ฤดูที่ฉันเหงา
ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก 23 ก.พ.56 สนามศุภชลาศัย เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 0-2 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
"มีบัตรบอลถ้วย ก.สนใจป่ะ มีใบเดียวนะ"
รุ่นพี่มหาลัยของผมส่งข้อความมาทางเฟซบุ๊ค
ตอนแรกก็ว่าจะนอนดูถ่ายทอดสดเกมเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดเปิดศึกแห่งศักดิ์ศรีกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดทางช่อง 11 สบาย ๆ ซะหน่อย แต่มีข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธแบบนี้...คว้าไว้ก่อนดีกว่า ^-^
"ไปดูบอลเมืองทองกันไหม?" ผมถามยัยดั๊กกี้ที่เคารพรัก...ไม่รู้ทำไม จู่ ๆ ความหลังเมื่อ 4 ปีก่อนก็ผุดขึ้นมาในความคิด
ฤดูกาลนั้น (2009) เป็นจุดเริ่มต้น "ความบูม" ของฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก...และก็เป็นปีแรกเช่นกันที่ผมกลับมาดูบอลไทยอีกครั้ง พร้อมทั้งเขียนรีวิวถึงเกมที่ไปดูลงในบล็อก (ต่อมาก็เอามาเผยแพร่ในพันทิพด้วย)
สมัยนั้นสนามยามาฮ่า สเตเดียมยังมีอัฒจันทร์แค่ฝั่งเดียวและก็ยังไม่ได้ติดตั้งไฟ เกมการแข่งขันจึงต้องคิกออฟกันตอน 4 โมงเย็น เอ่อ...แล้วนั่นมันเดือนเมษาฮาวายซะด้วยสิ แดดเปรี้ยง ๆ เชียวแหละคุณเอ๋ย - -" แล้วยัยดั๊กกี้ก็เป็นผู้หญิงเริ่ด ๆ เชิด ๆ ออกอย่างนั้น...แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธที่จะมากับผม (^-)b
"แดดคงร้อนมากใช่ไหม งั้นกี้เอาเสื้อคลุมไปด้วยดีกว่า เอาแว่นดำด้วย ครีมกันแดดด้วย" เธอทำราวกับว่าจะไปตากอากาศชายทะเลอย่างงั้นแหละ ^^!
ข้างสนามของเกมเมื่อ 4 ปีก่อน
แม็ทช์นั้นเป็นแม็ทช์ที่ 9 ที่ผมได้ดูในปีนั้น แต่ไม่ใช่แม็ทช์ที่ 9 ของฤดูกาลนะเพราะผมไฟแรงจัด ดูบอลมันทั้งเสาร์และอาทิตย์เลย
ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเยือนสนามเหย้าของทีมฟุตบอลที่มาแรงที่สุดในเมืองไทยชั่วโมงนั้น ต้องบอกว่าบรรยากาศยิ่งใหญ่อลังการแบบที่สนามอื่น ๆ ที่ผมเคยไปเยือนมา 8 นัดก่อนหน้านี้ไม่สามารถเทียบติดได้เลย (^-)b
บรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกราวกับการไปดูบอลในยุโรป (ทำอย่างกะว่าเคยไป 555 :-p) ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเพลงดังกระหึ่ม
กิเลนผยอง เมืองทอง ยูน้ายเต็ด...
ช็อปสินค้าที่ระลึกที่เป็นช็อปจริง ๆ ไม่ใช่แค่บูธขายของ
การตกแต่งรอบ ๆ สนาม
กองเชียร์ในเสื้อสีแดงที่มากันขวักไขว่
โดยเฉพาะเมื่อก้าวเข้ามาในสนามที่เหล่ากองเชียร์ อุลตรา เค้าจัดเต็ม ทำเอาผมรู้สึกขนลุกไปเลย o_O
ปวดอึล่ะสิ? ต้องมามุกตลกแบบซิทคอมเมืองไทยหลาย ๆ เรื่องแน่ ๆ
ไม่มุกแหละ บรรยากาศชวนขนลุกจริง ๆ ผมเห็นพวกเค้าตะโกนเชียร์ตั้งแต่เกมยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ แถมยังมีธงผืนใหญ่ ๆ ที่แฟน ๆ ช่วยกันส่งต่อแบบที่เห็นบ่อย ๆ ในการดูถ่ายทอดสดจากเมืองนอกด้วยนะ
ผมพายัยดั๊กกี้ไปนั่งแปะ ๆ ตรงตะเข็บชายแดนระหว่างกองเชียร์ทั้งสองฝั่งจะได้ไม่ต้องบ่งบอกสัญชาติว่าเชียร์ทีมไหน
บรรยากาศโดยรอบของสนามยามาฮ่า สเตเดียมในอดีต (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นเอสซีจี สเตเดียม)
คู่แข่งของพวกเขาในวันนั้นคือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ก็แค่คู่แข่งในลีกอีกทีมหนึ่ง ไม่ได้มีศักดิ์ศรีค้ำคออะไรระหว่างกัน
ถ้าจะมี อะไร ก็แค่ทีมเยือนจากอยุธยาเป็น แชมป์เก่า เท่านั้นเอง ก็เลยมีบ้างที่กองเชียร์ฝั่งสีม่วงเป็นฝ่ายตะโกนข่ม
พวกเราเคยเป็นแชมป์มาแล้ว
ซึ่งจบฤดูกาลนั้น เมืองทอง ยูไนเต็ดจัดการลบปมด้อยจุดนั้นเรียบร้อยด้วยการกระชากแชมป์จากอยุธยากลับสู่ชานเมืองหลวงได้สำเร็จ (^-)b
ส่วนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นอกจากเสียแชมป์แล้ว ยังค่อย ๆ ถูกกลืนหายไปจากฟุตบอลลีกเมืองไทย
และกลายมาเป็นบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดแทนในปัจจุบัน
เกมระหว่างเมืองทอง ยูไนเต็ดกับการไฟฟ้าฯ ในภาพพิชิตพงษ์ เฉยฉิว (เมืองทอง) กับรังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค (การไฟฟ้าฯ)
ผมนัดเจอรุ่นพี่ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งเพื่อรับบัตรดูบอล
เรียกสาวเสื้อดำคนนั้นมาคุยด้วยมั้ย คนที่เอามือเกาหน้าอยู่นั่นแหละ หน้าตานี่สไตล์นางเอกซีรีส์เกาหลี ญี่ปุ่นเลยนา รุ่นพี่ของผมบิวท์
ไม่นานน้องโอปอ สาวเสื้อดำก็มานั่งอยู่ข้าง ๆ ผม...ก็ผมบอกแล้วนี่ว่าผมนัดรุ่นพี่ในสถานบันเทิง!
น้องโอปอหน้าตาสวยเก๋เลยแหละ แต่ผมไม่มีกะจิตกะใจคุยกะเธอมากนัก...
อ้อมกอดนั้นมันเคยเป็นของฉัน แต่เขากำลังจะหยิบมันไป ให้ยอมรับได้ไง ใครอยากจะทรมาน หลับตาลงทีไร ก็เจอภาพที่เธอกอดกับฉัน...
เสียงเพลง แพ้แล้วพาล ของไอซ์ ศรัณยูดังออกมาจากวิทยุในรถแท็กซี่ที่ผมนั่งกลับที่พัก (ตัดภาพมาไวมาก :-p)
อืม!...ต้องบอกก่อนนะว่าตอนนี้ผมนั่งกอดตัวเองอยู่ลำพังที่เบาะหลัง ไม่ได้นั่งกอดน้องโอปอหรอกน่า ^^!
ไม่สามารถถ่ายรูปน้องโอปอมาได้ งั้นเอาภาพแฟนเมืองทองที่มาชมเกมถ้วย ก กันเป็นคู่มาใส่แทนก็แล้วกัน
หลังจากที่การไฟฟ้าฯปรับเปลี่ยนมาเป็นบุรีรัมย์ พวกเขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงของเมืองทอง ยูไนเต็ดอย่างเต็มตัวและรวดเร็ว ด้วยการรวบสามแชมป์ไปไว้ที่เมืองปราสาทหินเมื่อ 2 ปีก่อน ทิ้งให้ตู้โชว์ที่เมืองทองว่างเปล่า
แต่ปีต่อมา เมืองทองที่ได้เอสซีจีเข้ามาร่วมเป็นหุ้นส่วนเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านการเงินก็จัดการ เอาคืน ได้สำเร็จ กระชากแชมป์ไทยพรีเมียร์กลับมาได้ด้วยสถิติไม่แพ้ใครตลอดฤดูกาล
ส่วนบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดแก้ตัวได้จากการคว้า 2 ถ้วยที่เหลือ...นั่นเป็นเหตุที่ทำให้ทั้งสองทีมได้มาดวลกันในถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยอย่างถ้วยพระราชทาน ก
ภาพความเป็นคู่ปรับระหว่างทั้งสองทีมฉายชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แฟน ๆ อุลตราบางคนจะเชิดใส่แล้วบอกว่า คู่ปรับตลอดกาลของเราคือชลบุรีต่างหาก ก็เหอะ
แต่เชื่อสิ ในใจกองเชียร์ทั้งสองทีมนี้ไม่อยากเห็นทีมรักแพ้อีกฝั่งหรอก
อย่างไรก็ดี แม้แฟนทั้งสองทีมจะรู้สึกแบบนั้น แต่ก็ยังไม่มีแฟนบอลประเภท แพ้แล้วพาล แบบในเพลงมาสร้างชื่อเสียให้กับวงการฟุตบอลไทย
ฟังเพลงนี้แล้วผมคิดถึงประเด็นนี้จริง ๆ น่ะหรอ?
ไม่หรอก...ผมแค่จี๊ดท่อน อ้อมกอดนั้นมันเคยเป็นของฉัน และ หลับตาลงทีไร ก็เจอภาพที่เธอกอดกับฉัน นั่นต่างหาก
เกือบครึ่งปีแล้วสินะที่ผม ห่าง ๆ กะยัยดั๊กกี้เพราะทิฐิของแต่ละฝ่าย
คงไม่แปลกใจแล้วสินะที่ทำไมผมไม่มีกะจิตกะใจคุยกะน้องโอปอคนสวย
รวมทั้งไม่มีปัญหาเมื่อมีบัตรดูบอลแค่ใบเดียว
รุ่งขึ้น...ผมคงต้องไปดูเกมถ้วย ก เพียงคนเดียวลำพัง
รถบัสของทั้งสองทีมจอดเคียงข้างกัน
ผมมาถึงสนามศุภชลาศัยเอาตอนสี่โมงครึ่ง รีบสาวเท้าเดินไปทางทิศใต้ของสนามทันที ก็เห็นในแฟนเพจบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดบอกว่ามีเปิดบูธขายเสื้อทีมกันตรงนั้น
ปีแรกที่บุรีรัมย์ พีอีเอถือกำเนิดขึ้นมา ยอมรับว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับทีมนี้เลย ก็แค่อยากเห็นผลผลิตจากอะคาเดมีของพวกเขาเท่านั้นเองเพราะคุณเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรจัดการกวาดต้อนลูกทีม ชมพู-ฟ้า สวนกุหลาบชุดแชมป์กรมพลศึกษา รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปีประจำปีการศึกษา 2552 ไปเข้าอะคาเดมีของ ปราสาทสายฟ้า ซะหมดเลยนี่
แต่ถึงวันนี้รู้สึกว่าจะมีแค่ แบงค์ ชิติพัทธ์ แทนกลางคนเดียวที่ยังอยู่กับทีมและมีโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่บ้าง (มีชื่อเป็นตัวสำรองวันนี้ด้วย ใส่เสื้อหมายเลข 14)
นอกนั้นล้วนก้าวออกไปเติบโตกันต่อที่อื่นทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอุกฤษณ์ วงศ์มีมาที่ราชบุรี มิตรผล, อรรถพล กันหนูกับจามจุรี ยูไนเต็ด และอาทิตย์ งอนภูเขียวกับปรัชญา อ่อนสีทาที่อุดรธานี
การแอบติดตาม เด็ก ๆ เหล่านี้อยู่เงียบ ๆ ทำให้วันนึงผมก็รู้สึกโอนอ่อน ยอมรับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเข้ามาในหัวใจในที่สุด แม้เวลาที่ถูกถามว่าเชียร์ทีมไหนที่สุดในเมืองไทย ผมจะอึกอัก ๆ ตอบไม่ถูก และถ้าตอบ คำตอบแรกก็อาจจะไม่ใช่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดอยู่ดีนั่นแหละ
(พอจุฬา ยูไนเต็ดเปลี่ยนมาเป็นบีบีซียู ผมเริ่มรู้สึกว่า มันไม่ใช่ ในขณะที่จามจุรี ยูไนเต็ดนั้น จะว่าไปผมก็เชียร์ ๆ อยู่นั่นแหละ แต่ยังไม่รู้สึกว่า สุด เท่านั้นเอง)
ชิติพัทธ์ แทนกลาง ผลผลิตจากสวนกุหลาบและอะคาเดมีบุรีรัมย์ที่สามารถก้าวขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ได้ (ภาพจากเอฟเอยูธคัพ นัดชิงชนะเลิศ)
และในฐานะที่ชอบเล่นมิดฟิลด์ ผมคิดว่ากำลังเจอนักฟุตบอลขวัญใจคนใหม่
ชาริล ชัปปุยส์คือคนนั้น!
ว่าจะซื้อเสื้อบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดทั้งเหย้า-เยือน แล้วปักชื่ออดีตมิดฟิลด์ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ชุดแชมป์เยาวชนโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีสักตัวนึง อีกตัวคิดว่าจะปักชื่อออสมาร์ อิบันเญซในฐานะที่ผมชื่นชอบสเปนเป็นการส่วนตัว
เบอร์ 4 (ชัปปุยส์) ไม่มีค่ะ ส่วนเบอร์ 5 (ออสมาร์) มีแต่ตัวสีกรมท่าซึ่งใช้กับเสื้อสีขาว
เสื้อสีกรมท่าที่ซื้อมาก็เลยไร้ชื่ออยู่อย่างนั้น
ถ้าวันนี้ผมมากับยัยดั๊กกี้ ผมจะซื้อเสื้อใครให้เธอดีนะ
คำนวณรสนิยมของเธอแล้ว...
เบอร์ 17 อนาวิน จูจีนน่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายครับ
เฮ้อ! บางครั้งผมก็ไม่น่าจะเอาแต่ใจตัวเอง อยากให้เธอเอาใจ ทำโน่นทำนี่ให้...ต้นเหตุของการไกลห่างกันมันขี้ปะติ๋วแค่นั้นเองจริง ๆ
ชอบทำตัวเป็นคุณชาย บางครั้งเธอแอบเมาท์ผมกับคนอื่นแบบนั้น
วันนี้ คุณชาย จะร่วมเชียร์บอลกับเหล่า เซราะกราว ซะหน่อย
ซื้อเสื้อบุรีรัมย์เป็นที่ระลึก ปักชื่อออสมาร์ ปราการหลังชาวสเปน
11 ผู้เล่นของทั้งเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดและบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดแตกต่างไปจากแม็ทช์ในความทรงจำของผมเมื่อ 4 ปีก่อนเยอะแยะเลย
แน่แหละ บอลไทยพรีเมียร์ลีกบูมขึ้น การแข่งขันก็ยิ่งสูงขึ้น หลาย ๆ ทีมจึงต้องปรับปรุง พัฒนาทีมกันแบบก้าวกระโดด
ฝั่ง กิเลนผยอง เหลือจากชุดนั้นมาแค่ 2 คนคือธีรศิลป์ แดงดากับพิชิตพงษ์ เฉยฉิว (กวิน ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูมือ 1 บาดเจ็บ ไม่งั้นคงเป็นอีกชื่อหนึ่ง)
ในขณะที่นักเตะต่างชาติก็มีการปรับเปลี่ยนเช่นกัน จากที่เคยใช้นักเตะแอฟริกันเป็นหลัก ก็เริ่มมีนักเตะจากยุโรป ซึ่งแต่ละคนเคยผ่านการเล่นทีมชาติของตนเองมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นมาริโอ ยูรอฟสกีหรือโรลันด์ ลินช์ก็ตาม
เดินขึ้นอัฒจันทร์เพื่อไปชมเกม
ส่วนฝั่ง ปราสาทสายฟ้า ท่านประธานเนวิน ชิดชอบกับ โค้ชแต๊ก อรรถพล ปุษปาคมช่วยกันปรับแต่งจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมของการไฟฟ้าฯหรือแม้กระทั่งการไฟฟ้าฯบวกทีโอที โมเดลเดิมที่ โค้ชก๊อก พงษ์พันธ์ วงษ์สุวรรณผู้ล่วงลับวางรากฐานเอาไว้เลย
มีแค่ธีราธร บุญมาทันที่หลงเหลือมาจากเกมที่ผมเอ่ยถึงตอนต้นเรื่องเมื่อ 4 ปีก่อนเพียงคนเดียวเท่านั้นเอง (แถมในวันนั้นยังเป็นแค่ตัวสำรองด้วย)
ในขณะที่ผู้เล่นต่างชาตินั้น มีการคั้นแล้วคั้นอีก จนได้ หัวกะทิ จริง ๆ ขนาดโกรัน อิวานิเซวิช เอ้ย! ไม่ใช่ นั่นมันนักเทนนิสเจ้าของฉายา จอมเสิร์ฟพลังช้าง แล้ว ^^!
ขนาดโกรัน เยอร์โกวิชที่โชว์ฟอร์มสุดยอดจนได้ตำแหน่งดาวซัลโวในศึกโตโยต้า ลีกคัพเมื่อฤดูกาลที่แล้วยังกล้า ๆ ถูกตัดชื่อทิ้งในศึกเอเอฟซี แชมป์เปียนส์ลีกเลย (ไม่แน่ใจว่ามีชื่อในไทยพรีเมียร์ลีกไหม?)
โกรันแจ๋วแค่ไหนไม่รู้ แค่อุ้ม ธีราธรเคยให้สัมภาษณ์ว่า ผมชื่นชอบการเล่นของเขา ผมรู้สึกว่าเขาเหมือนกับโรบิน ฟาน เพอร์ซี เท่านั้นเอง (จากโกลดอทคอม)
รามเซส บุสโตส ดาวยิงชาวชิลีคือคนที่ถูกคว้ามาทดแทน หมอนี่เคยติดทีมชุด U-20 ของชิลีเมื่อปี 2011 ซะด้วย (แต่ไม่ได้ไปเล่นบอลเยาวชนโลกรอบสุดท้ายนะ)
นักเตะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดรวบรวมกำลังใจก่อนลงแข่ง
บุรีรัมย์โจมตีเร็วตั้งแต่ต้นเกม ใช้เวลาแค่ 5 นาทีก็เบิกสกอร์นำได้แล้วจากบุสโตส ดาวยิงชิเลโนหมายเลข 39 นั่นเอง
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้มีการเปลี่ยนแปลงเยอะแยะไปหมด ทั้งนักเตะต่างชาติ ทั้งการนำนักเตะลูกครึ่งมาเสริมทีม ไปจนถึงการปล่อยแบ็กขวาจอมเก๋าอย่างอภิเชษฐ์ พุฒตาลออกไป แล้วดึงแบ็กขวาดีกรีผ่านการเล่นทีมชาติไทยอย่างสุรีย์ สุขะมาแทน มันเปลี่ยนแปลงเยอะจน คุณรณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดแสดงทัศนะว่า
ผมมองว่าชลบุรีเป็นทีมที่น่ากลัวในปีนี้ อีกทีมคือบีอีซีที่เสริมทีมได้น่าสนใจ ส่วนบุรีรัมย์เปลี่ยนแปลงทีมมากไปและไม่น่าจะแข็งแกร่งเท่ากับปีที่แล้ว (จากโกลดอทคอม)
แต่ดูเหมือนว่า การเปลี่ยนแปลงทีมมากไป จะไม่ส่งผลอะไรกับ ปราสาทสายฟ้า ในวันนี้เลย ดาวเตะต่างชาติแต่คนละคนโชว์ผลงานแบบ ผ่านฉลุย ไม่ว่าจะเป็นออสมาร์ที่ทั้งสูงใหญ่ ทั้งทางบอลดี ดักสกัดเกมรุกของกิเลนผยองได้อย่างยอดเยี่ยม, ไค ฮิราโนะ ดาวเตะญี่ปุ่นซึ่งวันนี้ถูกโยกไปเล่นทางซ้ายก็ป่วนคู่แข่งได้ตลอดเวลา, บุสโตสก็หาจังหวะยิงได้ดี
จะมีก็แค่การ์เมโล กอนซาเลซ จอมทัพคนใหม่ผู้เคยผ่านศึกลา ลีกากับเอร์กูเลส, เลบันเต, นูมานเซียและสปอร์ติง คิฆอนมาแล้วเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ดูจะดร็อป ๆ ไปหน่อย แต่หลาย ๆ จังหวะก็แสดงให้เห็นถึงความขยันลงมาช่วยเพื่อนไล่บอลเหมือนกัน
ส่วนดาวเตะลูกครึ่ง ซึ่งวันนี้ได้ลงตัวจริงเพียงคนเดียวอย่างชาริล ชัปปุยส์นั้นสามารถก้าวเข้ามาเป็นกำลังหลักในแดนกลางของ ปราสาทสายฟ้า ได้อย่างเนียน ๆ เลยแหละ เล่นได้สมฉายา ฟาเบรกาสบุรีรัมย์ จริง ๆ (^-)b
จังหวะเฮหลังขึ้นนำ 1-0 ของกองเชียร์เซราะกราว
หันไปดูฝั่ง แชมป์ผู้ไม่แพ้ใคร บ้าง โรลันด์ ลินช์ไม่รู้ว่ายังปรับตัวไม่ได้หรือบอลมาไม่ค่อยถึงก็ไม่รู้ ดูไร้พิษสงจริง ๆ กว่าจะมีโอกาสสับไกก็ต้องรอจนโน่น 5 นาทีสุดท้าย ซึ่งก็ไม่ยากเกินความสามารถของ เหนียว แน่น หนึบ ศิวรักษ์ เทศสูงเนินเลย
พาร์ค นัม โชล มิดฟิลด์ชาวเกาหลีเหนือซึ่งเคยมีข่าวว่าผลตรวจร่างกายนั้นดูฟิตกว่านักวิ่งมาราธอนซะอีก ดูฟอร์มการเล่นในเกมนี้แล้ว...ฟุตบอลต้องมีอะไรมากกว่าความฟิตนะ
ส่วนธีรศิลป์ แดงดาซึ่งไปฝึกฝนวิทยายุทธ์กับทีมตราหมี อัตเลติโก มาดริดนั้น ต้องบอกว่าการไปสเปนเที่ยวนี้ มุ้ยไม่ใช่ได้แค่กระเป๋าหลุยส์ วิตตองมาฝากแฟนสาวในวันวาเลนไทน์เท่านั้น <3 แต่ยังได้สภาพร่างกายที่ดูฟิตและแข็งแกร่งขึ้นมาด้วย
มีอยู่ช็อตนึงที่เพชฌฆาตหมายเลข 10 กระชากฉีกกองหลังเซราะกราวซะหลุดกันระนาวเลย น่าเสียดายที่ลูกเปิดดันถูกออสมาร์ดักทางไว้ได้
มุ้ยไหน? เมสซี โรนัลโด ผมก็เคยเจอมาแล้ว ออสมาร์ไม่ได้พูดแบบนี้เป๊ะ แต่ผมเอาพาดหัวข่าวจากโกลดอทคอมมาแต่งเติมให้เข้าสถานการณ์นิโหน่ย :-p
จบครึ่งแรก เมืองทอง 0-1 บุรีรัมย์
โรลันด์ ลินช์ ดาวยิงออสเตรียของเมืองทองยังต้องพิสูจน์ตัวเอง
พักครึ่งผมนำป้ายเสื้อไปหยอดกล่องรับชิ้นส่วนเพื่อชิงรางวัลเป็นมอเตอร์ไซค์ จากนั้นก็หาน้ำดื่มแก้กระหาย พักยืนดูสาว ๆ เซราะกราวสักพักนึงสินะคร๊าบ (ทำเสียงแบบอิ๊กคิวซัง)
แม้บริเวณที่ผมยืนเชียร์บอลจะไม่มีแจ่ม ๆ เลย แต่พอลงมาข้างล่างนี่ น่ารัก ๆ เยอะเหมือนกันแฮะ <3
น่าเสียดายที่มากับผู้ชาย...
คนไร้คู่อย่างเราก็เลยปลีกตัวเดินกลับอัฒจันทร์ดีกว่า (-_-)
...ฉันเหงาเธอรู้ไหม ฉันเหงาจนแทบขาดใจ ไม่มีอ้อมกอดจากเธอที่รู้ใจ รอคอยเธอกลับมาหา เฝ้ารอจนฝนซา สุดท้ายก็ว่างเปล่า...
คอนเสิร์ตช่วงพักครึ่งกำลังบรรเลงเพลงนี้อยู่พอดี! เพลง ฤดูที่ฉันเหงา
ช่างตอกย้ำซะจริง
บรรยากาศในบูธขายของที่ระลึกของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
จำได้ว่าเกมเมืองทอง-การไฟฟ้าฯเมื่อ 4 ปีก่อน ช่วงพักครึ่งมีสาว ๆ FHM ออกมาโชว์ตัวด้วย ทำเอาอุณหภูมิที่ร้อนอยู่แล้วแทบทะลักจุดเดือด
พิธีกรสนามสัมภาษณ์ ถ้ามีผู้ชาย 2 คนให้เลือก คนหนึ่งหล่อ รวย แต่ไวไวควิก ส่วนอีกคนไม่หล่อแต่เร้าใจ จะเลือกใครครับ?
น้องนางคนหนึ่งตอบได้ใจมาก เลือกคนแรกค่ะ อยากรู้เหมือนกันว่าวันหนึ่ง ๆ จะควิกได้สักกี่หน
ฟังแล้ว เลือดกำเดากระฉูด (ย้ำว่า เลือดกำเดา) จนอยากจะไปหาไวไวควิกกินวันละ 20 หน ^^!
แหม! น้ำลายไหลเลยนะ ตอนพักครึ่งน่ะ ยัยดั๊กกี้แซวผมหลังเกม
ภาพในภวังค์หายไปพร้อม ๆ กับเสียงเพลง ฤดูที่ฉันเหงา จากนั้นเสียงนกหวีดจากคุณคิม ซัง วู ผู้ตัดสินชาวเกาหลีก็ดังขึ้น
sorry sorry sorry sorry เน กา เน กา เน กา มอน จอ เน เก เน เก เน เก...
เฮ้ย! เวอร์ไป อะไรจะเป่าเป็นทำนองเพลงได้ขนาดนั้น :-p
ภาพบรรยากาศช่วงพักครึ่งเมื่อ 4 ปีก่อน
เกมครึ่งหลังเกิดจุดเปลี่ยนที่ตัดสินเกมทุกอย่างก็ตอนที่มงคล นามนวดได้ใบเหลืองใบที่สอง ได้สิทธิ์ออกไปไวไวควิก เอ้ย! อาบน้ำก่อนใครเพื่อนนั่นแหละ
และถ้ารัมเซส บุสโตสจะคมกว่านี้อีกสักนิดนึง ศพกิเลนก็อาจจะดูไม่จืดมากกว่านี้ก็ได้ แหม่! เสียชาติที่เกิดมาเป็นรุ่นน้องร่วมชาติของอีวาน ซาโมราโนและมาร์เซโล ซาลาสซะจริง
แล้วถ้าผมยิงอีกลูกจะเสียชาติเกิดไหม? เหมือนดาวยิงชิเลโนจะได้ยินที่ผมพึมพำในใจก็เลยจัดไปอีกเม็ด
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดทะยานนำ 2-0
นี่ถ้าลูกที่ อุ้ม ธีราธรยิงเข้าไม่ถูกจับเป็นลูกล้ำหน้าอีกลูกนะ...
พูดถึงแบ็กซ้ายหมายเลข 1 ทีมชาติไทยคนนี้แล้วก็ต้องบอกว่าพัฒนาขึ้นเยอะจริง ๆ เรื่องฝีเท้าน่ะได้รับการยอมรับตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กอัสสัมธนแล้วแหละ แต่นิสัยนี่สิที่ฉุดรั้งความก้าวหน้า และพอเจ้าตัวเลิกนิสัยนั้นได้ ฟอร์มก็พุ่งฉิวแบบฉุดไม่อยู่เลย
แต่ความ เกรียน ในแบบอุ้ม ๆ ถ้ายังมีอยู่ก็คงไม่เป็นไรมั้ง เป็นสีสันดี เช่น ช่วงท้ายเกมมีอยู่ช็อตนึงที่เจ้าตัวสับเท้าหลอกคู่แข่ง สับอยู่นั่นแหละ ลีลาการสับดูไม่เนียนตาเท่ากริสเตียน กาสติโญ่ ดาวเตะทีมชาติเอล ซัลวาดอร์ ว่าที่นักเตะใหม่สุพรรณบุรีซึ่งผมเพิ่งดูมาในคลิป หมอนั่นสับเท้าโชว์อย่างกะเต้นรำเลย แต่นั่นแหละ ไม่ต้องสวยงามปานนั้นก็ป่วนสมาธิคู่แข่งได้เหมือนกัน สับ ๆ จนพอใจก็ใช้ข้างเท้าป้ายบอลไปโดนคู่แข่งออกข้างสนาม ได้ทุ่มอีกต่างหาก
วันนี้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดโชว์ฟอร์มดีกว่าจริง ๆ สมควรกับถ้วยพระราชทาน ก ด้วยประการทั้งปวง แต่กับภารกิจการทวงแชมป์ไทยพรีเมียร์กลับคืนสู่ถิ่นอีสานใต้นั้น คงไม่ง่ายดายแบบเกมวันนี้หรอกนะ ผมเชื่อว่าทั้งท่านประธานเนวินและโค้ชแต๊กก็คงรู้ดี
เพื่อน ๆ ดีใจกับบุสโตสที่พังประตูที่ 2 ได้สำเร็จ
ในขณะที่ฝั่งเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อย่างน้อยผลการแข่งขันในวันนี้ก็ทำให้พวกเขาได้รู้จุดบกพร่องเพื่อนำไปแก้ไขต่อไป ถ้าจะต้องทุ่มเงินเพื่อเซ็นสัญญากับเดล ปิเอโร, ราอูลหรือกัสตูโซ คุณรณฤทธิ์ก็ควรจะรีบลงมือ (เค้าแซวเล่งน๊า :-p)
ก็อย่างที่คุณเป้ ผู้อำนวยการสโมสรให้สัมภาษณ์ไว้เองนั่นแหละ เกมนัดเดียว...ทีมที่ดีกว่าสมควรเป็นผู้ชนะ แต่เกมนัดเดียวไม่ได้ตัดสินทีมที่ดีที่สุด ฤดูกาลใหม่กำลังจะเริ่มต้น ทุกคนจะนำข้อผิดพลาดไปทำการบ้าน เราจะกลับมาดีกว่าเดิม กลับมาเป็นทีมที่ไร้พ่ายเช่นเดิม (จากโกลดอทคอม)
ถ้าจะให้ผมบังอาจชี้แนะทีมงานของแชมป์เก่าไทยพรีเมียร์ลีก ผู้ไม่เคยแพ้ตลอดฤดูกาล ผมก็คงอยากจะบอกแค่ว่าในแดนหน้า...ลองให้โอกาสดาวยิงหมายเลข 13 อย่างชัยณรงค์ ทาทองดูหน่อยไหม?
ความสามารถเฉพาะตัว, สัญชาตญาณดาวยิง, ลูกยิงที่เฉียบคม, ลูกหัวที่เฉียบขาด...บี้มีอยู่ครบเลยแหละ ขาดเพียงแค่โอกาสเท่านั้นเอง แหะ ๆ ขอทำตัว ติ่งของบี้ เล็กน้อย (เห็นเค้าฮิตคำว่า ติ่ง กันจัง)
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ 11 ตัวแรกของ กิเลนผยอง วันนี้ขาดดาโญ เซียกาไป ผมมองว่าดาวเตะแอฟริกันคนนี้กลายเป็นนักเตะต่างชาติที่เมืองทองขาดไม่ได้ซะแล้ว ถ้ามีเขา เกมแดนกลางน่าจะดีกว่าวันนี้
ขาดเธอก็เหมือนขาดใจ...
ความรู้สึกแบบนี้ ผมรู้ซึ้งมาเกือบครึ่งปีแล้วสินะ
กัปตันกบ สุเชาว์ นุชนุ่มรับถ้วยพระราชทาน ก อันทรงเกียรติในฐานะทีมแชมป์
บนรถไฟฟ้าขณะกลับบ้าน พอได้อยู่คนเดียว ผมก็คิดถึงยัยดั๊กกี้อีกแล้ว T_T
ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดว่าเป็นความผิดของเธอที่ไม่รู้จักเอาใจผมให้มากกว่านี้ แต่ช่วงเวลาที่เราไกลห่างกัน มันค่อย ๆ ทำให้ผมทบทวน
จากที่ดูเริ่ด ๆ เชิด ๆ ในตอนแรก พอเธอรู้ใจตัวเองว่าผมคือคนที่เธอพร้อมจะฝากใจให้ เธอก็เริ่มแสดงออกถึงความรักและความห่วงใย มันอาจจะไม่ได้มากมายดังที่ผมหวัง แต่ก็มีอยู่จริง
เป็นผมซะอีกที่ไม่เคยปรับปรุงตัวเองเลย ทุกครั้งที่ไม่พอใจก็อารมณ์เสียใส่เธอ...
ไม่รู้เกี่ยวกันไหม ดู ๆ ไปแล้วมันก็เหมือนฟุตบอลนั่นแหละ
ความพ่ายแพ้ของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดในวันนี้ ผมคิดว่าคงไม่มีการกล่าวโทษหรอกว่าเป็นความผิดใคร แต่สิ่งที่ทุกคนต้องทำร่วมกันนั่นก็คือการปรับปรุงจุดผิดพลาด และพัฒนาทีมให้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างที่คุณรณฤทธิ์บอกไว้นั่นแหละ
นี่ก็คือสิ่งที่เกิดกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเช่นกัน
หลังจากที่ต้องเสียแชมป์ให้ กิเลนผยอง ฤดูกาลก่อน ท่านประธานเนและทีมงานก็ตัดสินใจปรับทีมให้ดีกว่าเดิมเพื่อเป้าหมายใหญ่ของทีม
การปรับเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เกิดกับทุกทีมเพราะฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกยุคนี้ก้าวมาไกลจากเมื่อ 4 ปีก่อนมากแล้ว
ใช่...ผมก็ควรถึงคราวปรับเปลี่ยนตัวเองบ้างเหมือนกัน ถ้ายังอยากได้หัวใจของยัยดั๊กกี้กลับคืนมา
กับความรัก บางครั้งก็อาจจะต้องทำตัว เซราะกราว ดูจริงใจ ๆ บ้าง ไม่ใช่จะมาวางฟอร์มเป็นคุณชายอย่างเดียว
ว่าแล้วผมก็ขอทำตัว เซราะกราว ประเดิมเลยดีกว่าด้วยการเดินไปหากองเชียร์ อุลตรา ให้ทั่วทั้งขบวนรถไฟฟ้าแล้วกระซิบบอกพวกเขาว่า
2-0
เฮ้ย! ไม่ใช่...นั่นเรียกว่า เกรียน แล้ว ไม่ใช่ เซราะกราว 555 -*-
ไม่ว่าจะเรื่องฟุตบอลหรือความรัก การพัฒนาและปรับเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นจนเจอจุดลงตัวคือหัวใจสำคัญในการไปสู่เป้าหมาย
ไม่งั้นก็คงต้องมาร้องเพลง ฤดูที่ฉันเหงา ฤดูกาลแล้ว ฤดูกาลเล่า
Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2556 |
|
1 comments |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2556 10:11:53 น. |
Counter : 3203 Pageviews. |
|
|
|
กระทู้ดีมีสาระ เรื่องสนุกอ่านเพลินเลยครับ
ปล. เจ้าของกระทู้เป็นคอมลัมนิสต์ได้สบายเลยครับ (หรือปัจจุบันก็เป็นอยู่แล้ว)
triyapa
ผมยกให้คนนี้ดีกรีระดับประเทศศศศศศศศศศศศเลยละ ไม่ได้อวยนะ ^^
ชัยณรงค์ ชัยณรงค์ ชัยณรงค์ ทาทองงง ... อยากให้เพลงนี้มันไปกระหึ่มในยามาฮ่าสเตเดี้ยมบ้างจริงๆ
แฟนจุฬายูไนเต็ดเคยร้องให้บี้ฟังบ่อยๆ .. แต่ไม่มีโอกาสได้ร้องแล้ว ..
ถ้าบี้ได้ยินที่สนามใหญ่ๆแบบนั้น คงขนลุกหน้าดู
immarch
ยังกะเขียนนิยาย ชอบครับๆ บทความเกี่ยวกับฟุตบอลไทยสนุกๆเนี่ย
สมาชิกหมายเลข 728117
มาบ่อยๆ นะครับ ...ชอบ
leopard 2
เยี่ยมเลยครับ
rana
เยี่ยมมากเลย ยังกะอ่านนิยายบอลไทยน่ะ เพลินดี กลับมาเขียนอีกในเเมตช์ต่อๆไป อีกนะครับ
เขียนดี ไม่อคติ เป็นกลางดี ที่สำคัญมีเเอบหยอกมุขเล็กๆน้อยๆ อีกต่างหาก555
ขอบคุณครับ ^_^
monton UFO
การที่ จขกท. เทใจจากจุฬาฯ ซึ่งเวลานี้เป็นทีมไรไม่รู้ มาเป็นแฟนบุรีรัมย์ น่าจะทำให้เราชาว pantip ได้อ่านอะไรอย่างนี้บ่อยขึ้น
Service Guy
....อ่านเรื่องของคุณ baevi แล้วทำให้เรานึกถึงใครบางคนขึ้นมาทันทีทันใด คนที่พาเราไปดูเมืองทองครั้งแรกในปี 2009
คนที่เค้าทำให้ผู้หญิงปกติที่ไม่ชอบอากาศร้อน ไม่ชอบเสียงดัง ไม่ชอบการนั่งดู คน 22 คน แย่งบอล เพียง ลูกเดียวในเวลา 90 นาทีในสนาม มันเป็นอะไรที่แย่สำหรับเราในตอนนั้น หลังจากครั้งแรกที่ไปดูเมืองทอง กับปลาทูคะนอง มันก็ทำให้เราเสพติดบอลได้อย่างไม่รู้ตัว
จากเค้าเป็นฝ่ายชวนเราไปดูบอล กลับเป็นเราฃวนเค้าไปดู บางครั้งโดนงานกันทั้งคู่ไปดู ตอนที่เมืองทองได้แชมป์ที่บ้านของปลาทูนี่แหละ(เป็นเยอะไปป่าวเนี่ย) จากที่ไม่เคยมีเสื้อบอลในตู้ เราก็เริ่มมีเสื้อของเมืองทอง ตั้งแต่ปี ปี 2010 จนถึง ปี 2012 เกือบ 10 ตัว
พอวันนี้ เมืองทองได้เข้าชิงถ้วยพระราชทาน ก.อีกครั้ง หลังจากปี 2553 ที่เราไปดูกะเค้า ปีนี้เราไม่มีโอกาศได้ไปดูเรากับเค้าคล้ายคุณอีกเรืองตรงที่ห่างกันเพราะความทิฐิ เราคิดอย่างนั้น แต่อีกใจเราก็รู้ เค้าคุยกับคนอื่นด้วย เศร้านะ เกือบ 8 เดือนแล้ว ที่เราไม่เคยได้เจอกับเค้า
ตอนนี้ก็ทำใจได้เยอะแล้ว แต่ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ที่มันเคยเกิดขึ้นระหว่างเรากับเค้า มันกลับทำให้เราคิดถึงเค้าอีก..แย่นะ คงอีกไม่นาน เราคงเลิกเศร้าได้แล้ว ทุกวันนี้ก็มีคนเข้ามาคุยกะเรา แต่เราก็ไม่เคยเปิดใจให้ใคร เฮ้อ...ขอโทษนะที่มาทำให้กระทู้คุณดราม่า ซะงั้น เรืองมันคล้ายกันมากจริงๆ คงต่างกันแค่ เรากับเค้า มันจบลงไปแล้ว แค่อยากบอกว่า บางครั้งการงอน กัน บวกความทิฐิของทั้งคู่ มันอาจทำให้คุณเสียคนที่คุณรักแล้วเค้าก็รักคุณ นะ เราไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับมใครอีก รักษาความรักของคุณไว้นะ โชคดีครับ
pimrapus
...ชอบอ่านมาตั้งแต่เขียนไห้จุฬาแล้วครับ เวลาอ่านเหมือนนิยายดี อารมณ์แบบเขียนออกมาแล้วเราสู้ตามเห็นภาพตามเลยทีเดียว
LegalisM