E-r-o-s-a-g-a-p-e : Unlimited Love ^_^
Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
3 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
++ Legend of Therabithia..++ ตำนานแห่งเทราบิเทีย : บทที่ 1 (จบ)

3.

เซเลสเทียเดินออกมาจากเต๊นท์พยาบาลสู่ด้านนอก เธอพบเห็นผู้ป่วยมากมายนอนโอดครวญด้วยความเจ็บปวดทุรนทุรายเพราะแผลจากไฟใหม้ บ้างก็ถูกอะไรบางอย่างโจมตีจนแขน-ขาขาด ..เจ้าหญิงซึ่งไม่เคยเห็นภาพอย่างนี้มาก่อนต้องเอามือปิดปากด้วยความสยอง... เธฮเดินไปทีละเต๊นท์ด้วยความหวังว่าจะเจอคนที่เธอรู้จัก ..แต่ก็ไม่เจอสักที จนเห็นผู้ชายคนหนึ่งเหมือนหมอคนหนึ่งเดินผ่านมา จึงเดินเข้าไปถาม “เอ่อ ท่าน...เห็นคนจากในวังที่มาอยู่ที่นี่บ้างไหมคะ” ผู้ชายคนนั้นส่ายหน้า “ไม่เลย... ที่ท่านเห็นอยู่นี่เป็นชาวบ้านที่ทหารไปช่วยมาได้ เพราะเข้าใกล้บริเวณเขตปราสาทไม่ได้เลย ปีศาจเพ่นพ่านไปหมด... ข้าขอตัวก่อนนะ” แล้วเขาก็เดินจากไป.. ทิ้งให้หญิงสาวเคว้งคว้างด้วยความสับสนอย่างบอกไม่ถูก... “ไม่พบเลย....ไม่พบเลยงั้นหรือ....โธ่....เสด็จพ่อ...เสด็จแม่จะเป็นอย่างไรบ้างนะ”

“รูบี้ๆๆๆ เจ้าอยู่ไหนน่ะ รูบี้ๆ “ เสียงเด็กหญิงคนหนึ่งเข้ามาให้ได้ยิน เซเลสเทียหันไปมองรอบๆ ก็พบเด็กหญิงคนเดิมเธอกำลังมองหาอะไรบางอย่าง จึงเดินเข้าไปหา.... “เจ้า..หาอะไรเหรอ” เด็กหญิงหันมามองทำตาแดงๆ “อ้าวพี่สาว...ข้ากำลังหารูบี้อยู่... รูบี้เป็นแมวของข้า...ฮึกๆ ..” เซเลสเทียเห็นเด็กหญิงทำท่าจะร้องให้ก็สงสาร “เอางี้ เดี๋ยวข้าช่วยหา ข้าพอรู้วิธีเรียกแมวอยู่...” คิดแล้วเธอก็ล้วงเอาขลุ่ยสีทองออกมา และเริ่มเป่าเพลงเป้นเสียงร้องของแมว... “เมี้ยว เมี้ยว ...มิ้ววว..มิ้ววว “ เด็กหญิงได้ยินก็มองด้วยความประหลาดใจ “พี่เป่าเสียงแมวได้ด้วยเหรอ ...สอนข้าบ้างสิ” หญิงสาวหันมายิ้มๆ และจูงมือเด็กน้อยไปพลางบอกว่า “ข้าก็ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่านะ ...ถ้าได้ผลข้าจะสอนเจ้าละกัน...เจ้าชื่ออะไรเหรอ” เด็กสาวตอบ “เรน่าค่ะ” เซเลสเทียพยักหน้า “ได้ เรน่า...ข้าชื่อเซริสนะ..เจ้าเห็นเค้าวิ่งไปทางไหน เจ้าพาข้าไปหน่อยสิ...” เรน่ายิ้มอย่างดีใจและชี้ไปที่ด้านนอกของค่ายที่เป็นทางออกไปยังเขตสวนสาธารณะที่อยู่ข้างๆ เมือง... “มันวิ่งไปทางโน้นน่ะค่ะ.. คงไปหาอะไรกินแน่ๆ เลย.” หญิงสาวได้ยินอย่างนั้นก็จูงมือเด็กสาวไปและระหว่างทางก็เป่าขลุ่ยเสียงแมวเรื่อยไปตามทาง... ขณะที่เรน่าก็คอยมองหาแมวที่เธอรัก “รูบี้ๆๆๆ อยู่ไหนน่ะ รูบี้..”

เจ้าหญิงเซเลสเทียและเด็กหญิงเรน่าเดินทางจากเต๊นท์ไปยังสวนสาธารณะของเมืองบัลบารอสซ่า เซเลสเทียมองไปนึกถึงเมื่อก่อนที่เธอเคยหนีออกจากปราสาทมานั่งฟังดนตรีของวนิพกพเนจรจากที่ต่างๆ กันที่นี่ บางคนก็ร้องเพลงซึ้ง บางคนก็ร้องเพลงสนุกสนาน ที่นี่เธอได้เห็นคนมากหน้าหลายตาทั้งชาวสวน ชาวไร่ ผุ้ใช้แรงงาน ข้าราชการ ทหารและอัศวินมากมายมาฟังดนตรีและเต้นรำกัน… โดยเฉพาะเวลามีเทศกาลโปรยดอกไม้..ที่นี่จะคิกคักเป็นพิเศษ... เธอเองกับเรมิเอลก็เคยมาซ้อมเพลงกันที่นี่ไม่นานนัก

แต่บัดนี้... หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้น เปลวไฟและฝูงสัตว์ปาที่บ้าคลั่งได้ทำลายต้นไม้และสนามหญ้าอันเขียวขจีไปจนหมดสิ้น ใบไม้เขียวสดเหลือเพียงซากใบไม้ใหม้เป็นเถ้าถ่าน ขณะที่ต้นไม้ใหญ่โค่นลงระเนระนาด ที่ยืนอยู่ได้ก็ใหม้เกรียมเหลือเพียงกิ่งก้าน... หลายๆ ศาลาที่เคยเป็นที่พักและเป็นเวทีชั่วคราวบัดนี้โดนเปลวไฟทำลายจนพังยับเยินราบคาบ... “แง้ววววว .....” มีเสียงหนึ่งตอบรับมาขณะที่เจ้าหญิงเซเลสเทียกำลังเป่าเป็นเสียงแมวออกมาทางต้นไม้ที่จัดเป็นเขาวงกค....”รูบี้?....นั่นเจ้าเหรอ...รูบี้...” เมื่อได้ยินเสียงเรน่ากิ่วิ่งเข้าไปในเขาวงกตต้นไม้ทันที “เดี๋ยวสิ... เรน่า...เย่าเพิ่งเข้าไป...” เจ้าหญิงเซเลสเทียพยายามห้ามแต่ไม่ทันเสียแล้ว ...เลยจำเป็นต้องรีบตามเข้าไป..
“แง้ววววว....โฮกกกกก....” ภาพที่เด็กหญิงเห็นก็คือแมวตัวเล็กๆ ของเธอกำลังหลบสิงโตมีปีกตัวหนึ่ง เมื่อเจ้าหญิงเซเลสเทียเห็นก็ตกใจและอุทาน ..”คิไมร่า...ไม่น่าเชื่อ !!” มันกำลังหาทางที่จะเข้าไปจับเอาลูกแมวตัวน้อยออกมา เมื่อเด็กหญิงเห็นก็วิ่งเข้าไปอุ้มมันมาไว้ในอกทันที. “กรรรรรร!!!” สิงโตคิไมร่าถอยไปก้าวหนึ่งและคำรามด้วยความดุร้ายและตั้งท่าจะกระโจนเข้าใส่ เจ้าหญิงเซเลสเทียเห็นท่าไม่ดีเลยตะโกนเรียกเรน่า “เรน่า... อยู่นิ่งๆ นะ” แล้วเธอก็คว้าท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ตัวมากวัดแกว่ง... ยังดีที่ในวังเคยเรียนวิชาฟันดาบมาก่อน เธอคิด... “มาทางนี้ๆๆ ออกไปให้พ้นเธอนะ.เจ้าคิไมร่า...” และเมื่อสิงโตคิไมร่าหันมามันก้อจ้องมองด้วยความดุร้ายและคำรามลั่น “โฮกกกกก !!!” เจ้าหญิงเซเลสเทียตกใจและถอยหลังไปก้าวหนึ่งแต่เธอกลับสะดุดหินที่แตกกระจายอยู่บริเวณรอบๆ “โอ๊ย...” หญิงสาวล้มลงทันที คิไมร่าค่อยๆ เดินย่างสามขุมเข้ามาช้าๆ

“พี่สาว....ระวัง” เรน่าตะโกน...และจะวิ่งเข้ามาหา แต่เซเลสเทียโบกมือให้ถอยไปและพูดเบาๆ ว่า “เรน่า... ค่อยๆ เดินทีละก้าวนะ...แล้วพอใกล้ๆ ประตูรีบวิ่งออกไปเลยนะ..ข้าจะล่อมันไว้เอง!” เด็กหญิงพยักหน้า.ด้วยความกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ค่อยๆ ทำตามจนย่องออกไปจากเขาวงกตพ้นสายตาคิไมร่าได้ เจ้าหญิงเซเลสเทียเห็นเด็กหญิงอุ้มแมวของเธอออกไปไกลพ้นแล้วก็ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี “จริงสิ... ขลุ่ยนี้... ลองเป่าเป็นเพลงกล่อนสัตว์ดูสิ..เพลงที่เรมิเอลเคยใช้ควบคุมสัตว์ในคณะละครสัตว์ไง” แล้วเธอก็ค่อยๆ หยิบขลุ่ยมาเป่าเป็นท่วงทำนองออกมา..

ทันใดนั้นคิไมร่าที่เหมือนว่าจะดุร้าย พอได้ยินเสียงเพลงแววตาของมันก็แปรเปลี่ยนไป... มันคลายอารมณ์ลงและค่อยๆ ถอยหลังและหมอบลงอย่างช้าๆ เซเลสเทียแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เธอค่อยๆ เล่นเพลงไปเรื่อยๆ คิไมร่าเริ่มมีอาการง่วงนอนและในที่สุดมันก็หลับตาลง หญิงสาวใช้โอกาสนี้ค่อยๆ ก้าวหนีออกมาจากบริเวณนั้นจนได้

“กรี๊ดดดด!!” เสียงของเรน่าร้องด้วยความตกใจกลัว เมื่อเธอออกมาพ้นสวนเขาวงกต เธอพบกับผีดิบ 3-4 ตัวกำลังเดินเข้ามาหาเธอ... เซเลสเทียรีบเข้าไปกอดเธอไว้ และหันหลังกลับไปมองก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคิไมร่าตื่นจากมนต์สะกดแล้วเช่นเดียวกัน และมันก็กำลังย่างสามขุมเข้ามาหา “ทำไงดีละเนี่ยะ...ตาลแล้ว..” หญิงสาวครุ่นคิด..และไม่ทันจะคาดคิด ผีดิบตัวหนึ่งได้วิ่งเข้ามาหา “ว้ายยยย” เด็กหญิงกรีดร้องด้วยความกลัว หญิงสาวรีบกอดเรน่าไว้กับอกเพื่อป้องกันตัวเองทันที

“ก๊าซซซ” เสียงคำรามดังจากข้างหลัง เมื่อคิไมร่าพุ่งตัวเข้ามาและพ่นไฟใส่ผีดิบทั้งหลาย ด้วยเปลวไฟนั้นพวกมันใหม้เกรียมทันที แต่ด้วยเสียงคำรามทำให้ผีดิบตัวอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ พากันวิ่งมาและต่อสู้กับสิงโตคิไมร่าอย่างดุเดือด ...เซเลสเทียเห็นดังนั้นก็รีบจูงมือพาเด็กสาววิ่งไปจากสถานที่นี้ทันที.. แต่พอทั้งสองคนวิ่งมาถึงปากทางก็ต้องเจอกับผีดิบอีกตัวหนึ่งที่ยืนขวางทางเข้าออกอยู่จนได้... เซเลสเทียหันไปมองด้านหลังที่วิ่งมาก็พบว่าคิไมร่ากำลังจะพลาดท่าให้กับพวกผีดิบ... “แล้วเราจะหนีไปยังไงเนี่ยะ...”

แต่ทันใดนั้นยังไม่ทันทำอะไร ก็มีมังกรตัวหนึ่งบินมาอยู่บนฟ้าและพ่นไฟลงมาใส่พวกผีดิบจนสิ้นซาก!! และไม่นานก็บินลงมาด้านหน้าหญิงสาว มีทหารผุ้หนึ่งลงมาจากมังกรตัวนั้นเขาเอ่ยกับหญิงสาวว่า “เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่ มันอันตรายนะ...ขึ้นมาเร็วๆ” เจ้าหญิงเซเลสเทียรีบพาเรน่ากับลูกแมวของเธอขึ้นตามไปทันที แต่เรน่าฉุดมือไว้และหันไปมองคิไมร่าที่นอนอยู่ท่ามกลางกองเพลิง ..”แล้วเจ้านั่นละ...มันช่วยพวกเราไว้นะคะ” เจ้าหญิงเซเลสเทียหันไปมองทหาร แต่เขากลับบอกว่า “มันคงไม่รอดแล้วหละ อะไรที่โดนพวกซอมบี้กัด ไม่นานก็จะกลายเป็นซอมบี้อยู่ดี ปล่อยมันไว้ที่นี่ และไปกับข้าเถอะ” แล้วเขาก็บินออกไปโดยที่เรน่ายังมองคิไมร่าตัวนั้นอย่างเสียดาย

มังกรบินขึ้นมารวมกลุ่มกับกองทัพมังกรเหนือเมฆ และบินไปหามังกรตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่ม นั่นก็คือซิกฟรีด แม่ทัพมังกรแห่งเทราบิเทียนั่นเอง เมื่อเจ้าหญิงเซเลสเทียเห็นก็จำได้ทันที “ท่านซิกฟรีด!” เธอร้องเรียกซิกฟรีดที่อยู่บนหลังมังกรนั้น เขาหันมามองแว่บหนึ่งก็จำได้ “อ้าว นั่นเจ้าเอง ที่เจ้าหนุ่มคนนั้นช่วยไว้... นี่เจ้าไปทำอะไรมาอีกแล้วละ” ซิกฟรีดถามและกวักมือให้ทหารนำตัวทั้งสองคนมาใกล้ๆ “ท่านซิกฟรีด ...ท่านจำข้าได้ไหม..ข้าเซเลสเทียไง” หญิงสาวพยายามแนะนำตัวเอง ซิกฟรีดมองดูหญิงสาวอีกครั้ง ไม่พบว่ามีตรงไหนที่เหมือนเจ้าหญิงผุ้สูงศักดิ์เลย ทั้งสร้อยคอประจำราชวงศ์ ทั้งชุดแต่งกาย อีกทั้งเขาก็รับรู้ว่าเธอถูกพามาโดยอารุส.. เขาจึงคิดว่าเธอเองอาจจะสติไม่ดี “เซเลสเทียหรือ ...ไม่แน่ เจ้าไม่ใช่... เพราะเจ้าหญิงเซเลสเทียอยู่ในวังตลอดเวลา ...เจ้าท่าทางจะโดนพิษคิไมร่าซะแล้วละมั้ง...” ซิกฟรีดหัวเราะ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อเธอควักเอาขลุ่ยออกมา

“ท่านจงดุสิ่งนี้เถิด....” หญิงสาวควักขลุ่ยสีทองส่องประกายออกมา มันสลักด้วยใบหน้าของหญิงสาวสวมช่อมะกอก เมื่อซิกฟรีดเห็นก็จำได้ทันที “ขลุ่ยนี้ ลายนี้...ขลุ่ยออร์เฟอุส? …เจ้าได้มาอย่างไรกัน” เขาตกใจที่สมบัติประจำราชวงศ์ที่มีเพียงพระราชาอัลวิส เชื่อพระวงศ์และข้าราชบริพารชั้นสุงเท่านั้นถึงจะได้เห็น และพระราชาเป็นผุ้ครอบครองแต่เพียงผุ้เดียวทำไมถึงมาอยู่กับหญิงสาวคนนี้ได้ “ของจริงหรือเปล่า....” เขายังสงสัย ทำให้เจ้าหญิงเซเลสเทียต้องเล่นไม้ตาย.... เธอรวบผมขึ้นเผยให้เห็นปานสีน้ำตาลลายรูปดอกไม้ เมื่อซิกฟรีดเห็นก็คกใจยิ่ง..

“ปานนั่น.... เจ้าคือ..เจ้าหญิงเซเลสเทีย!?” ซิกฟรีดงงมากและเขารีบสั่งให้ทัพมังกรหยุดชั่วคราว “ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร...และทำไมท่านถึง...” ขณะที่เรน่ามองอย่างตะลึง “ท่าน...ท่านคือองค์หญิงเหรอ..” หญิงสาวทำมือจุ๊ปากเรน่าไว้และกระซิบว่า “ข้าหลอกเค้านะ..... เพื่อที่เค้าจะได้พาพวกเรากลับบ้านได้ไง” เรน่าได้ยินก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “แล้วข้าต้องทำอะไรบ้างพี่..” เจ้าหญิงกระซิบตอบว่า “อย่าบอกเรื่องที่ได้ยินนี้กับใครนะ..”เด็กหญิงพยักหน้า

พอซิกฟรีดพาเจ้าหญิงเซเลสเทียมาอยู่บนมังกรของเขาแล้ว เธอก็ไปถามซิกฟรีดทันที “ข้าต่างหากต้องถามท่าน เกิดอะไรขึ้นกับท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านอา และเมืองนี้ ประเทศนี้ ...ท่านต้องพาข้ากลับบ้านไปหาท่านพ่อท่านแม่ตอนนี้“ ซิกฟรีดได้ยินก็ส่ายหน้าปฏิเสธ “สถานการณ์ตอนนี้อันตรายมาก ข้าจำเป็นต้องพาท่านลงไปในที่ปลอดภัย...” เมื่อเซเลสเทียได้ยินเช่นนั้นเธอก็เดินไปยังริมๆ ตัวของมังกรทันที “ถ้าท่านจะเข้าไปในปราสาท ท่านต้องพาข้าไปด้วย ...ข้าต้องการทราบความจริง ไม่เช่นนั้นข้าจะโดดลงไปเดี๋ยวนี้!”

“อย่านะเจ้าหญิง.....เอาละๆๆ ท่านออกมาจากตรงนั้นมันอันตราย..เฮ้อ” :ซิกฟรีดรีบห้ามและส่ายหัวด้วยความระอาใจ “เอาแต่ใจแบบนี้นี่แหละเซเลสเทียตัวจริง” เขาบ่นอุบ ..แต่หญิงสาวได้ยิน “ท่านว่าอะไรข้านะ” ซิกฟรีดรีบส่ายหน้าทันที “เปล่าเจ้าหญิง... เฮ้อ... แต่ยังไง..” ยังไม่ทันพูดจบ ก็มีเสียงแทรกดังขึ้นเมื่อมังกรบินมาใกล้ๆ เขตใจกลางเมืองบัลบารอสซ่า “ท่านซิกฟรีด ดุด้านล่างสิครับ”

ซิกฟรีดก้มลงไปมองด้านล่างพบกองทหารกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสุ้กับฝูงผีดิบอยู่. เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงสั่งให้บินลงไปช่วยทันที...

ณ เขตใจกลางเมือง.. อารุสวิ่งเข้ามาและพบกับทหารที่ล้มลงบาดเจ็บอยู่... เขาวิ่งไปดูอาการทันที “อารุส....หนีไป...” เขาพูดไม่ทันขาดคำก็สิ้นใจทันที “เจ้าๆๆ ทำใจดีๆ ไว้นะ....เจ้าๆๆๆ” อารุสค่อยๆ วางเขาลงและคิดว่า “นี่มันอะไรกันนะ” พอเขาลุกขึ้นมาและหันหลังก็ชนเข้ากับใครคนหนึ่งอย่างจัง “พลั่ก....ใครวะ”

ร้อยเอกกีซนั่นเอง ที่วิ่งหนีอะไรมาบางอย่าง พอเห็นว่าเป็นอารุสก็โมโหตามเคย “แก...มาขวางทางข้าทำไม...ช่างเถอะ ข้าไม่อยู่แล้ว” แล้วเขากีรีบลุกขึ้นทันที แต่อารุสจับแขนเขาไว้ “ท่านหัวหน้า ผู้พันบอกให้ถอนกำลังด่วนครับ” กีซสะบัดมือหลุดทันทีและตะคอกใส่ “ถอนกำลัง เหอะ...เจอยังงี้ไม่ต้องบอกข้าก็จะถอน ไม่อยู่แล้ว” พูดจบกีซชี้ไปยังทางที่เขาวิ่งมาก็วิ่งหนีไปทันที ..

อารุสมองตามไปก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อเจอกับทหาร 4 คนกำลังสู้กับผีดิบ 2 ตัว และหนึ่งในนั้นก็ใส่ขุดทหารที่เขารู้จักและคุ้นตาดี “แม็กนัส!!! นี่มันอะไรกัน” อารุสรีบวิ่งไปหา แต่ทหารคนหนึ่งรั้งตัวเขาไว้ก่อน “อารุส...แม็กนัสมันโดนผีดิบกัด....และมันก็บ้าไปแล้ว ..มันไม่ฟังใครแล้ว” อารุสจ้องมองไปยังเพื่อนของเขา แต่ตอนนี้แววตาของแม็กนัสไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว แววตาสีแดงก่ำจ้องมองดูอารุสด้วยความดุร้าย...

และทันใดนั้น แม็กนัสที่กลายเป็นผีดิบก็พุ่งมาใส่ทหารที่กำลังพูดกับอารุสทันที เขาล้มลงและพยายามต่อสู้ แต่มันกลับได้ใช้แรงมหาศาลเหวี่ยงเขากระแทกซากบ้านเรื่อนจนล้มลงไปทันที ทหารคนอื่นวิ่งเข้ามาก็ถูกมันผลักกระเด็นไปจนหมดทุกคน มันได้ย่างสามขุมเข้ามาอารุสที่ถอยมาจนชิดกำแพง.. “แม็กนัส...อย่านะ ...นี่ข้าเองอารุสไง...แม็กนัส!!”

อารุสพยายามเรียกสติกลับมาแต่ไม่ได้ผล มันได้พุ่งมาโจมตี แต่อารุสหลบทันและพยายามไม่โต้ตอบ “เจ้าจำข้าไม่ได้เหรอ เจ้าอ้วนบ้า!! แม็กนัส!! มีสติหน่อยสิ!!!” ผีดิบแม๊กนัสยังโจมตึเข้ามาเรื่อยๆ อารุสได้แต่หลบไปมา

“บรึม!!!” ลูกไฟพุ่งลงมาตรงจุดที่ผีดิบแม็กนัสยืนอยู่ทันที มันร้องครวญครางไปมาด้วยความเจ็บปวด อารุสมองเห็นมังกรของซิกฟรีดกำลังบินลงมาและอ้าปากจะพ่นไฟใส่อีกลูก.. .”เจ้าหนุ่ม ....หลบไป..!!!” ซิกฟรีดบังคับมังกรบินมาเหนือจุดที่อารุสและแม็กนัสอยู่และตะโกนบอกให้ชายหนุ่มหนีไป แต่เขากลับพุ่งเข้าไปและกางมือขวางปกป้องไว้ และตะโกนทั้งน้ำตาว่า “อย่า ไม่... อย่าทำเขา...เขาเป็นเพื่อนข้า!” ผีดิบแม็กนัสมองดูอารุสด้วยความตะลึง ชั่ววูปหนึ่งสติของเขากลับมาและกระแทกอารุสกระเด็นไปและหันไปคว้าดาบที่กระเด็นอยู่กระโดดไปหาซิกฟรีดทันที “ว้ากกกกก!!!”

“อย่า!!! แม็กนัส!!!!!” อารุสตะโกนสุดเสียงแต่ไม่ทันแล้ว ด้วยสัญชาตญาณมังกรพ่นไฟออกมาเผาผลาญผีดิบแม็กนัสทันทีจนใหม้เกรียม.... อารุสวิ่งเข้าไปหาและประคองเพื่อนไว้ แววตาของเขากลับมามีสติแว่บหนึ่งและมองหน้าอารุสและพูดว่า “ข้า...ขอโทษ...เพื่อน...” และก็สิ้นสลายกลายเป็นดินทรายไปต่อหน้าต่อตาทันที.. “แม็กนัส!!!! ไม่!! ฮือๆ เพื่อนของข้า...ไม่ ..” อารุสได้แต่ร้องให้และร่ำร้องอย่างสุดปวดร้าวที่เพื่อนของเขาต้องมาพบชะตากรรมอย่างนี้
ซิกฟรีดและมังกรของเขาบินลงมา ..เด็กหญิงเรน่าวิ่งลงมาหาด้วยความเป็นห่วง “พี่ชาย.....เป็นไงบ้างคะ” ขณะที่ซิกฟรีดเดินเข้ามาจับไหล่เขาเบาๆ ขณะที่อารุสยังคงนั่งร้องให้ไม่หยุด... “อย่าเพิ่งมายุ่งกับข้า....ให้ข้าอยู่คนเดียวเถอะ” เขาสลัดมือของเด็กหญิงที่กำลังเดินเข้ามาหาออกทันที

“รีบไปเถอะ...ที่นี่อันตรายมาก..” ซิกฟรีดพูดแล้วเดินขึ้นไปหยิบดาบของแม็กนัสที่ตกไว้มาปักไว้ตรงหน้าอารุส . “เพื่อนของเจ้าต้องการให้เจ้าสู้...ลุกขึ้นมาและไปกับข้า...หรือจะอยู่เป็นแบบเพื่อนของเจ้าอยู่ที่นี่?”

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ….ทำไมถึงเป็นอย่างนี้...” อารุสทั้งโกรธและโมโหที่เพื่อนของเขาต้องมีจุดจบอย่างนี้ เขาร้องตะโกนอย่างแค้นเคือง... และทุบกำปั้นลงไปที่พื้นอย่างบ้าคลั่ง เซเลสเทียเดินเข้ามาหาอารุสและตบหน้าเข้าอย่างแรง

“เพี๊ยะ!!!!” อารุสกุมหน้าด้วยความตกใจ..เจ้าหญิงเซเลสเทียพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “เจ้ารู้มั้ย .....คนที่ตายไปแล้วหรือคนที่โดนพวกปีศาจกัดจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นปีศาจไปในไม่ช้า... ไม่มีทางที่เค้าจะรอดได้หรอก....ท่านซิกฟรีดพูดถูก.. ข้าเองก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าเจ้า ...ข้าเองเสียอีกที่ไม่รู้เลยว่าคนที่ข้ารัก...พ่อ...แม่...อาของข้า...จะเป็นอย่างไรบ้าง..” พูดแล้วเธอเองก็ทำท่าจะร้องให้ตามไปด้วย ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงควบคุมสติแล้วหันไปตะโกนถามซิกฟรีด

“แล้วพวกมันมาจากไหน....!!! ท่านรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรและทำไมไม่มีใครบอกข้า!!!” ซิกฟรีดส่ายหน้า “เจ้าลองไปถามลอร์ดฟอลคอนดูสิ เต้าน่าจะรู้สถานการณ์นี้ดีกว่าข้านะ “ แล้วซิกฟรีดก็ชี้ไปทางปราสาทเทราบิเทียและพูดต่อว่า “ข้ารู้แต่ว่าปีศาจมากมายออกมาจากปราสาทหลังจากเกิดเหตุการณ์ระเบิดนั้น..... พวกข้าเองก็จะไปที่ปราสาทเพื่อค้นหาความจริง... ส่วนเจ้า... ถ้าจะหนีไปจากที่นี่ก็หยิบดาบขึ้นมาและข้าจะให้มังกรไปส่งเข้าที่ค่าย...ว่าไง”

อารุสกัดฟันด้วยความปวดร้าว... เขายืนนิ่งเอามือปาดน้ำตาและหันไปมองดาบของแม็กนัส ...แล้วทันใดนั้นเขาก็เดินไปหยิบดาบขึ้นมา ”ข้าจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครมันที่ทำเรื่องบัดซบอย่างนี้…ข้าขอไปกับท่านด้วย ท่านแม่ทัพ!!” ซิกฟรีดตกใจกับการตัดสินใจของชายหนุ่ม “เจ้าว่าอะไรนะ?” อารุสจ้องหน้าซิกฟรีดและยืนยันอีกครั้ง “ข้าจะไปกับท่าน ท่านแม่ทัพ ข้าจะไม่ยอมให้มันเกิดเรื่องแบบนี้กับใครอีกก็ตาม...” ซิกฟรีดมองเห็นความตั้งใจของอารุสก็ยิ้มอย่างพอใจ “ดี....นี่แหละหัวใจของนักรบ... งั้นอารุส...จงมากับข้า...จากนี้ไปหน้าที่ของเจ้าคือปกป้องหญิงสาวและเด็กหญิงคนนี้ ” ซิกฟรีดตอบรับและจับมือชายหนุ่มขึ้นไปยังมังกรของเขาและส่งสัญญาณให้เซเลสเทียกับเรน่าขึ้นตามไปพร้อมกัน

เมื่อมังกรออกบิน.. เรน่าวิ่งมาหาและกระโดดกอดคอเขาด้วยความดีใจ ““พี่ชายยย...!! ข้าดีใจจังที่ได้พบท่าน” อารุสยิ้มแห้งๆ และพูดตอบไปว่า “ข้าก็ดีใจ... ข้ากะว่าจะไปพบเจ้าตามสัญญาเย็นนี้...แต่เจ้ากลับมาหาข้าซะก่อน” อารุสหันไปมองเจ้าหญิงเซเลสเทียและพูดว่า “ข้าเองก็ขอบคุณท่านนะ..เซริส... ที่เตือนสติข้า...” หญิง่สาวได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มๆ และทั้งสองคนก็สบตากัน... เซเลสเทียรู้สึกหน้าแดงวาบทันทีเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาที่ซึ้งใจจึงรีบตัดบทว่า “เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอก....ข้าเองก็นึกว่าพูดอะไรแย่ๆ ไปด้วยซ้ำ... ว่าแต่เพิ่งรุ้นะว่าเด็กหญิงเรน่าเนี่ยะเป็นน้องสาวของเจ้าเนี่ยะ ว่าแต่ หน้าตาไม่เหมือนกันเลย” หญิงสาวสงสัย..

“เปล่านะ …ไม่ใช่น้องข้าจริงๆ หรอก...” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ เด็กหญิงได้ยินอย่างนั้นก็หน้าเบ้และกระโดดลงมาจากหลังของอารุสและมองหน้าด้วยแววตาเศร้าๆ “พี่ชาย...ท่านไม่ยอมรับข้าเป็นน้องสาวแล้วเหรอ”.. อารุสเห็นดดังนั้นเลยต้องรีบปลอบใข “เปล่าๆๆ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น...คือข้า...เอ่อ...ข้าขอโทษ” เขายื่นมือมาลูบหัวเด็กน้อยที่น้ำตาเริ่มซึมๆ ละ... “อย่าร้องให้สิ เจ้าเป็นน้องสาวของข้านะ.... ข้ากำลังจะเล่าว่าข้าเจอเจ้าได้ยังไงให้พี่เค้าฟังน่ะ” อารุสเริ่มเปลี่ยนเรื่อง

เด็กหญิงตาโต..และยิ้มกว้างด้วยความตืนเต้น..”ไม่ๆ ข้าเล่าเองนะ....” แล้วเรน่าก็เริ่มต้นเล่าเรื่องให้เซเลสเทียฟัง ตั้งแต่ตอนที่เธอกับบาทหลวงเลวีช่วยพิธีจนเสร็จและกำลังจะให้อาหารรูบี้แมวของเธอ... จนเกิดเหตุการณ์ที่ระเบิดขึ้นและคุณพ่อเลวีก็ออกไปช่วยเหลือชาวบ้านและสั่งให้เธออยุ่ในห้อง ..แต่เธอเองก็แอบออกมาจนมีลูกไฟพุ่งมาทำลายโบสถ์ เธอซ่อนตัวอยู่ไต้แท่นบูชากับรูบี้จนกระทั่งมีคนมาช่วย ซึ่งก็คืออารุสนั่นเอง

เซเลสเทียได้ฟังก็หันไปมองอารุสและชื่นชมว่า “ท่านกล้าหาญมาก... ที่กล้าเสี่ยงอันตรายช่วยเหลือคนอื่นนะ..ข้าไม่อยากเชื่อเลย..” แล้วเด็กหญิงเรน่าก็ชี้ให้หญิงสาวได้ดูผ้าขนหนูที่อารุสพันแผลไว้ เมื่อเธอได้เห็นก็ประหลาดใจ

“ลายมือนี่... ชื่อเรมิเอล!!” เธออุทานด้วยความตกใจและหันไปมอง “เจ้าเอง..ที่หน้าประตูปราสาทวันนั้น” อารุสได้ฟังก็แปลกใจ “เราเคยเจอกันมาก่อนหรือ..ท่านกับข้า” หญิงสาวขยับตัวไปมองชายหนุ่มใกล้ๆ และจำได้ทันที “เจ้าคือทหารคนนั้น ที่เรมิเอลเขียนชื่อไว้ใส่ผ้าผืนนี้เป็นที่ระลึกนี่นา...ข้าจำได้แล้ว”

ชายหนุ่มก็ประหลาดใจด้วยเช่นกัน “งั้นท่าน...ก็คือคนที่มากับคุณเรมิเอลนี่สิ... “ หญิงสาวพยักหน้าและสีหน้าสลดลงทันที “ใช่ ข้าเอง…”

“แล้วเรมิเอลเป็นอย่างไรบ้าง!!!” ทั้งสองพูดขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย... เซเลสเทียหลบหน้าไป อารุสก็เช่นกัน ทั้งสองคนหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด “ท่านพูดก่อนสิ” อารุสบอก หญิงสาวส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน....” เมื่อได้ยินอย่างนั้นอารุสเองก็พยักหน้าตอบ “ข้าเองก็ไม่ได้ข่าวเหมือนกัน...แต่เห็นว่าขบวนออกจากเมืองไปไกลแล้ว คงไม่เป้นไรละมัง...”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นเซเลสเทียก็รู้สึกใจชื้นมาทันที... บางทีเรมิเอลอาจปลอดภัยก็ได้... “แล้วท่านไม่ได้ไปกับเค้าเหรอ” อารุสสงสัย หญิงสาวหน้าเสียขึ้นมาทันทีและปฏิเสธว่า “คือ.... ครั้งสุดท้ายเขาปกป้องข้าไว้...แล้วข้าก็ไม่ได้เจอเค้าอีกเลย” อารุสได้ยินอย่างนั้นก็นิ่งไป...

เมื่อมังกรบินเรื่อยมาจนใกล้เขตปราสาท... ทันใดนั้น...ก็มีเสียงตะโกนอย่างตกใจจากทางด้านหลัง “ท่านแม่ทัพ!!! ...มีอะไรกำลังมุ่งตรงมาทางนี้ครับ !!” เสียงของทหารกองหลังคนหนึ่งบินมารายงาน ซิกฟรีดหันไปมองก็พบว่าเบื้องหลังท้องฟ้าด้านบนนั้นเหมือนกับมีเงาดำทมึนกำลังแผ่ขยายและเคลื่อนตัวมาทางนี้.... ซิกฟรีดรีบสั่งการทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น ...”นี่มัน ....หรือว่า!?”

“หันกลับเดี๋ยวนี้!!!!.....ตั้งป้อมรับการโจมตี!!” ไม่ทันขาดคำก็มีลำแสงจำนวนมากมายพุ่งเข้ามาจากสิ่งที่อยู่ไต้เมฆ และยิงมังกรของซิกฟรีดตกทีละตัวสองตัว ...และสิ่งที่อยู่ภายไต้เมฆได้ค่อยๆ ลองลงมาให้เห้นเป็นยานรบจักรกลขนาดใหญ่มหึมารูปร่างคล้ายกับปากมังกร ซิกฟรีดเห้นก็จำได้ทันที

“ยานอินวิซิเบิ้ล!! ไม่น่าเชื่อ มันผ่านชายแนนมาได้อย่างไร...หรือว่าป้อมบัลวาเรียเสร็จมันไปแล้ว?” ซิกฟรีดตกใจที่เห็นยานรบของฝ่ายจักรวรรดิ์จักรกลกัลวาเรียบุกเข้ามาจนถึงเมืองหลวงบัลบารอสซ่า และทันใดนั้นก็มีเสียงดังกึกก้องมาจากยานลำนั้นว่า


“ประชาชนเทราบิเทียจงฟัง.....จงเปิดทางให้พวกเราเข้าไปควบคุมสถานการณ์ในปราสาทเทราบิเทีย... ตอนนี้ลอร์ดฟอลคอนได้อนุญาตและทำสัญญาให้กองทัพกัลวาเรียเข้ามาช่วยเหลือแล้ว.. ตอนนี้เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ขอให้ทหารทุกนายของเทรบิเทียเข้าร่วมกับจักรวรรดิ์ในทุกกรณีโดยไม่มีเงื่อนไข... เพราะตอนนี้กษัตริย์อัลวิสและราชินีโซเฟียรวมถึงเจ้าหญิงเซเลสเทียได้สิ้นประชนม์แล้ว.. ลอร์ดฟอลคอนในฐานะผู้สำเร็จราชการชั่วคราวขอประกาศให้ประชาชนทุกคนและทหารทุกนายมารายงานตัวที่ค่ายทหารตั้งแต่เวลานี้และออกห่างจากตัวเมืองบัลบารอสซ่าโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัย”

“ไม่จริงๆๆๆ ท่านพ่อ ท่านแม่” เซเลสเทียตะโกนเมื่อได่ยินดังนั้น....”โกหก ข้ายังอยู่ตรงนี้....ฟอลคอนมีสิทธิ์อะไรที่จะทำเช่นนี้!!!” ซิกฟรีดได้ยินดังนั้นก็กัดฟันแน่น “เจ้านั่น มันทรยศฝ่าบาทเหรอเนี่ยะ....ยังไม่ได้สอบสวนหรือยังไม่รู้แน่สักหน่อยว่าในปราสาทเป็นอย่างไร...กลับยืมมือพวกศัตรูเข้ามายึดเมือง....อภัยให้ไม่ได้แล้ว!!.. ทุกหน่วย ป้องกันปราสาทให้ได้!!!” ซิกฟรีดตะโกนสั่งการให้มังกรที่เหลือเรียงตัวกันเป็นม่านกำแพงทันทีเพื่อป้องกันปราสาทเทราบิเทียเอาไว้ และเชาเรียกมังกรมาตัวหนึ่ง จูงมืออารุสและเซเลสเทียให้ขึ้นไปยังมังกรตัวนั้นและหันไปสั่งอารุสว่า

“เจ้าจงพา…เซริส...ไม่ใช่สิ...เจ้าหญิงเซเลสเทีย..บินหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด และปกป้องนางไว้ให้ได้ด้วยชีวิต นี่คือคำสั่ง!!” อารุสและซเลสเทียตกใจมาก หญิงสาวรีบปฏิเสธทันที “ไม่ !!! ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะอยู่ที่นี่ ข้าจะ...” อารุสรีบบอกเช่นกัน “ข้าก็ไม่ไปท่านแม่ทัพ ข้าจะสู้กับท่านด้วย.”

ซิกฟรีดส่ายหน้าปฏิเสธและยืนกรานความคิดเดิม “ฟังข้า.....ไปจากที่นี่ ...นี่คือสมรภูมิรบ และข้าคือผู้บังคับบัญชา...อารุส...ข้าขอสั่งเจ้าไปเดี๋ยวนี้!!!” พูดแล้วเขาก็กระโดนกลับไปยังมังกรของเขาทันทีและก็หันมาทางเซเลสเทีย “ส่วนท่าน ....ต้องดูแลรักษาตัวให้ดีนะ และต้องรอดไปให้ได้ ...ท่านคือหน่อเนื้อของราชวงศ์เทราบิเทีย....ไป!!” ขาดคำมังกรของอารุสก็บินออกไปทันทีอย่างรวดเร็ว ..เจ้าหญิงเซเลสเทียจะถลาเข้าไปแต่อารุสจับตัวเธอไว้ได้ทัน “ซิกฟรีด ไม่!!!” หญิงสาวร่ำร้องเมื่อมองเห็นมังกรของซิกฟรีดบินไปสมทบกับกองทัพมังกรเพื่อป้องกันปราสาทเทราบิเทีย...

เมื่อเห็นว่ากองทัพมังกรไม่ยอมจำนน ยานรบอินวินซิเบิ้ลก็ปล่อยลำแสงจำนานมากมายนับไม่ถ้วนพุ่งไปใส่กองทัพของซิกฟรีดทันที.. มังกรร่วงลงราวกับใบไม้ร่วง ซิกฟรีดเห็นดังนั้นก็โกรธแค้นมาก และสั่งให้มังกรของตัวรวบรวมพลังครั้งสุดท้าย

“เจ้าจะได้เห็นพลังของมังกรแห่งเทราบิเทีย... บาฮามุทเอย...จงเผาผลาญมันให้สิ้นซาก!!” ทันใดนั้นแสงจำนวนมากมายที่ยานปล่อยออกมาได้ถูกดูดกลืนเข้ามารวมตัวที่บาฮามุท หลังจากนั้นมังกรของซิกฟรีดได้กลืนกินลำแสงนั้นเอาไว้จนหมดสิ้น!!

“จงรับมันกลับคืนไป ...เจ้าพวกจักรวรรดิ์จักรกล!!” สิ้นเสียงขาดคำ มังกรบาฮามุทก็พ่นลำแสงที่กลืนไว้ออกมาเป็นคลืนพลังขนาดมหึมาพุ่งเข้าสู่ยานอินวินซิเบิ้ลอย่างรุนแรง!!!

“เปรี้ยงงงงงงงง”

แรงระเบิดอย่างรุนแรงทำให้ท้องฟ้าสว่างวาบไปทั่วเมืองบัลบารอสซ่า

-จบ Chapter 1-


Create Date : 03 เมษายน 2552
Last Update : 3 เมษายน 2552 18:27:16 น. 0 comments
Counter : 471 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

The Prophet
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนบ๊องๆ คนหนึ่ง..
รักดนตรี เสียงเพลง
เตบอยากเป็นครูบ้านนอก
แต่ดันเป็นโปรแกรมเมอร์เมืองหลวง
ชอบใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ
ฝันอยากจะเป็นบาหหลวง
แต่ดันแอบหลงรักสาวอยุ่ร่ำไป
ใครๆ บอกว่าเป็นคนดี แต่ตัวเองบอกว่าคงไม่ดีเท่าไร
อย่างน้อยก็หน้าตาหละ...
แต่เห็นหน้าตาอย่างนี้ ก้อจบปรัชญาราม นะคร้าบบบ
Friends' blogs
[Add The Prophet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.