Smiley.๐Smiley*~๐..ความรัก เป็นเรื่อง สวยงาม..๐Smiley*~๐Smiley.๐Smiley*~๐.
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
13 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
5..สายฝนที่ไม่มีวันสิ้นสุด

***คำเตือน
ขอสงวนสิทธิ์ใดๆ ตามกฎหมาย ในการทำคัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของนิยายเรื่องนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาต และ หากผู้ใดกระทำการคัดลอกหรือนำไปโพสในเวปอื่น ๆ หรือบล็อค หรือตีพิมพ์ โดยมิได้รับอนุญาตมีโทษปรับตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ.กฏหมายลิขสิทธิ์





นิรันดร…



จะมีสักกี่คนที่รู้จักกับคำว่า “นิรันดร” ความหมายแห่งรักที่ผูกพัน ลึกซึ้ง และสืบนานเท่านาน แม้ความตายก็มิอาจพลัดพราก




5…สายฝนที่ไม่มีวันสิ้นสุด





คงเพราะฉันเอาแต่นอนตลอดทั้งวัน...จึงส่งผลให้คืนนี้ฉันนอนไม่หลับ พยายามข่มตาให้หลับก็ไม่เป็นผล พลิกซ้าย พลิกขวา ก็ไม่หลับ จนต้องลุกขึ้นมานั่ง...มองออกไปนอกระเบียง ก็พบแต่สายฝนที่ยังคงโปรยตกลงมา




สายฝนที่เกาะบนกระจกบานใสนั้น ไหลหยดลงสู่พื้นเบื้องล่างทีละหยดๆ ลากเป็นสายยาวลงมา มองแล้วคล้ายๆ กับหยาดน้ำตาของหญิงสาว...มันช่างแสนเศร้า เหลือเกิน ... นี่กระมังคืออีกหนึ่งเหตุผลที่ว่า ทำไมฉันถึงไม่ชอบสายฝนเอาซะจริงๆ มันช่างหดหู่ แสนเศร้า หนาวเย็น และ...




ฉันลุกขึ้น เดินไปทางชั้นวางหนังสือ หยิบเอาหนังสือเล่มใหม่ที่เพิ่งจะได้หยิบยืมมาจากห้องสมุดสาธารณะในเมืองเมื่อสองวันก่อน...ปกหนังสือสีเขียวเข้มมีร่องรอยยุ่ยย่นที่เกิดจากการอ่านมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ฉันโปรดปราณที่จะทำเป็นประจำทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ คือ อยู่ในห้องของฉัน แล้วอ่านหนังสือ....บทกลอน ถ้อยคำ บทกวี ต่างๆ ฉันไม่เคยเบื่อหน่ายที่จะได้ศึกษา และ นั่งอ่านมันอยู่กับที่




ฉันพลิกหน้ากระดาษแผ่นบางสีออกเหลืองเล็กน้อย คงเพราะความเก่าคร่ำคราของมันกระมัง แผ่นกระดาษส่งเสียงดังกรอบแกรบเบาๆ ตามจังหวะการพลิกอ่านของฉัน ตัวอักษรต่างนอนตัวเรียงรายเป็นระเบียบไม่แตกแถวในแต่ละบรรทัด ฉันไม่รู้เลยว่าได้ใช้เวลายาวนานแค่ไหนสำหรับการนั่งอ่านหนังสือในมือ พอเงยหน้าขึ้นมองไปที่นาฬิกาปลุกที่หัวเตียงก็ต้องยิ้มน้อยๆ ออกมา เพราะนี่ก็ปาเข้าไปเกือบจะตี 2 แล้ว ...ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสำหรับฉัน หากต้องนั่งจมลงไปในตัวหนังสือเป็นเวลานานๆ เช่นนี้ เพราะฉันมักจะปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับตัวอักษรเสมอๆ ทุกครั้งที่หยิบมันขึ้นมาอ่าน




ฉันปิดหนังสือลง โดยมีแผ่นกระดาษแข็งแผ่นเล็กยาวคั้นหน้าที่อ่านค้างเอาไว้...วางมันเก็บเข้าที่เหมือนตอนที่หยิบมันออกมา แล้วเดินกลับไปยังเตียงนอนดังเดิม...ล้มตัวลง แล้วข่มตานอน เพราะฉันยังต้องมีงานให้ทำอีกมากมายในเช้าวันพรุ่งนี้...สายฝนข้างนอกนั่นยังคงสาดโปรยปรายไม่หยุด



………


ความรัก เหมือนโรคา
บัลดาลดา ให้มืดมน
ไม่ได้ยิน และ ไม่ยล
อุปสรรคใดๆ

ความรักเหมือนโคถึก
กำลังคึก ผิ ขังไว้
ก็โลดจากคอกไป
บ่ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง

ถึงหากจะผูกไว้
ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง
บ่ หวนคิดถึงเจ็บกายฯ

…..”มัทนะพาธา”.....













.....หมอกควันจางๆ ลอยคลุ้งกระจายไปทั่ว...





ฉันเดินผ่านม่านหมอกควันบางเบาเหล่านั้นอย่างช้าๆ แล้วเพ่งพินิจไปยังร่างๆ หนึ่ง ซึ่งกำลังนั่งนิ่งอยู่ที่โขดหินเตี้ยราบเหนือพื้นดินเพียงไม่ถึง 2 ฟุต



ร่างนั้น งดงาม ราวกับรูปปั้นประติมากรรมโดยช่างศิลป์ฝีมือเอก...



หญิงสาวแสนสวย งดงามราวเทพธิดา ผมของเธอเหยียดยาวตรงสลวยดำขลับเป็นมันเงา ยาวจรดพื้นเบื้องล่าง...รวบเกล้าหลวมๆ เพียงครึ่ง ประดับด้วยเครื่องประดับทำจากทองสัมฤทธิ์ กับ มรกตสีเขียวส่องประกายวับวาม และสีเหลืองทองอำพันของบุษราคัม เป็นรูปดอกชมนาดหลายดอกทับซ้อนกัน งดงามราวของจริง




ผิวกายของเธอนั้นนวลเนียนขาวผุดผ่องราวแสงจันทร์ในคืนข้างขึ้น ดวงหน้างดงามหมดจด คิ้วโค้งโก่งดั่งคันศรองค์รามเทพ...ขนตาดำงอนยาวเป็นแพรงาม จมูกเชิดเข้ารูปรับกับริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่อราวกลีบกุหลาบแรกแย้ม




ร่างระหงอยู่ในชุดโบราณ รอบอกพันด้วยผ้าแถบสีอ่อนสีเหลืองนวล ทิ้งชายผ้าด้านหน้าด้านซ้ายยาวจรดเอว เผยให้เห็นถึงหัวไหล่กลมมน ขาวนวล ...ส่วนผ้านุ่งก็เป็นผ้ายกทองพื้นสีแดงอมส้ม ทอลวดลายเป็นดอกพิกุลเล็กจิ๋วด้วยดิ้นทอง งดงามวิจิตร เนื้อผ้าเป็นมันเงา จับจีบหน้าจากชายพกยาวจรดข้อเท้า คาดประดับด้วยเข็มขัดทองลวดลายงดงามประณีต ฉลุลวดลายอ่อนช้อย ที่คอของเธอก็คล้องสายสร้อยทำจากทองเนื้อดีส่องแสงระยิบระยับ ประดับประดาด้วยพลอยสีชนิดต่างๆ ขับผิวของเธอให้งามผุดผ่องมากขึ้น รัดแขนด้วยเครื่องประดับทำด้วยทองเช่นกัน สลักเสลาลวดลายเป็นรูปดอกไม้ดอกเล็กๆ เรียงร้อยกันคล้ายเถาวัลย์พันเกี่ยวเรียวแขนอ่อนของเธอให้งดงามชวนพิศ สองข้อมือนั้นก็สวมกำไรทองที่งดงามไม่แพ้เครื่องประดับชิ้นอื่นๆ



แม้ว่า รูปลักษณ์ภายนอกนั้นเธอจะดูงดงามราวเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ แต่ทว่าในแววตาของเธอนั้น ช่างเศร้าสร้อย แฝงความทุกข์ระทมแสนสาหัส ....



ฉันยังคงก้าวเดินต่อไปเบื้องหน้า ก้าวเข้าไปใกล้ๆ เธอคนนั้น....ดวงตาที่สวยงามคู่นั้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา...พวงแก้มสีชมพูของเธอเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยคราบหยาดน้ำตาที่รินไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเธอ ...เธอดูเศร้าโศก จนทำเอาฉันรู้สึกได้ถึงความทุกข์ภายในใจของเธอ ความรู้สึกปวดร้าวในใจของเธอ ความเจ็บปวดแสนสาหัส อันหาที่เปรียบไม่ได้นั้น ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดทรมานใจตามเธอไปด้วย



หยาดน้ำตาหยาดใสไหลรินออกมาจากสองตาสวยคู่นั้น ...ฉันไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเธอถึงต้องทุกข์ระทมขนาดนี้ อะไรกันที่ทำให้ผู้หญิงที่สวยงามราวเทพธิดาคนนี้ต้องเศร้าโศก โสมนัส ได้ขนาดนี้ อะไรกันที่ทำให้เธอนั่งร่ำไห้เหมือนใจจะขาดแบบนี้




ฉันมองไปรอบๆ ทุกอย่างว่างเปล่า...ผืนป่ากว้างใหญ่ ไร้สรรพสิ่งใดๆ ว่างเปล่า เงียบเหงา ราวกับว่าตอนนี้ผืนป่าทั้งผืนแห่งนี้ กำลังร่ำไห้ โศกเศร้าไปกับเทพธิดาผู้งดงามผู้นี้...ฉันยังคงยืนนิ่ง น้ำตาไหลรินไม่ต่างจากเธอ




เสียงร่ำไห้จากเทพธิดาผู้งดงาม ยังคงดังแว่วผ่านอากาศธาตุมากระทบโสตประสาทสัมผัสการรับรู้ของฉันไม่หยุดหย่อน...ฉันเฝ้ามองอาการโศกสันต์ โทมนัส ของเธอ อยู่เงียบๆ หยาดน้ำตาใสของเธอเริ่มมีสีแดงราวโลหิต สีแดงฉานไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งคู่ของเธอ ร่องรอยความโศกเศร้า เสียใจ ร้าวราน ยังคงแสดงให้เห็นไม่หยุดหย่อน




หยาดโลหิตสีแดงสดไหลรินออกจากดวงตา เปื้อนแก้มเป็นแนวทางยาว จรดปลายคางของเธอ...หยาดน้ำตาโลหิตไหลหยดย้อยลงสู่ผ้านุ่งผืนสวย จากสีเดิมของผ้านุ่งที่เป็นสีแดงอมส้มโดยมีดิ้นทองถักทอแวววาว เริ่มมีสีเข้มแดงขึ้นเรื่อยๆ และแผ่กระจายออกไปเป็นวงกว้างบนเนื้อผ้าแสนสวย




ริมฝีปากอิ่มสวยสีแดงดั่งกลีบกุหลาบแรกแย้มนั้น เริ่มขยับ ขมุบขมิบ ราวกับว่าเธอกำลังพร่ำพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ทว่าฉันนั้นฟังไม่ชัดเจนนัก ทุกถ้อยคำที่เธอเปล่งเสียงออกมานั้น นำพามาซึ่งความร้าวราว เจ็บปวด ทุกข์ระทมแสนสาหัส




เพียงถ้อยคำที่เปล่งออกมานั้น ได้สิ้นสุดลง ร่างระหงงดงามก็ทรุดฮวบลงกับพื้นเบื้องล่าง แน่นิ่ง ลมหายใจอันอ่อนระทวย รวยริน ค่อยๆ แผ่วเบาลงทุกที ทุกที จนนิ่งสนิท ...แม้ว่าดวงตาทั้งสองข้างจะปิดลง แต่หยาดน้ำตาสายโลหิตยังคงไหลรินไม่สิ้นสุด








......เสียเจ้า


เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง
มุ่งปรารถนาอะไรในหล้า
มิหวังกระทั่งฟากฟ้า
ซบหน้าติดดินกินทรายฯ

จะเจ็บจำไปถึงปรโลก
ฤารอยโศกรู้ร้างจางหาย
จะเกิดกี่ฟ้ามาตรมตาย
อย่าหมายว่าจะให้หัวใจฯ

ถ้าเจ้าอุบัติบนสวรรค์
ข้าขอลงโลกันตร์หม่นไหม้
สูเป็นไฟเราเป็นไม้
ให้ทำลายสิ้นถึงวิญญาณฯ

แม้แต่ธุลีมิอาลัย
ลืมเจ้าไซร้ชั่วกัลปาวสาน
ถ้าชาติไหนเกิดไปพบพาน
จะทรมานควักทิ้งทั้งแก้วตาฯ

ตายไปอยู่ใต้รอยเท้า
ให้เจ้าเหยียบเล่นเหมือนเส้นหญ้า
เพื่อจดจำพิษช้ำนานา
ไปชั่วฟ้าชั่วดินสิ้นเอยฯ


...............กวีนิพนธ์ - อังคาร กัลยาณุพงศ์











ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง....



สภาพห้องยังคงเป็นดั่งเดิม ...รอบข้างก็เป็นดั่งเดิม คือ ห้องนอนที่ฉันเคยพักอาศัยอยู่ตลอด 5 ปี นับตั้งแต่ที่ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ จนถึงทุกวันนี้ ทุกอย่างยังคงเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง



ภาพนั้น ยังคงเป็นความฝัน เหมือนที่ฉันฝันมาทุกครั้ง ภาพประหลาด เหตุการณ์ประหลาด ผู้คนหน้าตาประหลาด ...แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน ยังคงเป็นซ้ำๆ กันแทบทุกครั้ง นั่นก็คือ หยาดน้ำตา ....สองตาของฉันยังคงเปียกแฉะด้วยน้ำตาของฉันเอง มันเป็นเพราะอะไรกันนะ ทำไมฉันต้องร้องไห้แทบทุกครั้งอย่างนี้เรื่อย...ฉันไม่เคยเข้าใจถึงเหตุผลของมันเลย ไม่เคยเลยจริงๆ




ภายนอกห้อง ยังคงมีสายฝนโปรยปรายเช่นเดิม เหมือนก่อนที่ฉันจะล้มตัวลงนอน...ทว่า สายฝนที่ฉันเห็นในยามนี้นั้น มันช่างละม้ายคล้ายกับ....หยาดน้ำตา ของเทพธิดาผู้อาภัพเสียเหลือเกิน...หยาดน้ำตาที่ไม่มีวันหยุดไหลหลั่ง ดั่งสายฝนที่ไม่ยอมหยุดตก.....โศกเศร้า เงียบเหงา ปวดร้าว ทุกข์ระทม






***************************











Create Date : 13 ตุลาคม 2552
Last Update : 4 ธันวาคม 2552 10:59:06 น. 0 comments
Counter : 376 Pageviews.

kokoo_129
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Smiley*~๐.."รัก" ก็แค่คำว่า "รัก"..๐~*Smiley
Cute Cursors from Dollielove
Free Hit Counters
Friends' blogs
[Add kokoo_129's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.