และแล้วก็มาถึงเวลาที่ผมต้องเชิญธงขึ้นเสาแล้ว ทุกอย่างมันผ่านไปรวดเร็วมาก เท่าที่ผมจำได้คือผมยืนคู่กับนักเรียนหญิงในห้อง เขาเป็นคนประคองเชือก ส่วนผมเป็นคนดึงเชือก ผมตื่นเต้นมาก เหงื่อออกเต็มมือจนมือผมเปียกไปหมด พอดนตรีเพลงชาติเริ่มบรรเลงผมค่อยๆ ดึงเชือกขึ้นและทุกๆ อย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วไปหมด ความคิดมันวิ่งพล่านอยู่ในหัว รู้ตัวอีกทีคือเพลงชาติจบ ผมหยุดดึงเชือกเงยหน้าขึ้นไปมองธง"ธงหยุดอยู่ครึ่งเสา"ผมได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาทางข้างหลัง แต่ผมไม่กล้าหันไปมอง ได้แต่ก้มหน้าก้มตาชักธงไปจนสุดเสา ผมรู้สึกได้ถึงเลือดที่สูบฉีดไปทั่วร่างกาย รู้สึกว่าเท้าไม่ติดพื้นตัวลอยๆ อย่างไรก็ไม่รู้หลังเลิกแถวบรรดาเพื่อนผมล้อผมไม่หยุด ผมรู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าจะโกรธใครได้ ได้แต่หัวเราะแห้ง ไปตามเรื่องตามราวตกเย็นผมได้มีโอกาสคุยกับอาจารย์ อาจารย์ถามผมว่าพรุ่งนี้ผมจะเชิญธงอีกมั้ย ถ้าเป็นทุกทีผมคงจะไม่รับหน้าที่นี้อีกแล้ว และปล่อยเวลาให้หมุนผ่านไป เดี๊ยวเพื่อนๆ ผมก็ลืมกันไปเอง แต่ไม่รู้ว่าความคิดอะไรจากไหน แล่นเข้ามาในหัวผม ผมตกปากรับคำอาจารย์ทันทีโดยอาทิตย์หน้าผมจะได้ชักธงอีกครั้ง ผมเดินออกจากห้องอาจารย์มาด้วยความคิดอย่างหนึ่งผมแอบเข้ามาในโรงเรียนวันเสาร์และอาทิตย์กับน้องผม ใช่แล้วครับ ผมมา ซ้อมชักธง ผมซ้อมตั้งแต่เช้ายันเย็นเพื่อกะจังหวะให้เหมาะเหม็งกับความยาวของเพลงชาติ ซึ่งผมอัดเทปเพลงชาติในโรงเรียนของสองสามวันที่ผ่านมาไว้และจับเวลาเพลงชาติเอามาหารเฉลี่ยกัน ออกมาก็ได้ค่าเฉลี่ยของเพลงชาติโรงเรียนผม ผมชักธงให้ได้ตามเวลานั้นและให้น้องผมเป็นคนประคองเชือก ผมชักขึ้นโดยจับเวลากะครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามหาจังหวะให้เหมาะสมที่สุด ตั้งแต่แดดออกยันแดดล่ม โดยไม่หยุดพักถึงแม้ในท้องผมจะร้องหาอาหารเพียงใด แต่ผมไม่อยากพักกินข้าวก่อนที่ผมจะทำสำเร็จในที่สุดผมก็มั่นใจในฝีมือการชักธงของผมแล้ว ผมจะลบคำสบประมาทของทุกคนที่หัวเราะเยาะผม ผมเฝ้ารอให้นาฬิกาหมุนมาถึงวันจันทร์เร็วๆ
...ลีจุนกิเลื่อนการเดินทางมาไทยแล้วจ้า...เนื่องจากการถ่ายทำของลีจุนกิล่าช้าทำให้เลื่อนการเดินทางออกไปก่อน...แต่ว่าลีจุนกิมาไทยแน่ๆ แต่วันไหนนี้นจะมาบอกอีกทีนะค่ะ....ขอบคุณนะค่ะที่แวะไปเยี่ยมและเป็นกำลังใจให้เสมอมา...