อภิมหาเอสยูวีระดับสูง ทดสอบ BMW X6 xDRIVE 30D M-Edition ยานยนต์ขับสี่พลัง 540 นิวตันเมตรบนชุดแต่ง M

สมรรถนะของระบบขับเคลื่อน บวกประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบยุคใหม่ แรงจริงประหยัดจัง ตอนที่ 2 กับการขับทดสอบแบบจัดเต็ม...

วัน ที่ 4-9 เมษายน 2556 หกวันเต็มที่ผมจะได้ค้นหาสมรรถนะของ X6 xDRIVE 30D M-Edition ตลอดระยะเวลาอีกหกวันนับจากนี้คือการขับรถที่อยากทดสอบมานานและเพิ่งจะได้มี โอกาสเมื่อ BMW ทำการปรับปรุงรายละเอียดปลีกย่อยเพื่อกระตุ้นยอดขายของโมเดล X6 ในปี 2013 หลังจากได้เห็นมันเพียงแค่รูปถ่ายในอินเทอร์เน็ตมานานแสนนาน ห้วงเวลาแห่งการขับขี่ทดสอบยนตรกรรมหรูขับเคลื่อน 4 ล้อของค่ายใบพัดสีฟ้าก็เริ่มต้นขึ้น รถ X6 รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตรอัดเทอร์โบเป็นยานยนต์ระดับสูงในกลุ่ม SUV ที่มีคู่แข่งซึ่งมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันเช่น Audi Q7 3.0 TDi Quattro / Porsche Cayenne Diesel / Mercedes Benz ML350 / Lexus RX450h ซึ่งคู่แข่งแต่ละคันล้วนพกพาประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกขั้นเทพทั้งสิ้น

ห้อง โดยสารของ X6 มีการตกแต่งคล้ายกับ X5 และ Series-5 F10 เพียงแต่มีพื้นที่เหนือศีรษะ พื้นที่วางเท้าและขนาดของความกว้างภายในห้องโดยสารใหญ่โตมากกว่า รวมถึงตำแหน่งของการนั่งขับที่สูงโด่งตามสไตล์รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ SUVแผงคอนโซลขนาดใหญ่ คาดกลางด้วยชิ้นงานที่ทำออกมาคล้ายกับคาร์บอนเคฟล่าห์ แผงประตูและเบาะผู้โดยสารใช้สีน้ำตาลเพื่อคงความสุขุมนุ่มลึกด้านมุมมอง ซุ้มเกียร์กับวัสดุที่ใช้ตกแต่งดูสวยงามน่าใช้งานกับแป้นเหยียบคันเร่งและ เบรกทำจากอัลลอย ระบบจอมัลติฟังก์ชั่นขนาด 8.8 นิ้วสั่งงานผ่านสวิตช์ iDRIVE ที่ออกแบบโปรแกรมใหม่ให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวกขึ้น แผงมาตรวัดทรงกลมคล้ายกับ X1 ซึ่งวางตัวเองอยู่ในกรอบมาตรวัดออกแบบให้อ่านค่าได้อย่างชัดเจนจากขนาดของ วัดรอบและวัดความเร็ว ทุกสัมผัสใน X6 ล้วนแล้วแต่คงความหรูหรามีระดับด้วยงานอัลลอย พลาสติกเกรดสูง พรมและหนังชั้นเยี่ยม แม้จะมีรูปแบบของคอนโซลด้านความสวยงามเป็นรอง Porsche Cayenne แต่การจัดวางตำแหน่งของอุปกรณ์ต่างๆ โดยเน้นไปที่คนขับ กับความไม่รกรุงรังของปุ่มและสวิตช์ทำให้ห้องโดยสารของ X6 เป็นงานตกแต่งภายในที่ดีที่สุดคันหนึ่งในกลุ่มรถออฟโรดระดับสูง เบาะคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้ากับตำแหน่งของการนั่งขับที่สูงพอๆ กันกับรถบรรทุกทำให้ทัศนวิสัยมุมมองรอบคัน (ยกเว้นด้านหลัง) กระจ่างตาและมองได้ไกลมากเนื่องจากขนาดความสูงของตัวรถ

แผง หน้าปัด คอนโซลส่วนควบคุมและมิติภายในคล้ายกับ X5 ส่วนครึ่งหน้าของห้องโดยสารก็ยังเต็มไปด้วยพื้นที่อย่างพอเพียง ความแตกต่างที่เหนือกว่า X5 คือพวงมาลัยแบบสปอร์ตกับคันเกียร์แบบใหม่ (BMW ใช้คันเกียร์แบบนี้กับรถหลากหลายรุ่นในปัจจุบัน) รวมถึงที่กันกระแทกเข่าบริเวณแผงคอนโซล พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า มันไม่มีสารพัดปุ่มบริเวณซุ้มเกียร์เหมือน Cayenne แต่ระบบรองรับและระบบขับเคลื่อนแทบจะไม่แตกต่างกันมากนัก รวมถึงความรู้สึกหลังพวงมาลัยที่ยังคล้ายกันมากอีกด้วย ยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์แบบไดนามิกส์รวมถึงก้านอัลลอยที่ใช้ค้ำเบ้าโช้ก ช่วยให้ X6 มีความเสถียรสูงขณะวิ่ง ที่เพิ่มเข้ามาคือระบบส่งกำลังแบบ 8 สปีดของ ZF ซึ่งเป็นเกียร์อัตราทดกว้างที่เข้ามาช่วยให้การใช้เชื้อเพลิงมีประสิทธิภาพ ด้านความประหยัด ชุดแต่ง M ที่มีอยู่ทั่วทั้งคันยังเสริมมุมมองของ X6 รุ่นใหม่ให้ดูดีขึ้นมาก ทั้งสปอยเลอร์หน้า-หลังของ M กาบบันไดและพวงมาลัย M ล้ออัลลอยขอบ 20 นิ้วของ M Double spoke style ที่ทั้งงดงามและขับได้ยากมากจากขนาดความใหญ่โตของล้อและยางหลังที่กว้างถึง 315/35/R20 106W TL แม้จะเป็นรถ SUV แบบขับ 4 ล้อ แต่ล้อคู่หน้าก็ยังโชว์ความสปอร์ตด้วยยางไซส์เล็กกว่าที่ 275/40/R20 แก้มยางที่บางและมีระยะห่างระหว่างผิวถนนกับล้ออัลลอยชนิดน่าตกใจ เพิ่มความเครียดให้กับผมในการที่จะต้องคอยระวังไม่ให้ล้อ 20 นิ้วของมันมีริ้วรอยในอีก 6 วันข้างหน้า

ปุ่ม และสวิตช์สั่งงานของระบบต่างๆ ที่น้อยกว่า Q7 และ Cayenne ช่วยลดภารกรรมของคนขับในการปรับตั้งค่าระหว่างการขับขี่ นอกจากเรือนร่างที่ดุดันสวยงามแล้ว X6 ยังมีระบบรองรับการขับขี่และระบบอำนวยความสะดวกอีกนับร้อยรายการซึ่งคง บรรยายกันไม่ไหวหากจะลงให้ทราบกันทั้งหมด มันคือรถที่มีระบบและอุปกรณ์ราวกับเครื่องบิน ทั้งเซ็นเซอร์และระบบช่วยทรงตัว ระบบกันสะเทือนแบบปรับได้ ระบบเฉลี่ยแรงบิดทั้ง 4 ล้อ ฯ พวงมาลัยที่อวบอ้วนจับได้กระชับมือดีมากแต่มีขนาดรอบวงใหญ่โตยังกับรถบรรทุก ผมกลับชอบพวงมาลัยของ X1 ที่มีขนาดพอดิบพอดีมือมากกว่า พวงมาลัยวงใหญ่ของ X6 ช่วยให้การเลี้ยวหรือบังคับควบคุมทิศทางเต็มไปด้วยความสะดวกและง่าย แม้มันจะใหญ่แต่ขับไปสักพักคุณจะชินกับวงพวงมาลัยแบบนี้ หนังที่ใช้หุ้มนอกจากจะนิ่มสบายนิ้วแล้วยังช่วยเพิ่มกริ้บของร่องนิ้วให้ยึด จับได้อย่างมั่นคงอีกด้วย บนถนนหนทางในกรุงเทพมหานคร ขนาดความกว้างที่มากกว่ารถทั่วไปทำให้การควบคุม X6 ต้องเพิ่มความระมัดระวังในเรื่องระยะของการเปลี่ยนทิศทาง เครื่องยนต์ 3.0 ลิตรแบบแถวเรียง 6 กระบอกสูบมีเรี่ยวแรง 218 แรงม้า แต่คุณไม่ต้องไปสนใจแรงม้าของอภิมหา SUV คันนี้ให้มากจนเกินไป หากมันขายในยุโรป รถ X6 เครื่องเทอร์โบดีเซล 3.0 ลิตรทุกคันจะมีเรี่ยวแรง 245 แรงม้า อัตราภาษีทำให้ BMW Group ปรับลดแรงม้าลงมาเมื่อนำมาจำหน่ายในประเทศไทย แต่แรงบิดของมันยังคงเท่าเดิมที่ 540 นิวตันเมตร มากเกินพอในการขับเคลื่อนมวลน้ำหนัก 2,150 กิโลกรัม ให้วิ่งและออกตัวจากจุดหยุดนิ่งได้ว่องไวพอๆ กับรถสปอร์ตคันเล็กเลยทีเดียว ตัวเลข 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 8 วินาที บ่งบอกถึงย่านกำลังสำหรับการพุ่งออกตัวจากสัญญาณไฟได้ในระดับที่ใกล้เคียง กับ MINI Cooper S R56 เพียงแต่ MINI R56 มีน้ำหนักแค่ 1,120 กิโลกรัม เรือนร่างน้องๆ ยักษ์ของรถคันนี้ไม่เป็นปัญหากับต้นกำลังแบบดีเซลเทอร์โบอันทรงประสิทธิภาพ ของ X6 จังหวะการเร่งที่น่าประทับใจทำให้การขับขี่ในเมืองไม่แตกต่างไปจากการขับรถ สปอร์ตเท่าใดนัก เพียงแต่มันเป็นรถสปอร์ตตัวสูงโย่งที่นั่งโดยสารได้ 5 คนพร้อมถุง Golf ได้อีก 5 ใบ

เกียร์ อัตโนมัติแบบ 6 สปีดใน X6 รุ่นแรกๆ กลายเป็นของล้าสมัยทันทีที่ X6 รุ่นใหม่วางเกียร์แบบ 8 สปีดที่ทั้งฉลาดและช่วยลดรอบเครื่องยนต์ให้ไม่สูงมากจนเกินไปซึ่งจะส่งผลไป ถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ความเร็ว 100 กิโลเมตรกับรอบเครื่องยนต์ที่ 1,450 รอบต่อนาที ทำให้ X6 ใหม่มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่หรูหราเกินขนาดของตัวถังและน้ำหนัก ในโหมด Comfort สมองกลเกียร์เข้ามาจัดการเรื่องอัตราทดอย่างชาญฉลาด มันจะปรับตัวเองขึ้นสู่เกียร์สูงอย่างรวดเร็ว (เกียร์ 6-7-8) แต่ถ้าคุณกดคันเร่งอย่างต่อเนื่อง สมองกลของระบบส่งกำลังจะคารอบโดยยังคงตำแหน่งเกียร์ 3-4-5 เอาไว้เพื่อเรียกแรงบิด เมื่อกดคันเร่งต่อเนื่องแล้วถอนเท้าออกจากแป้นคันเร่ง รอบของเครื่องยนต์ยังคงคาอยู่ในรอบสูงและเกียร์ต่ำเพียงชั่วครู่ หากไม่มีการลงคันเร่งอีก มันจะเปลี่ยนเกียร์ขึ้นสู่เกียร์สูงทันที การปรับเซตโปรแกรมสั่งงานของสมองกลที่ใช้ควบคุมอัตราทดซึ่งฉลาดขนาดนี้ได้ เข้ามาช่วยให้การขับขี่ใช้งานในเมืองมีความง่ายดายมากยิ่งขึ้น กำลังในรูปของแรงบิดที่มีให้อย่างเหลือเฟือสำหรับขับใช้งานแบบปกติเฉลี่ยลง ไปที่ล้อหน้า 40% และล้อหลัง 60% ส่งถ่ายสัมผัสของการยึดเกาะที่น่าประทับใจ มันเร่งและเบรกได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ตัวจะใหญ่คับถนนแต่ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ช่วงล่างและเกียร์ได้เข้ามาช่วยให้มันมีสมรรถนะไม่ต่างจากรถแฮตช์แบคแรงๆ คันหนึ่งเลยทีเดียว อาการหน่วงคันเร่งเกิดขึ้นเพียงแวบเดียวจากการปรับตั้งมาจากโรงงาน มันช่วยให้การเติมคันเร่งแบบฉับพลันทันทีไม่ให้ล้นจนเกินไปและอาจควบคุมได้ ยากจากขนาดของมวล สิ่งที่ค่อนข้างขัดแย้งใน X6 คือจานเบรกที่น่าจะใหญ่มากกว่านี้สักหน่อย ล้อขอบ 20 นิ้วกับซุ้มล้อที่กว้างมากทำให้จานเบรกเดิมที่ติดมาจากโรงงานดูเล็กเกินไป เจ้าของ X6 ส่วนมากชอบล้อลาย M ที่มีขนาดใหญ่โตแบบนี้อยู่แล้วอาจไม่ชอบจานเบรกติดรถ ซึ่งคุณสามารถหาเปลี่ยนได้ เบรกแบบ 6 พอตหน้า 4 พอตหลังดูจะเหมาะสมกับเจ้า X6 มากที่สุด ส่วนจานเบรกคงต้องว่ากันที่ขนาดเกิน 400 มิลลิเมตร เป็นขนาดที่พอดิบพอดีกับล้อไซส์ยักษ์ หากไม่ซีเรียสเรื่องจานเบรกและคาร์ลิปเปอร์ จานเบรกของเดิมติดรถและระบบเบรกของ X6 30D ยังไงก็เอาอยู่

ระบบ ขับเคลื่อน 4 ล้อของ BMW X6 มีชื่อเรียกว่า xDRIVE ประกอบไปด้วยเฟืองทดกำลังมากมายและมีความสลับซับซ้อน มันถูกออกแบบมาเพื่อการควบคุมที่ดี การยึดเกาะขณะขับขี่ในสภาพอากาศที่แย่เช่นมีฝนตกหรือผิวทางมีดินโคลนปกคลุม และอาจทำให้ลื่นจนเสียการทรงตัวได้ง่าย ความใหญ่และน้ำหนักที่มากของ X6 ทำให้การจัดการยามคับขันมีความยากมากยิ่งขึ้นในขั้นตอนของการพัฒนา ระบบ xDRIVE มีการออกแบบและเสริมแชสซีส์ที่ดีเยี่ยมสามารถส่งถ่ายความคล่องแคล่วปราด เปรียวหลากหลายระดับผ่านระบบควบคุมความสมดุลแบบตรงๆ หากรถเริ่มเสียอาการ ระบบ xDRVIE จะเข้ามาจัดการกับอาการหน้าดื้อโค้งหรืออาการท้ายปัดโดยไม่สั่งให้เครื่อง ยนต์ลดกำลังลงแม้แต่น้อย และหากรถเสียการทรงตัวอย่างรุนแแรงยังมีระบบ Dynamic Stability Control เข้ามาช่วยแก้สถานการณ์อีกแรง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDRIVE มีการตั้งค่าเฉลี่ยแรงบิดมาจากโรงงานบนตัวเลขด้านหน้า 40% ด้านหลัง 60% ซึ่งแรงบิดจะแปรผันไปตามการตัดสินใจของสมองกลในระบบขับสี่ล้อและทำงานได้รวด เร็วมาก วิศวกรของ BMW ใช้คลัตช์จำนวนหลายแผ่นใน Transfer Case ตัวกลาง ถ้าเปิดสุดแรงบิดทั้งหมดจะส่งผ่านมายังล้อคู่หลังและถ้าปิดจนหมดแรงบิดจะ ถ่ายมายังล้อคู่หน้า ระบบ Performance Control ช่วยต้านอาการอันเดอร์สเตียร์โดยจะส่งแรงบิดไปยังล้อหลัง สั่งเบรกล้อหลังด้านที่อยู่ในโค้งเพื่อดึงหน้ารถให้กลับเข้าสู่เส้นทางอีก ครั้ง พร้อมๆ ไปกับการสั่งเพิ่มกำลังของเครื่องยนต์อีกเล็กน้อยเพื่อรักษาทิศทาง สมองกล Integrated chassis Management หรือ ICM คือหน่วยความจำไฟฟ้าที่ถูกโปรแกรมมาเพื่อรองรับระบบขับสี่อีกชั้น

ICM รับหน้าที่กรองการทำงานของระบบขับสี่ทั้งหมดในรถ X6 ทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพของตัวรถ ชุดกระจายแรงบิด ระบบช่วยทรงตัวฯล้วนแล้วแต่มีการทำงานผ่านการควบคุมของสมองกล ICM ทั้งสิ้น มันเป็นนายใหญ่ในการตัดสินใจเลือกระบบต่างๆ ผ่านเซ็นเซอร์ที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลของการขับขี่ไปยังระบบที่กล่าวมาแล้ว ทั้งหมด มันสามารถสั่งงานให้ทุกระบบหรือบางระบบทำงานพร้อมกันหรือหยุดทำงานได้อย่าง น่าทึ่ง มันอาจสั่งให้ DSC หรือ Performance Control ชุดขับสี่ xDRIVE ทำงานผสมผสานกันประหนึ่งวงซิมโฟนี ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ BMW เลือกใช้ในระบบ ICM ผลักดัน X6 ให้เข้าสู่ขอบเขตของความเร็วที่เหนือกว่ารถ SUV ทั่วไป มันจะคอยตรวจสอบสถานะของรถอยู่ตลอดเวลาและดูว่าผมกำลังทำอะไรกับคันเร่งและ เกียร์ รวมถึงองศาของรถและการหมุนพวงมาลัย โดยวิเคราะห์ผ่านข้อมูลที่บันทึกแรงเหวี่ยง องศาของพวงมาลัย ลิ้นปีกผีเสื้อ ตำแหน่งเกียร์ รวมถึงการไถลของล้อ ด้วยข้อมูลที่ได้รับจากเซ็นเซอร์ ICM อาจทำการตัดสิ้นใจว่ารถกำลังจะอันเดอร์สเตียร์หรือโอเวอร์สเตียร์ก่อนที่มัน จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ICM จะทำการกระจายแรงบิดจากด้านหลังมาด้านหน้าเพื่อป้องกันโอเวอร์สเตียร์ หรือกลับกันด้วยการกระจายแรงบิดไปยังล้อหลังเพื่อจัดการกับอาการเสียการทรง ตัวหรือสั่งให้ Performance Control ทำงานทันที กลไกป้องกันด่านสุดท้ายของ X6 คือ Dynamic Performance Control ซึ่งมีติดตั้งอยู่ในรถ X5 / X6 /X5M / X6M โดยมีชุดเฟือง Planetary 2 ชุดและคลัตช์แบบหลายแผ่น ทำหน้าที่ส่งแรงบิดจากล้อหลังข้างใดข้างหนึ่งไปยังล้อหน้าข้างใดก็ได้ที่ กำลังขาดการยึดเกาะ ทำให้การตอบสนองของพวงมาลัยดีขึ้นและเพิ่มเสถียรภาพของรถขณะใช้ความเร็วสูง

ออ ฟชั่นซึ่งเป็นระบบรองรับการขับขี่ที่มีอยู่นับสิบรายการใน X6 xDRIVE 30D M-Edition คือของเล่นที่น่าพึงพอใจหากคุณต้องควักกระเป๋าจ่ายเงิน 7.3 ล้านบาทเพื่อแลกกับการได้ครอบครองยานยนต์ขับสี่ล้อสุดหรูของค่ายใบพัดสี ฟ้า-ขาว ผมมีเวลามากพอในการขับแบบกินลมชมวิวทิวทัศน์ บรรยากาศสองข้างทางที่เต็มไปด้วยสีน้ำตาลของช่วงฤดูร้อนในประเทศไทยมี ทัศนียภาพงดงามและเป็นธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวในวันธรรมดาเงียบสงบและไม่พลุกพล่านวุ่นวาย ยังมีถนนสวยๆในเมืองไทยอีกหลายเส้นทางที่รอให้คุณได้ขับเข้าไปผจญภัย ความเงียบสงบที่ไม่ค่อยได้พบบ่อยนักบนถนนทำให้ผมมีเวลามากพอที่จะรับรู้ถึง ประสิทธิภาพของรถทดสอบคันนี้ ช่วงล่างของ X6 ประกอบไปด้วยโช้กอัพแบบปรับระดับได้กับปีกนกอะลูมินั่มอัลลอยและจุดยึดที่ แข็งแรงเพื่อรองรับการใช้งานในสภาพเส้นทางที่ทุรกันดาร มันวิ่งได้อย่างมั่นคงบนทางไฮเวย์จากน้ำหนักตัว 2.15 ตัน ความกว้างของฐานล้อถูกขยายขึ้นไปอีก 56 มิลลิเมตรเมื่อเทียบกับฐานล้อของ X5 ผู้พี่ แม้จะใช้แพลตฟอร์มเดียวกัน พื้นฐานโครงสร้างของระบบกันสะเทือนใน X6 ด้านหน้าถูกยึดติดกับปีกนกคู่อัลลอย ส่วนด้านหลังเป็นแบบแขนยึด 4 จุด มันให้สัมผัสทั้งความหนึบและนิ่มนวลในเวลาเดียวกัน ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อสามารถรับแรงได้ทุกแกนโดยเฉพาะแรงต้านจากด้านข้างเมื่อขับเข้าโค้งด้วย ความเร็วสูง ช่วงล่างด้านหน้าจัดการกับอาการ Anti Drive หรือต้านอาการหน้าทิ่มในกรณีที่ต้องลงเบรกแบบฉุกเฉิน ส่วนช่วงล่างด้านหลังช่วยลดอาการหน้าเชิดท้ายยุบในขณะที่ออกตัวจากจุดหยุด นิ่งแบบเต็มกำลังหรือเบรกอย่างฉับพลันทันที

ผม พบกับทางโล่งๆ และได้มีโอกาสทดลองการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งของ X6 ด้วยการกดคันเร่งลงไปจนสุด แม้ช่วงล่างของมันจะมีระบบ Anti Drive แต่แรงบิด 540 นิวตันเมตรไม่ใช่ตัวเลขที่จะมาล้อเล่น เมื่อกดคันเร่งลงจนสุดด้านหน้าของ X6 จะยกตัวขึ้นเล็กน้อยพร้อมๆ ไปกับแรงดึงที่ทำให้รู้สึกสนุก โช้กอัพไฟฟ้าปรับเปลี่ยนระดับของความหนึบไปตามความเร็วที่แท้จริง มันเป็นการปรับค่าแปรผันแบบอัตโนมัติที่มีการทำงานสลับซับซ้อน ระบบ Active Anti Roll Stability หรือ Dynamic Drive ที่มีใช้ในรถอย่าง Series-7 / Series-5 ใช้เหล็กกันโคลงแบบสองท่อนเชื่อมต่อกันผ่านกระปุกไฮดรอลิก การทำงานในสภาวะปกติจะไม่แตกต่างจากเหล็กกันโคลงทั่วไป แต่ในขณะที่ผมเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง น้ำมันไฮดรอลิกในกระปุกจะทำงานเพื่อให้เกิดแรงดันส่งมาบิดที่เหล็กกันโคลง เป็นการบิดจากแกนกลางที่จะส่งผลให้ค่าความแข็งของเหล็กกันโคลงเพิ่มขึ้น ส่วนทิศทางของการบิดก็ขึ้นอยู่กับอาการของรถว่าอยู่ในโค้งซ้ายหรือขวา แรงดันในระบบของน้ำมันไฮดรอลิกขึ้นอยู่กับการคำนวณของสมองกล ECU โดยประมวลผลจากเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับการหักเลี้ยวพวงมาลัย ระดับความเอียงของรถและความเร็วในขณะนั้น ทั้งหมดจะทำงานด้วยความรวดเร็วเพียงแค่เศษเสี้ยวของวินาที ระบบ Active Anti Roll Stability หรือ Dynamic Drive เหมาะมากเมื่อติดตั้งอยู่ในรถที่มีสัดส่วนความสูงโย่งโก๊ะแบบนี้ มันช่วยให้ผมไปได้เร็วขึ้นในโค้งบนภูเขาที่วกไปวนมา แรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางรับรู้ได้อย่างชัดเจนแต่ความมั่นคงของ X6 ที่เกิดจากมวลน้ำหนักและขนาดความกว้างของตัวถังรวมถึงระบบฉลาดๆ ที่คอยรองรับความผิดพลาดของคนขับช่วยลดความน่ากลัวลงไปได้เยอะเลยทีเดียว

พวง มาลัย Active Steering Servotronic ใน X6 ทำหน้าที่ปรับเปลี่ยนน้ำหนักและอัตราทดในองศาการหักเลี้ยวของล้อที่เท่าเดิม ผู้ขับขี่จะขยับพวงมาลัยด้วยรอบที่มากขึ้นหรือลดลงขึ้นอยู่กับความเร็วเป็น สำคัญ ในขณะใช้ความเร็วสูง พวงมาลัย Active Steering Servotronic จะปรับอัตราทดเพื่อทำงานได้ฉับไวและแม่นยำด้วยการหมุนพวงมาลัยจากตำแหน่ง กึ่งกลางเพียงเล็กน้อยมันจะตอบสนองทันที ส่วนความเร็วต่ำหรือปานกลางนั้นการเลี้ยวหรือหมุนพวงมาลัยเพื่อเข้าสู่ที่ จอดจะใช้รอบการหมุนและน้ำหนักปกติที่คุ้นเคย น้ำหนักของพวงมาลัยขึ้นอยู่กับการแปรผันของระบบ Servotronic ที่จะหน่วงน้ำหนักให้มากขึ้นและมีระยะการหมุนน้อยลงในย่านความเร็วสูง ระบบ HDC หรือ Hill Descent Control แฝงตัวอยู่ในระบบ DSC หรือ Dynamic Stability Control มันคือระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัวของ BMW ทำหน้าที่สั่งให้เบรกทำงานเพื่อช่วยควบคุมความเร็วขณะขับลงจากภูเขาหรือทาง ลาดชัน มันจะทำงานที่ความเร็ว 7-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากใช้ความเร็วมากถึง 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง HDC จะเข้าสู่โหมดเตรียมพร้อมและหากความเร็วเกินกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง HDC จะปิดตัวเองโดยอัตโนมัติทันที น้ำหนักพวงมาลัยของ X6 xDRIVE 30D ดังที่กล่าวมาแล้วว่าขึ้นอยู่กับความเร็วของตัวรถ ที่ความเร็วต่ำมันค่อนข้างเบาสบายให้ความรู้สึกคล้ายพวงมาลัยของ Series-3 F30 ซึ่งตรงกันข้ามกับมิติและน้ำหนักของ X6 เมื่อผมใช้ความเร็วมากขึ้น กลไก Servotronic จะแปรผันน้ำหนักโดยมันจะหน่วงให้การหมุนหรือขยับมีความแน่นและกระชับจนรับ รู้ได้ ยิ่งวิ่งเร็วเท่าไหร่มันก็จะยิ่งหน่วงให้พวงมาลัยหนักขึ้น ยาง Bridgestone Dueler HP Sport ขนาด 275/40/R20 110W ที่ล้อคู่หน้าและ 315/35/ R20 110W ที่ล้อหลังทำงานได้ดีบนอุณหภูมิพื้นผิวถนนเกิน 50 องศาในช่วงบ่ายบนเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่พะเนินทุ่ง ยางแต่ละล้อรับโหลดซึ่งหมายถึงแรงกดดันที่เข้ามากระทำขณะขับขี่ได้ถึง 2,094 ปอนด์ มันคือยางแบบ Sport Off-Road ที่มีประสิทธิภาพและมีราคาแพงหูดับ ที่ความเร็วสูงมันส่งเสียงหึ่งๆ ไปตลอดทาง เป็นเอกลักษณ์อันปกติของยางแบบ Runflat ที่มีแก้มยางแข็งมากกว่ายางทั่วไป

เครื่อง ยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร ให้แรงบิดที่ดีและช่วยให้คุณหลุดพ้นจากอันตรายทั้งการกลับรถ การแซงรถช้าหรือเร่งออกจากจุดที่คับขันซึ่งมีรถบรรทุกล้อมหน้าล้อมหลังเต็ม ไปหมด กดคันเร่งพรวดเดียวคุณก็จะพุ่งออกมาจากจุดอันตรายทันที การออกตัวเพื่อเข้าสู่เลนรถเร็วใช้เวลาไม่มากความเร็วจาก 0 ไปถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมันจะดึงเพียงแวบเดียวก็ต้องกดเบรกเพราะพุ่งเข้าไปจ่อ ท้ายรถคันข้างหน้าซะแล้ว สำหรับการเร่งสปีดบนน้ำหนักตัว 2,150 กิโลกรัมเพื่อขึ้นเนินชันๆ ผมแทบจะไม่รู้สึกว่ามันอืดอาดแต่ประการใดทั้งสิ้น น้ำหนักเท้าที่กดลงไปบนคันเร่งไฟฟ้าตอบกลับด้วยการพุ่งทะยานเป็นลูกธนูทุก ครั้งจนผมเริ่มรู้สึกแอบอิจฉาพวกคนรวยที่มีโอกาสได้ครอบครองรถแบบนี้ สมรรถนะของมันอยู่เหนือความคาดหมายไปไกลพอสมควร โดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยมในด้านการให้กำลังและความประหยัดไปพร้อมๆ กัน อัตราสิ้นเปลืองสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อราคาเฉียดๆ 8 ล้านบาทคงไม่ใช้เรื่องที่เจ้าของต้องมากังวลอะไรกันมาก แต่ X6 xDRIVE 30D ก็มีความประหยัดพกพามาจากโรงงานจนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ระบบคอมมอลเรลไดเรคอินเจคชั่น ระบบเทอร์โบแบบ twin scroll turbo กลไกวาล์วแปรผัน ชุดขับสี่ xDRIVE ซึ่งทำงานร่วมแกนกับระบบช่วยทรงตัวและเกียร์เทพ 8 สปีด เมื่อรวมเข้ากับเรือนร่างที่เป็นเอกลักษณ์บนชุดแต่ง M ทำให้มันเป็น SUV ระดับหรูที่มีความน่าใช้งาน พวกมันทุกคันถูกสร้างขึ้นมาเป็นอย่างดี แม้จะตัวอ้วนใหญ่ราวกับฮิปโป แต่เทคโนโลยี TwinPower Turbo กับ BMW EfficientDynamics และงานวิศวกรรมยานยนต์สมัยใหม่ของค่าย BMW ทำให้มันเป็นรถที่ควบคุมได้ง่ายดายราวกับรถเล็กๆ จากแรงบิดรอบต่ำที่เยี่ยมยอด มันวิ่งออกทางไกลได้เหนือกว่ารถเกือบทุกคันบนถนนและขับได้ดีท่ามกลางการ จราจรที่ติดขัดเพียงแต่คุณต้องใช้ความคุ้นเคยกับมิติขนาดความกว้างที่ มากกว่าปกติ โดยภาพรวม แม้จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจกับค่าดูแลบำรุงรักษาที่แพงกว่ารถแบบอื่น แต่การครอบครอง X6 จะสร้างความพึงพอใจให้กับเจ้าของได้บ้างไม่มากก็น้อย สมรรถนะในการวิ่งทั้งในเมืองและทางไกลจะทำให้คุณใช้งานมันบ่อยครั้งขึ้น สิ่งที่ไม่ดีก็มีเช่นราคาค่าตัวที่สูงยันเพดานและเงินที่จะต้องจ่ายในช่วง หมดระยะประกัน แค่นั้นเองจริงๆ.


อาคม รวมสุวรรณ
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom