|
สึนามิ พลังแห่งธรรมชาติ (ตอนที่ 1)
วันนี้เห็นข่าวแผ่นดินไหวที่แถวหมู่เกาะอันดามัน ห่างจากระนองไปทางตะวันตกราว 600 km แล้วก็อาจมีแผ่นดินไหวที่หมู่เกาะนิโคบาร์ กลางทะเลอันดามันอีก ใน 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ไหวไปแล้ว 31 ครั้ง โอ้โห...นักวิชาการเกรงว่าจะเป็นสัญญาณเตือนภัยว่าจะมีการระเบิดของภูเขาไฟใต้น้ำ และอาจเกิด "สึนามิ" ขึ้นอีกก็ได้ อะไรกันนี่ อีกแล้วหรอ
เมื่อปีเศษๆที่ผ่านมา เกิดภัยธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในเมืองไทย "สึนามี" เป็นสิ่งที่ธรรมชาติแสดงให้มนุษย์โลกได้รู้ว่า ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของโลกใบนี้ เหตุการณ์ครั้งนั้น เรามีได้ประสบพบเจอแบบไม่ได้รับเชิญและไม่ได้ยินดีนัก แต่ต้องเรียกว่า เราได้จ๊ะเอ๋ say hello กับ "เขา" แบบเต็มๆ จะเรียกได้ว่า พวกเราเป็นหนึ่งในกลุ่ม ผู้รอดชีวิต จากเหตุการณ์นี้เลยก็ว่าได้
เรามีแผนที่จะไปสอบดำน้ำลึกที่ทะเลกระบี่ ในวันที่ 25 และ 26 ธันวาคม 2547 โดยมีครูตุ้ย ครูดำน้ำที่แสนดีของพวกเราเป็นผู้ควบคุมดูแล และครูก็อยากให้เราเห็นทะเลที่สวยงามตั้งแต่ลงดำน้ำในทะเลครั้งแรก ครูจึงเลือกให้เราไปดำที่เกาะพีพี และเกาะปอดะ ที่ทะเลกระบี่ โดยให้พวกเราเลือกว่าจะไปที่ไหนวันไหนบ้าง ด้วยความจำเป็นทางบ้านของเรา ทำให้เราต้องรีบกลับบ้านที่กรุงเทพฯให้ทันเช้าวันจันทร์ที่ 27 ดังนั้นแผนการสอบดำน้ำของพวกเราจึงต้องไปลงที่เกาะพีพี ในวันเสาร์ที่ 25 และไปที่เกาะปอดะในวันอาทิตย์ที่ 26
เช้าวันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม 2547 ตื่นเต้นมากที่จะได้ลงดำน้ำในทะเลเป็นครั้งแรก หลังจากที่ต้องเซ็งดำกินน้ำจืดที่สระว่ายน้ำมาแล้ว 2 วัน ครูตุ้ยได้พาพวกเรานั่งเรือไปราว 1 ชั่วโมงครึ่งเพื่อไปถึงเกาะพีพี บริเวณหน้าอ่าวมาหยา อ่าวที่มีชื่อเสียงระดับโลก จากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดชื่อดัง ครูสั่งให้เตรียมตัว เปลี่ยนชุด ใส่ wet suit เลือก fins เช็คอุปกรณ์ ก่อนที่ครูจะบริฟเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็ให้โดดลงน้ำ ปล่อยตัวให้ลึกลงไปที่ความลึก 10 เมตร เราเห็นความสวยงามของทะเลลึกเบื้องล่างเป็นครั้งแรกในชีวิต ลืมไปเลยกับความสวยงามระดับ snorkeling แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างราบรื่น ทะเลสวยฟ้าใส อากาศดี
เช้าวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2547 เมื่อวานนี้เรานัดกับครูตุ้ยที่อ่าวนาง บริเวณเดิมที่เราแยกกันเมื่อวานนี้ ตอน 8 โมงเช้า และคงเริ่มลงน้ำตอนประมาณ 10 โมงเช้า พวกเรามาถึงพอดีเวลา และคาดว่าจะพบกับครูรอพวกเราอยู่ก่อน ไม่เห็นรถกระบะคันเก่าของครู ไม่เห็นครู ไม่เห็นผู้ช่วยครู เห็นแต่อ่าวนางที่เงียบสงบยามเช้า มีรถจอดประปราย มีนักท่องเที่ยวตื่นเช้ามาวิ่ง 2-3 คน พวกนักท่องเที่ยวฝรั่งคงยังไม่ตื่น เนื่องจากเมื่อคืนเป็นคืนวันคริสต์มาส คงมีงานฉลองจนดึก ด้วยความเกรงใจ พวกเราจึงนั่งเล่นรอครูอยู่แถวบริเวณหน้าชายหาด ไม่มีเสียงโทรศัพท์จากครูตุ้ย ทะเลสวย ฟ้าใส ไม่มีเมฆสักก้อนบนฟ้า มีลมเอื่อยๆจากทะเลพัดมาเป็นพักๆ แดดยามเช้าร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง เกือบ 10 โมงแล้ว ทำไมครูยังไม่มา หรือว่าครูมีธุระด่วน แต่ก็น่าโทรมาบอกกันบ้าง และแล้วพวกเราก็ทนไม่ไหว จึงตัดสินใจโทรหาครู อ้าว...ครูก็มาถึงตั้งนานแล้ว แต่ด้วยความเกรงใจเช่นกัน ครูที่แสนดีจึงไม่โทรมาเร่งพวกเรา "เร็วเข้าสายมากแล้ว" ครูตุ้ยเร่งให้พวกเรารีบเปลี่ยนชุด และขนอุปกรณ์ลงเรือหางยาว เพื่อจะลงน้ำก่อนที่แดดจะแรงมากกว่านี้ กว่าจะได้ลงเรือก็ 10 โมงเศษ แต่เกาะปอดะอยู่ห่างฝั่งไปไม่กี่นาทีเท่านั้น พวกเราแต่งตัวกันครบครัน เพื่อจะได้ไม่ต้องลำบากเปลี่ยนบนเรือลำเล็ก ท้องเรือก็มีถังอากาศอยู่เต็ม พร้อมให้เราโดดลงน้ำได้ทันทีเมื่อถึงที่หมาย
ในที่สุดเราก็มาถึงเกาะปอดะ แต่ครูสั่งให้คนเรือหันหัวเรือออกไปทางขวาเล็กน้อย ไปที่เกาะเล็กๆ ข้างๆ เกาะปอดะ เนื่องจากครูเห็นว่าที่ปอดะมีตะกอนอยู่มาก น้ำไม่ใสนัก
อีกราว 300 เมตร ก่อนถึงจุดดำน้ำ ทุกคนบนเรือก็สังเกตเห็นสิ่งที่ประหลาดที่ขอบฟ้า ระหว่างฟ้าใสสีคราม ตัดกับทะเลสีน้ำเงินเข้ม มีฟองเกลียวคลื่นยักษ์เคลื่อนที่มาหาเรือของเราด้วยความเร็วสูง คนเรือที่ขับเรือแถวนี้มาทั้งชีวิตตะลึงกับสิ่งที่เห็น ครูตุ้ยที่ดำน้ำมามากกว่า 30 ปีรู้ทันทีว่านี่คือคลื่นยักษ์ที่เรียกว่า "สึนามิ" คลื่นยักษ์ที่มีความเร็วเท่าเครื่องบินไอพ่น ความสูงของคลื่นที่พวกเราเห็นกลางทะเลนี้ ไม่น่าต่ำกว่า 5 เมตร
คลื่นลูกแรกปะทะกับเกาะเล็กๆที่เป็นจุดดำน้ำของพวกเรา เกาะนี้สูงจากผิวน้ำราว 5 เมตร คลื่นปะทะด้วยความเร็วและแรง แตกกระจายเป็นฟองสีขาวกระจายขึ้นไปสูงไม่ต่ำกว่า 10 เมตร เหมือนว่า "เขา" จะขู่ขวัญให้พวกเรารู้ว่า "ข้ามาแล้ว ข้ามีพลังมากมายนัก จงระวังให้ดี"
ในเวลาไม่ถึงนาที คลื่นยักษ์ก็มาอยู่ตรงหน้าเรือพวกเรา ครูสั่งให้คนเรือหันหัวเรือเพื่อโต้กับคลื่น ไม่ให้เรือพลิกคว่ำจากความสูงของคลื่น และตะโกนให้พวกเราได้สติ หลังจากตะลึงงันกับพลังอันมหาศาลของธรรมชาติเบื้องหน้า ครูสั่งให้พวกเราใส่เสื้อชูชีพให้ดี ตั้งสติ นั่งนิ่งๆบนเรือ และทำตามที่ครูสั่ง ฉับพลันคลื่นลูกแรกได้ผ่านพวกเราไป แต่ยัง...ยังไม่จบ คลื่นลูกที่สองตามมาติดๆ เรือเราเริ่มเสียหลักเล็กน้อย แต่ด้วยความมีสติของครู และความเชี่ยวชาญของคนเรือ ทำให้สามารถประคองเรือให้ผ่านพ้นเกลียวคลื่นไปได้ด้วยดี
พวกเราปลอดภัยแล้ว แต่ว่า... มันคืออะไร ทำไมมันถึงได้น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ ท้องฟ้าใส ทะเลนิ่งสงบ ทำไมถึงมีคลื่นที่ใหญ่และเร็วขนาดนี้มาได้ มันจะไปถึงชายฝั่งหรือไม่ มันมาจากไหน อะไรกันนี่ ???
คำถามมากมายผุดขึ้นมา แล้วครูตุ้ยก็อธิบายให้พวกเราทุกคนได้เข้าใจ
(มีต่อตอนต่อไปนะครับ)
Create Date : 11 มีนาคม 2549 |
|
7 comments |
Last Update : 11 มีนาคม 2549 15:23:42 น. |
Counter : 847 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) 11 มีนาคม 2549 16:20:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: @opal@ 11 มีนาคม 2549 23:09:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: คอเล่า IP: 203.172.116.188 13 มีนาคม 2549 22:51:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: muk IP: 202.57.172.30 13 มีนาคม 2549 23:03:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: ukako 14 มีนาคม 2549 5:40:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: แมวอ้วน IP: 203.188.34.77 14 มีนาคม 2549 6:17:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: jeafish (jeafish ) 14 มีนาคม 2549 17:51:55 น. |
|
|
|
| |
|
|
ปล ชอบภาพปลาผีเสื้อสินสมุทรลายสวยๆตัวข้างบนจังเลยครับ