เที่ยวชัยภูมิ เยือนดินแดนทุ่งดอกกระเจียว ณ ป่าหินงาม

สวัสดีค่ะ ไปเที่ยวชัยภูมิดินแดนแห่งดอกกระเจียวมาเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เองค่ะ มีแต่เพื่อนๆ ถามว่าหน้าฝนไปเที่ยวที่ไหนดี ที่นี่คือคำตอบที่ถูกต้องสำหรับแหล่งท่องเที่ยวสำหรับหน้าฝนแบบนี้ค่ะ ก่อนจะเริ่มพาเที่ยวในทริปนี้ ต้องขอเกริ่นก่อนว่าเป็นทริปแค่เพียง 2 วัน ไปเสาร์และกลับอาทิตย์ ค้าง 1 คืนเท่านั้น ใกล้กรุงเทพมากๆ ค่ะ เดินทางเหมือนระยะทางกรุงเทพฯ หัวหินเลยล่ะ และในครั้งนี้เราเลือกไปเที่ยวที่อำเภอเทพสถิตย์ ซึ่งเป็นอำเภอที่ติดกับจังหวัดลพบุรี จึงถือว่าเป็นอำเภอหน้าด่านของชัยภูมิค่ะ จุดมุ่งหมายของเราคืออุทยานแห่งชาติป่าหินงามและ พวกเราได้จองที่พักที่ไร่ภูเทพพิมานไว้ล่วงหน้า ขอย้ำว่าเป็นทริปที่ราคาไม่แพงเลยค่ะ (ถ้าไม่รวมค่าน้ำมันรถยนต์ที่พาเราไปถึงที่หมายนะคะ ฮิฮิ) จากกรุงเทพฯ แวะทานอาหารเช้าเป็นข้าวแกงง่ายๆ กันที่วังน้อย ชื่อร้านข้าวแกงบ้านสวนค่ะ ที่นี่มีของอร่อยที่น่าสนใจคือเค๊กนมสด พอชิมแล้วมีอันต้องซื้อมาเป็นเสบียงของพวกเราจนได้ ก็เพราะความอร่อยนั่นเองค่ะ จากนั้นเราก็วิ่งตรงไปทางสระบุรี เข้าลพบุรี และวิ่งตรงเข้าอำเภอเทพสถิตย์ตามแผนของเราคือเที่ยวน้ำตกก่อน มีทั้งน้ำตกเทพประทานและน้ำตกเทพพนา และพวกเราก็มุ่งตรงไปยังจุดแรกคือน้ำตกเทพพนา ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติป่าหินงามค่ะ
น้ำตกเทพพนาเป็นน้ำตกขนาดกลาง สามารถลงเล่นน้ำได้ตามสบายเลยค่ะ




อีกมุมกับที่น้ำตกเทพพนาค่ะ เห็นเด็กๆ ยืนในรูปไหมคะ นั่นแหละน้ำไม่ลึกเลยค่ะ



ออกจากน้ำตกเทพพนา ระหว่างทางครื้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ๆ ร่มรื่นดีค่ะ



หน้าทางเข้าน้ำตกก็มีวิวลำธารสวยๆ น่าลงเล่นซะจริงๆเลย



จริงๆ แล้วเราว่าจะไปอีกที่คือน้ำตกเทพประทานแต่ปรากฏว่าแล่นผ่านมาไกลซะแล้ว คือว่าเปลืองน้ำมันอ่ะค่ะ เลยตัดสินใจไปต่อที่ชุมชนบ้านดินกันเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมาน่ะค่ะ

และนี่ก็คือบ้านที่ทำมาจากดิน ซึ่งทำมาจากดินลูกรังผสมกับน้ำมันพืชประมาณนี่แหละค่ะ


บ้านดินอีกหลังซึ่งยังไม่ได้ทาสีน่ะค่ะ ลองเดินเข้าไปแล้วข้างในบ้านเย็นดีจริงๆ ค่ะ



สวนครัวข้างๆ บ้านที่บ้านดินค่ะ ปลูกผักไว้ทานเองเยอะแยะหลายชนิดจังเลย



จากบ้านดิน เดินต่ออีกนิดก็เป็นหน้าผามีวิวสวยๆ ให้ถ่ายรูปด้วยค่ะ



เจอน้องมดต่างก็เดินเท้ากันไปอย่างพร้อมเพรียง



ดอกไม้ป่าสวยๆ ดอกเล็กๆ เลยขอเก็บภาพมาให้ชมค่ะ



จากบ้านดินก็เลยตรงเข้าพักที่ไร่เพื่อไปนั่งคุยสัพเพเหระกับเพื่อนๆ กันก่อนดีกว่า คืนนี้เราพักที่ไร่ภูเทพพิมานค่ะ เป็นบ้านปีกไม้ มีห้องน้ำและน้ำอุ่นในตัว บ้านหลังหนึ่งนอนได้ 5 คนค่ะ ทางไร่เขาจะปูที่นอนพร้อมผ้านวมอุ่นๆ ไว้ให้ค่ะ เราจองที่พักไว้ล่วงหน้าเนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลการท่องเที่ยวทุ่งกระเจียวระหว่างเดือนมิถุนายน - สิงหาคม ของทุกปี ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ จะมาในช่วงเวลานี้ก็ต้องวางแผนล่วงหน้าหน่อยนะคะ สำหรับที่พักนี่รวมอาหารเย็นและอาหารเช้าให้ด้วยค่ะ คิดราคาหัวละ 800 บาท แต่เราจองไว้ที่งานท่องเที่ยวไทยเลยได้ลดเหลือคนละ 600 บาทค่ะ



เราพักหลังแรกเลยค่ะ ชื่อพิมาน1



ระเบียงหน้าห้องสำหรับนั่งเล่นเม้าส์กันในหมู่เพื่อนค่ะ




อากาศที่ไร่พอเริ่มใกล้ค่ำก็อุณหภูมิเย็นลงเรื่อยๆ ค่ะ ชอบจังเลย เหมือนไปเที่ยวหน้าหนาว ก่อนทานข้าวเย็นพาเดินเที่ยวในรีสอร์ทกันดีกว่าค่ะ บรรยากาศเหมือนเดินป่าแบบเบาๆ เลยค่ะ ต้นไม้ครึ้มไปหมด




พวกเราพากันเดินไปบนพรมสีเขียวขจีที่เต็มไปด้วยต้นมอสค่ะ



ซูมมาใกล้ๆ โอ้โห ต้นมอสนี่อยู่รวมๆ กันแล้วสวยจังเลย

n

เจ้าดอกไม้สีเหลืองนี่ก็บานเต็มไปหมด



กล้วยป่ากำลังออกเครืออยู่ในไร่ สวยดีแต่ทานไม่ได้ค่ะ



ดอกกระเจียวหรือดอกปทุมมาที่ไร่ภูเทพฯ ใหญ่ๆ มากเลยค่ะ เมื่อเทียบกับที่ป่าหินงาม สงสัยจะเป็นคนละพันธุ์กัน



พาเดินกันต่อค่ะ ที่ไร่ภูเทพพิมานมีต้นไม้ที่น่าสนใจเยอะมากค่ะ ถ้าใครเป็นคนรักต้นไม้อยู่แล้วรับรองน่าจะชอบบรรยากาศของที่นี่ค่ะ สำหรับเจ้าลูกสีเขียวๆ ลูกใหญ่ๆ นี่ก็คือมะนาวค่ะ ขอบอกว่ามันใหญ่มากส์ๆ



อันนี้มาเป็นพวง หน้าตาคุ้นๆ มองขึ้นไปเห็นเต็มต้นเลยค่ะ นั่นก็คือสะตอ นั่นเองจ้า



ผีเสื้อกำลังเพลิดเพลินกับดอกไม้งามเช่นกันค่ะ ที่ไร่ภูเทพฯมีผีเสื้อเยอะมากๆ ค่ะ เห็นว่ามีหลากหลายสีด้วย อย่างตัวนี้ก็เป็น 1 ตัวอย่างค่ะ



หลังจากเดินเล่นกันพอหอมปากหอมคอก็ได้เวลาไปทานอาหารเย็นที่จัดเตรียมไว้ให้ค่ะ เป็นบุปเฟ่ท์ ทานได้เท่าที่ใจอยากจะทานเลยค่ะ แนะนำว่าผัดเผ็ดหน่อไม้กับไก่ที่นี่อร่อยมากๆ ค่ะ หลังอาหารเย็นก็ได้เวลาพักผ่อนแล้วล่ะค่ะ เพื่อชาร์ตไฟเตรียมพร้อมสำหรับการลุยอุทยานแห่งชาติป่าหินงามในวันรุ่งขึ้นค่ะ

ตื่นเช้ารับวันใหม่อย่างสดใสพร้อมอาหารเช้าที่มีประโยชน์จากทางไร่ค่ะ คือเกาเหลาใบจินจู่ฉ่าย ซึ่งทางไร่ปลูกเองค่ะและแถมยังมีสรรพคุณช่วยฟอกเลือดทำให้เลือดลมไหลเวียนดีด้วยค่ะ ก็ทานกันไปคนละ 2 ชาม แหะ แหะ ไม่กลัวความอ้วนเลยค่ะ หลังจากอิ่มหนำสำราญใจกับอาหารเช้า เราทั้งหมดก็มีแรงเต็มร้อยพร้อมมุ่งหน้ายังอุทยานแห่งชาติป่าหินงามกันแล้วค่ะ มาถึงก็เจอบรรยากาศที่ปกคลุมไปด้วยหมอกอย่างหนา ตอนนั้นเป็นเวลา 8 โมงครึ่งค่ะ




ที่อุทยานฯ นักท่องเที่ยวเสียค่าเข้าอุทยานเพียงคนละ 20 บาท แล้วก็เสียค่ารถขึ้นอุทยานอีก 20 บาท ค่ะ นี่คือรถที่ให้บริการอยู่ค่ะ น่าจะเคยใช้ที่งานราชพฤกษ์ที่เชียงใหม่มาก่อนนะคะ



ก่อนอื่นต้องทำความรู้จักเส้นทางท่องเที่ยวในอุทยานกันก่อนนะคะ ทั้งหมดที่จะแวะมี 3 จุดค่ะ ได้แก่ผาสุดแผ่นดิน ตามด้วย ทุ่งดอกกระเจียว แล้วก็เป็นจุดสุดท้ายคือลานหินงามค่ะ สำหรับจุดแรกที่เราแวะคือผาสุดแผ่นดินกันก่อนค่ะ นี่เป็นเวลา 9 โมงเช้า กับบรรยากาศที่เหมือน 6 โมงเช้าเลยค่ะ



อีกรูปกับหน้าผาค่ะ เบื้องล่างเป็นอุทยานแห่งชาติซับลังกาอยู่ในเขตจังหวัดลพบุรีค่ะ



นั่งซึมซับธรรมชาติตรงผาสุดแผ่นดินกับเจ้าของบล๊อคค่ะ ฮิฮิ



ได้เวลาเดินกันต่อไปยังทุ่งดอกกระเจียวกันแล้วค่ะ ระหว่างทางเดินก็ทำให้เราไม่เบื่อเลยกับดอกไม้ป่าหลากหลายชนิดที่เบ่งบานรับหน้าฝนกันค่ะ



แมลงตัวน้อย กำลังไต่ตอมดอกไม้ป่าค่ะ



แมลงเต่าทองที่นี่ตัวใหญ่จังค่ะ



ต้นไม้ป่าพากันขึ้นอยู่บนหินก้อนใหญ่ เหมือนดังมีใครบางคนมาวางเอาไว้



ใยแมงมุมต้องแสงตะวันยามเช้า



เริ่มเดินมาถึงทุ่งดอกกระเจียว วีรกรรมครั้งนี้เราเดินแยกมาจากทางที่นักท่องเที่ยวทั่วไปเขาเดินกันส่วนใหญ่เขาจะไปทุ่งกระเจียว 1 ที่มีสะพานเดินให้ไม่ต้องลงไปลุยทุ่ง แต่เราก็เดินมาตามป้ายบอกทางดังกล่าวเช่นกันแต่เลือกไป "ทุ่งดอกกระเจียว 3" และนั่นก็คือภารกิจตลุยทุ่งกระเจียว3 ที่มาคิดได้ทีหลังว่าทำไมไม่ไปตามทางที่คนส่วนใหญ่เขาเดินกันหว่า



เราพบดอกกระเจียวน้อยกว่าเส้นทางทุ่งกระเจียว 1 ค่ะ แต่ก็ได้บรรยากาศที่ไม่เหมือนใครจริงๆ ฮิฮิ



แต่เดินมาเท่าไหร่ก็เห็นดอกกระเจียวไม่สพรั่งเท่ากับเส้นทางที่ 1 ก็เลยคิดได้และเดินย้อนกลับมายังเส้นทางที่ 1 ค่ะ และแล้วเราก็พบกับดอกกระเจียวมากมายบานรอรับพวกเราอยู่ค่ะ



โอ้โห สีชมพูเต็มทุ่งเลยค่ะ



นี่เป็นทางเดินที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมทุ่งได้อย่างสบายค่ะ



มีดอกกระเจียวมาฝากค่ะ



ขอขอบคุณธรรมชาติที่สรรค์สร้างดอกไม้งามๆ มาประดับป่าในหน้าฝนค่ะ และทำให้อุทยานแห่งนี้ไม่เหงาอีกต่อไป



และแล้วก็อำลาทุ่งกระเจียวไปยังจุดท่องเที่ยวสุดท้ายค่ะ ลานหินงาม โดยรถของทางอุทยานฯ ค่ะ



ป้ายบอกทางเดินไปยังหินรูปร่างต่างๆ



เริ่มกันที่หินรูปร่างแปลกตาก้อนแรกค่ะ เขาบอกว่าเป็นหินแม่ไก่



เดินต่อไปเพื่อไปยังหินช้างเอราวัณค่ะ ระหว่างทางเดิน ขอแวะชมความงามของธรรมชาติกันก่อนค่ะ เห็นหญ้าแปลกตาดูเหมือนกังหัน หรือกงจักรดีหว่า



และนี่ก็คือหินที่มีรูปร่างเหมือนช้างค่ะ ชื่อ หินช้างเอราวัณ



เดินลึกเข้ามาอีกก็จะเจอกับหินเรด้าร์



ระหว่างทางอย่าลืมเดินชมดอกไม้ป่าแปลกตาที่ขึ้นอยู่ตามซอกหินด้วยนะคะ อย่างเช่นเจ้าดอกสีส้มๆ ดอกนี้ สวยดีจังเลยค่ะ



ถัดมาอีกหน่อย มีน้ำตกเล็กๆ ให้เห็นอยู่ตลอดทางเดินค่ะ



และหินอีกก้อนที่อินเทรนด์ในขณะนี้ก็คือหินที่มีรูปร่างเหมือนถ้วยฟุตบอลโลกค่ะ



ระหว่างเดินกลับออกมาก็พบดอกไม้ป่าสวยๆ สีเหลืองอีกหนึ่งกอค่ะ



ปิดท้ายกับรูปต้นไม้ป่าดอกสีเหลืองๆ อีกสักครั้ง และขอขอบคุณธรรมชาติที่ได้สร้างสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับหน้าฝนให้พวกเราได้เห็นธรรมชาติที่งดงามและไม่ไกลจากกรุงเทพฯด้วยค่ะ สำหรับใครหลายๆ คนที่ถามว่าหน้าฝนไปเที่ยวที่ไหนดี ชัยภูมิน่าจะเป็นคำตอบหนึ่งในใจของหลายๆ คนนะคะ

 

Create Date : 21 กรกฎาคม 2551		14 comments
Last Update : 21 กรกฎาคม 2551 21:53:07 น.
Counter : 7063 Pageviews.
Share Tweet