Group Blog
มกราคม 2554

 
 
 
 
 
 
1
2
4
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
26
27
28
29
 
 
All Blog
"แก้วตา ปริศวงศ์" เตือนตัวเองให้เป็นหนี้ในสิ่งที่ควรเป็น
money



“แก้วตา” เริ่มบอกว่า เรื่องของการทำธุรกิจทุกวันนี้ ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่มาก ซึ่งเราไม่สามารถจะคาดการณ์อะไรล่วงหน้าได้เลย อย่างรายการที่ทำอยู่ก็ยังหาความแน่นอนไม่ได้ว่าต่อไปทางสถานีจะมีการปรับอย่างไรบ้าง ความเปลี่ยนแปลงมันสามารถมีขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา


ส่วนในเรื่องของการใช้ชีวิตทุกวันกับการออมเงิน "แก้วตา” บอกว่า ใช้ชีวิตสบายๆ ไม่ได้วางแผนอะไรมากนัก แต่เรื่องการเงินมีวางแผนบ้าง เมื่อก่อนไม่รู้หรอกว่าต้องคิด หรือบริหารจัดการกับรายได้ที่เราหามาได้ยังไง รู้แต่ว่าเงินเดือนเดือนแรก ก็เริ่มเก็บเงินแล้ว มีเงินฝากธนาคารทุกเดือน วันนี้ที่โตขึ้น เมื่อมองย้อนกลับไป เลยรู้ว่าวิธีคิดที่ตัวเองใช้อยู่ทุกวันนี้ เพราะถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ประถมก็ต้องเก็บเงินค่าขนมไปฝากธนาคารออมสินทุกอาทิตย์ นี่คือภาพที่จำได้ คือเราเก็บได้เท่าไร พ่อก็จะให้มาในจำนวนเท่ากัน เราก็ปั่นจักรยานไปฝากธนาคารออมสิน พอมาถึงช่วงเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนเขาได้เงินกันรายเดือน แต่ของเราพ่อฝากเงินให้ในธนาคารเยอะเลย


คือถ้าคิดเป็นจำนวนเงิน ก็สามารถเป็นรายจ่ายครึ่งปีของคน ๆ อื่น แล้วพ่อก็บอกว่าลองดูจ่ายเอาเองแล้วดูว่าจะอยู่ได้กี่เดือน ซึ่งตอนนั้นเป็นเรื่องที่เครียดมาก เพราะจะจ่ายเยอะก็ไม่ได้ เลยต้องควบคุมการใช้จ่าย คือการจ่ายทุกอย่างสามารถมีเหตุผลมาตอบได้ว่าจ่ายอะไร ทำไมถึงซื้อ เป็นต้น


“เมื่อมาเริ่มทำงานก็คงเป็นนิสัยที่เราไม่รู้ตัวหรอก เพราะเดือนแรกก็เก็บเงินเลย ฝากเงินทุกเดือนจะน้อยจะมากก็ต้องมีส่วนที่นำไปฝาก แต่ไม่ใช่คนที่ถนัดกับการลงทุนอะไร แค่มีเงินเก็บ และมีเงินใช้โดยไม่เป็นหนี้ใครเท่านั้น ส่วนรูปแบบของการใช้จ่าย ก็เป็นคนนิยมใช้บัตรเครดิตเหมือนคนส่วนหนึ่ง แต่เชื่อไหมว่า ธนาคารไม่เคยได้กินดอกเบี้ยจากเราเลย เพราะรูดเท่าไหร่ ก็เตรียมเงินไว้จ่ายเท่านั้น คือ ใช้บัตร แต่อย่าให้บัตรมันมาใช้เรา รูดแล้วได้แล้วความสะดวกในการจับจ่าย ถึงเวลายังได้แต้มแลกของได้อีก”


“แก้วตา” บอกเพิ่มเติมอีกว่า การออมเงินมันมีประโยชน์มหาศาล ทำให้เราไม่เครียดเพราะเรามีการวางแผนให้กับตัวเองแล้ว เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินในสิ่งที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อน และอีกส่วนหนึ่งคือทำให้ชีวิตของเรามั่นคง และต้องควรพิจารณากับการเป็นหนี้ในสิ่งที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ฟุ่มเฟือยเป็นหนี้บัตรเครดิตในสิ่งของที่ไม่จำเป็น ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้เราต้องเตือนตัวเองให้มีสติอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เป็นหนี้ในสิ่งที่ไม่จำเป็น


ส่วนเรื่องการทำงาน “พี่แก้วตา” บอกว่า เป็นคนทำงานเยอะมาตั้งแต่เรียนจบ รับงานมากกว่างานประจำเสมอมา ส่วนหนึ่งก็คือเรามีรายได้เพิ่ม และส่วนหนึ่งก็เป็นงานที่เราทำได้ ส่วนใหญ่เป็นงานเขียน การทำงานเยอะก็มีส่วนที่ทำให้เราเก็บได้เงินเพิ่ม และมีเงินเก็บมากกว่าการแข่งจากเงินเดือน แต่การทำงานเยอะๆ จนบ่อยครั้ง ยิ่งช่วงไม่กี่ปีมานี้ รู้สึกว่ามันเยอะแล้วงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มันรีบแล้วมันดีไหม หรือหลายครั้งก็คิดว่าทำไมเราไม่เอาเวลาที่ต้องนั่งปั่นงานเพื่อส่งให้ตรงเวลาออกไปดูอะไรที่มันมากกว่าหน้าจอคอมพิวเตอร์บ้าง ทุกวันนี้ ก็มีแต่งานประจำเท่านั้น ไม่มีงานนอกเลย ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีรายได้เพิ่มแล้ว แต่อยากเลือกเวลาพักให้กับตัวเองมากกว่า ทำเยอะก็จ่ายเท่านี้ อาจมีเงินเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย แต่ไม่เอาก็ได้นะ ถ้าแลกกับการได้พักผ่อนบ้าง ไม่นานมานี้ก็มีช่วงว่างที่ได้นั่งหายใจทิ้งบ้าง ได้สัมผัสกับความว่าง ความนิ่งบ้าง ซึ่งอาจเป็นเพราะช่วงของวัยที่ต้องการความสงบมากขึ้น”



“แก้วตา” ได้บอกส่งท้ายว่า อนาคตไม่ได้วางแผนอะไรยาวไกล เป็นคนต่างจังหวัด บ้านอยู่ที่หาดใหญ่ ก็ถ้าหมดแรงกับการทำงานแบบนี้ หมดแรงที่จะถีบจักรแล้ว ก็คงกลับบ้านนอกไปอยู่กับหลาน อยู่กับหมาอีก 4 ตัว ที่บ้านหาดใหญ่ หรืออาจทำความฝันให้เป็นจริงด้วยการเปิดร้านกาแฟและเบเกอร์รี่เล็ก ๆ ก็ได้ เท่านี้ก็มีความสุขแล้ว





ที่มา manager.co.th



Create Date : 24 มกราคม 2554
Last Update : 24 มกราคม 2554 7:03:59 น.
Counter : 1366 Pageviews.

0 comments

Mimi-jaiko
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]