พฤศจิกายน 2553

 
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
ชีวิตคือการเดินทาง...งานนี้ก็เข้าทางชั้นแล้วล่ะ
ถูกแล้วค่ะ ชีวิตของผู้สื่อข่าวไม่ว่าจะหนังสือพิมพ์ หรือโทรทัศน์ หรือสาขาอะไรก็แล้วแต่ สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ "การเดินทาง" ไม่ว่าจะทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ มีครบหมด แถมบางทริปครบทุกระบบเลยทีเดียว ดังนั้นหากใครเมารถ เมาเรือ หรือเกลียดการเดินทางนี่อย่าได้คิดมาเป็นนักข่าวเพราะคุณจะเซ็งมาก เพราะบางครั้งคุณอาจได้รับ "คำสั่ง" จากหัวหน้าให้ไปนั่นไปนี่โดยที่คุณเองไม่รู้ตัว ไม่รู้แม้กระทั่งว่าไปค้างที่ไหนเพราะมีคนพาไป กำหนดการก็รู้คร่าวๆในกรณีที่กำหนดการมันเร่งด่วนจริงๆ มีหลายคนที่ภายใน 1 สัปดาห์เราต้องเดินทางไปสามสี่จังหวัด เช่น จันทร์ไปหาดใหญ่ค้าง 1 คืน กลับมากรุงเทพทำงานต่อ วันพุธไปเชียงรายค้างสองคืน กลับมากรุงเทพ เสาร์ไปสุราษฯ อย่างนี้เป็นต้้น เรียกว่าไม่มีเวลาจัดกระเป๋ากันเลยทีเดียว ดังนั้นเราเลยชินกับการเดินทางแบบปุ๊บปั่บ จัดประเป๋า (แต่ก็มีหลงๆลืมๆบ้าง ตามประสาคนขี้ลืม) ดังนั้นเวลาเพือนโทรมามันจะถามก่อนว่า วันนี้แกอยู่ไหน เพราะวันนี้ยังอยู่กทม. ตอนเช้าโทรมาเราอาจตื่นเช้าที่เชียงใหม่ก็ได้ ไม่แน่ไม่นอน

ดังนั้น ชีวิตนักข่าวอย่างเราเลยกลายเป็นแม่นกขมิ้น กินง่ายอยู่ง่าย พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงของงานตลอดเวลา แต่คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าบรรดาผู้ประกาศหน้านวลทั้งหลายคือนักข่าวมีชีวิตหรูๆ สบายและสวยงาม เราว่าผู้ประกาศ (ที่ไม่ไม่ได้มีหน้าที่ต้องหาข่าวเอง สัมภาษณ์ลงสนามเองไม่ชื่อนักข่าวในความหมายของเราค่ะ แต่เป็นผู้ประกาศข่าว) และเด็กรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่คิดว่าอยากเป็นนักข่าว (ในความหมายของเด็กๆคือผู้ประกาศ) เพราะได้มีโอกาสทางสังคม ได้เข้าสู่วงการบันเทิง (ว่าไปนั่น) มีเด็กฝึกงานกับเราจำนวนไม่น้อย ที่เราถามว่าทำไมถึงมาเรียนสาขานี้ น้องบอกไม่คิดว่า อยากเป็นดารา และผู้ประกาศ เราก็บอกว่าหากอยากเป็น แล้วเตรียมตัวยังไงบ้าง (น้องหน้าตาดีมาก) น้องบอกว่าก็จะไปแคสติ้ง สมัครเป็นผู้ประกาศ หลังเรียนจบว่าจะไปทำจมูก ทำตาใหม่ เราเลยถามต่อว่า อ้าวไม่ไปสอบผู้ประกาศเหรอ น้องบอกว่ายังไม่คิด ขอสวยก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน มันก็ถูกของน้องส่วนหนึ่ง เพราะผู้ประกาศที่เห็นๆนี่ก็มีแต่สวยๆ ยิ่งประเภทเล่าข่าวนี่ยิ่งเยอะ แต่ตัวจริงแทบไม่มี บางทีอ่านไปเล่าไปแต่ไม่เข้าใจสิ่งที่ตนเองนำเสนอก็มี (เพราะอ่านอย่างเดียวไม่ได้หาข้อมูลเอง) ที่สำคัญน้องคนนั้นพูด เขียน ภาษาไทยยังไม่แตกเล้ย เคยให้เขียนข่าวให้เราตรวจสะกดคำถูกนับคำได้ เข้าใจว่าติดภาษาแชทมาเยอะ เลยเอามาเขียนในภาษาข่าว เอากับเธอสิ

สมัยทำข่าวใหม่ๆ มีพี่ที่รู้จักกันชวนไปทำข่าวทีวี เพราะตอนนั้นนักข่าวช่องนั้นขาดนักข่าวภาคสนาม เราปฏิเสธแทบไม่ต้องคิด เพราะเราไม่ชอบการทำงานเป็นทีมทั้งช่างภาพ ผู้ช่วย ตัดต่อ อีกเยอะแยะดูไม่อิสระ และเรารักงานหนังสือพิมพ์มากกว่า พี่เค้าก็ชวนอีกสองสามครั้ง เห็นว่าเราไม่เอาแน่ๆเลยไปทาบทามคนอื่นแทน ถามว่าเสียดายมั้ยก็ไม่ได้เสียดาย เพราะจุดมุ่งหมายของเราคือการเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์และเราก็มีความสุขกับตรงนี้แล้ว

อย่่างที่บอกแหละว่าชีวิตการเดินทางกับการเป็นนักข่าวเป็นของคู่กัน ไม่ใช่แค่ในประเทศนะคะ วันดีคืนดีคุณก็อาจได้นับคำสั่งให้เดินทางไปต่างประเทศ ชนิดที่ว่าไม่ได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้ากันเลยทีเดียว เช่น

หัวหน้า .... โหลๆ อยู่ไหนเนี่ย
เรา..... กำลังกลับบ้านค่ะพี่
หัวหน้า ... ดีแล้ว กลับถึงบ้านแล้วส่งสำเนาพาสปอร์ตไปให้...ด้วยนะทางเมล
เรา... มีอะไรเหรอพี่
หัวหน้า ... พี่จะให้เราไปสิงคโปร์ ทำข่าว Apec เดินทางพุธนี้
เรา .... (อ้าปากค้าง 10 วินาทีเพราะวันนี้วันจันทร์)
หัวหน้า ... พาสปอร์ตยังไม่หมดอายุใช่มั้ย
เรา... ยังค่ะเหลือเกิน 6 เดือน
หัวหน้า... ดีแล้ว แค่นี้แหละ อ่อ โทรไปถามรายละเอียดตามเบอร์นี้นะ.... แค่นี้แหละ
เรา...ค่ะ พี่ (มึนตึ๊บ)

จากนั้นอิชั้นก็ต้องสแกนพาสปอร์ตจัดส่งเมลไปให้หน่วยงานที่จะพาเราไปทำข่าว Apec ที่ว่าพร้อมกับโทรไปยืนยันการเดินทาง และสอบถามตารางการเดินทางและการทำงานว่าไปไหนบ้าง ทำอะไรบ้าง ต้องเตรียมชุดอะไร เพื่อนโอกาสอะไรไปบ้างจะได้ถูกต้องตามกาลเทศะว่างั้น กระทั่งถึงวันเดินทางก็ต้องโทรไปสอบถามว่าเจอกันที่ไหน กี่โมงเพื่อความชัวร์ไม่ใช่ปล่อยให้คนอื่นรอ แล้วทำให้ทุกอยากขลุกขลัก โดยใช่เหตุ ^_^

นี่แหละค่ะตัวอย่างเล็กๆน้อยของการทำงานของเรา ว่าไปมันก็สนุก ไม่ซ้ำซากจำเจ แต่ต้องไม่เบื่อกับการจัดกระป๋าเดินทาง (แบบฉุกละหุก) แต่ระหว่างการทำข่าวนั้นก็ใช่ว่าจะมุ่งทำแต่งานจนเครียดลงตับ เพราะหากมีเวลาว่างกันน้อยนิดเราก็มักจะชะแว้บไปดูนั่นดูนี่ตามประสาคนอยู่ไม่สุข อย่างตอนไปสิงคโปร์ล่าสุด ทางเจ้าภาพสิงคโปร์แจกบัตรกำนัลให้นักข่าวจากทั่วโลกไปเที่ยวตามโปรแกรมทัวร์ชมเมือง ด้วยความที่รัฐมนตรีที่เราไปด้วยบ้าพลัง ไม่ยอมปล่อยให้นักข่าวสาวสวยอย่างเราคลาดสายตา (อยากเป็นข่าวทุกระยะว่างั้น) จะกระดิกไปไหนก็ให้คนไปตาม แทบบ้า จนกระทั่งวันสุดท้ายจะกลับตอนเย็นเรายังไม่ได้ใช้ตั๋วเที่ยวฟรี ไม่ได้ๆ จะเสียสิทธิ์ไม่ได้ ว่าแล้วเรากับพี่อีกฉบับหนึ่งก็สุมหัวกันไปหนีไปเที่ยวกันเองสบายใจเฉิบ ไม่งั้นทริปนั้นคงมีแต่ห้องประชุมกับห้องเพรส เป็นแน่แท้เสียดายว่ารูปทริปนั้นหายไปพร้อมกับไวรัสที่ลงเครื่องเซ็งเลยล่ะ

หรือจะเป็นทริปไปร่วมเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์กรุงเทพ-อิสลามมาบัด ปากีสถาน เป็นทริปที่ประทับใจมาก เป็นครั้งแรกที่ได้ไปประเทศแถบนั้น ไม่เคยคิดว่าจะได้ไป แต่เราก็ไม่กล้าทำซ่าออกไปเที่ยวคนเดียวเพราะพี่ทหาร พี่ตำรวจอาวุธครบมือ (สงครามซะด้วย) อยู่ทั่วโรงแรมและทุกที่ที่ไป อย่างมากทริปนี้เราเลยได้แค่เดินไปถ่ายรูปเล่นที่สวนสาธารณะใกล้โรงแรมนอกนั้นขอตามตูดเจ้าหน้าที่ทีนู่นปลอดภัยที่ซู้ด

เราคิดว่าทุกประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตของเราจากการทำหน้าที่ตรงนี้ มันเป็นเหมือนกำไรชีวิตของเราค่ะ เราคิดว่าชีวิตนี้เราพอแล้ว ที่เหลือคือกำไรทั้งนั้น บางคนอาจบอกว่าแค่นี้เองไม่เห็นมีอะไรพิเศษ ก็แล้วแต่ใครจะมอง แต่สำหรับเรามันยิ่งใหญ่นะ เพราะเราไม่ได้คิดฝันขนาดนั้น แต่มาถึงวันนี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ส่วนอนาคนจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ให้มันเป็นไป ^_^





Create Date : 01 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2553 22:23:16 น.
Counter : 328 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

loveTRAVEL1977
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เป็นคนชอบเดินทางและท่องเที่ยว ว่างๆก็อ่านหนังสือ มีความหวัง มีความฝัน และต้องอยู่อย่างมีความหมายบนโลกนี้