เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
7 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 
รัสเซีย : Moscow, Moskva, Москва จะเอาไงแน่

ตอนอยู่เคนยา พี่สาวที่สนิทด้วยคนหนึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่ในรัสเซียเมื่อสัก 20 ปีที่แล้ว ว่างเมื่อไหร่ นางก็จะเล่าเรื่องที่รัสเซียหรือสหภาพโซเวียตในสมั้ยโน้นให้ฟังตลอด นางเล่าทั้งเรื่องที่นางประทับใจและเหนื่อยหน่ายนะ แต่ผมกลับไปจำแต่เรื่องเหนื่อยหน่าย เช่น โรงพยาบาลสภาพเหมือนโรงงาน ไอศกรีมอร่อยๆ ที่ต้องทานตอนหน้าหิมะตก เรื่องที่นางลื่นล้มบนถนนน้ำแข็งตอนท้องแก่ กางเกงยีนส์ที่หนุ่มไทยใช้เชิญสาวรัสเซียมาดื่มกาแฟที่ห้องได้ สายการบินรัสเซียที่ต้องสวดมนต์ทุกทีที่ใช้บริการ เป็นต้น

พอได้เดินทางมาทำงานที่รัสเซียจริงๆ กลับต่างจากที่ได้ยินมาโดยสิ้นเชิง ประการหนึ่งคงเป็นเพราะระยะเวลาที่ล่วงเลยไปกว่า 20 ปีแล้ว ประเทศไหนๆ ก็คงเปลี่ยนแปลง เพียงแต่รัสเซียเขาเปลี่ยนหลายอย่างหน่อย ตั้งแต่ ชื่อประเทศ ผู้นำ ขนาดประเทศ แนวนโยบาย.....

พวกเราไม่ได้เดินทางด้วยสายการบินแห่งชาติรัสเซียอย่าง Aeroflot ซึ่งในยุคปัจจุบันได้ปัดฝุ่นการบริหารจัดการและการให้บริการ มีการสั่งเครื่องบินพาณิชย์ใหม่ๆ เข้ามาประจำการ ทำให้ Aeroflot เป็นสายการบินที่มีสถิติความปลอดภัยสูงที่สุดสายการบินหนึ่งในโลก เปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้สักสิบปี เป็นสายการบินหนึ่งที่คนพยามหลีกเลี่ยง เพราะสภาพเครื่องที่เก่าเนื่องจากเอาเครื่องบินทหารมาดัดแปลงและมีการตกหลุมอากาศ รวมทั้งตกจากฟ้าอยู่บ่อย


ส่วนการบินไทยของเรามีเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปกรุงมอสโกสัปดาห์ละหลายเที่ยวบิน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมง บินขึ้นซีกโลกเหนือนี่ไกลพอๆ กับบินไปแอฟริกาเลยครับ


เครื่องการบินไทยและสายการบินต่างชาติส่วนใหญ่ลงจอดที่สนามบิน Domodedovo ห่างจากตัวเมืองมอสโกไปประมาณ 40 กม. ยังมีสนามบินอีกสองสามแห่งในมอสโก ล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองทั้งสิ้น เป็นที่เข้าใจได้เพราะสมัยคอมมิวนิสต์โซเวียตคงไม่อยากให้เครื่องบินบินผ่านน่านฟ้ากลางเมือง


ที่มอสโกเราพักที่โรงแรม Volga อุ่นใจอยู่ใกล้สถานทูตไทยและเป็น serviced apartment ซึ่งเหมาะกับคนไทยที่ชอบทำอาหารทานเองมาก มีห้องรับแขกและห้องครัวในตัว




ห้องนอนโอเค มีเครื่องปรับอากาศ แม้จะเป็นหน้าร้อนแต่ผมไม่ได้เปิดแอร์เลย เพราะไม่ใช่คนขี้ร้อน จะเป็นตรงข้ามเสียมากกว่า เรื่องเดียวเป็นปัญหาตอนสองสามวันแรก คือ หน้าร้อนในรัสเซียฟ้าสว่างจนถึงห้าทุ่ม กว่าจะข่มตานอนได้ก็ปาเข้าไปตีหนึ่ง

เชื่อว่าคงไม่มีใครสนใจอยากรู้เรื่องงานที่ผมไปทำมากนัก ท่านจึงยังคงอ่านบล็อกของผมอยู่ ส่วนใหญ่มาอ่านเพื่อหาแรงบันดาลใจไปท่องเที่ยวกันมากกว่า มาดูกันเลยครับว่าประเทศรัสเซียมีอะไรน่าสนใจบ้าง ขอแชร์รูปและข้อมูลของกรุงมอสโกก่อน แล้วค่อยแชร์นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในบล็อกหน้าหรือเมื่อมีเวลาครับ

มอสโกเป็นเมืองหลวงที่มีประชากรมากที่สุดในยุโรป เป็นเมืองที่มีมหาเศรษฐีมากเป็นอันดับสองของโลก ไปไหนมาไหนในมอสโกนอกจากจะเห็นแต่รถหรูแล้ว ก็จะเห็นภาษารัสเซียเขียนว่า Москва หรือ Moskva ไม่ต้องตกใจครับ ท่านไม่ได้อยู่ที่เมืองม็อคบ้าหรือมอสกาว่าแต่อย่างใด มันคือภาษาเขียนและการออกเสียงแบบรัสเซีย ซึ่งก็คือมอสโกในภาษาอังกฤษนั่นเอง



สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของเมืองหลวงรัสเซียที่พูดได้เต็มปากว่านักท่องเที่ยวแทบจะทุกคนจะต้องแวะ คือ บริเวณจัตุรัสแดง เหตุเพราะบริเวณนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของมอสโกถึง 4 แห่งติดกันเลย นั่นคือ จัตุรัสแดง (Red Square) พระราชวังเครมลิน (Kremlin Palace) ห้างกุม (GUM) และโบสถ์เซนต์บาซิล (St. Basil’s Cathedral)




โดยเฉพาะอย่างหลังได้กลายเป็นสัญลักษณ์อีกย่างหนึ่งของรัสเซียสมัยใหม่แทนค้อนเคียวไปเรียบร้อยแล้ว


บริเวณกว้างใหญ่ก็จริง แต่ถ้าเดินถ่ายรูปแบบไม่ตั้งใจเก็บรายละเอียดอะไรมาก ชั่วโมงเดียวก็เสร็จแล้ว


เริ่มจากจัตุรัสแดงซึ่งมีลักษณะเป็นลานกว้างขนาดใหญ่ใจกลางกรุงมอสโกและถือเป็นใจกลางประเทศรัสเซียเลยก็ว่าได้ เพราะถนนสายหลักแทบทุกสายเริ่มต้นจากที่นี่ และแน่นอนว่าเป็นที่ตั้งของกิโลเมตรที่ศูนย์ที่ใครก็ต้องถ่ายรูป


วันดีคืนดีจัตุรัสแดงก็จะถูกใช้เป็นที่จัดกิจกรรมต่างๆ ของเมือง อย่างตอนที่พวกเรามากันนี้ก็เป็นกิจกรรมกีฬาและนันทนาการ มีการสาธิตและโชว์กีฬาที่เป็นที่นิยมในรัสเซีย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือมวยไทย น่าภูมิใจ


จัตุรัสแดงนี้กั้นระหว่างพระราชวังเครมลิน ที่อยู่ของประธานาธิบดีรัสเซียกับย่านการค้าสำคัญ


ตั้งตระหง่านอยู่ตรงข้ามพระราชวังเครมลิน คือ ห้างสรรพสินค้ากุม (GUM)


นอกจากสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้ว ภายในอาคารยังมีร้านค้าหลายร้อยร้านที่ตกแต่งทันสมัย


ของห้างแพงกว่าบ้านเรา แบบก็มีให้เลือกน้อย พี่คนไทยที่รู้จักถึงขนาดจะลงทุนบินไปซื้อเสื้อผ้าที่ฝรั่งเศสแทน


แลดูทันสมัยและมีสภาพสวยโอ่อ่าเยี่ยงนี้ มีอายุยาวนานถึงกว่า 200 ปี เมพขิงๆ เบย


พระราชวังเครมลินดูจากข้างนอกไม่ดึงดูดเท่าการเข้าไปดูข้างใน มีอะไรน่าสนใจกว่ามาก


อย่างเช่น Armory Chamber หรือคลังสมบัติของกษัตริย์ราชวงศ์ซาร์ซึ่งปกครองรัสเซียและเสวยสุขมานานมากพอจนถูกโค่นล้มบัลลังก์โดยอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ แต่ทรัพย์สมบัติ ของกำนัล เครื่องบรรณาการต่างๆ ยังถูกรักษาไว้อย่างดี เปิดให้คนเข้าดูในอัตรา 1,000 บาท พวกเราอดดูเพราะตั๋วเต็ม ไม่ได้จองล่วงหน้า จึงได้แค่มาเล่าความเสียดายให้ฟัง


ในบริเวณพระราชวังเครมลิน มีไฟอมตะหรือ eternal flame ซึ่งไม่เคยดับ ตั้งอยู่บริเวณหลุมฝังศพทหารนิรนามที่เสียชีวิตระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งโซเวียตเป็นหนึ่งในประเทศผู้ชนะสงคราม


ภายในเครมลินที่เสียสตางค์เข้าได้ยังมีสวนและโบสถ์หลายแห่ง


มีเอกสารแจกให้อ่านว่าแต่ละโบสถ์มีประวัติและความสำคัญอย่างไร และข้างในมีอะไรบ้าง แต่ห้ามถ่ายรูป


ได้แต่รูปภายนอกมาให้ชมครับ ข้างในจะว่าไปแล้วก็มีศิลปะเกี่ยวกับศาสนา พระเจ้า ภาพวาด และ icon ต่างๆ ตามความเชื่อของคริสต์นิกาย Orthodox แน่นอนว่าท่านจะไม่พบรูปปั้น


นอกจากยัยป้ามหาภัยโคตรดุที่เฝ้าห้องน้ำอัตโนมัติที่ก็ใช้ยากเหลือเกินแล้ว (ทุกคนที่เข้าห้องน้ำที่ยัยป้าเฝ้าอยู่เหมือนจะโดนด่าทุกคน) สิ่งน่าสนใจอีกสิ่งก็คงเป็นระฆังสำริดที่มีขนาดใหญ่และหนักที่สุดในโลก


ด้วยความผิดพลาดบางประการทำให้ระฆังแตก จึงตั้งโชว์ไว้ในเครมลินเสียเลย ตามประวัติศาสตร์ จักรพรรดินีแอนนา หลานสาวพระเจ้าปีเตอร์มหาราช เป็นผู้สั่งให้สร้างขึ้น


อย่าเพิ่งงงกับชื่อสมาชิกราชวงศ์ของรัสเซียนะครับ เพราะท่านคงจะได้ยินอีกหลายชื่อกว่าจะอ่านบล็อกรัสเซียของผมจบ พระนางแคทเธอรีน พระเจ้านิโคลัส พระเจ้าอีวาน พระเจ้าพอล พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ และอื่นๆ


หลายจุดที่เข้าชมเก็บค่าเข้าแพงแต่ห้ามถ่ายรูป ไฮไลท์คงเป็นห้องเก็บอัญมณีมีค่าของรัสเซีย ทั้งที่เป็นทรัพย์สมบัติราชวงศ์โดยเฉพาะของพระนางเจ้าแคทเธอรีนมหาราชและที่ศิลปินสมัยใหม่ทำขึ้น แม้จะเก็บค่าเข้า 500 บาทกับการเข้าไปดูของในห้องแคบๆ มันกลับคุ้มค่ามากกับสิ่งที่ได้เห็น นี่ถ้าอยู่นานกว่านี้หน่อยมีหวังตาบอด เพราะโคตรเพชรของพระนางแคทเธอรีนแต่ละก้อน (ใช้คำว่าเม็ดคงเล็กไป) มันสะท้อนรับกับแสงไฟดีเหลือเกิน ได้รับพระราชทานสักก้อนจะดีไม่น้อย หากท่านมีโอกาสมาทางนี้ ก็เสียเงินเข้าไปดูเหอะ ผมซาบซึ้งถึงแก่นกับคำว่าโคตรพ่อโคตรแม่เพชรเลย


พูดถึงพระนางแคทเธอรีนมหาราช (ต้องเรียกว่ามหาราชินีถึงจะถูก?) สตรีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์รัสเซีย หนึ่งในพระราชวังที่เป็นของพระนางที่ผมได้มีโอกาสไปดู ซึ่งน้องไกด์สุดหล่อนามว่าแซมบอกว่า exclusive เพราะไม่ค่อยได้พาใครมาเท่าไหร่ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่มีพระราชวังอยู่ตรงกลางชื่อว่า Tsaritsyno (น่าจะอ่านว่าซาร์ริทซึนโน)


ทางเข้ามีน้ำพุ ทะเลสาบและสวนสาธารณะขนาดใหญ่


ส่วนภายในพระราชวังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนเข้าชมได้ เหมือนพระราชวังอีกหลายแห่งที่เปิดให้คนเข้าชมหลังจากสิ้นสมัยพระเจ้านิโคลัสที่ 2 กษัตริย์องค์สุดท้ายของรัสเซีย


เนื่องจากถูกขายให้กับพระนางแคทเธอรีน ปัจจุบันจึงเป็นที่แสดงสิ่งของส่วนพระองค์ เครื่องบรรณาการต่างๆ ที่ได้มาจากทั่วโลก รวมทั้งงานศิลปะสมัยใหม่


ส่วนพระนางแคทเธอรีนมหาราชินีมีหน้าตาดังเช่นในรูปนี้ เป็นคนเยอรมันโดยกำเนิด แต่กลายเป็นมหาราชินีที่ยิ่งใหญ่ของชาติหลังม่านเหล็ก


สมัยยังทรงพระเยาว์เป็นเจ้าของหุ่นสะอวดสะองด้วยขนาดรอบพระกฤษฎีเพียง 20 ซม. เท่านั้น


วังนี้ภายในสามารถถ่ายรูปในโดยการจ่ายเงินเพิ่มเล็กน้อย


ของเยอะและแปลกดี เพียงแต่ความสามารถในการเดินชมพิพิธภัณฑ์ของผมมีอยู่ประมาณไม่เกิน 1 ชม. เท่านั้น หลังจากนั้นจะเริ่มกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุขแล้ว


เหตุที่รัสเซียผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลายครั้งในรอบ 20 มานี้ สถานที่แต่ละที่จึงมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจทั้งสิ้น อย่างวิหารที่ชื่อ Cathedral of Christ the Saviour หรือมีชื่อเล่นว่าโบสถ์ St. Xavier ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมอสโก


ความน่าสนใจของโบสถ์ St. Xavier อยู่ที่ครั้งหนึ่งโบสถ์นี้ถูกสั่งให้สร้าง และถูกสั่งให้ระเบิดทิ้ง ต่อมาถูกสั่งให้ทำเป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้ง และท้ายที่สุดถูกสั่งให้เปลี่ยนกลับไปเป็นโบสถ์อีกครั้ง


ครั้งหลังสุดลงทุนไปเยอะมาก คงไม่ถูกสั่งให้กลายเป็นอะไรอีกแล้วนะ


ภายในห้ามถ่ายภาพ ก็สวยงามดีสมกับเงินทุนที่ลงไป ปัจจุบันตั้งแต่ผู้นำยันประชาชนยังคงใช้ประกอบศาสนกิจกันอยู่ ภายในมีรูปพระแม่มาเรียที่เขาว่าศักดิ์สิทธิ์เหลือเกิน ขออะไรก็มักจะได้ ว่าแล้วก็ตั้งจิตอธิษฐานขอให้สอบผ่าน ขอให้ศักดิ์สิทธิ์จริงด้วยเถิด เอเมน!


ด้านหลังโบสถ์ติดแม่น้ำ มองไปไกลๆ จะเห็นรูปปั้นพระเจ้าปีเตอร์มหาราชอันสูงใหญ่ในท่าทางที่ก็ดูแปลกดี ไม่ทราบมาก่อนว่าพระเจ้าปีเตอร์มหาราชเป็นนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่กับเขาด้วย


ดูแปลกตาจนนักท่องเที่ยวและนิตยสารหลายฉบับโหวตให้ติดอันดับอนุสาวรีย์ที่อัปลักษณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง ชาวมอสโกเองก็คิดจะรื้อถอนและย้ายอนุสาวรีย์ไปที่อื่นนะครับ เพราะพระเจ้าปีเตอร์มหาราชผู้สร้างเมือง St. Petersburg มันไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับกรุงมอสโกมากเสียจนต้องสร้างอนุสาวรีย์สูงเกือบ 100 เมตรไว้เป็นอนุสรณ์


หากมีเวลาน้อย อยากเที่ยวให้ทั่ว แต่ก็กลัวรถติด (เข้าขั้นเลย) แนะนำให้ใช้บริการรถไฟใต้ดินไปไหนต่อไหน รวดเร็วทันใจ สะดวกสบาย คนรัสเซียนิยมบริการมากกว่าบ้านเรามาก


สิ่งที่ควรปฏิบัติ คือ เดินขึ้นหรือลงบันไดเลื่อนให้ยืนชิดขวานะครับ คนที่เขารีบเขาจะแซงท่านไปทางซ้าย ซึ่งถ้าท่านยืนขวางอยู่อาจจะชนกระเด็นตกบันไดได้


บริการรถใต้ดินนอกจากร่นระยะเวลาแล้ว หลายสถานีตกแต่งสวยงามน่าถ่ายภาพเก็บไว้มาก


แต่อาจต้องทนคนเดินพลุกพล่านผ่านไปมา และทนดมกลิ่นปัสสาวะระหว่างเก็บภาพเท่านั้นเอง ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมสถานีรถไฟใต้ดินในยุโรปต้องเหม็นฉี่ด้วย


ภาพชุดนี้เป็นอดีตศูนย์แสดงสินค้าและนิทรรศถาวรสมัยโซเวียตรุ่งเรือง สมัยโซเวียตรุ่งเรืองก็หมายความว่าปัจจุบันทรุดโทรมไปมากแล้ว


มันได้กลายเป็นสวนสนุกและที่เดินเล่นในหน้าร้อนของคนมอสโกและนักท่องเที่ยวไปแล้ว


มีของขาย จักรยานให้เช่า เวทีคอนเสิร์ต อาหาร ไอศกรีม


มีคนบอกว่าต้องลอง ของเขาล้ำเลิศ ก็ลองแล้วพอทานได้ แต่ยังไม่สู้ไอติมมหาชัยไข่แข็ง


ที่พอจะถ่ายรูปลงเฟสบุกให้คนมาไลค์ได้ก็มีน้ำพุทรงสังคมนิยมเนี่ยแหละ


ทองๆ เหลืองๆ สูงๆ แหลมๆ ดูไปแล้วก็คล้ายๆ ตึกรามบ้านช่องเขานะ ผมว่า typical เลยทีเดียว


ไม่เชื่อลองสังเกตภาพนี้


เปรียบเทียบกับตึก Seven Sisters ที่สร้างสไตล์สตาลิน ผสมบาโรกและโกธิค ออกมาหน้าตาประมาณนี้ แหลมๆ เหลี่ยมๆ สูงๆ หน้าต่างเล็กๆ


มีอยู่ 7 ตึกทั่วมอสโก เขาว่าจากตึกหนึ่งสามารถมองเห็นตึกที่เหลือได้ ผมลองดูแล้วเห็นครบจริงๆ


ตึกเจ็ดนารีสร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีดีที่สุดสมัยนั้น ก็เพื่อแข่งขันกับสหรัฐอเมริกา สมัยก่อนโน้น รัสเซียตีคู่กับสหรัฐฯ มาเลยนะครับ แข่งกันทุกสิ่งอัน ไม่มีใครยอมใคร ตั้งแต่อวกาศจนถึงใต้พิภพ จนหลายคนเชื่อไปแล้วว่าจะมีสงครามโลกครั้งที่ 3 โชคดีของมนุษย์โลกที่โซเวียตโดนดักขาล้มและกลายร่างเป็นรัสเซียเสียก่อน


พลาดไม่ได้ ตลาดของฝากน่าเดิน แม้ยังไม่ใหญ่และร้อนเท่าจตุจักรหรือ JJ Market ของเรา แต่ก็มีของที่ระลึกมากมายให้ซื้อหา


ดูจากลักษณะสินค้าโดยไม่ต้องถามคนขาย ก็รู้ได้ทันทีว่าหลายอย่างผลิตในจีน เหมือนของบ้านเรา


ของยอดนิยมอันดับ 1 ที่ต้องซื้อหากัน คือ ตุ๊กตาแม่ลูกดก เป็นไม้แกะทาสี เปิดออกมามีข้างในหลายชั้น ขึ้นอยู่กับฝีมือของช่าง รู้แต่ว่ายิ่งละเอียด ยิ่งเล็ก ยิ่งมากชั้น ยิ่งแพง


ที่ผมเห็นเขาแกะโชว์มีมากกว่า 20 ตัวก็มี ตัวในสุดเล็กมากจนคนขายมีแว่นขยายมาให้ส่องดูเลยทีเดียว


นอกจากนี้ ยังมีพวงกุญแจ แก้วน้ำ กระจก ผ้าพันคอ ร่ม กางเกง เสื้อ ซึ่งลวดลายที่ได้รับความนิยมก็ยังเป็นลายแม่ลูกดกอยู่ดี แม้ไม่ตั้งใจจะซื้ออะไร ก็ต้องได้มาสักอันแหละ

จบตอนแรกพร้อมกับเรี่ยวแรงที่หมดไป รออ่านตอนต่อไป “จาก St. Petersburg มาเป็น St. Petersburg”








Create Date : 07 กรกฎาคม 2556
Last Update : 7 กรกฎาคม 2556 21:10:08 น. 1 comments
Counter : 5467 Pageviews.

 
เห็นแล้วก็คิดถึงบรรยากาศเก่านะ ขอบคุณที่พาไปทัวส์อีกครั้ง


โดย: หนุ่ย IP: 197.237.48.199 วันที่: 8 กรกฎาคม 2556 เวลา:11:25:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thaisoloclub
Location :
Rome Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




Friends' blogs
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.