เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
 
<<
มกราคม 2561
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
20 มกราคม 2561
 
All Blogs
 
เวียนนา เมืองแห่งดนตรีคลาสสิก

 
 
 
ปีใหม่สองปีที่ผ่านมาอยู่ฉลองในกรุงโรมมาโดยตลอดและพบว่าเป็นช่วงเวลาที่เงียบเหงา ยิ่งถ้าไม่มีเพื่อนไปกินข้าวด้วยหรือทำกิจกรรมฉลองปีใหม่จะยิ่งรู้สึกคิดถึงบ้าน คนอิตาลีเขาไม่ค่อยฉลองปีใหม่กันเท่าไหร่ อย่างในโรมไม่คึกคักเลย คนส่วนใหญ่อาจใช้เวลากับครอบครัวหรือไม่ก็เพราะมันไม่ได้เป็นวันหยุดยาวสำหรับเขา แต่จริงๆ เขาทำถูกแล้วครับ คือ ให้ความสำคัญกับครอบครัว คนที่รักเรา มากกว่าการเที่ยวเตร่เฮฮาแบบบ้านเรา ซึ่งเทศกาลไหนๆ ก็เมาได้เหมือนกัน 
 
ปีใหม่ 2018 ไม่อยากเหงาซ้ำซากจึงวางแผนไปฉลองปีใหม่ที่กรุงเวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ด้วยราคาตั๋วเครื่องบินไปกลับโรมเวียนนาซึ่งบินแค่ขาละ 1 ชม. 40 นาที 400 ยูโร ก็นับว่าค่อนข้างสูงเพราะไม่ได้คิดล่วงหน้านาน แต่ตัดสินใจจองตั๋วทันทีไม่รีรอเพราะ 3 เหตุผล คือ คนที่เคยไปเวียนนามาบอกว่าสวยมาก เพื่อนชาวออสเตรียบอกว่าปีใหม่ที่เวียนนาคึกคัก และสุดท้ายขอไปไหนก็ได้ที่ไม่ต้องอยู่โรม เป็นพลัสเมื่อรู้ว่าเพื่อนสะดวกให้ไปพักที่บ้านฟรี 
 
เครื่องบินออกศุกร์กลางคืนหลังเลิกงานก็ตรงไปสนามบิน เราจะมีเวลาอยู่ในออสเตรีย 4 วันเต็มๆ ครั้งแรกกับสายการบิน Eurowings ใช้ได้ 
 
เริ่มต้นวันแรกด้วยการเดินชมนกชมไม้จริงๆ จังๆ เพราะยังไม่มีเป้าหมายชัดเจน ดูไปเรื่อยๆ 
 
อุณหภูมิเลขตัวเดียวถือว่าหนาวสำหรับผม ทั้งที่คนที่นี่เขาบอกปีนี้ไม่หนาวเลย 
 
ถ้าหนาวอย่างปีที่ผ่านๆ มา คงห่อตัวเหลือแต่ลูกตา
 
สังเกตว่าในเวียนนามีอาคารหน้าตาสวยๆ หลายอาคาร
 
เป้าเริ่มชัดขึ้นเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน เข้าร้านมีชื่อร้านหนึ่งของเวียนนา ไม่รับจอง มาก่อนได้ก่อน
 
อาหารล้ำเลิศของเขาที่ใครก็น่าจะต้องมาทาน เนื้อสัตว์แผ่นแบนๆ ชุบแป้งทอด ที่เขาเรียกกันว่า Schnitzel ท่านคงเคยได้ยิน มันคืออาหารเยอรมันเลย มันก็ประเทศเดียวกันมาก่อนอ่ะนะ
 
มีเนื้อแผ่นบางชุบแป้งทอดแล้ว ก็ต้องมีไส้กรอกถึงจะครบถ้วนกระบวนเยอรมัน 
 
ในส่วนของความหลากหลายของอาหารประจำชาติออสเตรียนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับอิตาลีซึ่งผมก็คิดว่ามีแค่พิซซ่ากับพาสต้าเท่านั้น ถือว่าอิตาเลียนควิซีนยังเหนือกว่า แต่มาถึงที่เขาแล้วก็ต้องลองให้รู้
 
ช่วงบ่ายเรานั่งรถม้าชมเมืองกันครับ รถม้าคันนึงนั่งได้ 4 คน ทัวร์รอบใหญ่ประมาณ 1 ชม. อยู่ที่ 80 ยูโร ถูกกว่าโรมหนักมาก 
 
ที่โรมจากบันไดสเปนไปรอบใหญ่ 1 รอบ เวลาพอๆ กัน 150 ยูโร
 
คนบังคับม้าก็ทำหน้าที่ไกด์ค่อยชี้ชวนให้ดูสถานที่สำคัญต่างๆ ไปด้วย 
 
ตอนแรกแกก็เล่าประวัติโน่นนี่เยอะอยู่ แต่พอเห็นเราคุยกันเองเยอะกว่า แกก็คงถอดใจ
 
นั่งรถม้าก็ดี ได้ชมเมืองเก่าเวียนนาซึ่งไม่ใหญ่มากอีกรอบ ได้นั่งพักขาบนรถม้าพักใหญ่ เสียดายไม่มีแดดแว่บให้เห็นเลยวันนี้
 
อีกอย่างที่เก๋ นั่งผ่านไปทางไหนคนก็มอง จะด้วยความรำคาญหรือชื่นชมก็ตาม 
 
หลังจากนั่งรถม้า น้องกบ ไกด์อาสากิตติมศักดิ์ของเราได้พาชมพิพิธภัณฑ์สำคัญอีกแห่งหนึ่ง
 
มีโลงศพบุคคลสำคัญต่างๆ ในประวัติศาสตร์ออสเตรียเก็บไว้อย่างครบถ้วน ไม่ได้ถามว่ามีศพอยู่จริงด้วยหรือเปล่า
 
เช้าวันถัดมานั่งรถเมล์จากแถวที่พักไปพระราชวังที่แทบทุกคนที่มาเที่ยวเวียนนาต้องไม่พลาด พระราชวังเชินบรุน (Schönbrunn) เหมือนมาโรมก็ต้องไปโคลอสเซียม คงความรู้สึกเดียวกัน   
 
ตั้งใจออกเช้าเพราะเกรงว่าคิวจะยาวเหยียดเหมือนเวลาเราไปเที่ยวโคลอสเซียมช่วงสายๆ 
 
คิวเข้าพระราชวังก็ยาวเสียจน แม้เราจะไปถึงประมาณ 10.00 น. คิวแรกสุดที่จะเข้าพระราชวังได้ คือ 14.30 น. แล้วจะไปอยู่ที่ไหนอีกตั้งครึ่งค่อนวัน อากาศก็ขมุกขมัวขนาดนี้
 
ระหว่างที่กำลังสับสน ไร้ที่ไป ไร้จุดหมาย พนักงานหน้าจีนๆ นางหนึ่งก็ได้แนะให้ซื้อบัตรแบบรวมหลายแห่ง (Combo) ซึ่งสามารถเข้าพระราชวังได้เลย บวกกับพิพิธภัณฑ์อีกสองแห่ง ตัดสินใจซื้ออย่างไม่ลังเล ราคาเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัว นึกในใจแผนการตลาดหรือเปล่า แต่จังหวะนั้นโนแคร์โนสนแล้ว   
 
เสียดายแค่เขาไม่ให้ถ่ายรูปข้างใน ยอมจ่ายยอมรอขนาดนี้แล้วไม่ให้ถ่ายรูปเนี่ยโกรธนะ แล้วจะเอาอะไรมาลงบล็อกล่ะ จริงๆ ไม่ได้มีอะไรเตะตามากเลย ข้างในอ่ะ พระราชวังใหญ่ๆ ในยุโรปหลายวังที่อนุญาตให้ถ่ายรูปมีของสวยงามมากกว่า แต่เข้าใจว่าเพราะที่ทางค่อนข้างแคบ บางช่วงเดินผ่านได้ทีละคน หากมัวแต่ให้ถ่ายรูปคงโกลาหล
 
หาอาหารกลางวันกันตายกินง่ายกินเร็วกันตรงตลาดคริสต์มาสหน้าพระราชวังนั่นแล 
 
ตั๋ว combo ที่ซื้อบังคับให้เราต้องเข้าเมืองไปดูพิพิธภัณฑ์อีกสองแห่งเป็นคอลเลคชั่นเฟอร์นิเจอร์และอพาร์ทเมนต์ของพระนาง Sisi 
 
หญิงสองคนที่มีชื่อเสียง สำคัญ และเป็นที่รู้จักมากในประวัติศาสตร์ออสเตรีย คือ พระนาง Maria Theresa พระราชินีเพียงพระองค์เดียวที่ปกครองจักรวรรดิ์ออสเตรีย ลูกดกมาก 16 คน คนเดียวที่รู้จัก คือ พระนาง Marie Antoinette มเหสีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ที่ถูกประหารด้วยเครื่องกิโยติน อีกคน คือ พระนาง Sisi ผู้เลอโฉมแต่ชีวิตเจอแต่เรื่องร้ายๆ จนคนเอามาทำเป็นหนังยาวหลายตอน  
 
กลายเป็นว่าพิพิธภัณฑ์สองแห่งที่เราไม่สนใจอยากมาแต่แรกเพราะคิดว่าเป็นของแถมเสียอีกที่มีอะไรให้ดูเยอะแยะมากมาย
 
ถ่ายรูปก็ได้
 
เมื่อยก็มีที่ให้นั่งพักขา (ไม่ใช่ตรงนี้)
 
คืนวันนี้ตั้งใจกันมาตั้งแต่โรมว่าจะ countdown ปีใหม่ที่เวียนนาให้สนุกเลย ปรากฏว่ามีแรงเหลือแค่เดินเล่นในตอนเย็นเท่านั้น
 
ต้องกลับไป countdown นอนดูพลุตอนเที่ยงคืนที่บ้านเพื่อนแทน แต่ก็ทราบได้ว่ามีการจุดพลุกันจริงจังทั่วเมืองมาก บ้านเพื่อนอยู่บนเนินเขาจึงสามารถเห็นพลุในเวียนนาในคืนวันนั้นได้อย่างรอบทิศทาง 
 
เช้าถัดมาออกกันแต่เช้าเช่นเคย นั่งรถไฟไปเมือง Hallstatt ห่างไปจากเวียนนาประมาณ 4 ชม. กว่าๆ 
 
เลือกไปเมืองนี้เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของคนเอเชียอีกเมืองหนึ่ง ชื่อเมืองก็ได้ยินเข้าหูมาตลอด ครั้นจะให้เดินในเวียนนาอีกก็ไม่มีอะไรเหลือให้ชมแล้ว 
 
ถึงแล้วต้องนั่งเรือข้ามไปอีก 15 นาที ถ้ามาทางรถก็ไม่ต้องข้ามเรือ มีที่จอดรถอยู่หลายจุด
 
ในวันที่ 1 มกราคม 2018 นี้ยังคงมีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่ง แม้จะไม่แออัดเหมือนช่วงเทศกาลอื่นๆ หรือช่วงอากาศดี
 
ตามพื้นมีซากหิมะที่กำลังละลาย ลื่นสไลด์ชวนให้คว่ำหน้าหงายหลังดีนักแล
แต่ก็นับว่าดี เป็นการเบรกให้เราทำอะไรช้าลง หันมาชื่นชมธรรมชาติรอบตัวมากขึ้น
 
บ้านเมืองสวยดีครับ ไม่ใหญ่ไม่โต เดินไม่เกินชั่วโมงก็ทั่วแล้ว 
 
มีมุมถ่ายภาพสวยๆ หลายมุมเลย นี่ถ้าฟ้าเปิดเสียหน่อยนะ 
 
แต่มุมมหาชนที่ทุกคนต้องมาถ่ายคือมุมนี้ครับ มุมนี้มุมเดียวที่แท้ทรู
 
กิจกรรมหลายอย่างที่เราอยากทำ เช่น ขึ้นกระเช้าไป Skywalk เข้าโบสถ์ เข้าร้านสวยๆ ก็ปิดกันจนเกือบหมด
 
ยังดีที่ร้านอาหารที่เปิดร้านนี้รสชาติพอใช้ได้ รอไม่นาน บริการโอเค
 
ที่กะจะใช้เวลาทั้งวันก็เหลือแค่ไม่กี่ ชม. 
 
เดินแล้วเดินอีก กลับไปกลับมา
 
ขึ้นเนินลงทะเล ถ่ายรูปแทบจะทุกมุมครับ 
 
สุดท้ายก็ต้องกลับก่อนเวลาที่กะไว้ โชคดีรถไฟกลับเวียนนาไม่ได้ระบุเวลา จะขึ้นเที่ยวไหนก็ได้
 
ดั้นด้นกลับมาถึงเวียนนากันเมื่อเวลาสองทุ่ม หิวอาหารเอเชียเป็นที่สุด ในสามวันที่ผ่านมาไม่ได้ลิ้มลองรสชาติกะปิน้ำปลาเลย เหมือนใจจะขาด เสิร์ชเจอร้านจีนแถวสถานีรถไฟก็เรียกแท็กซี่ตรงไปเลย นอกจากจะฟินกับรสชาติที่อร่อยจนเกือบลืมถ่ายรูปแล้ว ราคายังถูกแถมอาหารหลากหลายกว่าร้านประจำที่โรมด้วย ค่าอาหารที่ถูกกว่าโรมยังมีที่เวียนนา
 
เช้าวันสุดท้ายของทริปสี่วันที่ผมคิดว่านานไปสักนิด เรากะเดินเล่นสบายๆ แต่อยากได้ข้อมูลประวัติศาสตร์น่ารู้ไปด้วย เมืองใหญ่อย่างเวียนนามีแน่นอนครับ free walking tour ไกด์ท้องถิ่นพาเดินชมเมืองฟรีประมาณ 2 ชม. เราก็แค่ทิปเขาตอนท้ายตามความพึงพอใจ
 
เคยใช้และประทับใจมาหลายเมือง ที่โรมก็ดี ที่ปารีสก็เก๋ ลองที่เวียนนาดูบ้าง
 
รอบของผมเป็นคุณลุงแก่วัยหลังเกษียณครับ แม้ไม่ดึงดูดความสนใจได้เหมือนเด็กหนุ่มกลิ่นตัวหอม แต่ก็มีความรู้ดีและมีมุกตลกพอตัว ชอบตรงที่แกไม่มี tie in  ร้านอาหารมาแทรก 
 
เดินกันไปเรื่อยๆ เป็นแถวเหมือนครูพาเด็กอนุบาลเดินเที่ยว ดีที่ยังไม่ต้องจูงมือเดินตามกันไป
 
ทัวร์เดินที่นี่ต่างจากเมืองอื่นๆ ที่ไปมา คือ แต่ละจุดแวะอธิบายค่อนข้างนาน ไม่ลุงแกความรู้ประวัติศาสตร์เป๊ะ หรือเวียนนาไม่มีอะไรเยอะ ก็ต้องเพราะแกขี้เกียจเดิน แกบอกว่า เวียนนาได้เป็นเมืองน่าอยู่ติดอันดับโลก แกไม่ได้ดีใจอะไร เพราะแกคิดว่าเราได้ title นี้มาเพราะ We are not important. They don't give a damn about us. หรือจะจริง
 
สุดท้ายนี้ขอบคุณเพื่อนกบและคุณแม่ที่ให้ความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ตลอดทริปฉลองปีใหม่สี่วันสี่คืนที่เมืองหลวงแห่งดนตรีคลาสสิกของโลก
 
สวัสดีปีใหม่ 2018 ทุกท่านทั่วโลก!
 
 
 
 
 



Create Date : 20 มกราคม 2561
Last Update : 23 สิงหาคม 2564 9:56:09 น. 1 comments
Counter : 1680 Pageviews.

 
พี่กุ๊กเขียน blog ได้น่าอ่านทุก blog จริงๆ ขอคารวะ 5555


โดย: เบสท์ IP: 184.22.108.171 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:17:05:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thaisoloclub
Location :
Rome Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




Friends' blogs
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.