Group Blog
 
 
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
23 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
ณ จุดเริ่มต้น ของคน(จะ)รักกัน # 3

                ภาสกรเดินผิวปากอารมณ์ดีลงมาจากห้องนอน หลังจากขับรถกลับมาบ้านด้วยสภาพเปียกชื้นเพราะฝนที่ตกลงมาตอนเย็น เขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินลงมาข้างล่างโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองอารมณ์ดีจนคนทั้งบ้านยังผิดสังเกต


 “ดูอะไรกันอยู่หรอครับคุณแม่” ชายหนุ่มเดินเข้ามาออดอ้อนมารดาเหมือนเฉ่นทุกครั้งที่เคยทำเป็นประจำ
                
“แปลงจังลูกชายฉันวันนี้ ไปอารมณ์ดีอะไรมาจากไหนฮ่ะ” คุณนาราที่เห็นบุตรชายคนรองอารามณ์ดีมาตั้งแต่เข้าบ้านจนบัดนี้หน้าตายังสดใสอยู่เลยอดถามไม่ได้
                 
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” ภาสกรไม่รู้จะตอบมารดายังไงเลยเลี่ยงที่จะไม่ตอบดีกว่า ถ้าจะให้บอกว่าอารมณ์ดีที่เจอสาวถูกใจเป็นได้ถูกซักอีกนานแน่
                 
“สงสัยคงจะเจอสาวที่ถูกใจมามั้งครับคุณแม่” ไม่ใช่ภาสกรเป็นแน่ที่จะพูดคำนี้แต่เป็นพลพลพี่ชายคนโตของบ้านที่พูดแซวน้องชาย
                 
“สาวที่ไหนหรอค่ะพี่ภาส” พัชชาหันมาถามพี่ชายคนรองทันทีด้วยความอยากรู้ว่าสาวไหนกันที่สามารถเอาชนะใจพี่ชายของเธอ
                 
“ไม่มีสาวที่ไหนทั้งนั้นแหละ ไปเชื่อพี่พล”
                 
“อ้าว จะไปรู้หรอค่ะเห็นพี่ภาสกะพี่พลชอบรู้ใจกันนี่ แต่ไม่มีจริงๆหรอ” พัชชายังไม่หมดความพยายามที่จะซักถาม ทำไงได้ล่ะเธอก็ต้องอยากรู้นะซิว่าใครกันที่จะมาเป็นคนรักของพี่ชายเธอจะเข้ากับเธอได้หรือเปล่า
                “คุยกับเราแล้วปวดหัวยัยพัช พี่ไปทำงานดีกว่า”


                ภาสกรเดินเข้ามาในห้องได้ก็ทำการเปิดโน๊ตบุ๊คเพื่อให้พร้อมใช้งาน ชายหนุ่มคว้าแมมโมรี่การ์ดมาเตรียมรอ วันนี้เขาต้องทำการคัดเลือกรูปและรีทัสตกแต่งรูปในบางส่วนเพื่อให้ภาพออกมาสวยที่สุด เมื่อโน๊ตบุ๊คพร้อมใช้งานเขาก็เสียบการ์ดเข้ากับเครื่อง ภาสกรนั่งดูรูปไปเรื่อยๆจนมาถึงรูปของรวันดาที่เขาแอบถ่ายตอนที่เธอเดินผ่านเข้ามา เมื่อเห็นรูปของเธอจึงทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาได้รู้จักเธอเขานั่งไล่ดูรูปของเธอซ้ำไปซ้ำมาไม่ได้รู้สึกเลยว่าตอนนี้ห้องนอนของตนไม่ได้มีแต่ตนเองอยู่คนเดียว


                “คนนี้นะหรอที่ทำให้แกอารมณ์ดีน่ะ”
                “เฮ้ย!!!  พี่พลเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่” ภาสกรตกใจเมื่ออยู่ดีๆที่พลพลเข้ามาอยู่ให้ต้องของตนตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมเขาไม่รู้
                “น่ารักดีนี่หว่า ถึงได้ถึงทำให้แกอารมณ์ดีเชียว” พลพลไม่ได้ตอบคำถามของน้องชายแต่ยังคนมองรูปหญิงสาวที่อยู่ในจอโน๊ตบุ๊คของน้องชาย
                “ใครว่ะ ดูแล้วไม่น่าจะใช้นางแบบของแก”
                “ใครก็ไม่รู้เค้าเดินผ่านเข้ามาในกล้องเฉยๆ” ภาสกรแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก
                “ไม่รุ้จักหรอ แกคิดว่าฉันจะเชื่อแกหรอไอ้ภาส ถ้าแกไม่รู้จักแกจะไล่ดูรูปซ้ำแล้วซ้ำอีกทำไม แล้วยังอาการยิ้มเหม่อจนไม่รู้ว่าฉันเข้ามาอีกล่ะ บอกมาซะดีๆ” ด้วยความที่ทั้งคู่วัยไล่เลี่ยกันจึงทำให้ทั้งสองพี่น้องมีความสนิทกันมาก เรียกว่ามองตาแทบจะรู้ใจของกันและกัน 
                “ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ฉันว่าเค้าน่ารักดีแต่ยังเด็กอยู่เลย” เมื่อเห็นน้องไม่อยากบอกก็แสร้งทำเป็นพูดอย่างอื่นแต่ก็ยังไม่หลุดออกจากเรื่องของผู้หญิงในรูป ด้วยความที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน เขาจึงเข้าใจดีถ้าน้องอยากจะบอกก็จะพูดมาเอง แต่ถ้าไม่อยากต้อให้ง้างปากให้ตายยังไงก็คงไม่อะไรเล็ดรอดออกมา


                “เธอชื่อ รวันดา เธอเดินเข้ามาในเลนส์กล้องตอนที่กำลังทำงานอยู่พอดี เลยถ่ายมาก็เท่านั้น” ภาสกรพูดออกมาเมื่อเห็นคนเป็นพี่ยังมองรูปในโน๊ตบุ๊ค
                “แค่นั้นแล้วทำไมต้องนั่งยิ้มซะขนาดนั้นด้วยว่ะ” ฟังน้องชายพูดจบพลพลก็ยังไม่หายสงสัยในพฤติกรรมของคนเป็นน้อง
                “ก็แค่รู้สึกชอบ ยังไม่มีอะไรหรอกน่าไม่ต้องมามองอย่างนั้น” เห็นสายตาสงสัยของพี่ชายภาสกรจึงต้องพูดต่อออกมาให้จบ
                “ว่าแต่พี่พลเข้ามามีอะไรหรือเปล่า”
                “แค่จะเข้ามาเตือนว่าวันศุกร์มีประชุมบอร์ดประจำเดือนที่บริษัท อย่าลืมเข้าไปล่ะ ก่อนทีพ่อจะตัดแกออกจากตำแหน่ง” พูดจบพลพลก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่รอฟังคำจอบจากน้องชาย
                 
“หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ รวันดา” 

               
รวันดาลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืดมิดที่มีเพียงแสงสว่างจากไฟส่องทางตรงประตูรั้วส่องผ่านช่องว่างของผ้าม่านเข้ามา เมื่อรู้สึกว่าคนที่นอนข้างกายพลิกตัวไปมาหลายต่อหลายรอบ 

 


                “นอนไม่หลับหรอหวาน” รวันดาเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนนอนพลิกไปพลิกมาอยู่นานแล้ว 
                “เราทำให้วาวตื่นหรอ” 
                “ป่าวหรอก ตื่นเต้นหรอ” 
                “ใช่ เราตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลย อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วซินะ” 
                “ใช่ อีกไม่กี่ชั่วโมงหวานก็จะได้เป็นเจ้าสาวแล้ว เราดีใจด้วยนะหวานดีใจกับครอบครัวใหม่ของหวานที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่ช้า แต่ตอนนี้เราว่าหวานพยายามนอนให้หลับเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตาเป็นแพนด้าไม่สวยขึ้นมาเราไม่รู้ด้วยนะ” สองสาวนอนคุยกันอีกพักใหญ่กว่าจะแยกย้ายกันนอนหลับได้ 
                วันนี้รวันดาถูกเพื่อนขอร้องให้มาเป็นเพื่อนเจ้าสาวเธอจึงถือโอกาสมานอนค้างที่บ้านของเพื่อน เพื่อพรุ่งนี้จะได้ตื่นขึ้นมาแต่หน้าแต่งตัวพร้อมกันเจ้าสาวเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลา ทั้งสองยังคงนอนลืมตาอยู่ในความมืดมิดของยามค่ำคืน หนึ่งคนรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มีโอกาสเป็นเจ้าสาวอย่างที่ผู้หญิงหลายๆคนใฝ่ฝัน แต่อีกหนึ่งสาวทำได้เพียงแค่แอบอิจฉาเพื่อนที่จะได้มีงานแต่งเป็นของตัวเอง แต่เธอนี่ซิแม้แต่เจ้าบ่าวที่จะมาแต่งด้วยยังไม่มีเลยคิดแล้วก็เศร้าใจแต่จะให้เธอไปวิ่งหาก็ไม่ใช่เธออยู่ดี ความรักยิ่งวิ่งตามหาก็เหมือนกับมันจะยิ่งวิ่งหนี สู่รออยู่เฉยๆจะดีกว่า ถ้ามันจะมาเดี๋ยวมันก็มาของมันเอง  

 


                “ขอบใจมากภาสที่มาช่วยเป็นตากล้องให้งานฉัน ได้แกมาถ่ายรูปให้งานนี้ต้องออกมาสวยแน่ๆ” หนึ่งณรงค์เดินมาตบบ่าขอบอกขอบใจเพื่อน ที่ยอมเสียงานมาช่วยถ่ายรูปในวันสำคัญของตนและแฟนสาว 
                “ไม่เป็นไร เพื่อนแต่งงานทั้งที” ตอบกลับไปด้วยหน้าตายิ้มแย้มที่เห็นเพื่อนมีความสุขในงานแต่งงานของตนเอง ภาสกรยังคงทำหน้าที่เก็บภาพบรรยากาศของงานภายในช่วงเช้าจนได้ยินเสียงที่บ่งบอกว่าเจ้าสาวลงมาพร้อมตักบาตรแล้วจึงได้เดินกลับมาเก็บภาพสำคัญของงาน แต่สิ่งที่เขาได้เห็นคือหญิงสาวที่ทำให้เขาประทับใจตั้งแต่แรกพบ วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสเกาะอก มีสายคล้องไหล่เส้นเล็กๆสองเส้นบิดเป็นเกลียวสีโอรสความยามแค่เข่า เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะได้มาพบเธออีกครั้ง ที่นี่ที่งานแต่งของเพื่อน ภาสกรเริ่มรู้ตัวว่าตนเองคงมองสาวเจ้านานเกินไปและเกรงว่าจะแสดงออกให้คนอื่นรู้ก็หันมาสนใจถ่ายรูปคู่บ่าวสาวในมุมต่างๆไปเรื่อยๆโดยที่รูปส่วนใหญ่เกือบจะทุกรูปจะต้องมีรูปของรวันดาติดมาด้วยทั้งนั้น คงจะไม่แปลกอะไรในสายตาของคนอื่นถ้าเกือบทุกรูปจะมีรูปของเพื่อนเจ้าสาวติดมาด้วย แต่เจ้าตัวที่เป็นคนถ่ายก็รู้ดีว่าเขาตั้งใจที่จะเลือกมุมให้มีเธออยู่ในนั้น  

 


                “สนใจเพื่อนเจ้าสาวหรอว่ะ” หนึ่งณรงค์ยิงคำถามทันทีเมื่อเจ้าสาวขอตัวแยกออกไปแต่งตัวและรอรับขบวนขันหมาก เขาเห็นเพื่อนมองตามเธอตั้งแต่ตอนที่ตักบาตรจนทั้งสองสาวแยกย้ายไปแล้ว เพื่อนเขาก็ยังคงมองตามไม่วางตา
                “เอ่อ” เมื่อไม่รู้จะปฏิเสธไปทำไมก็ยอมรับมันไปเลย เผื่อเพื่อนเขาจะใจดียอมติดต่อเป็นพ่อสื่อให้ 
                “คนนั้นน่ะชื่อวาว เป็นเพื่อนกับหวานมาตั้งแต่เรียนมัธยม” หนึ่งณรงค์ให้คำตอบเพิ่มเติม
                “เค้ามีแฟนหรือยังว่ะ” ภาสกรไม่รอช้าที่จะสอบถามข้อมูลสำคัญที่ตนอยากรู้จากเพื่อน 
                “เห็นหวานเคยพูดว่ายังไม่มีนะ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันหว่ะ” หนึ่งณรงค์ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ ถึงแม้จะรู้จากแฟนสาวว่าเธอยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเธอกำลังชอบพอใครอยู่หรือเปล่า จึงไม่กล้าที่จะให้คำตอบที่ชัดเจน   

 


                งานช่วงเช้าผ่านไปด้วยความราบลื่น จนถึงเวลาเลี้ยงอาหารว่างแขกที่มาร่วมงานช่วงเช้า รวันดาถึงได้มีเวลาพัก เนื่องจากเธอต้องอยู่ช่วยงานตั้งแต่ช่วยจัดของรับไหว้จากผู้ใหญ่จนถึงพิธีรดน้ำสังข์ เธอเดินออกมาด้านนอกที่มีซุ้มอาหารที่ใช้เลี้ยงแขกที่จัดเป็นแบบบุฟเฟ่
                “อ่าว คุณภาสนั่นเอง” รวันดามองอาหารที่ถูกยื่นมาให้ พอเงยหน้ามองคนยื่นให้เห็นเขาถอดแว่นกันแดดออกพอดีจึงร้องทักออกมา ทั้งที่เจอเขาเพียงแค่หนเดียวแต่ทำไมเธอถึงจำชื่อเขาได้แม่น ตนเองก็ยังไม่แน่ใจ รวันดาส่งยิ้มกลับไปให้พร้อมคำขอบคุณที่อีกฝ่ายตักอาหารมาให้ 
                “คุณภาสมาเป็นตากล้องของงานนี้หรอค่ะ”
                “ครับ พอดีไอ้หนึ่งมันขอร้องมานะครับ” จากสรรพนามที่ชายตรงหน้าใช้เรียกเจ้าบ่าวอย่างสนิทสนมก็ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าทั้งสองน่าจะเป็นเพื่อนสนิทกันแน่ 
                “ผมเห็นคุณวาวตั้งแต่เช้าแล้ว แต่เห็นกำลังยุ่งๆเลยไม่ได้เข้ามาทัก” 
                “วาวนี่แย่จริงๆเลยนะค่ะ มันแต่ยุ่งกลับการช่วยงานเลยไม่ได้สังเกตเลยว่าเป็นคุณภาส” รวันดาทำเพียงส่งยิ้มหวานกลับไปให้เป็นการขอโทษ แต่เธอคงไม่รู้ว่ารอยยิ้มที่ส่งไปให้นั้นแทบทำให้อีกฝ่ายหยุดหายใจเลยทีเดียว ภาสกรยังคงหาเรื่องพูดคุยกับเธอต่อจนไม่รู้ว่าตนกำลังตกเป็นหัวข้อพูดคุยของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังจับตามองทั้งคู่อยู่  

 


                “พี่หนึ่งว่าพี่ภาสจะจริงจังกับยัยวาวมั้ยค่ะ” วิราศินีหันไปคุยกับเจ้าบ่าวที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ 
                “พี่ว่าไอ้ภาสมันเอาจริงนะ ดูสายตามันซิ พี่ไม่เคยเห็นมันมองใครด้วยสายตาที่ใช้มองวาวมาก่อนนะ” วิราศินีมองสายตาของภาสกรก็เห็นตามที่แฟนบอก ถ้าเพื่อนเธอจะมีความรักกับภาสกรเธอก็ยินดีด้วย ถึงแม้ฝ่ายชายจะขยันตกเป็นข่าวกับนางแบบทั้งหลายบ่อยเหลือเกิน แต่ความที่รู้จักภาสกรมาชายหนุ่มก็เป็นคนดีคนหนึ่ง และก็ไม่เคยเห็นเขาให้ความสนใจผู้หญิงที่ไหนเหมือนกับเพื่อนของเธอ 
                ภาสกรยังคงชักชวนให้รวันดาดูรูปที่ถ่ายและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จนเธอได้รู้ว่าเขาทำงานเป็นช่างภาพให้กับนิตยสารที่เพื่อนเธอทำงานอยู่เช่นเดียวกัน 
                “ทำอะไรกันอยู่หรอค่ะ” เมื่อได้ยินเสียงของบุคคลที่สาม ทั้งสองต่างพร้อมใจกันหันไปมองก็เห็นเมนี่กำลังยืนมองด้วยสายตาแปลกๆ 
                “ไม่ยักจะรู้นะค่ะ ว่าคุณภาสรู้จักยัยวาวด้วย” เมนี่ที่เห็นทั้งสองกำลังดูรูปกันอยู่ก็เดินเข้ามาร่วมวงด้วยอีกคน ทำให้ภาสกรต้องหยุดคำถามอีกมากมายที่อยากจะถามเธอ 
                “เราเคยเจอกันเมื่อเดือนที่แล้วน่ะ” รวันดาเป็นฝ่ายหันกลับไปตอบคำถามของเพื่อนแทน 
                “หรอค่ะ ถ้าไม่บอกเนี่ยเมนี่ต้องคิดว่าคุณภาสกำลังจะจีบยัยวาวแน่ๆเลย” เมนี่หรือนายเมธีส่งยิ้มที่พยายามทำให้หวานที่สุดไปให้ภาสกร ด้วยความที่รู้ทันฝ่ายชาย ก็วันนี้เพื่อนเธอสวยหยอกซะเมื่อไหร่ล่ะ เธอเห็นหนุ่มๆทั้งหลายต่างส่งสายตาหวานชื่นชมกับเธอแต่ก็ไม่เห็นมีหน้าไหนกล้าเข้ามาคุยจะมีก็แต่ตากล้องหนุ่มหล่อของงานนี่แหละ 
                “แล้วนี่เพียงไปไหนล่ะ เมถึงเดินมาคนเดียวเนี่ย” จากที่ยืนอึ่งอยู่กับคำพูดแกมหยอกของเพื่อนรวันดาก็พยายามพาออกนอกเรื่อง เผื่อว่าเมนี่กับภาสกรจะได้ไม่สังเกตเห็นว่าเธอหน้าแดงเพียงใดกับคำพูดของเพื่อน 
                “แหมพาออกนอกเรื่องเลยนะย่ะหล่อน นั่นไงเดินยิ้มมาแล้วน่ะ” เมนี่พยักเพยิดไปทางเพียงพิญที่พึ่งวางโทรศัพท์เดินยิ้มนำมาก่อน 
                “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปเก็บรูปต่อก่อนแล้วกันนะครับ” เขาหันไปบอกรวันดากับเมนี่เมื่อเห็นว่าเธอมีเพื่อนคุยแล้วจึงขอตัวออกมาก่อนที่จะเป็นตัวทำให้เธอเขินไปมากกว่านี้ 

 


                “ใครหรอวาว หน้าตาดีจัง” เพียงพิญเดินมาถึงก็เอ่ยถานถึงบุคคลที่สาวที่พึ่งแยกตัวออกไป 
                “คุณภาสกรน่ะ ช่างกล้องเพื่อนพี่หนึ่งจ๊ะ” รวันดาตอบคำถามเพื่อนด้วยรอยยิ้มที่ยังคงแต่งแต้มอยู่บนใบหน้า จนคนเป็ฯเพื่อนยังสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ 
                “ทำไมย่ะ แต่หล่อนน่ะหมดสิทธ์มีสามีแล้วก็อดย่ะ คนนี้ของยัยวาวเค้า” 
                “บ้า มั่วแล้วแก ของชั้นที่ไหน” รวันดาหันไปเถียงเพื่อน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดแซวตนเอง 
                “แต่ชั้นเห็นนะ สายตาที่เค้ามองแกน่ะ หวานเยิ้มเชียว ชั้นว่าเค้าต้องสนใจแกแน่ๆเลยยัยวาว” 
                “บ้า” หญิงสาวพูดได้เพียงแค่นั้นแล้วก็เดินออกไปหาอะไรกินต่อกลบเกลื่อนอาการเขินอายของคนเอง ทำให้เพื่อนอีกสองคนต่างหัวเราะชอบใจกับอาการเขินของเพื่อนสาวที่นานๆจะได้เห็นซักที 



                ภาสกรเดินแยกตัวออกมาได้ก็มาถ่ายรูปคู่บ่าวสาวเป็นที่พอใจแล้วก็โดนเจ้าสาวลากเข้าไปคุยข้างในบ้าน โดยมีเจ้าบ่าวเดินตามหลังปิดท้าย 
                “พี่ภาสชอบวาวหรอ” เมื่อเห็นว่ามีโอกาสวิราศินีไม่รอช้าที่จะได้ซักถามข้อสงสัย 
                “ถ้าพี่บอกว่าใช่ล่ะ” 
                “เพื่อนหวานไม่เหมือนเหล่านางแบบทั้งหลายที่พี่เคยเจอหรอกนะค่ะ” 
                “ก็เพราะว่าไม่เหมือน แล้วก็ไม่ใช่นะซิครับ พี่ขอยืนยันด้วยเกียรติกับหวานเลยว่าพี่จริงใจแล้วก็จริงจังกับวาว หวานจะยอมช่วยพี่หรือเปล่า” วิราศินีจึงหันไปขอความคิดเห็นกับเจ้าบ่าวเพื่อถามหาความมั่นใจอีกรอบ เมื่อเห็นว่าเขาพยักหน้าส่งกลับมาให้ เธอก็เข้าใจได้ทันทีว่าคำพูดของภาสกรสามารถเชื่อถือได้มากขนาดเพื่อนสนิทอยากหนึ่งณรงค์ออกอาการรับรองให้ขนาดนี้เพียงเท่านี้ก็ทำให้เธอสามารถคัดสินใจได้แล้วว่าเธอจะให้ความช่วยเหลือผู้ชายตรงหน้าหรือไม่





Create Date : 23 มกราคม 2553
Last Update : 23 มกราคม 2553 19:41:55 น. 1 comments
Counter : 195 Pageviews.

 
แวะมาเยี่ยม...สวัสดีครับ


โดย: **mp5** วันที่: 23 มกราคม 2553 เวลา:20:14:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sosine
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




cursor
Friends' blogs
[Add sosine's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.