Group Blog
All Blog
|
ลองทำดูแล้วชีวิตจะได้หลุดจาก สังคมทุนนิยม อยากเปลี่ยนแปลงชีวิต คุณอาจไม่ต้องขายบ้าน เปลี่ยนงาน เลิกกับแฟน หรือทำบางสิ่งบางอย่างแบบสุดจะทุ่มเทหรือสุดโต่งให้เสียพลัง เพียงแค่ปรับเปลี่ยนจากความยุ่งยากจากความลำบาก แสนสาหัสในการตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับโลกใบเดิม มาทำเรื่องสบายๆ เรียบง่าย ยึดหลัก น้อยคือมาก ในชีวิตประจำวัน ความสุขก็แค่เอื้อมมือคว้า ไม่ต้องถึงกับปีนป่ายหน้าผาก็หาไว้เป็นของตัว เองได้ ลองวิธีต่อไปนี้เป็นแนวทางให้ชีวิตเรียบง่าย สร้างสรรค์และพอเพียง 1. รับไว้....เท่าที่รับได้ ต่อให้คุณยิ่งใหญ่มาจากโลกไหน แบกความรับผิดชอบมากมายเท่าไหร่ ทว่าคุณก็ยังไม่ใช่ศูนย์กลางของโลกอยู่ดี จงจำไว้ว่าทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่ที่คุณคนเดียว ปล่อยให้มันเป็นไปและให้คนอื่นตัดสินใจด้วยตัวเขาบ้าง 2. ลุย ๆ ๆ ฮุย เล ฮุย เมื่ออายุมากขึ้น สิ่งที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่หมายถึงความรับผิดชอบทั้งหลายที่ต้องตามมาเป็นหางว่าว ไหนจะตามหาในสิ่งที่ชอบ ตัวตน จุดยืนและความคิดของคุณ เอง จัด -คิด-คัด-สรร ให้ชีวิตสมดุล ลองแบ่งหน้าที่ในชีวิตออกเป็นสองเรื่องใหญ่ได้แก่ - ความรับผิดชอบในการงาน - ความรับผิดชอบที่บ้าน จัดลำดับความสำคัญที่ใหญ่ที่สุด วาดแผนผังหรือโยงข้อย่อยๆ ออกมา เลือกทำแค่สิ่งที่ ต้อง ทำและจำเป็นในชีวิตก่อน ตัดโปรแกรมมัลดีฟส์ เที่ยวรอบโลก ช้อปปิ้งที่ฝรั่งเศสออกไปก่อน แล้วปฏิบัติภารกิจที่อยู่ตรงหน้าตามความสำคัญ 3. หยุดทุกสิ่งรอบตัว...แล้วอยู่คนเดียวบ้าง หาเวลาอยู่คนเดียวบ้าง อาจจะเป็นวันหยุด ไม่ต้องมีแผนอะไร ไม่มีตาราง ไม่แชท ไม่คุยโทรศัพท์ ไม่สื่อสารกับโลกภายนอกสักวัน หาอะไรทำอย่างที่อยากจะทำจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำ ไม่ต้อง ฝืน จะนอนมองหน้าต่างแล้วเคลิ้มหลับไป หรือเปิดเพลงที่อยากจะฟัง จะทาเล็บหรืออ่านจดหมายรักเก่าๆ ใช้เวลาว่างให้เปล่าประโยชน์ซะบ้างก็ไม่ใช่เรื่องปราศจากสาระ 4. อยู่กับครอบครัว แม้ที่บ้านคุณจะโหวกเหวก ทั้งลูกทั้งหลานจะส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวตลอดเวลา แต่นั่นล่ะคือการเติมพลังให้ชีวิตอีกด้านหนึ่ง เพราะครอบครัวคือความอบอุ่นที่ไม่ต้องมีจริตไม่ต้องยึดติดภาพลักษณ์ อยู่บ้านจะหัวเป็นเพิ้ง กินแล้วนอน คนในครอบครัวก็รับคุณได้ อยู่บ้านแล้วลองนึกย้อนกลับไปถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณเคยทำในวัยเด็กซึ่งเนิ่นนานแล้วที่คุณร้างรากลิ่นและรสเดิมๆ นั้น จำได้ไหม ที่กินน้ำอัดลมแล้วชอบเอาบ๊วยหรือลูกอมใส่ลงไป เพราะเชื่อว่าทำให้มีหลายรสชาติ หรือไม่ก็ลองเปิดหนังผีแล้วเรียกเด็กๆ มานั่งหน้าทีวี ชวนกันคลุมโปง เช้าวันเสาร์-อาทิตย์ ต้องกินบะหมี่ป๊อกหรือส้มตำไก่ย่างที่เข็นมาขายหน้าบ้าน แล้วอย่าลืมเปิดละครจักรๆ วงศ์ๆ หรือไม่ก็การ์ตูนช่องโปรด 5. เงินเดือนน้อยลง....สุขมากขึ้น สุดท้ายแล้วชีวิตที่สุขมากขึ้นกลับไม่ต้องการอะไรเลย เพียงแค่มีเวลาให้ชีวิตและได้ทำในสิ่งที่รัก วัตถุไม่ใช่คำตอบของชีวิตเสมอไป เท่าที่ผ่านมา หากคุณมีเงินเดือนมากมายแต่กลับไม่มีเงินเก็บในธนาคาร ด้วยค่าใช้จ่ายมากมายบนบ่า ค่าบัตรเครดิต ค่ารถ ค่าบ้าน ค่าสาธารณูปโภค ภาษีสังคม ค่าของแบรนด์เนม ค่าอุปกรณ์นวัตกรรมแห่งยุคอีกมากมาย และอื่นๆ จิปาถะ ลด ละ เลิก ในสิ่งที่ไม่จำเป็น ชีวิตจะเบาสบายและเหนื่อยน้อยลงด้วยความที่ไม่ต้องวิ่งตามกระแสสังคมที่เชี่ยวกราก ชนิดที่วิ่งตามไม่ทัน แต่ต้องขึ้นเครื่องบินโลว์คอสต์ตามกันแล้ว ค้นหาตัวเอง หาสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข แม้ไม่รวย ไม่มีตำแหน่ง เบรกกระแสรอบข้างไว้ แล้วฟังเสียงหัวใจของคุณบ้าง 6. เหลียวมองข้างทางบ้าง ถ้าวันนี้ไม่มีอะไรเร่งด่วนถึงขั้นถ้าไปเลทนิดๆ แล้วดวงดาวจะสะเทือน เจอดอกไม้งามๆ ลองชะลอรถให้ได้เห็นความงามของดอกไม้ได้ชัดๆ เป็นบุญตาบ้างก็ดี 7. ซื้อของส่วนรวม ซื้อเสื้อขาว ถุงเท้าขาว กางเกงกีฬา หรือหมวกแก๊ป ที่สามารถแชร์กับคนอื่นในครอบครัวได้ หรือคุณอาจจะไม่ซื้อแค่สบู่ที่คุณชอบคนเดียว แต่เป็นกลิ่นยอดนิยมที่ทุกคนในบ้านใช้ได้ เป็นเหมือนการแบ่งปันทางอ้อม น่ารักดีออก ถ้าคุณบอกกับเพื่อนสาวเมื่อถึงคราวที่หล่อนต้องใช้อะไรสักอย่าง แล้วคุณบอกเธอว่าไม่ต้องซื้อ ใช้ของฉันก็ได้แก ได้ใจเพื่อนสาวโข 8. ทำอาหารจากของเหลือในตู้เย็น อันนี้ตำราเซนว่าไว้เชียวว่า อาหารมื้อที่หรูเลิศที่สุดคืออาหารที่ใช้วัตถุดิบเท่าที่มีอยู่มาประกอบเป็นอาหารที่อร่อยลิ้น ประหยัด สร้างสรรค์ มื้อเย็นนี้ลองคิดว่าจะทำอะไรจากของในตู้เย็นได้ บ้าง แทนที่จะคิดว่าจะกินอะไรแล้วก็แล่นเข้าซูเปอร์มาร์เกตเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา 9. เอ่ยคำขอบคุณจากหัวใจ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่คนอื่นทำให้ แต่ถ้าคุณพิจารณาดีๆ แล้ว นี่คือสิ่งยิ่งใหญ่ที่มนุษย์พึงหยิบยื่นให้แก่กัน คราวหน้าลงจากรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างลองขอบคุณคนขับจากหัวใจ หรือซื้อของจากแม่ค้าแล้วยิ้มให้จากใจสักทีคุณจะมีความสุขขึ้นหนึ่งอึดใจ 10. ลองปลูกต้นไม้ด้วยมือของคุณบ้าง การปลูกต้นไม้จะทำให้จิตใจคุณ ละเอียดลออขึ้น อดทนขึ้น เป็นการใส่ใจกับสรรพสิ่งเล็กๆ ใส่ใจให้เขาได้เติบโต ค่อยๆ ทะนุถนอมดูแล เพื่อรอวันเก็บเกี่ยว 11. อยู่กับสิ่งสวยงาม อยู่กับบ้านแทนที่จะดูแต่ทีวี เล่นอินเทอร์เน็ต มีสิ่งรื่นรมย์อื่นๆ อีกมากที่รอให้คุณทำ คุยกับนกกับปลา ฟังเพลง เย็บปักถักร้อย ดูพระอาทิตย์ตก จิบชาชิลล์ๆ มาสค์หน้า วาดรูป ฯลฯ เป็นการชา ร์จแบตให้ชีวิต แล้วความสุขของคุณก็จะแผ่กระจายสู่คนอื่นด้วยตัวมันเอง 12. มีเพื่อนน้อยคนแต่มากความจริงใจ บางคนอาจมีเสน่ห์ต่อคนรอบข้าง มีเพื่อนรายล้อม ทว่าจะมีสักกี่คนที่เป็นเพื่อนแท้ ร้องไห้กับปัญหาของคุณ หัวเราะกับความสุขของคุณ และช่วยกันคิดหัวแตกยามคุณวิตกจริต คุณอาจจะคิดว่าการมีเพื่อนเยอะคือการเข้าสังคม เป็นดัชนีชี้วัดความเหงาและโดดเดี่ยว แต่ถ้าคุณเพียงแค่เฮฮา สนุกสนานไปวันๆ จนหมดพลังชีวิต คุณอาจต้องเหนื่อยมากขึ้น เพราะต้องใส่ใจความรู้สึกคนรอบข้างทั้งซ้ายขวาหน้าหลังเต็มไปหมด เพื่อนเยอะดูจะมีแต่ปริมาณแต่ไร้ซึ่งคุณภาพซะแล้ว ใส่ใจแค่คนที่คุณรักและรักคุณ ตีคำจำกัดความเป็นเพื่อนและจำนวนให้แคบลง ชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะ 13. ตามใจคนอื่นบ้าง อืมม ได้สิ ไงก็ได้จ้ะ เอาเลยๆ ถ้อยคำเหล่านี้นอกจากคุณสบายใจแล้ว คนอื่นก็สบายใจที่จะได้ยินด้วย ถ้านัดเพื่อนหรือแฟนแล้วเขาไม่อยากจะไป ชักขี้เกียจหรือเพียงแค่แดดร้อนก็ล้มเลิกแผน นั้นซะ เคยต้องทำอะไรวันไหนตามตาราง ลองไม่ทำดูก็ไม่เห็นเป็นไร เป็นการสปอยล์ทั้งคนอื่นและตัวเองให้เบาบางจากภารกิจได้ดี 14. โละสัมภาระ ลองจัดห้องบ่อยๆ ทิ้งอะไรต่อมิอะไรที่รกหูรกตาออกไป 2 สัปดาห์ครั้ง เดือนละครั้งก็ยังดี ยิ่งทำบ่อย ทำแต่ละครั้งก็จะยิ่งไม่เหนื่อย อะไรไม่จำเป็นก็ทิ้ง หรือให้คนที่เขาขาดแคลน ชีวิตคุณจะเบาสบาย เมื่อใช้อะไรๆ ให้อเนกประสงค์ |
LiTa Long Time Can't See
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] เป็นพนักงานบริษัทเอกชน มาถึง 12 ปี กำลังจะพยายาม เปลียนมาเป็น "เจ้านายตัวเอง" หรืออีกนัยหนี่งคือ "ลูกจ้างตัวเอง" ณ. เวลาขณะนี้ (01-06-09) การเดินทางครั้งใหม่ กับเส้นทางใหม่ ๆ ที่เลือกเอง มาถึงแล้ว จากที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ กำลังจะนับ 1.2..3...4.... ไปเรื่อย ๆ แล้ว " การเปลียนแปลงย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่า ณ เวลานั้นเรามีสติพร้อมที่ยอมรับ และจัดการกับการเปลียนแปลงนั้นได้มากขนาดใหน" Friends Blog
Link
|