ณ จุดเริ่มต้น ของคน(จะ)รักกัน # 3
ภาสกรเดินผิวปากอารมณ์ดีลงมาจากห้องนอน หลังจากขับรถกลับมาบ้านด้วยสภาพเปียกชื้นเพราะฝนที่ตกลงมาตอนเย็น เขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินลงมาข้างล่างโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองอารมณ์ดีจนคนทั้งบ้านยังผิดสังเกต ดูอะไรกันอยู่หรอครับคุณแม่ ชายหนุ่มเดินเข้ามาออดอ้อนมารดาเหมือนเฉ่นทุกครั้งที่เคยทำเป็นประจำ แปลงจังลูกชายฉันวันนี้ ไปอารมณ์ดีอะไรมาจากไหนฮ่ะ คุณนาราที่เห็นบุตรชายคนรองอารามณ์ดีมาตั้งแต่เข้าบ้านจนบัดนี้หน้าตายังสดใสอยู่เลยอดถามไม่ได้ ไม่มีอะไรหรอกครับ ภาสกรไม่รู้จะตอบมารดายังไงเลยเลี่ยงที่จะไม่ตอบดีกว่า ถ้าจะให้บอกว่าอารมณ์ดีที่เจอสาวถูกใจเป็นได้ถูกซักอีกนานแน่ สงสัยคงจะเจอสาวที่ถูกใจมามั้งครับคุณแม่ ไม่ใช่ภาสกรเป็นแน่ที่จะพูดคำนี้แต่เป็นพลพลพี่ชายคนโตของบ้านที่พูดแซวน้องชาย สาวที่ไหนหรอค่ะพี่ภาส พัชชาหันมาถามพี่ชายคนรองทันทีด้วยความอยากรู้ว่าสาวไหนกันที่สามารถเอาชนะใจพี่ชายของเธอ ไม่มีสาวที่ไหนทั้งนั้นแหละ ไปเชื่อพี่พล อ้าว จะไปรู้หรอค่ะเห็นพี่ภาสกะพี่พลชอบรู้ใจกันนี่ แต่ไม่มีจริงๆหรอ พัชชายังไม่หมดความพยายามที่จะซักถาม ทำไงได้ล่ะเธอก็ต้องอยากรู้นะซิว่าใครกันที่จะมาเป็นคนรักของพี่ชายเธอจะเข้ากับเธอได้หรือเปล่า คุยกับเราแล้วปวดหัวยัยพัช พี่ไปทำงานดีกว่า ภาสกรเดินเข้ามาในห้องได้ก็ทำการเปิดโน๊ตบุ๊คเพื่อให้พร้อมใช้งาน ชายหนุ่มคว้าแมมโมรี่การ์ดมาเตรียมรอ วันนี้เขาต้องทำการคัดเลือกรูปและรีทัสตกแต่งรูปในบางส่วนเพื่อให้ภาพออกมาสวยที่สุด เมื่อโน๊ตบุ๊คพร้อมใช้งานเขาก็เสียบการ์ดเข้ากับเครื่อง ภาสกรนั่งดูรูปไปเรื่อยๆจนมาถึงรูปของรวันดาที่เขาแอบถ่ายตอนที่เธอเดินผ่านเข้ามา เมื่อเห็นรูปของเธอจึงทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาได้รู้จักเธอเขานั่งไล่ดูรูปของเธอซ้ำไปซ้ำมาไม่ได้รู้สึกเลยว่าตอนนี้ห้องนอนของตนไม่ได้มีแต่ตนเองอยู่คนเดียว คนนี้นะหรอที่ทำให้แกอารมณ์ดีน่ะ เฮ้ย!!! พี่พลเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ภาสกรตกใจเมื่ออยู่ดีๆที่พลพลเข้ามาอยู่ให้ต้องของตนตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมเขาไม่รู้ น่ารักดีนี่หว่า ถึงได้ถึงทำให้แกอารมณ์ดีเชียว พลพลไม่ได้ตอบคำถามของน้องชายแต่ยังคนมองรูปหญิงสาวที่อยู่ในจอโน๊ตบุ๊คของน้องชาย ใครว่ะ ดูแล้วไม่น่าจะใช้นางแบบของแก ใครก็ไม่รู้เค้าเดินผ่านเข้ามาในกล้องเฉยๆ ภาสกรแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก ไม่รุ้จักหรอ แกคิดว่าฉันจะเชื่อแกหรอไอ้ภาส ถ้าแกไม่รู้จักแกจะไล่ดูรูปซ้ำแล้วซ้ำอีกทำไม แล้วยังอาการยิ้มเหม่อจนไม่รู้ว่าฉันเข้ามาอีกล่ะ บอกมาซะดีๆ ด้วยความที่ทั้งคู่วัยไล่เลี่ยกันจึงทำให้ทั้งสองพี่น้องมีความสนิทกันมาก เรียกว่ามองตาแทบจะรู้ใจของกันและกัน ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ฉันว่าเค้าน่ารักดีแต่ยังเด็กอยู่เลย เมื่อเห็นน้องไม่อยากบอกก็แสร้งทำเป็นพูดอย่างอื่นแต่ก็ยังไม่หลุดออกจากเรื่องของผู้หญิงในรูป ด้วยความที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน เขาจึงเข้าใจดีถ้าน้องอยากจะบอกก็จะพูดมาเอง แต่ถ้าไม่อยากต้อให้ง้างปากให้ตายยังไงก็คงไม่อะไรเล็ดรอดออกมา เธอชื่อ รวันดา เธอเดินเข้ามาในเลนส์กล้องตอนที่กำลังทำงานอยู่พอดี เลยถ่ายมาก็เท่านั้น ภาสกรพูดออกมาเมื่อเห็นคนเป็นพี่ยังมองรูปในโน๊ตบุ๊ค แค่นั้นแล้วทำไมต้องนั่งยิ้มซะขนาดนั้นด้วยว่ะ ฟังน้องชายพูดจบพลพลก็ยังไม่หายสงสัยในพฤติกรรมของคนเป็นน้อง ก็แค่รู้สึกชอบ ยังไม่มีอะไรหรอกน่าไม่ต้องมามองอย่างนั้น เห็นสายตาสงสัยของพี่ชายภาสกรจึงต้องพูดต่อออกมาให้จบ ว่าแต่พี่พลเข้ามามีอะไรหรือเปล่า แค่จะเข้ามาเตือนว่าวันศุกร์มีประชุมบอร์ดประจำเดือนที่บริษัท อย่าลืมเข้าไปล่ะ ก่อนทีพ่อจะตัดแกออกจากตำแหน่ง พูดจบพลพลก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่รอฟังคำจอบจากน้องชาย หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ รวันดา
รวันดาลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืดมิดที่มีเพียงแสงสว่างจากไฟส่องทางตรงประตูรั้วส่องผ่านช่องว่างของผ้าม่านเข้ามา เมื่อรู้สึกว่าคนที่นอนข้างกายพลิกตัวไปมาหลายต่อหลายรอบ นอนไม่หลับหรอหวาน รวันดาเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนนอนพลิกไปพลิกมาอยู่นานแล้ว เราทำให้วาวตื่นหรอ ป่าวหรอก ตื่นเต้นหรอ ใช่ เราตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลย อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วซินะ ใช่ อีกไม่กี่ชั่วโมงหวานก็จะได้เป็นเจ้าสาวแล้ว เราดีใจด้วยนะหวานดีใจกับครอบครัวใหม่ของหวานที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่ช้า แต่ตอนนี้เราว่าหวานพยายามนอนให้หลับเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตาเป็นแพนด้าไม่สวยขึ้นมาเราไม่รู้ด้วยนะ สองสาวนอนคุยกันอีกพักใหญ่กว่าจะแยกย้ายกันนอนหลับได้ วันนี้รวันดาถูกเพื่อนขอร้องให้มาเป็นเพื่อนเจ้าสาวเธอจึงถือโอกาสมานอนค้างที่บ้านของเพื่อน เพื่อพรุ่งนี้จะได้ตื่นขึ้นมาแต่หน้าแต่งตัวพร้อมกันเจ้าสาวเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลา ทั้งสองยังคงนอนลืมตาอยู่ในความมืดมิดของยามค่ำคืน หนึ่งคนรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มีโอกาสเป็นเจ้าสาวอย่างที่ผู้หญิงหลายๆคนใฝ่ฝัน แต่อีกหนึ่งสาวทำได้เพียงแค่แอบอิจฉาเพื่อนที่จะได้มีงานแต่งเป็นของตัวเอง แต่เธอนี่ซิแม้แต่เจ้าบ่าวที่จะมาแต่งด้วยยังไม่มีเลยคิดแล้วก็เศร้าใจแต่จะให้เธอไปวิ่งหาก็ไม่ใช่เธออยู่ดี ความรักยิ่งวิ่งตามหาก็เหมือนกับมันจะยิ่งวิ่งหนี สู่รออยู่เฉยๆจะดีกว่า ถ้ามันจะมาเดี๋ยวมันก็มาของมันเอง ขอบใจมากภาสที่มาช่วยเป็นตากล้องให้งานฉัน ได้แกมาถ่ายรูปให้งานนี้ต้องออกมาสวยแน่ๆ หนึ่งณรงค์เดินมาตบบ่าขอบอกขอบใจเพื่อน ที่ยอมเสียงานมาช่วยถ่ายรูปในวันสำคัญของตนและแฟนสาว ไม่เป็นไร เพื่อนแต่งงานทั้งที ตอบกลับไปด้วยหน้าตายิ้มแย้มที่เห็นเพื่อนมีความสุขในงานแต่งงานของตนเอง ภาสกรยังคงทำหน้าที่เก็บภาพบรรยากาศของงานภายในช่วงเช้าจนได้ยินเสียงที่บ่งบอกว่าเจ้าสาวลงมาพร้อมตักบาตรแล้วจึงได้เดินกลับมาเก็บภาพสำคัญของงาน แต่สิ่งที่เขาได้เห็นคือหญิงสาวที่ทำให้เขาประทับใจตั้งแต่แรกพบ วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสเกาะอก มีสายคล้องไหล่เส้นเล็กๆสองเส้นบิดเป็นเกลียวสีโอรสความยามแค่เข่า เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะได้มาพบเธออีกครั้ง ที่นี่ที่งานแต่งของเพื่อน ภาสกรเริ่มรู้ตัวว่าตนเองคงมองสาวเจ้านานเกินไปและเกรงว่าจะแสดงออกให้คนอื่นรู้ก็หันมาสนใจถ่ายรูปคู่บ่าวสาวในมุมต่างๆไปเรื่อยๆโดยที่รูปส่วนใหญ่เกือบจะทุกรูปจะต้องมีรูปของรวันดาติดมาด้วยทั้งนั้น คงจะไม่แปลกอะไรในสายตาของคนอื่นถ้าเกือบทุกรูปจะมีรูปของเพื่อนเจ้าสาวติดมาด้วย แต่เจ้าตัวที่เป็นคนถ่ายก็รู้ดีว่าเขาตั้งใจที่จะเลือกมุมให้มีเธออยู่ในนั้น สนใจเพื่อนเจ้าสาวหรอว่ะ หนึ่งณรงค์ยิงคำถามทันทีเมื่อเจ้าสาวขอตัวแยกออกไปแต่งตัวและรอรับขบวนขันหมาก เขาเห็นเพื่อนมองตามเธอตั้งแต่ตอนที่ตักบาตรจนทั้งสองสาวแยกย้ายไปแล้ว เพื่อนเขาก็ยังคงมองตามไม่วางตา เอ่อ เมื่อไม่รู้จะปฏิเสธไปทำไมก็ยอมรับมันไปเลย เผื่อเพื่อนเขาจะใจดียอมติดต่อเป็นพ่อสื่อให้ คนนั้นน่ะชื่อวาว เป็นเพื่อนกับหวานมาตั้งแต่เรียนมัธยม หนึ่งณรงค์ให้คำตอบเพิ่มเติม เค้ามีแฟนหรือยังว่ะ ภาสกรไม่รอช้าที่จะสอบถามข้อมูลสำคัญที่ตนอยากรู้จากเพื่อน เห็นหวานเคยพูดว่ายังไม่มีนะ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันหว่ะ หนึ่งณรงค์ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ ถึงแม้จะรู้จากแฟนสาวว่าเธอยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเธอกำลังชอบพอใครอยู่หรือเปล่า จึงไม่กล้าที่จะให้คำตอบที่ชัดเจน งานช่วงเช้าผ่านไปด้วยความราบลื่น จนถึงเวลาเลี้ยงอาหารว่างแขกที่มาร่วมงานช่วงเช้า รวันดาถึงได้มีเวลาพัก เนื่องจากเธอต้องอยู่ช่วยงานตั้งแต่ช่วยจัดของรับไหว้จากผู้ใหญ่จนถึงพิธีรดน้ำสังข์ เธอเดินออกมาด้านนอกที่มีซุ้มอาหารที่ใช้เลี้ยงแขกที่จัดเป็นแบบบุฟเฟ่ อ่าว คุณภาสนั่นเอง รวันดามองอาหารที่ถูกยื่นมาให้ พอเงยหน้ามองคนยื่นให้เห็นเขาถอดแว่นกันแดดออกพอดีจึงร้องทักออกมา ทั้งที่เจอเขาเพียงแค่หนเดียวแต่ทำไมเธอถึงจำชื่อเขาได้แม่น ตนเองก็ยังไม่แน่ใจ รวันดาส่งยิ้มกลับไปให้พร้อมคำขอบคุณที่อีกฝ่ายตักอาหารมาให้ คุณภาสมาเป็นตากล้องของงานนี้หรอค่ะ ครับ พอดีไอ้หนึ่งมันขอร้องมานะครับ จากสรรพนามที่ชายตรงหน้าใช้เรียกเจ้าบ่าวอย่างสนิทสนมก็ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าทั้งสองน่าจะเป็นเพื่อนสนิทกันแน่ ผมเห็นคุณวาวตั้งแต่เช้าแล้ว แต่เห็นกำลังยุ่งๆเลยไม่ได้เข้ามาทัก วาวนี่แย่จริงๆเลยนะค่ะ มันแต่ยุ่งกลับการช่วยงานเลยไม่ได้สังเกตเลยว่าเป็นคุณภาส รวันดาทำเพียงส่งยิ้มหวานกลับไปให้เป็นการขอโทษ แต่เธอคงไม่รู้ว่ารอยยิ้มที่ส่งไปให้นั้นแทบทำให้อีกฝ่ายหยุดหายใจเลยทีเดียว ภาสกรยังคงหาเรื่องพูดคุยกับเธอต่อจนไม่รู้ว่าตนกำลังตกเป็นหัวข้อพูดคุยของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังจับตามองทั้งคู่อยู่ พี่หนึ่งว่าพี่ภาสจะจริงจังกับยัยวาวมั้ยค่ะ วิราศินีหันไปคุยกับเจ้าบ่าวที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ พี่ว่าไอ้ภาสมันเอาจริงนะ ดูสายตามันซิ พี่ไม่เคยเห็นมันมองใครด้วยสายตาที่ใช้มองวาวมาก่อนนะ วิราศินีมองสายตาของภาสกรก็เห็นตามที่แฟนบอก ถ้าเพื่อนเธอจะมีความรักกับภาสกรเธอก็ยินดีด้วย ถึงแม้ฝ่ายชายจะขยันตกเป็นข่าวกับนางแบบทั้งหลายบ่อยเหลือเกิน แต่ความที่รู้จักภาสกรมาชายหนุ่มก็เป็นคนดีคนหนึ่ง และก็ไม่เคยเห็นเขาให้ความสนใจผู้หญิงที่ไหนเหมือนกับเพื่อนของเธอ ภาสกรยังคงชักชวนให้รวันดาดูรูปที่ถ่ายและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จนเธอได้รู้ว่าเขาทำงานเป็นช่างภาพให้กับนิตยสารที่เพื่อนเธอทำงานอยู่เช่นเดียวกัน ทำอะไรกันอยู่หรอค่ะ เมื่อได้ยินเสียงของบุคคลที่สาม ทั้งสองต่างพร้อมใจกันหันไปมองก็เห็นเมนี่กำลังยืนมองด้วยสายตาแปลกๆ ไม่ยักจะรู้นะค่ะ ว่าคุณภาสรู้จักยัยวาวด้วย เมนี่ที่เห็นทั้งสองกำลังดูรูปกันอยู่ก็เดินเข้ามาร่วมวงด้วยอีกคน ทำให้ภาสกรต้องหยุดคำถามอีกมากมายที่อยากจะถามเธอ เราเคยเจอกันเมื่อเดือนที่แล้วน่ะ รวันดาเป็นฝ่ายหันกลับไปตอบคำถามของเพื่อนแทน หรอค่ะ ถ้าไม่บอกเนี่ยเมนี่ต้องคิดว่าคุณภาสกำลังจะจีบยัยวาวแน่ๆเลย เมนี่หรือนายเมธีส่งยิ้มที่พยายามทำให้หวานที่สุดไปให้ภาสกร ด้วยความที่รู้ทันฝ่ายชาย ก็วันนี้เพื่อนเธอสวยหยอกซะเมื่อไหร่ล่ะ เธอเห็นหนุ่มๆทั้งหลายต่างส่งสายตาหวานชื่นชมกับเธอแต่ก็ไม่เห็นมีหน้าไหนกล้าเข้ามาคุยจะมีก็แต่ตากล้องหนุ่มหล่อของงานนี่แหละ แล้วนี่เพียงไปไหนล่ะ เมถึงเดินมาคนเดียวเนี่ย จากที่ยืนอึ่งอยู่กับคำพูดแกมหยอกของเพื่อนรวันดาก็พยายามพาออกนอกเรื่อง เผื่อว่าเมนี่กับภาสกรจะได้ไม่สังเกตเห็นว่าเธอหน้าแดงเพียงใดกับคำพูดของเพื่อน แหมพาออกนอกเรื่องเลยนะย่ะหล่อน นั่นไงเดินยิ้มมาแล้วน่ะ เมนี่พยักเพยิดไปทางเพียงพิญที่พึ่งวางโทรศัพท์เดินยิ้มนำมาก่อน ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปเก็บรูปต่อก่อนแล้วกันนะครับ เขาหันไปบอกรวันดากับเมนี่เมื่อเห็นว่าเธอมีเพื่อนคุยแล้วจึงขอตัวออกมาก่อนที่จะเป็นตัวทำให้เธอเขินไปมากกว่านี้ ใครหรอวาว หน้าตาดีจัง เพียงพิญเดินมาถึงก็เอ่ยถานถึงบุคคลที่สาวที่พึ่งแยกตัวออกไป คุณภาสกรน่ะ ช่างกล้องเพื่อนพี่หนึ่งจ๊ะ รวันดาตอบคำถามเพื่อนด้วยรอยยิ้มที่ยังคงแต่งแต้มอยู่บนใบหน้า จนคนเป็ฯเพื่อนยังสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ทำไมย่ะ แต่หล่อนน่ะหมดสิทธ์มีสามีแล้วก็อดย่ะ คนนี้ของยัยวาวเค้า บ้า มั่วแล้วแก ของชั้นที่ไหน รวันดาหันไปเถียงเพื่อน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดแซวตนเอง แต่ชั้นเห็นนะ สายตาที่เค้ามองแกน่ะ หวานเยิ้มเชียว ชั้นว่าเค้าต้องสนใจแกแน่ๆเลยยัยวาว บ้า หญิงสาวพูดได้เพียงแค่นั้นแล้วก็เดินออกไปหาอะไรกินต่อกลบเกลื่อนอาการเขินอายของคนเอง ทำให้เพื่อนอีกสองคนต่างหัวเราะชอบใจกับอาการเขินของเพื่อนสาวที่นานๆจะได้เห็นซักที ภาสกรเดินแยกตัวออกมาได้ก็มาถ่ายรูปคู่บ่าวสาวเป็นที่พอใจแล้วก็โดนเจ้าสาวลากเข้าไปคุยข้างในบ้าน โดยมีเจ้าบ่าวเดินตามหลังปิดท้าย พี่ภาสชอบวาวหรอ เมื่อเห็นว่ามีโอกาสวิราศินีไม่รอช้าที่จะได้ซักถามข้อสงสัย ถ้าพี่บอกว่าใช่ล่ะ เพื่อนหวานไม่เหมือนเหล่านางแบบทั้งหลายที่พี่เคยเจอหรอกนะค่ะ ก็เพราะว่าไม่เหมือน แล้วก็ไม่ใช่นะซิครับ พี่ขอยืนยันด้วยเกียรติกับหวานเลยว่าพี่จริงใจแล้วก็จริงจังกับวาว หวานจะยอมช่วยพี่หรือเปล่า วิราศินีจึงหันไปขอความคิดเห็นกับเจ้าบ่าวเพื่อถามหาความมั่นใจอีกรอบ เมื่อเห็นว่าเขาพยักหน้าส่งกลับมาให้ เธอก็เข้าใจได้ทันทีว่าคำพูดของภาสกรสามารถเชื่อถือได้มากขนาดเพื่อนสนิทอยากหนึ่งณรงค์ออกอาการรับรองให้ขนาดนี้เพียงเท่านี้ก็ทำให้เธอสามารถคัดสินใจได้แล้วว่าเธอจะให้ความช่วยเหลือผู้ชายตรงหน้าหรือไม่
Create Date : 23 มกราคม 2553 |
Last Update : 23 มกราคม 2553 19:41:55 น. |
|
1 comments
|
Counter : 195 Pageviews. |
|
|