ข่าว:: ฟันธงเงินนอกจ่อรอไหลเข้าเก็งกำไรบาทอีกอื้อ
ข่าว:: ฟันธงเงินนอกจ่อรอไหลเข้าเก็งกำไรบาทอีกอื้อ แบงก์ชาติ หัวชนฝายันไม่ถอย 30% ที่มา:: นสพ. กรุงเทพธุรกิจ 31 ก.ค. 50
นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับการแลกเปลี่ยนเงิน และสินเชื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และนักวิชาการเสนอให้ยกเลิกมาตรการ 30% เนื่องจากเห็นว่าเป็นอุปสรรคให้เงินทุนต่างชาติที่ทำกำไรได้มากเพียงพอแล้ว และต้องการจะออกจากประเทศไม่สามารถไหลออกไปได้ ส่งผลให้เงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องว่า ขณะนี้ในตลาดตราสารหนี้ซึ่งมีเงินทุนต่างชาติที่เข้ามาในปีที่แล้วจำนวนมากได้ทยอยไหลออกจากประเทศไปแล้ว เพราะอัตราดอกเบี้ยที่อ่อนค่าลง ทำให้ไม่มีแรงจูงใจในการอยู่ต่อ ไม่ใช่ว่าเงินทุนต่างชาติไม่สามารถไหลออกได้อย่างที่เป็นห่วงกัน เพียงแต่เมื่อเงินทุนต่างชาติออกจากประเทศจากตลาดตราสารหนี้ไปแล้ว ไม่ได้ไหลออกไปเลย แต่ยังสนใจกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ยังอยู่ในระดับราคาที่ต่ำกว่าตลาดในภูมิภาค และสามารถทำเข้ามาลงทุนหากำไรได้ โดยไม่ติดต้องกันสำรองเงินทุนนำเข้าระยะสั้นตามมาตรการ 30% ทำให้เงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง แต่หากมีการยกเลิกมาตรการ 30% ไปทันที เชื่อว่าเงินต่างประเทศที่รอเข้ามาทำกำไรในประเทศ น่าจะทะลักเข้ามามากกว่าเงินที่จะไหลออกไป เพราะการยกเลิกมาตรการสำรอง 30% ในช่วงเวลานี้ จะยิ่งทำให้เกิดแรงเก็งกำไรว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม นายสุชาติกล่าวว่า หลังจากการออกมาตรการใหม่ 6 มาตรการแล้วเชื่อว่า ความต้องการเงินบาทในตลาดจะลดลง และส่งผลดีต่อค่าเงินบาทในระยะต่อไป ซึ่งในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น ในการพิจารณาการยกเลิกการใช้มาตรการ 30% ในส่วนของตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ปีที่ผ่านมานั้น ได้พิจารณาว่าเมื่อเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามายังตลาดหุ้นจนดันดัชนีให้สูงขึ้นไปจนถึงระดับที่ทำกำไรได้ยาก ราคาหุ้นไทยแพงแล้ว และตามกฎของ ธปท.ไม่อนุญาตให้สามารถโยกเงินลงทุนจากตลาดหุ้นไปลงทุนในตลาดอื่น หรือฝากเงินพักไว้ได้ จะมีการไหลออกของเงินทุนต่างประเทศจากตลาดหุ้นไปทำกำไรที่อื่น ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทไม่แข็งค่าขึ้นเรื่อยๆอย่างที่เป็นอยู่ และในขณะนี้สังเกตได้ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ขยับขึ้นมาสูงมากแล้วจากต้นปี 2550 มากแล้ว ผอ.ฝ่ายกำกับการแลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม การยกเลิกมาตรการสำรองเงินทุนระยะสั้น 30% นั้น จะมีการยกเลิกในที่สุด เพราะผู้ว่าการ ธปท.ได้ระบุอย่างชัดเจนแล้วว่า มาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการระยะสั้น ไม่ใช่การใช้ต่อเนื่องในระยะยาว แต่การยกเลิกนั้นจะต้องมีจังหวะเวลาที่เหมาะสม และมีมาตรการอื่นๆที่มากเพียงพอมารองรับไม่ให้ค่าเงินบาทมีความผันผวนได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนั้น ขณะนี้มาตรการ 30% ก็ได้มีการผ่อนคลายเพิ่มทางเลือกให้ใช้การประกันความเสี่ยง 100% (fully hedging) แทนการสำรองเงินได้แล้ว ซึ่งในขณะนี้นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกใช้วิธีการทำประกันความเสี่ยงเต็มจำนวนมากกว่าการกันสำรองเงินทุนอยู่แล้ว
Create Date : 04 สิงหาคม 2550 |
|
0 comments |
Last Update : 4 สิงหาคม 2550 19:53:36 น. |
Counter : 389 Pageviews. |
|
|
|