วัฒนธรรม ปัญญา ศรัทธา คุณธรรม
|
|||
กรุวัดอัมพวัน นครนายก วัดอัมพวัน ต.บางอ้อ อ.บ้านนา จ.นครนายก วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ ซึ่งประวัติการสร้างนั้นรางเลือนมาก เท่าที่สอบถามดูก็น่าจะเป็นวัดที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยายุคปลาย หรือต้นกรุงรัตน โกสินทร์ จากการสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ ที่ได้รับคำบอกเล่าต่อๆ กันมานั้นว่า แต่แรกมีเพียงศาลาเก่าและกุฏิอย่างละหลัง พระอุโบสถที่ปฏิสังขรณ์ในยุคของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูรฯ) อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังฯ ที่บานประตูแกะสลักปี พ.ศ.ไว้ว่า พ.ศ.2466 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังฯ ท่านเป็นคนพื้นเพในแถบนี้ และที่วัดท่าทราย (ชาวบ้านเรียกว่า วัดโรงเจ้า) แถบวัดอัมพวันนี้จะมีหลักฐานปรากฏแน่ชัดคือ อนุสาวรีย์หม่อมเจ้าถึก โยมบิดาของท่าน ที่ด้านบนอนุสาวรีย์เป็นที่บรรจุอัฐิของหม่อมเจ้าถึก อิศรางกูรฯ ด้านล่างโดยรอบก็บรรจุอัฐิของตระกูลอิศรางกูรฯ รวมทั้งของ ม.ร.ว. จรัส น้องชายของท่านด้วย จึงเป็นหลักฐานยืนยันพื้นเพของเจ้าประคุณสมเด็จพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ) ได้เป็นอย่างดี ที่วัดอัมพวันนี้ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชท่านเคยเสด็จเรือไปประทับแรมอยู่หลายครั้ง และแม้แต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ (ร.6) ท่านก็เคยเสด็จทางเรือไปประทับแรมด้วยเช่นกัน และยังได้พระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ไว้เป็นหลักฐานทั้งสองพระองค์ พระเครื่องเนื้อผงที่แตกกรุออกมาจากองค์พระเจดีย์ของวัดอัมพวันกัน จากบันทึกคำบอกเล่าของคุณลุงพรหม งามอ่อนศรี อดีตผู้ใหญ่บ้าน ต.บางอ้อ บันทึกไว้ว่า เมื่อตอนที่ท่านอายุได้ 13 ปี วัดอัมพวันมีพระครูวิสุทธิ ธรรมธาดา (หลวงปู่จันทร์) เป็นเจ้าอาวาส พร้อมด้วยหลวงตาเณร (ก่อนอุปสมบทมีบรรดาศักดิ์เป็น หลวงนา) พร้อมด้วย พระลูกวัดอีก 2 รูป และตัวคุณลุงพรหม ได้เดินทางเข้าบางกอกโดยเรือแจว เพื่อไปรับพระเนื้อผงที่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ จัดสร้างขึ้นที่วัดระฆังฯ ในครั้งแรกสมเด็จท่านตั้งใจว่าจะบรรจุไว้ที่วัดระฆังฯ ต่อมาหลวงปู่จันทร์ได้พบเจ้าประคุณสมเด็จและแจ้งให้ทราบว่า ในขณะนั้นทางวัดอัมพวันดำริ จะก่อสร้างสถูปเจดีย์และปฏิสังขรณ์พระอุโบสถหลังเก่า จึงอยากจะหาวัตถุมงคล เข้าบรรจุในองค์พระเจดีย์ เพื่อเป็นการสืบอายุพระศาสนา สมเด็จท่านจึงได้เห็นเหมาะสมและได้มอบพระผงพิมพ์นี้มาให้หลวงปู่จันทร์นำไปบรรจุไว้ที่องค์พระเจดีย์วัดอัมพวัน จากบันทึกคำบอกเล่าของคุณลุงพรหม งามอ่อนศรี อดีตผู้ใหญ่บ้าน ต.บางอ้อ บันทึกไว้ว่า เมื่อตอนที่ท่านอายุได้ 13 ปี วัดอัมพวันมีพระครูวิสุทธิ ธรรมธาดา (หลวงปู่จันทร์) เป็นเจ้าอาวาส พร้อมด้วยหลวงตาเณร (ก่อนอุปสมบทมีบรรดาศักดิ์เป็น หลวงนา) พร้อมด้วย พระลูกวัดอีก 2 รูป และตัวคุณลุงพรหม ได้เดินทางเข้าบางกอกโดยเรือแจว เพื่อไปรับพระเนื้อผงที่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ จัดสร้างขึ้นที่วัดระฆังฯ ในครั้งแรกสมเด็จท่านตั้งใจว่าจะบรรจุไว้ที่วัดระฆังฯ ต่อมาหลวงปู่จันทร์ได้พบเจ้าประคุณสมเด็จและแจ้งให้ทราบว่า ในขณะนั้นทางวัดอัมพวันดำริ จะก่อสร้างสถูปเจดีย์และปฏิสังขรณ์พระอุโบสถหลังเก่า จึงอยากจะหาวัตถุมงคล เข้าบรรจุในองค์พระเจดีย์ เพื่อเป็นการสืบอายุพระศาสนา สมเด็จท่านจึงได้เห็นเหมาะสมและได้มอบพระผงพิมพ์นี้มาให้หลวงปู่จันทร์นำไปบรรจุไว้ที่องค์พระเจดีย์วัดอัมพวัน หลังจากที่องค์พระเจดีย์สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ม.ร.ว.จรัส อิศราง กูรฯ น้องชายของสมเด็จท่าน ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้วัด ได้ไปกราบนมัสการนิมนต์สมเด็จท่านมาเป็นประธานในการบรรจุ มีการสมโภชอยู่หลายวัน พิธีใหญ่ มีพระเกจิหลายรูป ร่วมพิธี สำหรับการแตกกรุของพระกรุนี้ ก็มีการแตกกรุมาหลายปีแล้ว ท่านเจ้าอาวาสขณะนั้นก็ได้แจกจ่ายให้แก่ชาวบ้าน และผู้ที่มีจิตศรัทธาสมทบทุนสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ พระพุทธลักษณะของพระเนื้อผงพิมพ์นี้เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม มีองค์พระประทับนั่งปางสมาธิบนฐานเขียง พระที่ออกมาจากกรุมักจะมีคราบดินกรุ และคราบสีน้ำตาลจับอยู่บนองค์พระ ผิวพระมักจะยุ่ยๆ ฝ่อๆ พรุนๆ เนื่องจากอาจจะมีความชื้นจากน้ำท่วมก็เป็นได้ องค์สวยๆ นั้นค่อนข้างหายากสักหน่อย สำหรับสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ) ท่านก็คือผู้ที่สร้างพระวัดระฆังหลังค้อน อันมีชื่อเสียงโด่งดังครับ |
thaithinker
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] กตัญญู ขยัน ซื่อสัตย์ เป็นคุณธรรมพื้นฐาน ของการดำเนินชีวิต ที่เราทุกคนเกิดมาเป็นคน พึงรักษาไว้ Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |