Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
1 มกราคม 2552
 
All Blogs
 

เปิดคู่มือ..ปฏิรูปสอนภาษาอังกฤษ ฉบับดร.ระดับโลก "โจแอน รูบิน"

"A

-Ant, B-Boy, C-Cat และ D-Dog"

ถ้าไม่ใช่ A-Ant ที่หมายถึง "มด" แล้ว จะหมายความถึงอย่างอื่นได้หรือไม่???

คำถามนี้อาจทำให้เด็กไทยหลายต่อหลายคนเกิดอาการงงงวยไปด้วยความสงสัยว่า..แล้วจะเป็นอะไรดี

ทั้งนี้ เพราะระบบการศึกษาของไทยเราแต่ไหนแต่ไรมา จะใช้แต่การจดจำ ไม่สามารถคิดต่อไปได้ตามกระแสโลกาภิวัตน์ ที่โลกปัจจุบันนี้จำเป็นต้อง "คิดเป็น"

ดังนั้น เมื่อประเทศเรากำลังอยู่ในช่วงของการตั้งไข่ "ปฏิรูปการศึกษา" สิ่งแรกเลยที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญยิ่ง นั่นก็คือต้องทำให้ระบบการศึกษายุคใหม่สอนให้เด็กนักเรียน ตลอดจนนิสิตนักศึกษาได้ "คิดเป็น" เมื่อไปเจอปัญหาอะไรก็ตามจะได้แก้ไขได้ ไม่ใช่ว่าพอเจอคำถามใหม่ๆ ปัญหาใหม่ๆ แล้วก็ไม่สามารถตอบหรือแก้ไขอะไรได้

ที่สำคัญอีกประการ สำหรับโลกยุคไร้พรมแดน นั่นก็คือการต้องเร่งฟื้นฟูความรู้ความสามารถในด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษของเยาวชนไทย ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศเราทีเดียว เพราะเกี่ยวพันกับความสามารถในการแข่งขันและพัฒนาชาติให้ก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยดี

ในทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา ต้องยอมรับกันว่าเกือบทุกวงการได้ละเลยการพัฒนาการใช้ทักษะภาษาอังกฤษกันอย่างจริงๆ จังๆ เมื่อถึงคราวต้องหยิบมาใช้อาจถึงขั้นกับต้องใช้ "ฝอยขัดหม้อ" มาลอกสนิมที่ปกคลุมความรู้ในภาษาอังกฤษ ซึ่งบางครั้งบางคราวก็ยังไม่ได้ผล

อย่างไรก็ตาม เริ่มจะเป็นนิมิตหมายอันดีในยุคของการปฏิรูปการศึกษาดังว่า เมื่อบรรดาคนในแวดวงรั้วอุดมศึกษาเวลานี้เริ่มที่จะตื่นตัวต่อการปรับปรุงการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งเด็กๆ นักเรียนนักศึกษาจำนวนไม่น้อยบ่นว่า "เบื่อ"

"การสอนให้สนุกสนานและสามารถนำไปพูดในชีวิตประจำวันได้จริง" จึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่ทางทบวงมหาวิทยาลัยตั้งเอาไว้ ในโครงการจัดสัมมนาการปรับปรุงการสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งได้เชิญ ดร.โจแอน รูบิน (Joan Rubin) นักวิชาการผู้มีงานวิจัยด้านการสอนให้เด็ก "คิดเป็น" ด้วย โดยได้รับเชิญผ่านองค์กรยูซิซ (USIS) สถานทูตอเมริกา ได้มาเล่าถึงประสบการณ์ พร้อมกับฝึกฝนและพัฒนาการสอนให้กับอาจารย์สอนภาษาอังกฤษในสถาบันการศึกษาของไทย ในแบบแทรก "วิธีคิด" ไม่ใช่แค่การท่องจำให้เด็กฟัง

จากการได้สนทนากับ ดร.โจแอน เธอออกตัวก่อนว่าเธอไม่ได้เน้นการสอนภาษาอังกฤษ แต่จะเน้นการสอนให้คนหัดคิดได้ คิดเป็น โดยผสมผสานใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือในการให้เด็กๆ ได้หัดคิดกันมากกว่า

"ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่เกิดปัญหาเหล่านี้ ในประเทศเม็กซิโกเองก็เกิดปัญหาเด็กคิดไม่เป็น เช่นเดียวกับที่ประเทศบราซิลด้วย ปัญหาระบบการเรียนภาษาอังกฤษของไทยไม่ได้เลวร้ายนัก เพียงแต่ต้องคิดว่าทำไมระบบการสอนภาษาอังกฤษของไทยจึงทำให้เด็กนักเรียนนักศึกษาบางกลุ่มสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ในระดับดีทีเดียว ในขณะที่ทำไมเด็กบางกลุ่มถึงเรียนเท่าไรก็ไม่สามารถพูดได้"

ดร.โจแอนไขคำตอบนี้ว่า ที่ผู้เรียนบางคนสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี ก็เพราะเขามีวิธีการคิดในระบบการเรียนได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงจำเป็นที่ครูอาจารย์ผู้สอนภาษาอังกฤษจะต้องสอนสอดแทรก "วิธีการคิด" ให้กับบรรดานักเรียนนักศึกษาของตนเองด้วย

"ในการฝึกฝนทักษะการเรียนภาษาอังกฤษนั้น เด็กๆ ต้องรู้ก่อนว่าตัวเองต้องการอะไร เด็กบางคนไม่สามารถจัดการกับตัวเองได้ดี บางคนก็รู้วิธีการเรียน แต่เมื่อคิดไม่เป็น ก็เลยทำให้การเรียนมีปัญหา ไม่สามารถปรับใช้ภาษาอังกฤษได้"

ดังนั้น จึงต้องเริ่มที่การทำให้ผู้เรียนคิดให้เป็นเสียก่อนเป็นอันดับแรก

นอกจากนี้แล้ว ดร.โจแอนยังบอกกลเม็ดต่อไปว่า "ผู้เรียนต้องรับผิดชอบตัวเองด้วย ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญในระยะเริ่มแรกที่จะต้องทำด้วยเช่นกัน ผู้เรียนจะต้องรู้ว่าตนเองจะมีวิธีทำอย่างไรจึงจะอ่านภาษาอังกฤษให้รู้เรื่อง ยกตัวอย่างตอนที่ดิฉันได้ให้นักเรียนเม็กซิกันฟังภาษาอังกฤษ โดยที่เขาไม่มีพื้นความรู้ภาษาอังกฤษมาก่อนเลย เขาจะเข้าใจหรือไม่ แต่ผลก็คือ เขาเข้าใจเรื่องนั้นเป็นอย่างดี เพราะว่าเขามีพื้นความรู้จากภาษาแม่ของเขามาก่อน จึงทำให้เข้าใจเรื่องราวได้"

ด๊อกเตอร์นักวิชาการระดับโลกผู้นี้สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ว่า การสอนให้คิดเป็นนั้นจะต้องเริ่มจากการสอนจากภาษาแม่ก่อน ก่อนที่จะมาเป็นภาษาอื่น ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนสามารถคิดได้ และสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนภาษาที่สองได้อย่างไม่ยากเย็น

ดร.โจแอนยังให้ความรู้ในเรื่องของเทคนิคการฝึกทักษะการฟังให้กับผู้เรียนว่า จะต้องให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน พูดผิดพูดถูกไม่เป็นไร แต่ขอให้พูด เพื่อให้เกิดความมั่นใจและสามารถคิดเองได้ว่า จะสื่ออย่างไรให้คนที่ฟังรู้เรื่องและเข้าใจ

"เราต้องปล่อยให้ผู้เรียนเขาได้คิดวิธีการจะสื่อสารของเขาเอง ซึ่งแต่ละคนก็อาจจะมีวิธีที่ไม่เหมือนกัน สรุปได้ว่าการพูดคุยในชั้นเรียนจะก่อให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองได้ เพียงแต่ก่อนการเรียนคุณครูอาจารย์อาจต้องมีการเตรียมความพร้อมให้กับผู้เรียนได้เข้าใจในเนื้อหาเสียก่อน เพื่อพวกเขาจะได้เข้าใจแนวทางของเรื่อง"

เช่นเดียวกันกับทักษะด้านการอ่าน ดร.โจแอนแนะนำว่า "แทนที่ครูจะเอาชีตเรื่องที่อ่านให้นักเรียนนักศึกษาอ่านเลยในทันที ก็จำเป็นต้องสอนว่าก่อนจะเริ่มอ่านต้องทำอย่างไรก่อน เช่น พลิกดูเสียก่อนว่ามีกี่หน้ากี่บท จากนั้นก็ถามว่านักเรียนจะหาวิธีอย่างไรที่จะอ่านจบทันที หรือบางคนอาจไม่ชินก็ต้องให้แบ่งอ่านทีละครึ่งหรือไม่ ซึ่งคุณครูอาจารย์ควรจะแนะนำเรื่องการหาวิธีการเรียนให้กับผู้เรียนด้วย ไม่ใช่คิดแค่ว่าวิธีนี้ผิดหรือถูก เพราะวิธีการของแต่ละคนก็อาจจะไม่เหมาะสมกับคนอื่นๆ ก็ได้ จากนั้นจึงค่อยมาเริ่มสอนในเนื้อหาวิชาต่อไป"

ดร.โจแอนสรุปประโยชน์ของวิธีการสอน "การคิด" อีกครั้งว่า เมื่อนักเรียนนักศึกษาไปเจอเรื่องใหม่ๆ ก็จะยังสามารถอ่านได้ เพราะมีวิธีการอ่านแล้ว ถึงแม้จะไม่รู้ศัพท์ทั้งหมดก็ยังสามารถอ่านได้ โดยอาจแปลจากเนื้อความข้างเคียง

"แต่เหนือสิ่งใด จะทำให้ผู้เรียนสามารถจะนำวิธีดังกล่าวไปประยุกต์และใช้งานเป็น เมื่อเจอเรื่องไหนเข้ามาใหม่ ก็จะสามารถหาวิธีที่จะตอบคำถามของเรื่องนั้นๆ ได้"

ความคิดความเห็นและข้อเสนอแนะในเทคนิคการเรียนการสอนต่างๆ ดังกล่าวของด๊อกเตอร์ระดับโลก โจแอน รูบิน ดูจะได้รับการตอบรับจากอาจารย์ไทยที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้เป็นอย่างดี

เริ่มจาก รศ.อรุณี วิริยะจิตรา ภาควิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เริ่มต้นด้วยการยอมรับถึงปัญหาผลกระทบจากการเรียนการสอนภาษาอังกฤษที่ผ่านๆ มาว่า คะแนนสอบเอ็นทรานซ์วิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนไทยน้อยมากจนหน้าใจหายทุกที และพอมาเรียนในมหาวิทยาลัยก็อ่านตำราได้ไม่ดีพอ จึงเห็นด้วยว่าน่าจะปรับวิธีการคิดของนักเรียนนักศึกษาเพื่อเอาไปใช้ได้ในทุกวิชาด้วย

"วิธีการเรียนการสอนที่ผ่านมา ผู้เรียนมักจะต้องเป็นฝ่ายรับจากอาจารย์ฝ่ายเดียว พอเปลี่ยนเรื่องให้อ่านใหม่ เด็กๆ ก็จะไม่สามารถแปลได้ เพราะว่าไม่ตรงกับที่สอน เวลาเรียนก็เน้นแต่เรื่องการท่องจำเสียมากกว่า ดังนั้นเมื่อรัฐบาลเริ่มคิดที่จะลงมือทำการปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจังแล้ว จึงควรเน้นหนักปฏิรูปการจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนนักศึกษาได้คิดเป็นมากกว่า เป็น Life Long Learning เพราะถ้าเด็กคิดเป็น และมีวิธีการเรียนของตนเอง ก็จะสามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาในวิชาอะไรๆ ก็ได้ เป็นวิธีการคิดแบบผู้ใหญ่ ยิ่งทุกวันนี้ข้อมูลในโลกเปลี่ยนเร็วมาก ถ้ามัวแต่จำกันก็ไม่สามารถทันโลกกับเขาได้"

อาจารย์อรุณีขอเสริมอีกนิดว่า การสอนของอาจารย์ยุคใหม่ไม่ควรเน้นที่การแปลศัพท์เหมือนเดิม แต่ต้องจับใจความให้เป็น และทำให้นักเรียนมีความรู้พื้นฐานของเรื่องที่อ่านมาก่อนก็จะยิ่งช่วยได้มาก ซึ่งวิธีการของ ดร.โจแอน รูบิน ดังกล่าวก็ตรงกับใจของอาจารย์อรุณีอยู่แล้ว

รศ.สนธิดา เกยูรวงศ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และไปช่วยราชการที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นอีกท่านหนึ่งที่มองเห็นว่าต้องมีการปฏิรูปการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ "การสอนภาษาอังกฤษในชั้นเรียนไม่ใช่ให้ตัวอาจารย์เป็นศูนย์กลาง แต่ต้องให้นักเรียนเป็นศูนย์กลาง ที่ผ่านๆ มาวิธีการสอนแบบเดิมๆ ส่งผลทำให้ผู้เรียนคิดกันไม่ค่อยได้ แม้แต่เด็กมหาวิทยาลัยเองตอนนี้ยังไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเองเลย ยังต้องสอนให้รู้จักวิธีคิดกันอยู่ ถ้าเราสามารถสอนให้เด็กมีวิธีคิดเป็นก็น่าจะทำให้การสอนทุกวิชาง่ายขึ้นไปด้วย"

ทำนองเดียวกับ อาจารย์สมศรี จันทร์สม อาจารย์สาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ที่บ่นให้ฟังคล้ายๆ กันว่า เด็กนักเรียนนักศึกษาปัจจุบันยังไม่ค่อยมีความเป็นผู้ใหญ่ จึงทำให้ไม่สามารถปรับตัวกับสภาพต่างๆ ได้ "ส่วนเรื่องของการสอนภาษาอังกฤษของอาจารย์นั้น คิดว่านอกจากการเน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางแล้ว ยังต้องให้เด็กประเมินตัวเองด้วย เพื่อดูว่าความสามารถของตัวเองอยู่ในระดับไหน ซึ่งจะช่วยการกระตุ้นให้เขาไม่เบื่อหน่ายและท้อแท้ และเกิดการคิดได้เอง"

ความคิดความเห็นต่างๆ ทั้งหมดนี้ ชี้ให้เห็นชัดเจนแล้วว่าการปฏิรูปการศึกษาโดยภาพรวม เฉพาะอย่างยิ่งในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ต้องเริ่มที่การสอนให้เด็กๆ เยาวชนไทยมี "วิธีคิด"

เพื่อว่าต่อไป "A" ก็ไม่จำเป็นต้องเป็น Ant หมายถึงมดอีกต่อไป แต่อาจเป็น A-Apple ก็ได้



แหล่งที่มา มติชนรายวัน ฉบับที่ 9039 [หน้าที่ 4 ] ประจำวันที่ 8 ธันวาคม 2545

//www.thaiedresearch.org/thaied_news/index1.php?id=1869




 

Create Date : 01 มกราคม 2552
3 comments
Last Update : 1 มกราคม 2552 23:09:21 น.
Counter : 1271 Pageviews.

 

กะลังจะ Post ตั้งกระทู้ถามเรื่องเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษ อยู่พอดี สายตาแว้บเห็น ชื่อเรื่องใน Blog เลยมา ว้าววววว....อาจารย์อยู่ที่นี่เอง หนูขอเป็นลูกศิษย์ด้วยคนนะคะ

 

โดย: Nice_CD 2 มกราคม 2552 11:07:19 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณ Nice_CD

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ สวัสดีปีใหม่นะคะ
เราไม่ถึงขั้นเป็นอาจารย์หรอกค่ะ แต่อยากเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ
นี่ึคืออีกหนึ่งความตั้งใจที่อยากทำในปีใหม่นี้ค่ะ

 

โดย: Flowery 2 มกราคม 2552 12:33:08 น.  

 

ตามมาอ่านบทความดีๆๆครับ
เอามาลงอีกนะครับจะติดตาม
อ่านเรื่อยๆครับ

 

โดย: Tong (narongm1 ) 3 มกราคม 2552 9:38:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Flowery
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




Flowery รักการเขียน รักการเรียนรู้ รักภาษาอังกฤษ รักการแปล และรักที่จะแบ่งปันประสบการณ์ความรู้
Friends' blogs
[Add Flowery's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.