My Life; My Destiny.
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
25 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
Paris (2) : How to apply for Schengen Visa

ประกาศ : เนื่องด้วยเมื่อครั้งแรกที่ทำการ Update Blog นี้ เราเพิ่งเริ่มฝึกหัดทำ Blog ซึ่งตอนนั้นยังใส่รูปไม่ค่อยเป็นค่ะ

1 ปีผ่านไป เริ่มจะชำนาญการใส่รูป เลยว่าจะรื้อ Blog เก่า ๆ ออกมาใส่รูปให้มากขึ้น พร้อมทั้งปรับปรุงข้อความบางส่วน สำหรับคนที่เคยอ่านแล้ว ก็ผ่านไปเลยนะคะ


พอตกลงกันได้ว่าจะไปฝรั่งเศส เราก็รีบจัดแจงหาข้อมูลการขอวีซ่าทันที กะเอาไว้ว่า ถ้าได้วีซ่ามาแล้วนายจอมยุ่งต้องไม่เปลี่ยนใจแน่นอน ทราบอยู่แล้วว่าต้องขอวีซ่าเชงเก้น ใจก็เสียว ๆ อยู่ เพราะเห็นเวลาเข้ามาอ่านเว็บบอร์ดที่ไร เพื่อน ๆ บอกว่า ขอยากจัง ก็เลยหวั่น ๆ ว่าจะไม่ได้วีซ่าตั้งแต่ยังไม่ได้ลงมือกรอกใบสมัครเลยค่ะ

ข้อมูลเล็ก ๆ นะคะ คำว่า “เชงเก้น (Schengen) มีถิ่นกำเนิดมาจากเมืองเล็ก ๆ ในประเทศลักซิมเบิร์กค่ะ ในเดือนมิถุนายน ปี 1985 ประเทศต่าง ๆ ในสหภาพยุโรปรวมทั้งสิ้น 7 ประเทศ ได้เซ็นสัญญายกเลิกจุดตรวจที่พรมแดนค่ะ ปัจจุบันนี้ กลุ่มสมาชิกเชงเก้น มีทั้งหมด 15 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรีย เบลเยี่ยม เดนมาร์ก ลักซิมเบิร์ก ไอซ์แลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปรตุเกส ฟินแลนด์ กรีก ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน และสวีเดน ค่ะ

ข้อดีของการขอวีซ่าจากประเทศฝรั่งเศส คือ ในประเทศสหรัฐนี้ สถานทูตฝรั่งเศส อนุญาตให้ขอวีซ่าผ่านไปรษณีย์ได้ ในขณะที่อีกหลาย ๆ ประเทศในกลุ่งเชงเก้น ไม่ยอมให้ทำแบบนั้น เราสองคนขี้เกียจลากสังขาร ไปชิคาโกอยู่แล้ว ก็เลยสะดวกไปค่ะ สุดสัปดาห์นั้น อีเมียลงทุนรวบรวมเอกสารต่าง ๆ ที่ต้องส่งเข้าไปกับไปสมัคร รวมทั้งนั่งพิมพ์จดหมายเพ้อเจ้อสุด ๆ (นึกแล้วก็เห็นใจกงศุล พี่แกคงต้องนึกแน่ ๆ ว่า อีนี่ ตอแหลจริง ๆ)

เราตัดบทแจ้งกงศุลไปเลยว่า สามีจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด เนื่องจาก สามีรายได้เยอะกว่าเราเป็นหลายเท่า ดังนั้น เอกสารส่วนใหญ่จึงเป็นเอกสารของนายจอมยุ่ง
โดยที่คุณสามีไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย เมียสุดที่รักจัดหาเองหมด ปลอมลายเซ็นเค้าอีกต่างหาก (ใกล้คุกเข้าไปอีก !)

เอกสารที่ยื่นไปมีดังนี้ค่ะ
1. หนังสือเดินทาง + กรีนการ์ด (ตัวจริง)
2. รูปถ่าย 2x2 พื้นขาว
3. สำเนาหนังสือเดินทางของสามี
4. สำเนาใบทะเบียนสมรส
5. ใบรับรองการทำงานของสามี
6. ใบเงินเดือน (Pay slip)
7. สำเนาบัตรประกันสุขภาพ
8. ตั๋วเครื่องบิน
9. ใบจองโรงแรม

เรื่องบัตรประกันสุขภาพเนี่ย ความจริงแล้ว สถานทูตเค้าให้ยื่นใบประกันการเดินทาง (Travel Insurance) หรือไม่งั้นก็ให้ยื่นเอกสารรับรองจากบริษัทประกันว่า เราได้รับการคุ้มครองในต่างประเทศด้วย เราก็จัดแจงโทรไปถามที่บริษัทประกันของเรา ได้การว่า แพลนของเราคุ้มครองในต่างประเทศ

แต่พอถามพนักงานว่า ช่วยแฟ็กซ์ใบรับรองมาให้หน่อยได้หรือเปล่า แต่คุณเธอบอกว่า “ไม่ได้ค่ะ จะส่งไปทางไปรษณีย์ให้ ภายใน 7-10 วัน“ ขอโทษนะคะ ทุกวันนี้ยังไม่ได้เลย เราเลยบอกว่า รอไม่ได้หรอก เพราะจริง ๆ แล้วบ่ายวันนั้นต้องเอาเอกสารไปส่ง

คิดหนักวุ้ย ทำไงดีว่ะ เมื่อคิดไม่ตกจึงตัดสินใจถ่ายเอกสารบัตรประกันไปให้มันเลย แล้วเขียนข้อความแนบไปว่า เราโทรไปเช็คกับบริษัทประกันมาแล้ว เค้าบอกว่าโอเค ถ้ากงศุลสงสัย จะโทรไปเช็คอีกก็ได้ ตามสะดวก ฮ่า ฮ่า คือ มันไม่รู้จะไปหาอีใบรับรองจากที่ไหนนี่ค่ะ

เมื่อเตรียมเอกสารเรียบร้อย ก็ลากสังขารไปที่ไปรษณีย์ค่ะ ไม่ค่อยชอบไปเลย อีไปรษณีย์เมืองนี้นะ หน้าตาไม่รับแขกเลยซักกะคน มีโอกาศไปเยีอนที่ไร มีความรู้สึกว่าจะโดนกินตับทุกที คราวนี้ก็ไม่พลาดค่ะ ไอ้เราก็เดินเข้าไปแบบมั่นใจมาก ๆ เตรียมเอกสารใส่ซอง ลงที่อยู่ไว้อย่างดี แต่ยังไม่ได้ปิดผนึก ต่อแถวได้ซักพัก ก็ถึงคิวเรา เดินไปถึงเค้าน์เตอร์ปั๊ป ก็ฟุดฟิดฟอไฟ ส่งภาษาให้อีเวรนี่ฟังว่า เราต้องการอะไร ระหว่างที่เราอธิบาย อีนี่ก็กรอกตาไปมา แถมสั่นหัวอีกต่างหาก เห็นแล้วก็นึกอยากจะตบให้ลูกกะตาร่วงซักที เรื่องของเรื่องก็แค่ว่า เราต้องส่งเป็น Express Flat Rate แค่นั้นเอง แทนที่จะเป็นส่งด้วยซองธรรมดา ก็ต้องใช้ซองพิเศษของไปรษณีย์ อีนรกนี่ ทำยังกะชั้นทำอะไรผิดกฎหมาย

สุดท้ายก็จัดการส่งออกไปได้ เสียค่าส่งเที่ยวละ $14.40 เพราะเราต้องซื้อซองจ่าหน้าตัวเอง สำหรับให้สถานทูตส่งพาสปอร์ตกลับมาด้วย ทางไปรษณีย์รับประกันว่า จะจัดส่งให้ภายในเที่ยงวันรุ่งขึ้น ส่งไปวันจันทร์บ่าย แล้วก็กลับมานั่งลุ้นอยู่ที่บ้าน สามีถามว่า เป็นอะไรตื่นเต้นเหลือเกิน นั่งไม่ติดเก้าอี้ ฝรั่งงง !

วันพฤหัสแต่เช้าาาาาาาาาาา ไปรษณีย์หนุ่มสุดหล่อ ก็จอดรถไว้หน้าบ้านเรา นายจอมยุ่งจอมขี้เกียจนั่งดื่มกาแฟอยู่ใกล้ ๆ ประตูเลยนะ แต่ดั้นนนนนน ตะโกนเรียกให้เราไปเปิดประตู กูจะบ้าตาย เดินออกไปรับจดหมาย ใจเต้นตุ้บ ๆ พี่ไปรษณีย์ก็ยังอุตส่าห์บริหารความหล่อแต่เช้าอีกนะ มาทำเล่นหูเล่นตากับกระเหรี่ยงอย่างเรา เดี๋ยวชั้นก็เล่นด้วยจริง ๆ หรอก ยิ่งหล่อ ๆ แบบนั้นอยู่ ติดแต่พระสวามีนั่งจ้องอยู่นี่ดิ วัยรุ่นเซ็งเลย กลับเข้ามาในบ้านสามีไม่สนใจถามเรื่องวีซ่า แต่ถามแม่งอยู่นั่นแหละว่าคุยอะไรกับบุรุษไปรษณีย์

สถานทูตส่งใบเงินเดือนกลับมาให้ พร้อมกับกระดาษ 1 แผ่น ยังไม่ทันอ่านใจก็แป้วไปนิดหน่อย นึกว่าจดหมายปฎิเสธ ปรากฎว่า เป็นใบเสร็จรับเงินค่ะ เปิดพาสปอร์ตออกมาดู อิ อิ ได้มาแล้วจ้าาาาา วีซ่าเชงเก้น ! ได้มาง่ายดายมาก ไม่ได้สัมภาษณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น ติดตามตอนต่อไปนะคะ






Create Date : 25 พฤษภาคม 2550
Last Update : 25 พฤษภาคม 2550 5:40:18 น. 1 comments
Counter : 436 Pageviews.

 
เข้ามาเยี่ยมค่ะ แต่บอกจริงๆ นะคะ อย่าโกรธนะคะ ตัวหนังสือบน blog อ่านยากมากๆค่ะคุณ Lilac Girl
คือ fonts สวยมาก แต่อ่านยากไปนิดหนึ่งค่ะ

แต่ด้วยความอยากรู้ว่า Visa เป็นไง ก็เลยอ่านค่ะ

ขอบคุณที่เล่าเรื่องดีๆ ให้อ่านค่ะ


โดย: smo วันที่: 25 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:58:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lilac Girl
Location :
The Land of 10,000 Lakes United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม Blog ของเรานะคะ มีอะไรแนะนำจะให้เขียน รบกวนเขียนฝากไว้ด้วยค่ะ

Disclaimer: ทุกข้อความใน Blog นี้ เราเขียนเรื่องจากประสบการณ์เท่านั้น ไม่มีเจตนาว่าร้ายใคร และหากเรื่องที่เขียนไปกระทบใจใคร ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ส่วนข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้ไว้ ก็เป็นเพียงข้อมูลจากประสบการณ์จริงเท่านั้นค่ะ

***ประกาศ : ท่านที่นำเนื้อหาในบล็อคของเราไปแปะไว้ในเว็ปอื่น ยินดีอย่างยิ่งค่ะ ที่ช่วยกันเปิดเผยข้อมูล แต่ขอความกรุณาซักนิด แจ้งให้เราทราบด้วยนะคะ ให้เครดิตคนเขียนกันบ้างค่ะ ***

New Comments
Friends' blogs
[Add Lilac Girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.