Group Blog
 
 
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
26 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
ณ จุดเริ่มต้น ของคน(จะ)รักกัน # 7

                วันนี้รวันดาขับรถไปรับเมนี่ที่บ้านและขับออกจากกรุงเทพเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 34 ถนนมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าไปภาคตะวันออก เมื่อคืนหลังจากคุยกับป้าพิมแล้วเธอก็รู้สึกอยากจะไปพักผ่อนที่ชายทะเลจึงโทรศัพท์ไปชวนเมนี่ไปเที่ยวทะเลด้วยกัน อีกฝ่ายที่ฟังน้ำเสียงของเพื่อนสาวแล้วคิดว่ารวันดาต้องมีเรื่องไม่สบายใจแน่ๆจึงตอบตกลงทันทีถึงแม้ตนจะพึ่งกลับมาจากทะเลใต้ก็ตาม หลังจากตกลงกันได้แล้วว่าจะไปเกาะเสม็ดต่างก็แยกย้ายกันไปเก็บกระเป๋าเพื่อออกเดินทาง จนมานั่งอยู่ในรถมุ่งหน้าสู่จังหวัดระยองขณะนี้ ขับรถมาถึงบ้านเพ รวันดาก็ขับรถไปยังจุดบริการรับฝากรถสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะข้ามฟากไปเกาะเสม็ด เมื่อจัดการกับที่จอดรถพร้อมซื้อตั๋วเรียบร้อยทั้งคู่ก็มานั่งอยู่บนเรือที่กำลังมุ่งหน้าสู่หาดทรายแก้ว เรือที่นี่จะมีออกทุกๆหนึ่งชั่วโมงยิ่งเป็นวันหยุดเช่นนี้ด้วยแล้วจะมีเรือออกทุกๆครึ่งชั่วโมง ทำให้ทั้งคู่ไม่ต้องเสียเวลารอนาน หลังจากนั่งเรือมาประมาณครึ่งชั่วโมงได้ทั้งคู่ก็มาถึงฝั่ง ก่อนจะเดินต่อไปยังรีสอร์ทที่เมนี่ได้ติดต่อจองห้องพักไว้ ด้วยความที่นิตยสารที่เมนี่ทำอยู่ได้มาถ่ายแฟชั่นและเข้าพักที่นี่บ่อยจึงทำให้ทริปนี้ของทั้งคู่ประหยัดเรื่องค่าบ้านพักไปได้หลายบาททีเดียว 
เมื่อได้กุญแจห้องพักเรียบร้อยทั้งคู่ก็เดินไปตามเส้นทางที่ปูด้วยก้อนอิฐสีแดงดูกลมกลืนกับธรรมชาติและต้นไม้รอบๆทางเดินไปยังห้องพัก เมื่อตกลงเรื่องเตียงนอนกันได้รวันดาก็จัดแจงขนเสื้อผ้าออกมาใส่ตู้ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ เมนี่ที่แอบรอบมองอากัปกิริยาของเพื่อนสาวถึงกับถอนหายใจ กับอาการท่าทางหงอยเหงาเซื่องซึม 

                “แกมีอะไรในใจก็บอกฉันได้นะวาว” รวันดาหันมองเพื่อนสาว(เทียม)ที่เดินทำเป็นไม่สนใจสิ่งใดนอกจากธรรมชาติและความสวยงามของท้องทะเลภาคตะวันออก 
                “แกไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั้นเลย ฉันเป็นเพื่อนกับแกมากี่ปีแล้ว แกนึกว่าฉันจะดูไม่รู้หรือไงว่าแกกำลังไม่สบายใจ” เมนี่สวนกลับเมื่อคนข้างกายแกล้งทำหน้าตาเหมือนกับไม่มีอะไรทุกข์ร้อนในใจ 
                “หน้าฉันมันบอกขนาดนั้นเลยหรอ” 
                “ก็แน่ละซิ ฉันจะบอกให้นะว่าฉันรู้สึกได้ตั้งแต่ที่คุยกับแกเมื่อคืนนี้แล้ว แต่ไม่อยากจะซักอะไรมาก ฉันคิดว่าถ้าแกพร้อมก็คงจะพูดออกมาเอง แต่ดูที่แกทำซิ ทำหน้าอย่างกับอกหักถูกคุณภาสทิ้งอย่างนั้นแหละ ทำเอาความสวยงามของที่นี่หดหายไปหมด” 
                “แกรู้” รวันดาตกใจกับคำพูดของเมนี่ นึกว่าเพื่อนรับรู้เรื่องพัชชากับภาสกรมาก่อนไม่ได้มีความคิดว่าที่เพื่อนพูดมานั้นจะเป็นเพียงการแหย่เล่น 
                “รู้ รู้อะไร นี่แกอย่าบอกนะว่าแกโดนคุณภาสเขาทิ้งจริงๆยัยวาว” เห็นหน้าตาที่ไร้สีเลือดกับแววตาที่เศร้ากว่าเดิมของรวันดากลับทำให้เมนี่ออกจะตกใจกว่าคนข้างๆด้วยซ้ำ 
                “จะเป็นไปได้ยังไง ตอนที่ไปทำงานที่ใต้ฉันยังเห็นเขาโทรหาจ๊ะจ๋ากับแกอยู่เลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับแก บอกฉันมาเดียวนี้นะ” น้ำเสียงของเมนี่ที่มีทั้งความตกอกตกใจบวกคาดคั้นด้วยความเป็นห่วงความรู้สึกเพื่อน 
                
รวันดายอมเล่าเรื่องราวที่เธอเจอมาให้เพื่อนฟัง โดยไม่ได้บอกว่าผู้หญิงคนที่เดินควงกับภาสกรนั้นเป็นใคร ด้วยไม่เห็นความสำคัญที่เพื่อนจะต้องรับรู้ว่าเธอเองก็รู้จักผู้หญิงคนนั้น น้ำตาที่คิดว่าแห้งเหือดไปแล้วกลับก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว รวันดาพยายามเงยหน้าเพื่อจะให้น้ำตาไหลย้อนกลับเข้าไปข้างในเหมือนเดิม เมนี่ทำได้เพียงแค่กอดปลอบเพื่อนสาวให้คลายความหมองเศร้าแต่ในใจกำลังคิดหาวิธีจัดการกับปัญหาและตัวสร้างปัญหาของเพื่อนสาวอยู่เงียบๆ 


                เมื่อได้ปลดปล่อยระบายความอัดอั้นที่อยู่ในใจออกไป ทำให้หญิงสาวรู้สึกคลายความทุกข์ที่อันแน่นอยู่ในใจ ถึงแม้ว่าพูดออกไปแล้วจะไม่มีอะไรดีขึ้นแต่อย่างน้อยก็ยังมีคนรับรู้และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเป็นเพื่อนเธอยามโศกเศร้าเวลานี้


                โทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กของรวันดากำลังสั่นบ่งบอกให้เจ้าของรับรู้ว่ามีสายโทรเข้ามา เมนี่ที่นั่งอยู่บนเตียงกำลังรอจะอาบน้ำต่อจากเพื่อนสาวหันไปทางต้นเสียงที่สั่นกระทบกับโต๊ะตรงหัวเตียงก็เห็นไฟโทรศัพท์ของรวันดากำลังกระพริบจึงเอื้อมไปดู พอรู้ว่าสายที่โทรเข้ามาเป็นคนที่ทำให้เธอต้องมานั่งเครียดเกือบครึ่งค่อนวันกับการคิดหาวิธีทั้งหลายแหล่ในการช่วยเหลือเพื่อนสาวอดหมั่นใส่ไม่ได้ สายตาก็พยายามสอดส่องไปทางประตูห้องน้ำแต่เมื่อยังแว่วได้เย็นเสียงน้ำตกกระทบพื้นห้องน้ำ เมนี่แอบหยิบโทรศัพท์ของรวันดามาก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกไปนอกห้อง 

                “สวัสดีค่ะ” เมนี่กรอกเสียงที่ค่อนไปทางกระด้างหูตอบเมื่อกดปุ่มรับก่อนที่มันจะตัดไป 
                “สวัสดีครับ ใช่โทรศัพท์ของคุณรวันดาหรือเปล่าครับ” ภาสกรถามปลายสาย เมื่อได้รับการตอบรับแต่เสียงที่ตอบกลับมากลับไม่ใช่เสียงของคนที่ตนเองอยากจะได้ยิน 
                “ค่ะ นี่เมนี่เองค่าคุณภาส” 
                “เมนี่ ทำไมโทรศัพท์คุณวาวอยู่กับคุณ แล้วคุณวาวไปไหนผมติดต่อเธอไมได้เลย” 
               
เมื่อได้มีโอกาสคุยกับภาสกร เมนี่ก็ไม่รีรอที่จะสอบถามตามหาความจริงของเรื่องราวทั้งหมดที่ตนได้รับฟังมาจากเพื่อนสาวเมื่อตอนบ่ายของวัน เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดจากเพื่อนสาวเทียมของคนรักก็ทำให้ภาสกรเข้าใจทันทีว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของการพยายามหลบหน้าหลบตาเขาจากรวันดา ภาสกรต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะพูดให้เธอเข้าใจว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นและแท้จริงแล้วผู้หญิงคนนั้นคือใครกันแน่ กว่าจะทำให้เมนี่เข้าใจได้ก็แทบทำเขาปาดเหงื่อเหมือนกัน แต่ด้วยความเข้าใจว่าเธอเองก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นห่วงและมีความหวังดีให้ทั้งเขาและรวันดา หลังจากได้รับฟังความครบถ้วนจากทั้งสองฝ่ายก็ทำให้เมนี่เริ่มที่จะเข้าใจว่าเรื่องราวทั้งหมดที่แท้จริงแล้วเป็นเช่นไร เมนี่ต้องหันไปมองประตูห้อแทบจะตลอดเวลาที่ทำการนัดแนะกับภาสกรเพราะกลัวเพื่อนสาวจะออกมาจากห้องน้ำและเดินออกมาเห็นตนกำลังยืนวางแผนการให้ทั้งคู่ได้ทำการปรับความเข้าใจกันให้เป็นเรื่องเป็นราว 

                เมนี่ที่เห็นเพื่อนเอาแน่นั่งเงียบอยู่ในห้องหลังทานอาหารมื้อเย็นเสร็จจึงชักชวนกันออกมาดูดาวท่ามกลางสายลมและหาดทราย บรรยากาศยามค่ำคืนของคืนเดือนมืดทำให้สามารถเห็นดาวบนฟากฟ้าได้อย่างชัดเจน แต่ถึงแม้บรรยากาศจะดียังไงก็ไม่สามารถทำให้อารมณ์ของรวันดาดีขึ้นแม้แต่น้อย ยิ่งได้มาพบเจอกับบรรยากาศที่ค่อนไปทางโรแมนติกถ้าได้มาอยู่กับคนรักแบบนี้ด้วยแล้ว กลับยิ่งทำให้หญิงสาวซึมเศร้าไปกว่าเดิม 
                “แกจะมานั่งซึงเศร้าไปทำไมยัยวาว พรุ่งนี้อะไรทั้งหลายแหล่มันอาจจะดีขึ้นก็ได้” เมนี่พูดเปรยขึ้น เพราะตนเองก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเหมือนกันกับอาการทางใจของเพื่อนสาว ได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้ถ้าทั้งสองคนได้พูดคุยกัน 
                “ทำไมแกไม่ลองคุยกับคุณภาสเขาให้รู้เรื่องไปเลย จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดเองอยู่อย่างนี้ บางทีเขาผู้หญิงคนนั้นอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่แกคิดก็ได้นะ” 
                “ไม่ใช่เอาแต่หนีหน้า แล้วมานั่งคิดอะไรที่ทำร้ายตัวเองอยู่อย่างนี้” 
                “แกคิดว่าฉันควรจะไปคุยกับเขาให้รู้เรื่องหรอ” อยู่ๆรวันดาที่ทำท่าเหมือนไม่ได้ฟังที่เธอพูดก็เอ่ยขึ้นมา เมนี่รีบพยักหน้าสนับสนุนความคิดของตนเองเมื่อเริ่มเห็นทางออกจากความเศร้าของเพื่อน 
                “ฉันกลัว กลัวที่จะได้ยินคำตอบที่ไม่อยากฟัง ฉันไม่กล้า” 
                “แล้วที่แกมานั่งเศร้าซึมอยู่อย่างนี้มันดีแล้วหรอ ไหนจะคนที่รักแกอีกล่ะ แกไม่คิดบ้างหรอว่าแกเป็นแบบนี้จะยิ่งทำให้เค้าเป็นห่วงเป็นทุกไปกับแกด้วย” 
                “อย่าหนีปัญหาอีกเลยนะวาว หันหน้าสู้กับมันซิ ฉันไม่อยากเห็นแกหมดอาลัยตายอยากอย่างนี้เลย เชื่อฉันเถอะ บางทีทุกอย่างมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้” เมื่อเห็นเพื่อนพยักหน้าเมนี่ก็ยิ้มโล่งอก เมนี่ก็ได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้เมื่อรวันดาได้รู้ความจริงทุกอย่างจะกลับมาเข้าร่องเข้ารอยเหมือนเดิมเสียที





Create Date : 26 มกราคม 2553
Last Update : 26 มกราคม 2553 19:28:40 น. 0 comments
Counter : 199 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sosine
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




cursor
Friends' blogs
[Add sosine's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.