Group Blog
มีนาคม 2552

2
3
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
“อาลัวจิ๋วครูติ๋ว” เน้นดีไซน์ เติมจุดขายขนมหวานเมืองเพชร
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ขนมอาลัวชาววัง สูตรครูติ๋ว
thai desert

"อาลัว" ขนมหวานของไทย ที่มีทำกันอย่างแพร่หลาย เพราะด้วยจุดเด่นของอาลัว ตรงที่สีสัน และรูปร่างหน้าตาที่ออกแบบมาให้น่ารับประทาน เหมาะแก่การเป็นของฝาก และยังเป็นขนมหวานที่สามารถเก็บไว้ได้นาน แหล่งผลิตขนมหวานอาลัวที่ขึ้นชื่อก็ต้องเป็นที่จังหวัดเพชรบุรี

สำหรับร้านขนมอาลัวครูติ๋ว ของ"นางพรเพ็ญ ลวณะมาลย์" เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีในอันดับต้นของจังหวัดเพชรบุรี จุดเด่นอยู่ที่หน้าตา และรสชาติ ที่แปลกแตกต่างจากอาลัวที่ขายกันทั่วไป โดยอาลัวของครูติ๋ว จะทำเป็นออกมาขนาดเล็ก ถือได้ว่าเล็กที่สุดเท่าที่เคยมีอาลัวออกจำหน่ายในท้องตลาด คนทั่วไปจะรู้จักและเรียกกันว่า ขนมอาลัวจิ๋ว

นอกจากรูปร่างหน้าตาของขนมอาลัวจิ๋วที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครแล้ว รสชาติของขนมอาลัวครูติ๋วก็แตกต่างจากรายอื่นๆ คือ ครูติ๋วจะทำอาลัวออกมาไม่หวานมาก และสีไม่เข้ม ทำให้ดูน่ารับประทาน ซึ่งสีที่ใช้เป็นสีผสมอาหาร และบางสีจะใช้ผงโกโก้ เพราะนอกจากจะได้สีและยังได้รสชาติของโกโก้ ด้วย

นางพรเพ็ญ ( ครูติ๋ว) เล่าว่า ขนมอาลัวของร้านครูติ๋ว จะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ อาลัวจิ๋วและ อาลัวชาววัง ซึ่งทาง 2 สูตร จะแตกต่างกัน คือ อาลัวชาววังจะใส่กะทิมากกว่า เมื่อนำไปอบจะมีความชื้นอยู่มากกว่า และรสชาติจะออกมันกว่า ส่วนอาลัวจิ๋ว เมื่อนำไปอบจะแห้งกว่า ทำให้อาลัวจิ๋วสามารถเก็บได้นานกว่า โดยอาลัวจิ๋ว เก็บได้นานถึง 2 สัปดาห์ ในขณะที่อาลัวชาววังเก็บได้นาน 10 วัน

ส่วนสูตรการทำอาลัวทั้ง 2 ชนิด ครูติ๋ว ได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นปู่ ย่า ตา ยาย ซึ่งมีการทำรับประทานกันเอง และสอนการทำต่อๆ กันมา ครูติ๋วเองก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษเช่น กัน ดังนั้น ขั้นตอนการทำและสูตรต่างๆ ก็ยังคงเป็นสูตรโบราณ จะมีการปรับบ้างในเรื่องของรสชาติให้เหมาะกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ชอบรับประทานขนมที่ไม่หวานมาก หรือ กลุ่มคนรักสุขภาพที่ต้องการควบคุมความหวาน และการที่ไม่หวานทำให้สามารถรับประทานได้ปริมาณมากขึ้น

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย ใช้การฝากขายตามร้านขายของฝากทั่วจังหวัดเพชรบุรี เพราะต้องการเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว เนื่องจากขนมหวานเมืองเพชรขึ้นชื่อได้ว่าเป็นของฝากอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวมาช้านาน ส่วนใหญ่คนมาเที่ยวจังหวัดเพชรบุรี ก็ต้องมีขนมหวานติดไม้ติดมือไปฝากคนทางบ้าน


“นอกจากขนมอาลัวทางร้านของเรา ยังมีขนมหวานชนิดอื่นๆ ที่ได้รับความนิยม เช่น ท็อฟฟี่น้ำตาลสด ขนมดอกลีลาวดี หรือคนทั่วไปรู้จักกันในชื่อ ขนมกลีบดอกลำดวน แต่เรานำมาดัดแปลงเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาออกมาเป็นดอกลีลาวดี ซึ่งเราเป็นรายเดียวที่ทำในขณะนี้ เช่นเดียวกับอาลัวจิ๋ว เราก็เป็นรายเดียวที่ทำอาลัวเล็กที่สุด ซึ่งผลตอบรับออกมาดีมาก เพราะหลายคนชื่นชอบมันมีขนาดเล็ก และเมื่อนำมาบรรจุในกล่อง หรือในถุง ตกแต่งแพคเกจจิ้งให้ดีสวยงาม นอกจากเป็นของฝากของนักท่องเที่ยวแล้วยังสามารถเป็นของฝากในช่วงเทศกาล อย่างวันขึ้นปีใหม่ หรือวาเลนไทน์ได้อีกด้วย”

ทั้งนี้ ในส่วนของการผลิต ครูติ๋วมีโรงงานผลิตขนาดไม่ใหญ่มาก มีคนงานประมาณ 9 คน มีตู้อบประมาณ 8 ตู้ กำลังการผลิตแบ่งเป็นอาลัวประมาณ 100 กิโลกรัมต่อวัน ส่วนท็อฟฟี่ผลิตประมาณวันละ 100 ถุง ท็อฟฟี่มีออร์เดอร์ประมาณ สัปดาห์ละ 300 ถุง ถึง 500 ถุง ขนมดอกลีลาวดีมีออร์เดอร์สัปดาห์ละ 300 กล่อง


ปัจจุบันนอกจากทำส่งขายในจังหวัดเพชรบุรี มีออร์เดอร์ในจังหวัดใกล้เคียง อย่างที่ร้านขายของฝากที่พัทยา จังหวัดชลบุรี และที่ศูนย์การค้าดิโอสยาม ที่กรุงเทพฯ โดยใช้วิธีการส่งทางรถทัวร์ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะรู้จักอาลัวครูติ๋ว จากการซื้อรับประทานและเชื่นชอบ หลังจากนั้นก็จะโทรกลับมาสั่งซื้อเพิ่ม โดยดูเบอร์โทรศัพท์ที่ข้างถุง หรือหน้ากล่อง

ทั้งนี้ ครูติ๋วเองก็ไม่ได้หยุดนิ่ง เนื่องจากการแข่งขันมีสูง เพราะเริ่มมีคนทำมากขึ้น ซึ่งครูติ๋วมีการพัฒนารูปแบบให้แปลกใหม่อยู่เรื่อย เช่น ได้มีการทำอาลัวเป็นรูปดอกกุหลาบ ขายช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ผลตอบรับออกมาดีพอสมควร เพราะบางคนอาจจะเบื่อมอบดอกไม้ เปลี่ยนมามอบขนมแทน และจากออร์เดอร์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยทำให้ มีการลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่ม โดยได้ทำขอกู้เงินจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อนำมาใช้ในการขยายกิจการ


ดังนั้น จะเห็นได้ว่าความสำเร็จของร้านขนมอาลัวครูติ๋ว ส่วนสำคัญมาจากคุณภาพ ซึ่งครูติ๋วให้ความสำคัญมากในทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อให้รสชาติที่ดี สะอาด และรูปร่างหน้าตาของขนมที่น่ารับประทาน มาเป็นตัวสร้างจุดขาย โดยไม่จำเป็นจะต้องใช้งบในการโฆษณาประชาสัมพันธ์แต่อย่างใด

สำหรับร้านขนมอาลัวครูติ๋ว เปิดกิจการขายขนมอาลัวมานานกว่า 12 ปี จากเดิมประกอบอาชีพรับราชการครู และทำขนมอาลัวขายเป็นงานอดิเรก แต่เมื่อทำได้ระยะหนึ่งผลตอบรับดีขึ้นเรื่อย จึงได้ลาออกจากงานประจำมาทำขนมอย่างเต็มตัว ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จมากกว่า การทำอาชีพครู และยังเป็นการสร้างอาชีพที่เป็นมรดกตกทอดไปถึงรุ่นลูก และรุ่นหลานต่อไป ได้อีกด้วย





Create Date : 05 มีนาคม 2552
Last Update : 5 มีนาคม 2552 11:09:48 น.
Counter : 1447 Pageviews.

0 comments

Mimi-jaiko
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]