Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
4 กุมภาพันธ์ 2548
 
All Blogs
 
© ถ้อยคำ/ สาระ/ ภาพ/ ตามทางเดิน ภาค 1 - 3


เที่ยววัดพม่า VS วัดไทย
เช้านี้เราตื่นนอนประมาณ 7 โมง แต่ก็ยังอ้อยอิ่งอยู่บนเตียงจนถึง 8 โมง ระหว่างนั้นก็จะได้ยินเสียงของรถเมล์และมอเตอร์ไซค์ที่นานๆ จะวิ่งผ่านหน้าเกสต์เฮาส์ของเรา เมื่อเปิดหน้าต่างบานเกร็ดออกไปก็จะพบกับบรรยากาศภายนอกช่างเงียบสงบและสัมผัสได้ถึงความเย็นสบายของอากาศยามเช้าที่เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว

เช้าวันนี้เรามีโปรแกรมที่จะไปเที่ยววัด 2 แห่งที่อยู่ติดกันคือ วัดไทยกับวัดพม่า เราจึงออกไปรอรถเมล์ที่ถนน Julia แต่หลังจากที่รอเป็นเวลาประมาณ 20 นาที ก็ยังไม่มีวี่แววของสายรถเมล์ที่เราต้องไป ผมจึงถือโอกาสเดินสำรวจตลาดยามเช้าที่อยู่ในซอยใกล้กับป้ายรถเมล์ลักษณะของตลาดจะคล้ายกับบ้านเราที่มีการวางแผงหรือใช้รถเข็นจอดเรียงเป็นแนวยาวตลอดทั้ง 2 ข้างของซอยดังกล่าว บรรยากาศของตลาดยังคึกคักพอสมควรแม้ว่าจะสายมากแล้วก็ตาม (ประมาณ 9 โมง) แต่ก็ยังมีคนจับจ่ายใช้สอยซื้อหาผัก ผลไม้ และเครื่องปรุงอาหารหน้าตาแปลกๆ อยู่พอสมควร



หลังจากที่เดินผ่านทะลุตลาดยามเช้าแล้วนั้นเราก็ตัดสินใจที่จะโบกรถแท็กซี่เพื่อที่จะไปวัดพม่า เนื่องจากสายมากแล้วหากไม่รีบก็เกรงว่าจะกลับมาไม่ทันขึ้นรถบัสที่จองไว้ตั้งแต่เมื่อวานที่จะออกจากปีนังเวลาบ่ายโมง

แท็กซี่ที่เกาะปีนังเป็นแท็กซี่มิเตอร์ แต่คันที่เราขึ้นไม่ยักกะกดมิเตอร์ แต่คิดค่าโดยสาร 10 RM เข้าใจว่าคงเห็นเราเป็นนักท่องเที่ยว

นั่งแท็กซี่ประมาณ 15 นาที เราก็มาถึงวัดพม่า ซึ่งเป็นวัดที่มีรูปแบบของศิลปะพม่าไม่ว่าจะเป็นองค์พระพุทธรูป โบสถ์ ตลอดจนรูปภาพตามพระพุทธประวัติต่างๆ ก็เป็นรูปแบบของพม่าทั้งสิ้น เหมือนกับว่าได้มาเที่ยวพม่าเป็นของแถม







ต่อจากชมวัดพม่าเราก็ข้ามถนนไปชมวัดไทยที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกันพอดีซึ่งโดยรวมแล้วลักษณะของวัดก็จะคล้ายหรือเหมือนกับวัดโดยทั่วไปที่มีอยู่ในประเทศไทย ภายในโบสถ์ก็จะการประดิษฐานพระพุทธรูปปางนิพพานขนาดใหญ่ และมีรูปพระเกจิอาจารย์ต่างๆ ที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยไว้ให้สักการบูชากันอีกแถมยังมีป้ายและข้อความต่างๆ เป็นภาษาไทยจนทำให้เราเกือบลืมไปว่าเราอยู่บนเกาะปีนัง





หลังจากที่ได้ไหว้พระขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลต่อการเดินทางท่องเที่ยวของเราแล้ว เมื่อมองดูนาฬิกาก็พบว่าเรายังพอมีเวลาเหลือพอสมควร เราจึงตัดสินใจที่จะเดินชมบรรยากาศของเกาะปีนังที่ส่วนใหญ่จะมีอาคารบ้านเรือนสไตล์โคโลเนียลที่มีอายุเก่าแก่ แต่ได้รับการบูรณะอย่างดีและส่วนใหญ่ก็จะได้รับการทาสีใหม่ให้สวยงาม เป็นการสร้างบรรยากาศของเมืองให้มีความสดใสสวยงามสมกับเป็นเมืองที่มีผู้คนมาเยี่ยมเยือนเป็นจำนวนมากในแต่ละปี







Good bye ปีนัง
เมื่อกลับมาถึงที่พักเราก็ทำการเก็บของลงเป้ แล้ว check out ออกจากเกสต์เฮาส์ ก่อนเที่ยงจึงกินบะหมี่เอาแรงแล้วจึงนั่งรถเมล์ไปตึกkomtarเพื่อที่จะเดินทางไปยัง KL.เมืองหลวงของมาเลเซีย

โดยการนั่งรถบัสจากปีนังนี้ทำให้เราได้มีโอกาสที่จะขึ้นสะพานที่ยาวเป็นอันดับ 4 ของโลก นั่นก็คือสะพานปีนังโดยมีความยาวถึง 13 กิโลเมตร ระหว่างที่รถกำลังวิ่งผ่านสะพานนั้นเราสามารถมองดูวิวของทั้งเกาะปีนังและเมืองบัทเตอร์เวิรท์รวมถึงเรือเฟอรี่ที่คอยรับส่งผู้คนของทั้ง 2 ฝั่งได้อย่างชัดเจน

การเดินทางจากปีนังไปKL.เราใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง โดยระหว่างทางเราจะพบเห็นสวนปาล์มน้ำมันจำนวนมากสลับกับพื้นที่ป่า เนื่องจากพื้นที่ที่ถนนที่เป็นเส้นทางหลักของมาเลเซียตัดผ่านนั้นจะเต็มไปด้วยเนินเขาลูกเล็กลูกใหญ่จำนวนมากจึงมีบางช่วงที่เราต้องผ่านเข้าไปในอุโมงค์ที่เจาะทะลุภูเขาเป็นระยะทางยาวเกือบกิโลทีเดียว

สภาพทางหลวงของประเทศมาเลเซียมีสภาพดีพอสมควรเลยทีเดียว (ดีกว่าประเทศไทย) มีการสร้างจุดพักรถเป็นระยะๆ โดยจะมีอาหารขายและห้องน้ำที่สะอาดดีมาก โดยตลอดเส้นทางจะมีด่านเก็บเงินเป็นระยะๆ คล้ายกับ MOTOR WAY บ้านเราแต่ที่นี่รถมอเตอร์ไซค์สามารถเข้าไปใช้ได้ด้วย









Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2548
Last Update : 26 เมษายน 2548 2:40:34 น. 8 comments
Counter : 1038 Pageviews.

 



รูปเยอะเลยค่ะ ดูรูปเพลินเลย :)

โดย: chirala (chirala ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:2:06:50 น.  

 


น่าไปเที่ยวบ้างจัง...







โดย: รักดี วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:12:37:15 น.  

 
ตามมาอ่านครับ!!!!
ชอบการเขียน "เรียบง่าย ภาษาไม่ฉวัดเฉวียน แต่ก็แปลกที่ทำให้อ่านต่อเนื่องจนจบทุกตอน" อาจเป็นเพราะว่าสำนวนที่ใช้ดูจริงใจดี โดยเฉพาะบทเกริ่นนำในตอนต้นบทความครับ

ว่างๆ ก็แวะไปชม blog ผมบ้างนะครับ อยากทำสารคดีท่องเทียวบ้าง ถ้ามีโอกาสมาร่วมงานกันมั้ยครับ

ปล. คุณเป็น blog แรกที่ผม save ไว้ใน bolg ผม

miragery


โดย: miragery IP: 151.205.180.79 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:13:00:03 น.  

 
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ....แล้วผมจะฝากบอกเพื่อนผมเจ้าของบทความให้ครับ(นายกิต) คือเขาไม่ค่อยว่างเลยฝากผมโพสอีกที ถ้าเจ้าตัวรู้ว่ามีคนสนใจคงดีใจ

ส่วนเรื่องสารคดีท่องเทียวเห็นกิตมันเคยบอกว่ามันอยากทำครับ แต่มันไม่รู้จะเริ่มยังไง ยังไงคุณ miragery ลองเมล์ไปคุยกับมันได้ครับ ที่ clis15@yahoo.com


โดย: Onter (อ้น) IP: 203.170.132.26 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:23:39:45 น.  

 
ขอบคุณทุกคนมากๆครับ
ดีใจมากที่มีคนสนใจ
ขอบคุณสำหรับทุกๆความคิดเห็น
กฤษณ์


โดย: กฤษณ์.... IP: 203.152.3.136 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:23:46:32 น.  

 
ขอบคุณ ข้อมูลต่างๆมากเลยกับน้ำใจคนไทยที่แสนดีอย่างงี้ สกัวัน คงได้แบกเป้ แบบนี้บ้าง เก่งนะ ไปคนเดียวซะด้วย ใจถึงเจงๆ นายแน่มาก


โดย: พี่ปอง IP: 61.90.117.177 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:23:47:41 น.  

 
ยินดีอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมงานกับทุกท่าน
ขอบคุณหลายๆ


โดย: กฤษณ์... IP: 203.152.3.136 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:23:49:05 น.  

 
น่าติดตามจิงๆ อ่านมาถึงตอนที่ 3 แล้ว ยังมันพะยะค่ะ อยู่เรย พี่กิดนี่เขียนเก่งมากๆค่ะ...


โดย: Bee IP: 203.209.38.228 วันที่: 16 มีนาคม 2550 เวลา:15:11:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Onter
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Onter's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.