กรกฏาคม 2549

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
เรื่องเล่าจาก"เลซอง" หลากความประทับใจ ราชอาคันตุกะ



เรื่องเล่าจาก"เลซอง" หลากความประทับใจ ราชอาคันตุกะ

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10335

ชมพูนุท นำภ-สุทธาสินี จิตรกรรมไทย


คำว่า "เลซอง" (Liaison) อาจจะฟังแปลกหู ถ้าแปลเป็นภาษาไทยว่า "เจ้าหน้าที่ประสานงาน" หมายถึงผู้ที่ทำหน้าที่ประสานงานและอำนวยความสะดวกแก่พระประมุขระหว่างที่ทรงประทับอยู่ในเมืองไทย ตั้งแต่เสด็จลงจากเครื่องบินกระทั่งส่งเสด็จนิวัติประเทศ

ในงานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากมีพระประมุขและตัวแทนพระองค์เสด็จฯมาร่วมงานถึง 25 ราชวงศ์ จึงต้องมีการเตรียมการถวายการต้อนรับ ถวายการอารักขาอย่างสมพระเกียรติ

ฉะนั้น ผู้ที่รับหน้าที่เป็นเลซองจึงไม่ธรรมดา แต่เป็นระดับเอกอัครราชทูต ผู้อำนวยการกองต่างๆ จากกระทรวงการต่างประเทศ

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังจัดทีมไว้ประจำแต่ละโรงแรมที่ประทับด้วย มีหัวหน้าคณะเป็นระดับรองอธิบดีไว้ประสานงาน หากพระประมุขแต่ละประเทศทรงมีพระราชประสงค์ใดเป็นพิเศษเกี่ยวกับที่ประทับ

เมื่อแต่ละพระองค์เสด็จเข้าที่ประทับ เลซองจะอยู่ประจำห้องปฏิบัติการที่ตั้งขึ้นเพื่อเตรียมรับภารกิจต่างๆ ที่จะเข้ามา ติดต่อยืนยันหมายกำหนดการต่างๆ ทั้งในส่วนงานพระราชพิธี และหมายส่วนพระองค์ รวมถึงต้องเตรียมเอกสาร หรือสิ่งของต่างๆ ที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย

เนื่องจากเป็นการรวมพระราชวงศ์จากทั่วโลก จึงมีการเสด็จฯพบปะกัน เลซองต้องคอยประสานงานอำนวยความสะดวก เพราะการเสด็จฯพบกันนั้น บางครั้งไม่ใช่หมายล่วงหน้าที่มีการกำหนดไว้แน่นอนมาก่อน

ชาญ จุลมนต์ ผู้อำนวยการกองสันติภาพความมั่นคงและการลดอาวุธ กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นเลซองประจำพระประมุขประเทศสวาซิแลนด์ เล่าว่า ที่หลายๆ คนให้ความสนใจคือ ผู้ตามเสด็จฯที่ใส่ชุดประจำชาติสวาซิแลนด์ และมีการร้องตะโกนเป็นภาษาท้องถิ่น บางคนเข้าใจว่าเป็นหมอผีปัดรังควาน

เจ้าหน้าที่ทางสวาซิแลนด์อธิบายว่า จริงๆ แล้วเป็นการถวายพระพรให้พระมหากษัตริย์แคล้วคลาดจากภัยอันตราย ให้มีความเจริญ ขณะเดียวกันก็เป็นการย้ำเตือนว่าพระประมุขมาจากเผ่าพันธุ์ใด บรรพบุรุษของพระองค์ที่สวรรคตไปแล้วนั้นได้เฝ้าดูอยู่ ขอให้พระองค์ได้มีทศพิธราชธรรมในการบริหารแผ่นดินให้ประชาชนอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข

และผู้ที่สวมชุดประจำเผ่าที่เห็นก็ไม่ใช่ผู้ติดตามธรรมดาๆ แต่เป็นถึงเจ้าชาย ที่เป็นพระญาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศและการค้า และเอกอัครราชทูตสวาซิแลนด์ประจำประเทศไทย ถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์

"พิธีนี้จะทำทุกแห่งที่กษัตริย์ปรากฏพระองค์ ออกจากที่หนึ่งที่ใดก็จะร้องถวายพระพร เช่นที่โรงแรม เข้าห้องเสวย เข้าห้องแสดงนิทรรศการ ผมสังเกตว่าคนรอบข้างทั้งที่ใส่ชุดประจำเผ่าและไม่ได้ใส่ชุดประจำเผ่า ก็จะช่วยกันร้องตะโกนในภาษาท้องถิ่นของเขา ซึ่งตอนแรกคนที่เห็นอาจจะรู้สึกแปลกที่ได้ยินเสียงคนตะโกนร้อง แต่พอครั้งที่สองครั้งที่สามก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องวัฒนธรรมของเขา" ผอ.ชาญอธิบาย

ด้าน ภัทราวรรณ เวชชศาสตร์ ผู้อำนวยการกองสนเทศเศรษฐกิจ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นเลซองมกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เล่าถึงเจ้าชายที่ทรงกุมหัวใจของสาวไทยในขณะนี้ว่า ทรงมีพระจริยวัตรที่งดงาม

"ท่านทรงเขียนแถลงการณ์ส่วนพระองค์ถึงในหลวง ซึ่งท่านทรงเขียนเดี๋ยวนั้นเลย ทรงบรรยายว่าตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ทรงรู้จักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจากเพื่อนคนไทย และก็ได้ทรงติดตามพระกรณียกิจของพระองค์มาโดยตลอด ทรงประทับพระหทัย และมีดำริว่า ในหลวงของเราเป็น Treasure of Thailand (สมบัติของแผ่นดิน) และท่านจะทรงดำเนินรอยตามพระองค์ท่าน

ตอนที่ท่านประทับที่ภูเก็ต ท่านได้เข้าเฝ้าพระราชาและพระราชินีจากสวีเดน ซึ่งตอนนั้นเลซองฝ่ายสวีเดนบอกดิฉันมาว่าให้แต่งกายในชุดลำลองไปเฝ้าฯ พอถึงเวลานัด ท่านเดินออกมา ท่านใส่สูท เจ้าหน้าที่ภูฏานว่าพระองค์มีพระประสงค์จะแสดงความเคารพกษัตริย์และราชินีสวีเดน


"ท่านเป็นผู้ที่มีน้ำพระทัยมาก ทรงห่วงเจ้าหน้าที่ที่ถวายการรับเสด็จเสมอ ทุกวันหลังจากเราส่งท่านถึงที่ประทับแล้ว ท่านจะเดินย้อนออกมาเพื่อที่จะบอกว่าขอบคุณ ท่านตรัสแบบนี้ทุกวัน"

ผู้อำนวยการภัทราวรรณเล่าถึงความเป็นเจ้าชายในฝันของสาวไทยว่า เริ่มรู้สึกว่าเจ้าชายทรงเป็นที่สนอกสนใจของประชาชนตั้งแต่ขบวนรถผ่านถนนราชดำเนิน แล้วประชาชนได้เห็นพระพักตร์ท่านใกล้ๆ แล้วสื่อก็เริ่มลงรูปเยอะขึ้นๆ

"ยิ่งตอนที่เสด็จฯไปภูเก็ตเป็นการส่วนพระองค์ ปรากฏว่า สาวๆ มาอยู่เต็มสองข้างทางตอนที่ท่านจะขึ้นเรือ ท่านก็ทรงยกมือไหว้หมด

"มีสื่อมวลชนจำนวนมากขอสัมภาษณ์เจ้าชายจิกมี แต่ทรงมีกำหนดการของพระองค์ ก็เลยไม่ประทานให้สัมภาษณ์ใครเป็นการเฉพาะ

"ท่านคงทราบว่าท่านเป็นที่สนใจ แต่ดิฉันคิดว่าท่านคงไม่ได้ทรงมองว่าตัวเองป๊อปปูล่าร์ มากไปกว่าเป็นการทำให้ประเทศภูฏานเป็นที่รู้จักมากกว่า

"อย่างวันสุดท้ายที่ประทับอยู่ในเมืองไทย ทางสถานทูตภูฏานบอกดิฉันว่า ท่านทรงโทร.มาขอบคุณ ท่านทรงมีความสุขมาก และเป็นความสำเร็จที่ท่านก็ไม่ได้คาดคิด กลายเป็นพระองค์ท่านที่ทำให้ประเทศภูฏานเป็นที่รู้จักของคนไทย แล้วก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับภูฏานดีขึ้น

"เวลานี้คนสนใจประเทศภูฏานเพิ่มมากขึ้น ถึงขนาดมีสื่อจะไปทำหนังสือเกี่ยวกับภูฏาน เขาโทร.มาถาม ก็เลยบอกว่าต้องติดต่อผ่านสถานทูตภูฏานประจำประเทศไทย"

ทางด้าน นริศโรจน์ เฟื่องระบิล ผู้อำนวยการกองวัฒนธรรมสัมพันธ์ กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เลซองในสมเด็จพระราชินีโซเฟีย ตัวแทนพระองค์จากประเทศสเปน และ พลอย คุ้มทุกทิศ เจ้าหน้าที่การทูต 3 กองวัฒธรรมสัมพันธ์ ผู้ช่วยเลซอง เล่าถึงความประทับใจกับการทำหน้าที่ครั้งนี้ว่า

นอกจากเสด็จฯมาร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติแล้ว ท่านได้ทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ Order of the Golden Fleece เป็นเครื่องราชฯตระกูลหนึ่งซึ่งเก่าแก่และหายาก และมีบุคคลที่ได้ครอบครองมีจำนวนน้อย แสดงถึงความเป็นมิตรของราชวงศ์ชั้นสูง

"เป็นความปลาบปลื้มของทั้งผมและพลอย ที่ได้เห็นเครื่องราชฯ ซึ่งโอกาสที่คนธรรมดาได้เห็นก็ยังมีน้อย แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ของสเปนเองเขาก็ยังมาขอดู เพราะยังไม่เคยเห็นเหมือนกัน"

ผ.อ.นริศโรจน์เล่าต่อไปว่า พระองค์ท่านทรงเป็นกันเอง และทรงเรียบง่าย ไม่ถือพระองค์ อย่างวันหนึ่งเราก็จัดขบวนรถไว้ ปรากฏท่านมีพระประสงค์จะเสด็จ (เดิน) ไปเอง ทรงเดินไปตามฟุตปาธไปเรื่อยๆ แม้จะอากาศร้อนแค่ไหน เราก็ถวายอารักขาเต็มที่

ระหว่างทางเดินสวนกับคณะของกษัตริย์สวีเดน ท่านทรงสัมผัสพระหัตถ์กับพระราชินีซิลเวีย แล้วก็หันไปจับมือกับตำรวจเกียรติยศ ซึ่งเป็นตำรวจไทย ตำรวจก็ตกใจ ถอดหมวกไม่ทันเลย

หรืออย่างมีอยู่วันหนึ่งท่านทรงมีพระประสงค์เฟอร์นิเจอร์ไปประดับพระตำหนัก เป็นตู้ที่มีความลดหลั่นเป็นชั้นๆ ทอดพระเนตรหาตามนิตยสาร ทราบว่ามีที่ร้าน Yesterday Once Again ฟังจากชื่อร้านเราก็นึกว่าจะเป็นร้านบูติคที่แต่งสวยงาม สุดท้ายไปพบว่าเป็นร้านกึ่งโรงงานห้องแถว เป็นขายส่ง ไม่มีโชว์รูม เป็นร้านเปิดโล่งแล้วมีป้ายไม้เก่าๆ เขียนชื่อร้าน

"ร้านค่อนข้างโทรม แต่ท่านก็เสด็จฯไป ไม่ถือพระองค์ ชาวบ้านแถวนั้นรู้ว่าราชินีสเปนเสด็จฯมาก็ยืนเข้าแถวกันเต็ม หาดอกไม้เท่าที่มีมาถวาย บางคนเอามาเป็นกระถาง พอท่านเสด็จฯกลับ เจ้าหน้าที่จากสเปนหอบหิ้วดอกไม้กลับกันพะรุงพะรังเลย ส่วนมากจะเป็นมาลัย รู้สึกว่าท่านจะเก็บกลับหมด เพราะท่านโปรดมาลัยไทย"


ทางด้านพลอยเล่าเสริมว่า วันที่เสด็จฯกลับจากทอดพระเนตรขบวนเรือ ระหว่างประทับในรถ ทอดพระเนตรตำรวจเกียรติยศของเราใส่ริสท์แบนด์ "เรารักในหลวง" ตรัสถามว่าอะไร พอดีตำรวจเกียรติยศมีก็เลยเอามาถวาย ท่านทรงใส่เลย และมีรับสั่งซื้ออีกประมาณ 20 อัน

"เมื่อท่านเสด็จฯกลับโรงแรมโอเรียนเต็ล วันนั้นที่โอเรียนเต็ลเป็นงานชุมนุมพระราชวงศ์ คือจะแบ่งออกเป็นราชวงศ์รุ่นชันษาเยาว์และรุ่นชันษาสูง วันนั้นเราได้เฝ้ากษัตริย์ต่างๆ แบบสมใจนึกเลย เพราะมีถึง 14 พระราชวงศ์ จะแบ่งเป็นโซนๆ ถ้าห้องแบมบู บาร์ เป็นห้องฟังเพลงแจ๊ซ หรือห้องดินเนอร์บุฟเฟ่ต์ จะมีเจ้าชายภูฏาน เจ้าชายนอร์เวย์ เดนมาร์ก เบลเยียม โมร็อกโก แล้วท่านจะเป็นกันเองมาก เดินตักข้าวกันเอง เสร็จแล้วก็นั่งคุยกันเฮฮา

"ส่วนรุ่นชันษาสูงจะอยู่ที่ห้องรีเจนซี่ รูม จะมีกษัตริย์ ราชินี สวีเดน พระจักรพรรดิ พระจักรพรรดินี แห่งญี่ปุ่น และพระราชินีโซเฟีย ซึ่งเลซองต้องประสานว่าพระองค์จะเสด็จฯทางไหน เมื่อเสด็จฯถึงโรงแรมแล้วต้องจัดเตรียมห้องรับรองไว้หรือไม่ ฯลฯ

"ถ้าฟังวิทยุสื่อสารแล้วจะสนุกมาก เพราะเดี๋ยวก็บอกว่า ขบวนรถคันนี้มาแล้ว คนนี้มาแล้ว" ผู้ช่วยเลซองเล่าด้วยความประทับใจ

สำหรับสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลาห์ที่ 2 บิน อัล-ฮุสเซน แห่งราชอาณาจักรอัชไมต์จอร์แดน แม้จะประทับอยู่ในเมืองไทยเพียง 2 วัน คือ 12-13 มิถุนายน แต่ ศศิวัฒน์ ว่องสินสวัสดิ์ ผู้อำนวยการกองอาเซียน 3 กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ บอกว่า ช่วงเวลาที่ได้ถวายงานในฐานะเลซองประจำพระองค์ เป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต

"ทรงมีพระจริยวัตรงดงาม ไม่ทรงถือพระองค์ พระพักตร์มีรอยยิ้มตลอดเวลา ส่วนในเรื่องการทรงงาน ทรงมีแนวคิดในเรื่องการปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนมาก จึงทรงชื่นชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะเป็นกษัตริย์ที่ทรงงานหนักเช่นกัน

"ดังนั้น แม้จะต้องเสด็จฯกลับจอร์แดนในคืนวันที่ 13 มิถุนายน เพราะต้องทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่จอร์แดนในเช้าวันรุ่งขึ้น ก็เสด็จฯเข้าร่วมงานถวายเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ

"ทางราชสำนักจอร์แดนประทับใจกับการต้อนรับและเตรียมการของฝ่ายไทยมาก เพราะเข้าใจว่าเราประสานงานให้เต็มที่แล้ว จึงไม่มีปัญหา

"ตอนส่งเสด็จแล้วประตูเครื่องบินปิด ผู้ช่วยเลซองของผมบอกเลยว่า เห็นเครื่องบินขึ้นแล้วน้ำตาจะไหล คือโล่งใจที่ทุกอย่างเรียบร้อยไม่มีอะไรบกพร่อง และดีใจ ปลื้มใจที่ได้ถวายงานแด่องค์พระประมุขที่เสด็จฯมาร่วมถวายพระเกียรติในหลวงของเรา งานนี้จะสำเร็จไม่ได้ถ้าทุกฝ่ายไม่ช่วยกัน และต้องขอบคุณทีมเลซองของผมด้วย" ผ.อ.ศศิวัฒน์บอกยิ้มๆ

สิ่งที่ได้จากงานนี้ยังมีมิตรภาพแถมมาอีก มีการชักชวนให้เยี่ยมเยียนกันและกันหลังงานพระราชพิธี

"เมื่อก่อนผมมีความรู้เกี่ยวกับจอร์แดนน้อยมาก แต่จบงานนี้ผมรู้จักมากขึ้น มีเพื่อนเป็นคนจอร์แดน รู้สึกว่าจอร์แดนไม่ใช่ประเทศที่ไกลเลย" ผ.อ.ศศิวัฒน์ปิดการสนทนาด้วยความประทับใจ

พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นพระประมุขอีกประเทศที่เสด็จฯร่วมงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มี พิษณุ สุวรรณะชฏ ผู้อำนวยการกองเอเชียตะวันออก 2 กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ เป็นเลซองประจำพระองค์

ตลอดเวลา 4 วันที่มีโอกาสถวายงาน ผอ.พิษณุบอกว่า พระองค์ทรงตรงเวลามาก ก่อนถึงเวลาตามหมายกำหนดการของพระองค์ เลซองจะทูลเชิญพระองค์ผ่านราชเลขาธิการของพระองค์ ไม่เกิน 10 นาที ก็ทรงพร้อมเสด็จฯตรงเวลาตามที่กำหนดในหมาย

กษัตริย์กัมพูชายังทรงโปรดความเรียบง่าย พระองค์ทรงเคารพ ศรัทธา และเชื่อมั่นในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาก ระหว่างที่ประทับในไทย พระองค์ไม่ทรงมีพระราชประสงค์อื่นใดนอกเหนือจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถพระราชทาน หรือรัฐบาลไทยจัดถวาย ทรงโปรดที่จะใช้เวลาในห้องประทับ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี

พระองค์ทรงโปรดศิลปะ ดังนั้น ทีมเลซองจึงจัดดีวีดีภาพยนตร์เรื่องใหม่ๆ คอนเสิร์ตเพลงคลาสสิค การแสดงนาฏศิลป์ต่างๆ ฯลฯ จำนวนมาก เพื่อให้พระองค์ทอดพระเนตร ส่วนทางโรงแรมก็เปลี่ยนโทรทัศน์ให้เป็นจอพลาสมา เพื่อให้พระองค์ทรงทอดพระเนตรอย่างสำราญมากขึ้น ทั้งยังจัดเครื่องออกกำลังกายไว้ในที่ประทับด้วย

"พระองค์ทรงโปรดเสวยพระกระยาหารเพียงวันละมื้อ ที่ทรงโปรดมากคือก๋วยเตี๋ยวผัดไทย และสลัดผัก ส่วนขนมหวานทรงโปรดข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้

"เราซื้อข้าวเหนียวร้านที่รสชาติหวานมันกลมกล่อมแถวทองหล่อ ส่วนมะม่วงซื้อแถวตลาด อ.ต.ก. วันที่จะเสด็จฯกลับ เจ้าหญิงอรุณรัศมี พระภคินีในกษัตริย์กัมพูชา ทรงมีรับสั่งว่าอร่อยมาก คณะทำงานจึงซื้อข้าวเหนียว 3 กิโลกรัม และมะม่วงน้ำดอกไม้ 1 กล่องใหญ่ ตอนแรกคนขายไม่รู้ว่าเราซื้อให้ใคร ไปบอกทีหลัง เขาดีใจมาก" ผอ.พิษณุเล่า

กษัตริย์กัมพูชายังทรงมีพระจริยวัตรงดงาม เวลาที่ทรงเสด็จเข้า-ออกห้องบรรทมทุกครั้ง ก็จะทรงยิ้มแย้ม ทรงทักทายคณะทำงานตลอด ทรงหยุด และหันมาขอบพระทัยทุกคนที่ถวายงาน บางครั้งทรงยกพระหัตถ์ขึ้นมาพนมมือรับไหว้ ทำให้ทุกคนที่เห็นประทับใจในความไม่ถือพระองค์ และความเป็นกันเองของพระองค์

วันสุดท้ายก่อนเสด็จฯกลับกัมพูชา พระองค์ทอดพระเนตรเห็นตนดูแลความเรียบร้อยอยู่ จึงให้เข้าเฝ้าฯ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ยังพระราชทานของที่ระลึกแก่คณะฝ่ายไทย

"ผมได้รับพระราชทานขันน้ำและพานรองเงินแท้ ถึงจะเป็นขันเปล่า แต่ผมคิดว่าบรรจุน้ำพระทัยไว้เต็มเปี่ยม" ผอ.พิษณุเล่าด้วยความปลาบปลื้ม

ส่วนเลซองประจำสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตแห่งประเทศญี่ปุ่นคือ สิงห์ทอง ลาภพิเศษพันธุ์ ผู้อำนวยการกองเอเชียตะวันออก 4 กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ เล่าว่า

ตลอดเวลาที่ได้ถวายงาน ผ.อ.สิงห์ทองพบว่า ทั้ง 2 พระองค์ทรงมีพระจริยวัตรงดงามมาก ไม่ทรงถือพระองค์ และทรงมีความรอบรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยเป็นอย่างดี

"เมื่อพระองค์เสด็จฯศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา จะมีส่วนหนึ่งที่กล่าวถึงการค้าระหว่างอยุธยา-ญี่ปุ่น ทรงซักถามอย่างคล่องแคล่ว ทรงทราบถึงพระนามและความสำคัญของกษัตริย์อยุธยาหลายพระองค์ ทรงทราบชื่อชาวญี่ปุ่นที่มารับราชการสมัยนั้น พระองค์ใส่พระทัยกับการบรรยาย และสถานที่ที่เสด็จฯไปอย่างมาก" ผอ.สิงห์ทองกล่าว

ก่อนเสด็จฯกลับ สมเด็จพระจักรพรรดิ และสมเด็จพระจักรพรรดินี ทรงโปรดฯให้คณะทำงานฝ่ายไทยเข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิดเป็นเวลาถึง 20 นาที

"ทรงเล่าถึงความประทับใจในการเสด็จฯเยือนไทยครั้งก่อนๆ และครั้งนี้ ทรงตรัสว่าฝ่ายไทยเตรียมการต้อนรับดีมาก ทรงชมด้วยว่า ขบวนเรือพระราชพิธีงดงามมาก

"ทางญี่ปุ่นบอกว่า ตามปกติเมื่อพระองค์เสด็จฯต่างประเทศ จะทรงใช้เวลาประทับในประเทศนั้นๆ อย่างนานก็ 3 คืน 4 วัน แต่ครั้งนี้ประทับในเมืองไทยถึง 4 คืน 5 วัน นับเป็นสถิติใหม่" ผอ.สิงห์ทองเล่า

งานนี้ไม่ใช่แค่เลซองที่ประทับใจ เพราะชาวไทยทั้งประเทศก็อยู่ในความรู้สึกเดียวกันด้วย







Create Date : 11 กรกฎาคม 2549
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2557 9:15:54 น.
Counter : 3445 Pageviews.

1 comments
  
ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆมาบอกต่อกันครับ
โดย: pok (pilok ) วันที่: 11 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:19:29 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Vichy Girl
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]