เขายังเดินได้ แม้ไม่มีขา
เขายังเดินได้ แม้ไม่มีขา
ดวงตะวันยามเย็นทอแสงประกายแผดรังสี มุ่งมายังชุมชนแออัดเล็กๆแห่งหนึ่งในโลกกว้างใบนี้ ไม่มีใครรู้ว่ามันส่องมาตรงนี้นานเท่าใดแล้ว และส่องมาเพื่ออะไร บางทีมันคงส่องมาเย้ยหยันผู้คนที่ไร้กำลังใจอยู่กระมัง ?
ณ ที่นั่น นิวัฒน์ ชายวัยกลางคนนั่งรับแสงสุริยาทอดสุดท้ายบนรถเข็นก่อนที่มันจะลาไปทำงาน ณ อีกซีกหนึ่งของโลก เขาทอดสายตาเหม่อลอยมายังเบื้องล่างระเบียง มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างเดียวดาย นักศึกษาหญิงกับกระเป๋าโน๊ตบุ๊ค นิวัฒน์มอง เฒ่าขอทาน เขาก็มอง หนุ่มน้อยทรงผมประหลาด เขาก็มอง นิวัฒน์มองทุกคนที่เดินผ่านด้วยความอิจฉา เขามองจากตรงนี้อยู่มานานมากแล้ว อาจะ 2ปี หรือ 3ปี แล้วกระมัง
อะไรหนอ คือสิ่งที่ทำให้คนเดินได้ ? คำตอบอาจมีอยู่ว่า ก็ขายังไงละ ? ใช่มันคือ ขา คนมีขาทุกคนมีสิทธิเดินได้ แต่นิวัฒน์ไม่มีขา เขาพิการ และเป็นภาระให้แก่ครอบครัว แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยมีขา เขาเคยมีขา ที่พร้อมจะพาเขาเดินไปไหนมาไหนได้ตามต้องการ แต่นั่นไม่ใช่วันนี้ วันนี้เขาสูญเสียมันไปแล้ว
ทุกครั้งที่นึกถึงวันนั้น... วันที่เขาสูญเสียอิสรภาพในการเดิน แล้วขึ้นมานั่งจับเจ้าอยู่บนรถเข็นบ้าๆนี้แทน นิวัฒน์จะยิ้มให้กับความโง่เขลาของตัวเองเสมอๆ ก่อนที่จะหัวเราะอย่างสะใจ และร้องไห้อย่างขมขื่นในที่สุด แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
?
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 - 3 ปี มาแล้วกระมัง ปีศาจสีอำพันในสภาวะของเหลว ที่เรียกว่ากัน "เหล้า" ได้เปลี่ยนนิวัฒน์ให้กลายเป็นมัจจุราชอย่างไร้สติ เขาก่ออุบัติเหตุบนท้องถนน เนื่องจากความ เมา นิวัฒน์แหยียบคันเร่งวีโก้คันโปรดของเขาพุ่งเข้าประทะวีออสสีขาวคนหนึ่งเข้าอย่างจัง และความตายได้เดินทางมาถึงเจ้าของรถคันนั้นทันที ส่วนนิวัฒน์กลับรอดอย่างปาฏิหาริย์ ในห้องไอซียู หมอพากันตัดสินใจซื้อชีวิตเขาด้วยขาทั้งสองข้าง มันเป็นค่าใช้จ่ายราคาแพงที่สุดเท่าที่นิวัฒน์เคยจ่ายมา เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากนั้น เขายังต้องซื้ออิสรภาพทางกฎหมาย ด้วยการชดใช้ค่าเสียหายให้กับญาติผู้ตายอีก จนเงินที่เก็บหอมรอมริบมา ถูกใช้ไปจนหมด ต้องขายบ้าน ขายรถ ขายทุกอย่าง แล้วมาอยู่ที่ชุมชนแออัดแห่งนี้
ไม่ว่าใครก็ไม่อยากตกอยู่ในสภาพแบบนี้ นิวัฒน์เองก็เช่นกัน หลายต่อหลายครั้งที่เขาไม่คิดจะอยู่ต่อ แต่เขาก็ใจเสาะเกินกว่าที่จะลั่นปืนใส่หัวตัวเองได้ เขายังมีความรู้สึกหวงแหนชีวิตที่แสนทรมานของตัวเอง โดยที่เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะหวงมันไว้ทำไม
หากแต่ไม่ใช่วันนี้ วันนี้เขาได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่า จะไม่อยู่เป็นภาระให้ใครอีกต่อไป เขาสร้างปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเอง และเขาก็ไม่ควรจะมาเป็นภาระให้ใครอีก นิวัฒน์คิด
บนโต๊ะเก่าๆตัวหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นที่ทำงานของเขา จดหมาย 3 ฉบับถูกเขียนขึ้น สั่งเสีย อธิบาย และร่ำลา คือเนื้อความของจดหมายทั้ง 3ฉบับนี้ ไม่มีน้ำตาใดๆ กับการตัดสินใจในครั้งนี้ เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่เป็นการกลับไปสู่จุดเริ่มต้นต่างหาก มันคงจะดีซะกว่าถ้าตายเร็วกว่านี้อีกหน่อย นิวัฒน์พูดกับตัวเอง
นิวัฒน์เลื่อนรถเข็นของเขาไปยังบนหัวเตียง แล้วเปิดลิ้นชักหยิบปืน ซีแซท452 กระสุน .22 ออกมาจากลิ้นชัก เขานึกถึงครั้งสุดท้ายที่เขาใช้มันยิงกระต่ายป่าตัวหนึ่ง เมื่อราวๆ 3ปีก่อน เมื่อตอนไปตั้งแคมป์กับเพื่อนของเขาในป่า ภาพกระตัวนั้นกลับเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง อาการชัก เลือด และเสียงร้องอย่างทรมาน มันประกายอยู่ในหัวของเขาอย่างชัดเจน จนเขาแทบจะถอดใจด้วยความกลัว... ไร้สาระ นิวัฒน์พูด...
เขายกปืนขึ้นจ่อหัวตัวเอง ตั้งสมาธิ ทำใจให้สงบ อยู่เป็นเวลานาน แต่ทว่าส่วนลึกในใจเขาก็ไม่อาจสงบลงได้จริงๆ เดี๋ยวอีกสักครู่จะต้องมีคนมามุงดูร่างอันไร้วิญญาณของเขา เพราะเสียงปืนคงจะดังไปไกลถึงนอกบ้าน คนพวกนั้นจะได้เก็บเรื่องของเขาไปเล่าต่อๆกันไปได้อีกหลายเดือน แล้วคนพวกนั้นก็จะตั้งศาลเตี้ยพิพากษาว่าเขาคิดผิด แต่นิวัฒน์ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นแม่แต่น้อย คนที่จะตายอยู่แล้วอย่างเขาจะมานึกเรื่องนั้นอีกทำไมกัน...
พอกันที เขาบนบ่นเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะซุกนิ้วมือเข้าไปในไกปืน แล้วลั่น...
เชะ...
เชะ...
เชะ...
เขาลั่นปืนไปถึง 3ครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น... ปืนกระบอกนั้นไม่มีกระสุน มีคนเอากระสุนออกไปแล้ว นิวัฒน์ปาปืนกระบอกนั้นทิ้ง เขาร้องไห้... แล้วนึก ? ใครเอากระสุนออกไป.. ไม่สิ ในโลกมีเพียง 2คนที่รู้ว่าเขาเอาปืนไว้ที่ไหน นอกจากนั้นแล้วจะเป็นใครไปอีกไม่ได้...
เมื่อนึกได้ดังนั้น น้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม เขายิ้มและร้องไห้สลับไปมากับหัวเราะ ด้วยเสียงที่ดังกว่าเก่า ทว่ามันไม่ใช่เสียงแห่งความโศกเศร้าเสียใจ แต่เป็นเสียงแห่งความดูถูก เขาดูถูกที่ตัวเองโง่ พร้อมๆกันนั้นเขาก็ดีใจที่รู้แล้วว่าชีวิตเขาควรอยู่ต่อไปเพื่ออะไร ขณะนั้นเองเขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ความโชคร้ายหลายทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับชีวิตเขา มันเทียบอะไรไม่ได้เลยกับความโชคดีที่เขามีอยู่
แสงอาทิตย์ยามเช้าเวียนกลับมาทอประกายมาอีกครั้ง หลังจากที่มันหนีไปทำงานอีกด้านหนึ่งมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง อาจไม่มีใครรู้ว่ามันทำไปเพื่ออะไร แต่นิวัฒน์รู้ เขารู้ว่ามันไปเพื่อให้คนอีกฟากหนึ่งได้ตื่นขึ้นมาค้นหากำลังใจเช่นเดียวกับเขา เขามองลงมาล่างระเบียง เหมือนเช่นวันก่อนๆ เขามองทุกอย่าง เหมือนที่เคยมองเช่นก่อนๆ นักศึกษาหญิงกับกระเป๋าโน๊ตบุ๊ค นิวัฒน์มอง เฒ่าขอทาน เขาก็มอง หนุ่มน้อยทรงผมประหลาด เขาก็มอง แต่สิ่งที่เขาเห็นนั้นเปลี่ยนไป มันไม่ใช่ความอิจฉาเหมือนอย่างเมื่อวาน แต่มันเป็นความคิดใหม่ๆ เขาคิดว่าการสูญเสียขาทั้งสองข้างไม่ได้สำคัญต่อชีวิตเขาอีกต่อไป เพราะเขายังเดินต่อไปได้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีขาก็ตาม ขอเพียงแค่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์เดินไปสู่อนาคตที่ดีกว่าได้ทั้งนั้น ชีวิตเป็นสิ่งมีค่าเสมอ...
พี่วัฒน์ มาทานข้าวได้แล้วค่ะ... เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากในครัว
นิวัฒน์ยิ้มอย่างมีความสุข.. ก่อนที่เขาจะขานรับเสียงนั้นกลับไป
ดาว แถวนี้มีโรงเรียนเปิดสอนซ่อมคอมไหม... ?
Free TextEditor
Create Date : 03 กันยายน 2553 |
Last Update : 3 กันยายน 2553 4:53:45 น. |
|
0 comments
|
Counter : 459 Pageviews. |
|
|