ณ จุดเริ่มต้น ของคน(จะ)รักกัน # 4
' ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เครื่องเล็กที่วางอยู่บนเตียงกำลังส่งเสียงเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของมันที่กำลังขมักเขม้นกับการพิมพ์เนื้อเรื่องของนิยายเรื่องใหม่ รวันดาละมือจากคีย์บอร์ดที่กำลังรัวนิ้วพิมพ์ข้อความที่กำลังลื่นไหลในหัวสมองน้อยๆหันไปมองที่มาของเสียงโทรศัพท์ พอลุกจากเก้าอี้ไปดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์แปลกไม่เคยเห็นมาก่อน เธอจึงต้องกรอกเสียงลงไปอย่างเป็นทางการ เพราะสายที่เข้ามาอาจจะเป็นเรื่องงาน รวันดาค่า สวัสดีค่า ได้ยินมั้ยค่ะ ฮัลโหล ถ้าคุณไม่พูดดิฉันจะวางแล้วนะค่ะ กรอกเสียงลงไปแล้วก็ทำท่าจะกดปิดตัดสัญญาณแต่เนื่องจากได้ยินเสียงจากปลายสายตอบกลับมา เธอจึงต้องนำมันกลับมาแนบหูอีกครั้ง สวัสดีครับคุณวาว ผมภาสกรครับ ค่ะ คุณภาสมีอะไรหรือเปล่าค่ะ เอ่อ คือ ผม ผมไม่ได้โทรมารบกวนคุณวาวใช่มั้ยครับ ค่ะ ว่าแต่คุณภาสได้เบอร์วาวมาได้ยังไงค่ะเนี่ย เธอจำได้ว่าเธอไม่เคยให้เบอร์เขาไปนี่นา อย่าว่าแต่ให้เลยขนาดขอเขายังไม่ได้ขอเบอร์ของเธอเลยแล้วใครจะไปกล้าให้ล่ะ ถึงแม้ว่าในงานแต่งงานของเพื่อนเธอ ทั้งเขาและเธอจะได้พูดคุยกันมากขึ้นก็ตามแต่เขาก็ไม่เห็นแสดงท่าทีว่าสนใจอะไรเธอเป็นพิเศษ เรื่องที่คุยกันส่วนใหญ่ก็ไม่ได้พ้นไปจากเรื่องของบ่าวสาวไปมากเท่าไหร่ คือผมขอมาจากเพื่อนคุณวาวนะครับ เพื่อนวาว รวันดาถามกลับไปเสียงสูงด้วยความสงสัย คุณหวานนะครับ ฟังจากน้ำเสียงของเธอแล้วเขาจึงรีบให้ข้อมูลเพิ่มเติม หวังว่าคุณวาวจะไม่โกรธนะครับ ที่ผมถือวิสาสะ ไม่ค่ะ ไม่ รวันดารีบตอบกลับไปอย่างเร็ว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ที่รู้คือเธอกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด ว่าไม่อยากให้เขาโทรมาหรือไม่อยากคุยกับเขา โดยไม่รู้เลยว่าการรีบตอบอย่างรวดเร็วทันใจแบบนั้นสามารถทำให้อีกฝ่ายยิ้มหน้าบานได้ในทันทีเช่นกัน คือวันก่อนผมได้ยินว่าคุณวาวอยากได้ต้นไม้มาลงที่สวนใหม่ พอดีผมก็กำลังอยากได้พอดีเหมือนกัน พรุ่งนี้คุณวาวว่างมั้ยครับ ว่างค่า งั้นพรุ่งนี้ประมาณเก้าโมงเดี๋ยวผมไปรับนะครับ ฝันดีครับ พูดจบภาสกรก็วางสายไปก่อนเพราะเห็นว่าเวลาดึกพอสมควรแล้ว หลังจากวางโทรศัพท์จากภาสกรแล้วเธอก็เอาแต่นั่งมองโทรศัพท์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่คิดว่าเขาจะสนใจเรื่องเล็กน้อยที่เธอเพียงพูดผ่านๆภายในงาน เห็นว่าบ้านเจ้าสาวที่เป็นสถานที่จัดงานตอนเช้าจัดสวนได้สวยดีเธอจึงเกิดความรู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงสวนที่บ้านเหมือนกัน ใครจะคิดว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นั้นเขาจะให้ความสำคัญจดจำมันได้
ณ ร้านขายต้นไม้แถบชานเมืองขนาดพื้นที่เกือบหนึ่งไร่ต่างประดับประดาไม้ด้วยต้นไม้ ตั้งแต่ไม้กระถามต้นเล็กๆไปจนถึงไม้ยืนต้นขนาดใหญ่อายุหลายสิบปี พื้นที่ของร้านถูกจับแบ่งเป็นอย่างดีแบ่งแยกต้นไม้ไว้อย่างน่าซื้อหา ภาสกรพาเธอมาร้านนี้เพราะความที่รู้จักมักคุ้นกับเจ้าของเป็นการส่วนตัว เขาจะมาหาต้นไม้สวยๆจากที่นี่ไปประดับการถ่ายแบบในงานต่างๆเป็นประจำ และถือว่าเป็นลูกค้าประจำกันเลยทีเดียว ต้นไม้และดอกไม้ที่นี่จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าของ ถึงแม้ราคาอาจจะสูงกว่าที่อื่นอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มากมายเมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพของดอกไม้และต้นไม้ที่ไม่มีเชื้อราหรือโรคต่างๆทำให้ลูกค้าที่เลือกซื้อไปปลูกไม่ต้องยุ่งยากในการรักษามากเท่าที่ควร ทั้งสองคนได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านเป็นอย่างดี พาชมทั้งไม้ดอกไม้ประดับไม้มงคลที่นิยมนำไปปลูกเพื่อเป็นศิริมงคลแก่บ้านและผู้อยู่อาศัย รวันดาเดินเลือกดูต้นไม้ไปก็ซักถามข้อมูลก็ได้รับคำอธิบายจากเจ้าของร้านอย่างที่เรียกได้ว่าไม่มีการหวงการกั๊กกันเลยที เธอเห็นต้นไม้ดอกไม้หลากหลายชนิดที่ต้นเองไม่เคยเห็นและไม่เคยรู้จักมาก่อน ภาสกรเห็นเธอให้ความสนอกสนใจบ้างก็ก้มลงไปดมกลิ่นเมื่อเจ้าของบอกว่าดอกมีความหอม เขาหยิบโทรศัพท์เมื่อถือขึ้นมากดถ่ายรูปเธอในอิรายาบทต่างๆ ได้เห็นความสดใสร่าเริง ได้เห็นรอยยิ้มของเธอก็พลอยทำให้เขายิ้มตามไปด้วย เธอยังคงเดินดูและหันมาชี้ชวนให้เขาดูเมื่อเห็นว่ามันนาสนใจโดยไม่รู้จักเหน็ดรู้จักเหนื่อย รวันดาหันมาชักชวนชายหนุ่มเห็นเขากำลังยกโทรศัพท์มาถ่ายรูปเธอจึงยิ้มหวานทั้งหน้าและดวงตา จนทำให้ช่างกล้องจำเป็นถึงกับตกตะลึงกันเลยทีเดียว ทั้งคู่ใช้เวลาเลือกซื้อต้นไม้เกือบสองชั่วโมง แม้แดดยามใกล้เที่ยงจะแรงเอาการแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงบ่นจากหญิงสาวเลยซักคำ งานนี้เธอได้ต้นไม้มาหลายอย่างเอาการเหมือนกัน แต่ที่เห็นหญิงสาวจะให้ความสนใจเป็นพิเศษก็เห็นจะเป็นเจ้ายิบโซที่ถูกจัดเป็นกระเช้าแขวนพุ่มกำลังสวย ด้วยดอกที่มีขนาดเล็กสีหวานสวยของมันเธอจึงมีความคิดที่จะนำไปแขวนไว้ที่ระเบียงตรงห้องนอน ด้วยใช้พื้นที่ใช้สอยที่น้อยนิดแต่สามารถสร้างบรรยากาศให้สดใสได้เมื่อมอง ที่นี่ดอกไม้สวยนะค่ะ ค่ะ ถ้าคุณวาวอยากได้อะไรเพิ่มเติมอีกก็ให้นายภาสพามาเลือกได้เลยนะค่ะ ที่นี่เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด ถ้าไม่แน่ใจก็โทรมาถามก่อนได้นะค่ะว่ามีของมั้ย เจ้าของร้านสาวยิ้มรับคำชมพร้อมกับส่งนามบัตรของทางร้านกลับไปให้ แฟนพี่ภาสนี่น่ารักจังเลยนะ ดูเหมาะสมกันจัง เด็กในร้านที่สนิทกับภาสกรเอ่ยแซวขึ้น เอ่อ...คือ น่ารักใช่มั้ยปอนด์ รวันดาพยายามจะปฏิเสธแต่ภาสกรชิงพูดและหันไปพยักหน้าส่งยิ้มให้กับเด็กปอนด์ที่กำลังช่วยเขาขนของขึ้นรถกระบะ เธอเห็นเด็กปอนด์ทำท่าพยักพเยิดกับภาสกรและก็หันไปขอความคิดเห็นจากเจ้าของร้านที่ยืนข้างๆเธอ ซึ้งก็เพียงส่งรอยยิ้มกลับไปให้ เธอไม่มีโอกาสได้แก้ความเข้าใจผิด เมื่อเงยหน้าหันไปมองทางชายหนุ่มที่พาเธอมาก็เห็นเขาส่งยิ้มหวานกลับมาให้ เธอจึงแสร้งก้มหน้าแล้วเดินไปขึ้นรถเพื่อปกปิดใบหน้าที่เธอคิดว่ามันต้องแดงมากแน่ๆ จากความร้อนที่บริเวณใบหน้าที่เธอสัมผัสได้ อ้าวปอนด์พี่เขาเขินหนีขึ้นรถไปเลย งั้นผมไปแล้วครับพี่นาเอาไว้วันหน้าจะมาอุดหนุนใหม่ แซวขำๆกับเด็กปอนด์แล้วเขาก็หันไปล่ำลากับเจ้าของร้านก่อนจะเดินมาขึ้นรถยังตำแหน่งคนขับ ทำไมคุณภาสไม่ปฏิเสธไปล่ะค่ะ ไปพูดอย่างนั้นเดี๋ยวคนอื่นเขาก็เข้าใจผิดกันพอดี รวันดาหันมองหน้าคนขับรถที่ยั้งมีรอยยิ้มติดอยู่ที่ริมฝีปาก เมื่อรถเคลื่อนตัวออกมาจากบริเวณของร้าน เพราะผมเห็นด้วยกับปอนด์นะซิครับ ถ้าคุณวาวไม่รังเกลียด เขาหันไปมองเธอแล้วก็หันกลับมามองทางเช่นเดิม แต่ก็ยังเห็นมาเธอเองก็หันกลับมามองเขาเหมือนกัน เรียกว่าจ้องกันเลยดีกว่า ผมพูดจริงๆนะครับ ผมชอบคุณนะ น้ำเสียงที่ออกมามีความหนักแน่นที่บอกว่าเขาจริงจังกับคำพูดของตนไม่ใช่พูดเพื่อแซวเธอเล่นๆ เขาชะลอความเร็วลงและจอดข้างทางเพื่อจะได้หันกลับไปมองเธอได้อย่างเต็มตาชัดเจน ถ้าคุณไม่ได้รังเกลียดผม ผมอยากให้คุณให้โอกาสผมได้ไหม เขายังคงจ้องตาเธอเพื่อแสดงความจริงใจที่อยู่ข้างใน ค่ะ คำตอบสั้นๆที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่เขาประทับใจทำให้เขายิ้มกว้าง แววตาเป็นประกายดีใจที่เธอให้โอกาสแม้จะเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นที่จะทำความรู้จักกันก็ตาม รวันดาเป็นคนที่ซื้อสัตย์กับหัวใจตนเอง ถ้าเธอชอบก็บอกว่าชอบถ้าไม่ก็บอกว่าไม่ เมื่อหัวใจเธอก็บอกว่าชอบเขาเหมือนกัน และเขาก็รู้สึกดีกับเธอก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะลองให้หัวใจทั้งสองดวงได้ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน แม้ว่าวันข้างหน้าเธอกับเขาจะเข้ากันไม่ได้ ไม่สามารถคบกันอย่างฉันคนรักได้เธอก็ไม่เสียใจที่ตัดสินใจอย่างนี้ เธอจ้องมองใบหน้าของเขาที่สีเข้มขึ้น ด้วยความที่เขาเป็นคนผิวขาวเมื่อมีเลือดสูบฉีดมาที่ใบหน้าเป็นจำนวนมากก็ทำให้หน้าเขากลายเป็นสีแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าเขาคงเป็นตัวบอกได้ดีว่าเขาดีใจมากแค่ไหนที่รับรับคำตอบตกลงของเธอเสียงท้องร้องทำให้ทั้งคู่กลับมาสู่สถานการปัจจุบัน วาวว่าเราไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่าค่ะ เที่ยงกว่าแล้ว ยิ้มอายๆถูกส่งไปให้คนขับรถ เธออดที่จะขำไม่ได้จากสถานการหวานๆกลับถูกขั้นกลางด้วยเสียงท้องร้องประท้วงของเธอ
ภาสกรขับรถกลับมาถึงบ้านหญิงสาวในเวลาเกือบบ่ายสามโมงเย็น เมื่อขนของลงหมดแล้วเขาก็อาสาช่วยเธอลงต้นไม้ที่ซื้อมาทันที รวันดาพาเขาไปชี้จุดที่จะลงต้นแก้วต้นเล็กที่ซื้อมาแล้วก็เดินไปหาอุปกรณ์มาให้ครบครัน ทั้งคู่ช่วยกันลงต้นไม้อย่างสนุกสนานเสียงหัวเราะของรวันดาดังเข้าไปถึงในครับที่ป้าพิมกำลังเตรียมของทำอาหารเย็นอยู่ นางแย้มหน้าออกมาดูก็เห็นคุณหนูของนางกำลังหัวเราะที่ได้แกล้งชายหนุ่มสมใจ หลังจากรู้ตัวว่าตนเองโดนหลอกให้มือเปื้อนดินป้ายหน้าตัวเอง เข้าก็ยื่นมือหมายป้ายหน้าหญิงสาวบ้าง แต่รวันดารู้ทันวิ่งหนีเขาจึงวิ่งตาม ในสายตาของคนอื่นจึงเหมือนทั้งคู่กับลังวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน โดยฝ่ายหญิงเป็นคนหนีมีฝ่ายชายเป็นคนตามจับ คุณแม่บ้านเห็นแล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นคุณหนูที่นางเลี้ยงมาแต่เล็กมีความสุข รวันดาเดินเอาน้ำเย็นและผ้าเช็ดหน้ามายื่นให้ชายหนุ่มที่กำลังล้างหน้าล้างตา หลังจากเขาช่วยลงต้นไม้ทั้งหลายแหล่ที่พึ่งซื้อมาและจัดการย้ายบางต้นไปไว้อีกมุมเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ทำให้เธอได้สวยใหม่ภายในสามชั่วโมง เขายื่นมือรับผ้ามาเช็ดหน้าจนแห้งแล้วก็รีบรับแก้วน้ำที่เธอยื่นมาให้ คุณภาสอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันนะค่ะ เป็นคำขอบคุณสำหรับสวนใหม่ เมื่อเขารับของทั้งสองอย่างไปจากเธอ รวันดาก็ไม่ลืมชวนเขาทานข้าวเย็นด้วยกัน เธอยืนชมสวนใหม่ฝีมือนักจัดสวนมือสมัครเล่นอย่างภูมิใจในการเลือกจัดวางมุมของต้นไม้ ร่ม และเก้าอี้ ขยับนั่นนิดขยับนี่หน่อยก็ทำให้ดูลงตัว สบายตาและดูไม่ลกจนเกินไป ก่อนจะเดินนำเขาเข้าไปในห้องอาหารที่ป้าพิมกับแตงกำลังช่วยกันจัดโต๊ะอาหารอยู่
Create Date : 23 มกราคม 2553 |
Last Update : 23 มกราคม 2553 20:12:21 น. |
|
0 comments
|
Counter : 260 Pageviews. |
|
|