Group Blog
พฤศจิกายน 2551

 
 
 
 
 
 
3
5
6
7
8
10
11
13
15
17
18
21
23
25
29
 
 
All Blog
ควรทำอย่างไรถ้าใจอยากได้คนรักเก่ากับคืนมา ???
ถาม – เริ่มเข้าใจว่าทำไมคนถึงอยากใช้ไสยศาสตร์เป็นทางลัดกัน ตอนนี้อยากคืนดีกับแฟนเก่ามาก เหมือนใจจะขาดให้ได้ พยายามเปิดใจรับคนอื่นก็ไม่สำเร็จ พอรู้สึกเกือบๆจะชอบใครขึ้นมา พอดูหน้าเขาอย่างคิดว่าตกลงเป็นแฟนดีไหม ก็รู้สึกห่อเหี่ยว หมดความไยดี ไม่อยากแม้แต่มองหน้า แถมเมื่อเจอหนังสือที่บอกวิธีทำคุณไสยให้คนหลงรัก ก็นึกถึงแฟนเก่าทันที แต่ก็กลัวเพราะเชื่อแล้วว่าวิบากกรรมมี เหมือนที่คุณดังตฤณเคยบอกว่าถ้าใช้ไสยศาสตร์จะทำให้อยู่กับโลกมืดอย่างเป็นทุกข์ แม้ข้างนอกดูเหมือนสุข ใจก็ดำอยู่ตลอด คำถามคือถ้าเราอยากได้แฟนกลับมาจริงๆ จะมีกรรมอันเป็นกุศลแบบไหน ต้องไปทำบุญกับพระวัดใด จึงไม่ผิดกฎแห่งกรรม และได้ชื่อว่าเอาเขากลับมาด้วยบุญ ไม่ใช่ด้วยบาป? กรุณาอย่าบอกให้ทำใจ เพราะพยายามแล้วแต่ทำไม่ได้จริงๆ

ถามตัวเองเป็นอันดับแรกนะครับ ว่าถ้าได้เขากลับมา แล้วเกิดไม่พอใจกันอีก ก็ต้องเจ็บปวดอีก จากกันอีก และจะต้องวนเวียนอยู่กับวงจรอยากได้เขาคืนซ้ำแล้วซ้ำเล่าใช่ไหม?

ได้คำตอบอย่างไร ให้ถามตัวเองอีกข้อ ว่าถ้าได้เขากลับมา แล้วคุณจะทำอะไรให้ดีขึ้นได้บ้าง ดีขึ้นชนิดที่เขาจะไม่ระอา และคุณก็จะเต็มใจทำไม่เลิก คุณนึกถึงวิธีการดีๆที่จะรักษาเขาไว้ได้กี่ข้อ?

ได้คำตอบอย่างไร ให้ถามตัวเองอีกนิด ว่าถ้าได้เขากลับมา แล้วคุณจะรักษาความรู้สึกของตัวเองท่าไหน แบบที่แน่ใจว่าคุณจะไม่กลับเหนื่อยหน่ายเสียเอง ด้วยเหตุที่ต้องเป็นฝ่ายออกแรงรักษาเขาไว้ ต้องเอาใจเขาตามต้องการทุกเรื่อง?

นึกวาดภาพไปเป็นข้อๆนะครับ ความคุ้นเคยในอดีตระหว่างกันคงทำให้จินตนาการของคุณแจ่มชัดพอ ที่ผมตั้งโจทย์ให้คุณถามใจตัวเองเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องของการ ‘ทำใจ’ แต่เป็นการ ‘ถามใจ’ ตัวเอง เพื่อสร้างจินตนาการหักลบหักล้างจินตนาการเดิมๆเสียบ้าง

คนที่โหยหาอาวรณ์คนรักเก่านะครับ เหตุผลเหมือนกันหมดแหละ คือโดนภาพความทรงจำด้านดีหลายๆฉาก หลายๆเหตุการณ์เล่นงานเอา ตามหลักธรรมชาติง่ายๆที่ว่าถ้าไม่เป็นสุขบ้าง ใจคงไม่ยึดมั่นในสิ่งที่ทำให้เป็นสุข คงอยากสลัดทิ้งกันหมด

ทีนี้เมื่อคุณสมมุติให้หลุดจากความฝักใฝ่เพ้อหา ถามใจตัวเองตามจริงว่าถ้าได้เขากลับมา จะเกิดอะไรขึ้น จินตนาการก็จะแตกต่างไป อย่างน้อยเรื่องเก่าๆที่เคยระหองระแหง เคยชินๆเบื่อๆ ก็ต้องย้อนกลับมาบ้าง ถึงตรงนั้นแม้ดวงจิตยังไม่สงบลง ก็คงลดความอยากได้คืนท่าเดียวไม่มากก็น้อย ตามหลักธรรมชาติที่ว่าถ้าไม่เป็นทุกข์บ้าง ใจก็คงไม่อยากทิ้งขว้างสิ่งที่ทำให้เป็นทุกข์เลย คงหวงไว้หมด

สถานการณ์อย่างคุณนะครับ บุญข้อแรกที่ต้องระลึกถึงเลย ก็คือการพยายาม ‘ตั้งสติ’ ถ้าตั้งสติได้ขณะกำลังจะขาดสติอยู่ร่อแร่ ไม่แพ้กิเลส และเห็นกิเลสเป็นเพียงคลื่นรบกวนที่ต้องแปรปรวนไป ก็ขอให้จำไว้เถิดว่าเกิดบุญใหญ่เสียยิ่งกว่าทำสังฆทาน ๗ วัดด้วยจิตเศร้าหมองเป็นไหนๆ

อันที่จริงการที่คุณรู้จักธรรมะ กลัวบาปกลัวกรรม และยั้งคิดได้แม้เจอทางลัดอันดำมืด ก็สะท้อนในตัวเองว่าคุณมีสติอยู่กับตัว เท่านี้ก็แสดงแล้วว่า สติในธรรมนี้แหละสมบัติสำคัญสูงสุด ที่ฉุดรั้งคุณไว้ได้ขณะชีวิตกำลังทำท่าจะดิ่งลงเหว

ข่าวหน้าหนึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เต็มไปด้วยคดีอ้อนวอนคนเก่าไม่สำเร็จแล้วลงเอยด้วยการเชือดกัน คนตายก็ตายด้วยความเกลียดกลัว คนอยู่ก็อยู่ด้วยความน้อยใจคร่ำเครียด นั่นเพราะอะไรถ้าไม่ใช่ ‘ขาดสติ’

สติของคุณยังมีคุณสมบัติที่ดีกว่าการเป็นเครื่องฉุดให้รอดจากก้นเหว เพราะสติที่มีกำลังมากพอแล้ว สามารถผลักดันให้คุณขึ้นฟ้าชั้นไหนก็สุดแต่จะปรารถนา

ผมบอกได้อย่างหนึ่งว่าถ้าจะเอาเขาคืนมาด้วยทางสว่าง ก่อนอื่นสติของคุณต้องดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เพราะตามธรรมชาติของกระแสจิตนะครับ ยิ่งคุณกระวนกระวายปั่นป่วน อยากได้คืนมากขึ้นเท่าไร ก็เท่ากับยิ่งส่งคลื่นรบกวนไปเบียดเบียนแฟนเก่ามากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะขณะอยู่ต่อหน้าหรือลับหลัง

การที่คุณปั่นป่วนรัญจวนใจทั้งกลางวันกลางคืนอย่างนี้ คุณไม่รู้หรอกว่าส่งคลื่นกระทบอันเป็นลบออกไปมหาศาลปานไหน เอาเป็นว่าพอเขานึกถึงคุณขึ้นมาเมื่อใดนะครับ เขาจะนึกถึงความน่าอึดอัด ความน่ารำคาญ หรือไม่ก็ความเร่าร้อนที่ชวนให้เป็นทุกข์ ไม่น่านึกสนุกอยากกลับมาใกล้คุณเลย

นั่นแปลชัดครับว่าความอยากดึงดูดเขากลับมา กลายเป็นแรงผลักไสเขาออกห่างไปอีกโดยคุณไม่ทันรู้ตัว

เมื่อใจคุณสงบลงได้ ก็ขอให้เริ่มตระเวนทำบุญแบบครบวงจร ตั้งต้นที่ไหนก็ได้อย่าไปเกี่ยง เช่นกินข้าวในร้านใดเสร็จเห็นเหลือกระดูกไก่ ก็เอาใส่ถุงไปหาหมาแมวข้างถนนให้พวกมันดีใจที่คุณให้แทะเล่น เปิดตู้เสื้อผ้ามาเห็นชุดไหนเก่าไม่ใช้แล้วก็อย่าหวงไว้ สถานที่รับบริจาคเสื้อผ้าเพื่อคนอนาถามีอยู่ทั่วไป เสาร์อาทิตย์ไหนว่างๆก็อย่าปล่อยให้ใจเฉา ลุกจากที่นอนไปใส่บาตรแต่เช้าตรู่ หาเครื่องใช้สำหรับพระใส่ถังเพื่อถวายเป็นสังฆทานสักหน่อย

อะไรก็ได้ครับ ไม่ต้องลงทุนเป็นเงินเยอะๆ แต่ลงทุนเป็นใจเต็มๆ แต่ละครั้งเมื่อทำประโยชน์ให้ผู้อื่น ขอให้เช็คจิตของตัวเอง ว่าเป็นสุขแค่ไหน แล้วถามตัวเองทุกครั้งว่าถ้ามีแฟนเก่าอยู่ด้วยในขณะทำบุญด้วยกัน คุณจะเป็นสุขเท่าเดิมหรือมากขึ้นกว่านั้น

อ่านดีๆแล้วลองทำตามนะครับ ถ้าทำได้ก็คืออุปเท่ห์วิธีแผ่เมตตาไปถึงเขานั่นเอง ยิ่งคุณรู้สึกว่าเป็นสุขกับการทำบุญแล้วนึกถึงเขาในทางดีมากขึ้นเท่าใด กระแสจิตของคุณก็จะยิ่งแผ่ซ่านเป็นความเยือกเย็นไปถึงเขาได้มากขึ้นเท่านั้น

จิตนั่นแหละเป็นเครื่องเช็คความก้าวหน้าได้ หากสว่างออกมาจากกลางใจ ใจโล่งสบาย และขยายขอบเขตความโล่งสบายมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งหลุดจากกรอบของความอยากอันคับแคบ ก็ขอให้เชื่อในระดับหนึ่งว่าถ้าเขานึกถึงคุณ ตัวคุณที่ปรากฏต่อใจเขาจะสว่าง น่าคิดถึง และน่าอยู่ใกล้ขึ้นกว่าเดิมอย่างอักโขมโหฬาร

ที่เหลือเป็นเรื่องของความลงตัวแล้วนะครับ ถ้ามีเหตุปัจจัยสมควรกลับมาอยู่ด้วยกันอีกก็คงได้อยู่ แต่หากเหตุปัจจัยไม่พอ แม้ไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก ผมก็เชื่อว่าคุณคงเห็นทางสว่างกับการมีชีวิตใหม่อิ่มเต็ม พร้อมจะทิ้งชีวิตเก่าที่หิวโหยไปได้แล้ว

ที่มา หนังสือเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว
//dungtrin.com/mag/?11.prepare



Create Date : 01 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2551 11:45:15 น.
Counter : 2338 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Mimi-jaiko
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]