ดันสินค้าแพง-จีดีพีเกษตรโต5% สศก.หวั่นปีหน้าน้ำท่วมซ้ำ
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ผลผลิตเกษตรปี 2555 เป็นช่วงเสี่ยงและต้องระมัดระวังอย่างมาก แม้แนวโน้มความต้องการอาหารของโลกจะเพิ่มขึ้น แต่จากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมามีรอบวงถี่ขึ้น หากไม่เกิด สถานการณ์แล้งจัด ก็จะเกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง ซึ่งไม่ดีต่อภาคการเกษตรทั้งสิ้น แตไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ภัยพิบัติในปี 2555 ได สวนราคาสินค้าเกษตรยังมีความเสี่ยงจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างจริงจัง
"จากนี้ไปความพอดีของธรรมชาติอาจหาได้ยาก เนื่องจากภาวะโลกร้อนทำให้รอบฤดูกาลเปลี่ยนแปลงไปหมด ซึ่งหลายหน่วยงานได้ระบุอย่างชัดเจนว่าธรรมชาติจะย่างเข้าช่วงลานินญ่า ที่หมายถึงปริมาณน้ำจะมีมาก หากเกิดภัยน้ำท่วมซ้ำรอยปี 2554 ภาคการเกษตรจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ในกรณีที่ไม่เป็นไปตามที่คาด และเกิดภัยแล้งจัดขึ้นน้ำที่มีอยู่ในเขื่อนปัจจุบันอาจจะเพียงพอต่อการปลูกพืชฤดูแล้งหรือทำนาปรัง ทั้งนี้ในภาวะดังกล่าวจะต้องไม่เกิดปัญหาฝนตกทิ้งช่วงขึ้น" นายอภิชาตกล่าว
นายอภิชาตกล่าวว่า คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภาคการเกษตรจะขยายตัวประมาณ 5% ขณะที่ในปี 2554 จะมีการขยายตัวได้เพียง 1% ต่ำกว่าเป้าหมายในปีนี้ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 4.8% ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมรองรับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ด้านภัยพิบัติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องเร่งทำบริหารจัดการน้ำให้เร็วขึ้น
"การบริหารจัดการน้ำเป็นเรื่องสำคัญ คณะกรรมการยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำจะต้องวางแผนให้ดี และเร็วกว่าที่เป็นอยู่เพราะเหลือเวลาอีกเพียง 6 เดือนก็จะเข้าสู่สถานการณ์น้ำหลากอีกครั้ง หากคณะกรรมการชุดนี้ยังล่าช้า ไม่ปล่อยทีเด็ดไม่สามารถขับเคลื่อนอะไรได้ สุดท้ายภาคการเกษตรก็จะยังเสี่ยงต่อภัยพิบัติอีกครั้ง" นายอภิชาตกล่าว
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คาดเดาได้ว่าผลผลิตสินค้าเกษตรของโลกมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ราคาจะสูงขึ้น แต่จากเศรษฐกิจของโลกที่ยังชะลอตัว จะเป็นแรงดึงให้ราคาสูงขึ้นได้ แตตองใชเวลา
นายอภิชาต กล่าวอีกว่า ผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมต่อภาคเกษตร ล่าสุดวันที่ 16 ธ.ค.54 มูลค่าความเสียหายด้านการเกษตรเบื้องต้นรวม 76,673 ล้านบาท แบ่งเป็นความเสียหายด้านพืช 66,420 ล้านบาท ด้านปศุสัตว์ 5,474 ล้านบาท แปลงหญ้า 49 ล้านบาท และด้านประมง 4,779 ล้านบาท โดยข้าวเสียหายมากที่สุดคิดเป็นมูลค่าประมาณ 51,500 ล้านบาท หรือประมาณเกือบ 10 ล้านตัน โดยสัดส่วนของพื้นที่ปลูกเสียหายมากถึง 14% ของพื้นที่ปลูกรวมทั้งหมดทั่วประเทศ
Create Date : 26 ธันวาคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 26 ธันวาคม 2554 15:56:35 น. |
Counter : 437 Pageviews. |
|
|
|