินถึงป้ายรถเมล์ที่มหาลัยปุ๊ป โอ้ววแม่เจ้า หน้ามืด ไม่เป็นไร นั่งพักสักหน่อย นั่งพักสักแป๊ปรถเมล์มาพอดี ยืนได้ไหม โอเคยืนได้ งั้นขึ้นรถเมล์เลยล่ะกัน อีกแค่ไม่กี่ป้ายก็ถึงห้องแล้ว พอขึ้นรถเมล์ปุ๊ป รถออกยังไม่ถึงป้ายต่อไปก็หน้ามืดร่วงจากราวจับที่จับไว้ มองอะไรไม่เห็นเลย มันมืดไปหมดแต่ยังรู้สึกตัวอยู่ รู้สึกได้ว่าคนญี่ปุ่นคนหนึ่งช่วยพยุงเรานั่งเก้าอี๊ รถหยุดวิ่ง พอลืมตาได้ก็มีคนเอาขวดน้ำที่กดจากตู้มายัดใต้แขน คงคิดว่าเราเป็นลมเพราะอากาศร้อน ช่วงนั้นเป็นช่วงหน้าร้อนพอดี ที่ญี่ปุ่นก็มีหน้าร้อนแถมร้อนมากด้วย...

เห็นพนักงานขับรถเมล์โทรเข้าไปบอกว่ามีคนป่วย รถเมล์หยุดวิ่ง คนบางคนก็ลงเดิน พอเรารู้สึกดีขึ้นก็บอกพนักงานว่า "ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไรแล้ว" แต่เค้าก็หันมาบอกว่าไม่เป็นไรเช่นกัน ส่วนผู้หญิงญี่ปุ่นที่ช่วยพยุง หาน้ำให้เรานั้นก็มาถามเราว่าไม่เป็นไรนะ อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม พอเราบอกว่าอยู่ได้เขาก็เดินจากไป ขอบคุณน้ำใจคนญี่ปุ่นจริงๆค่ะ

สักพัก รถพยาบาลมาถึงก็ถามว่าคนป่วยคนไหน ตอนนั้นหน้าเราคงไม่ป่วยแล้วเพราะเดินเลยเราไป พอรู้ว่าเป็นเราก็พยุงขึ้นพาไปนั่งที่รถพยาบาล ซักถามว่าเราเป็นใครมาจากไหน พอเห็นว่าภาษาญี่ปุ่นท่าจะไม่รอด พี่ท่านเลยถามว่ามาจากที่ไหน แล้วใช้มือถือแปลภาษาให้เราอ่านตอบคำถาม วัดความดัน ถามอาการนั่นนี่เยอะแยะมาก ท้องไหม กินข้าวหรือเปล่า ไปทำอะไรมา กำลังจะไปไหน สุดท้ายเราบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว เขาก็ถามว่าจะไปโรงพยาบาลหรือว่าจะกลับห้อง เราบอกว่าจะกลับห้อง เขาก็เปิดแผนที่ๆอยู่ของคน เห็นมีเป็นหน้าๆ ว่าบ้านไหนอยู่ตรงไหน แล้วขับรถพามาส่งที่ห้อง บอกว่าไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ถ้าวันนี้เรียกอีกจะโดนเก็บเงิน...คร่าาาา หนูขอโทษ T^T

ตัวเรารู้สึกผิดมากที่ไม่เชื่อฟังหมอ ทู่ซี้เดินตั้งไกล ทำให้คนญี่ปุ่นอีกหลายคนเสียเวลา รถเมล์วิ่งช้ากว่าปกติ เสียเวลารถพยาบาลและหมอที่ดูแล 

แต่ประสบการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้เห็นน้ำใจของคนญี่ปุ่น การร่วมมือกันของหลายๆฝ่าย ทั้งคนขับรถและรถพยาบาล 

...........................

สมัยอยู่ที่ไทยก็เคยเป็นลมแบบนี้เหมือนกัน ตอนนั้นยังเป็นเด็กม. ปลาย นั่งรถไฟฟ้าจะไปไหนไม่รู้จำไม่ได้ แต่รู้สึกปวดท้อง หน้ามืด เดินไม่ไหวเลยลงจากรถที่สถานีสยามแล้วนอนอยู่ตรงเก้าอี้ในสถานี จำได้ว่ามีคนเดินผ่านไปมาเยอะมาก สุดท้ายมีแม่ลูกคู่หนึ่งมาหยุดถามว่าเป็นอะไร แล้วเรียกเจ้าหน้าที่มาดู เจ้าหน้าที่ก็เอารถเข็นมาเข็นไปที่ห้องพยาบาล คุณพยาบาลก็ดูแลอย่างดี โทรเรียกคุณพ่อให้มารับ

ต้องขอบคุณแม่ลูกคู่นั้นมากๆที่ใส่ใจถามไถ่ว่าหนูเป็นอะไร ขอบคุณพนักงานสถานี และพยาบาลหรือหมอที่ดูแลหนูที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม ขอบคุณจริงๆค่ะ







Create Date : 16 มกราคม 2557
Last Update : 16 มกราคม 2557 9:34:22 น. 0 comments
Counter : 836 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

LpDeeDa
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




การที่เราเอาหนังสือที่เราอ่านอยู่นั้นมาย่อลงใน blog ก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมีคนอ่านมากมายหรอก แต่แค่เป็นการกระตุ้นตัวเองให้ตั้งใจอ่านเข้าไว้ และนึกเสมอว่ายังมีคนที่ยังรออ่านใน Blog อยู่ (หรือเปล่า)
Friends' blogs
[Add LpDeeDa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.