E-r-o-s-a-g-a-p-e : Unlimited Love ^_^
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
7 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
++..Legend of Therabithia.++ ตำนานแห่งเทราบิเทีย : บทที่ 3 (3)

--Chapter 3 : The Lost Prince--

3.

อารุสเมื่อมองเห็นก็พบว่าฟอลเทน่านั้นตัวใหญ่ไม่ใช่เล่นเลย เมื่อเทียบกับที่เขาเห็นบนยอดของป้อมประตูหมู่บ้านแล้วอาจดูธรรมดาๆ ..แต่เมื่อเขาจับมือของฟอลเทน่าแล้ว กลับพบว่ามือของเขานั้นนุ่มมากจนไม่อาจจะเชื่อได้ว่านี่เป็นมือของนับรบเลย.. "เจ้าชื่ออะไร" ฟอลเทน่าบีบมือชายหนุ่มเบาๆ และถามขณะที่จับมือกัน ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาแว่บหนึ่งและสะดุ้งนิดหนึ่ง นี่จับมือหรือจะงัดข้อกันเนี่ยะ เขาคิด แต่ก็ตอบไปว่า "ข้าชื่ออารุส เป็นนายทหารประจำกองของท่านแม่ทัพกองบินแห่งเทราบิเทีย ซิกฟรีด..เด็กหญิงคนนั้นคือน้องบุญธรรมของข้า และนี่" ขณะที่เขากำลังจะแนะนำต่อเซเลสเทียก็ชิงแนะนำตัวเองก่อน ."ข้าชื่อเซเลสเทีย...เอล เดอเทราบิเทีย.." เมื่อได้ยินชื่อฟอลเทน่าก็มีสีหน้าตกใจแว่บหนึ่ง "เจ้าคือเจ้าหญิงเซเลสเทียงั้นหรือ" หญิงสาวพยักหน้า สักพักฟอลเทน่าก็ยื่นมือมาขอจับมือด้วย หญิงสาวลังเลนึดหนึ่งแต่ก็ยื่นมือไป

ฟอลเทน่าค่อยๆ จับมือของหญิงสาวอย่างทะนุถนอม.. "มือของท่านไม่ใช่มือของคนธรรมดา... แต่จริงๆ ละหรือ..ข้าไม่อยากเชื่อ" เมื่อเซเลสเทียเห็นท่าจะไม่เชื่อเอาง่ายๆ เธอเลยควักขลุ่ยออร์เฟอุสที่มีตราประจำราชวงศ์มา "นี่คือหลักฐาน...ขลุ่ยประจำราชวงศ์เทราบิเทีย.." ฟอลเทน่ารับเอาขลุ่ยไปดูใกล้ๆ พลิกไปพลิกมาแล้วเขาก็ส่งคืน "เป็นเช่นอย่างที่ท่านว่าจริงๆ ด้วย ถ้างั้น..."

"พวกเราคุมตัวสามคนนี้ไว้...แล้วพาไปไว้ที่ห้องบ้านข้า... จนกว่าข้าจะมีคำสั่ง!!" สิ้นเสียง พวกชาวบ้านพร้อมอาวุธที่อยู่เบื้องหลังก็กรูเข้ามาล้อมพวกอารุสทันที เซเลสเทียตกใจ "อะไรกันน่ะ ...เจ้าจะทำอะไร เดี๋ยวสิ และจะเอาของๆ ข้าไปไหน" เซเลสเทียตะโกนเมื่อเห็นฟอลเทน่าเอาขลุ่ยของเธอใส่กระเป๋า แต่ฟอเลเทน่ากลับสั่งการให้พวกชาวบ้านควบคุมตัวเธอไว้ อารุสเองก็ตกใจและตั้งท่าจะชักดาบออกมา แต่เขากลับถูกปลายหอกของชาวบ้านคนหนึ่งจ่อคอไว้และกล่าวว่า "วางอาวุธและทำตามที่หัวหน้าบอกแต่โดยดีดีกว่า ข้าไม่อยากให้พวกท่านเจ็บตัว" อารุสได้แต่ยอมทำตามแต่โดยดี และยอมวาง

ในห้องห้องหนึ่งพวกอารุสได้ถูกพามาขัง ที่นี่เซเลสเทียกับเรน่าได้ถูกแยกออกไป อารุสได้แต่นั่งถอนหายใจ "อะไรกันวะเนี่ยะ ทำไมจู่ๆ มาจับพวกเราไว้กันแน่" ..

ทางอ้านหนึ่งฟอลเทน่าได้เข้ามาหาชายชราคนหนึ่งด้วยท่าทีตื่นตระหนก.. "ท่านผู้เฒ่า...ข้ามีเรื่องจะถามท่าน" ชายชราคนดังกล่าวค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งและหันหน้ามา เขาอยู่ในชุดโบราณสีมอซอคลุมยาว ผมที่ขาวโพลนและหนวดเครารุงรังสีขาวบอกให้รู้ว่าคงจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 80 ปีแล้ว ขณะที่ฟอลเทน่าก็นั่งลงและยื่นมือส่งขลุ่ยสีทองมาตรงหน้า.. "ท่านพอจะเคยเห็นสิ่งนี้ใหม..."

ชายชราๆ ค่อยๆ ชะโงกหน้าและขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ เมื่อเขาได้เห็นชัดขึ้นแววตาเขาก็ประหลาดใจและตระหนกจนต้องค่อยๆ ยื่นมือมารับเอาขลุ่ยไปจากมือของฟอลเทน่าอย่างมือสั่นๆ "นะ...นี่มัน...เจ้าได้มายังไงกัน..ฟอลเทน่า"

"ข้าได้มันมาจากผุ้หญิงคนหนึ่งที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหญิง...." ไม่ทันได้พูดจบ ชายชราก็ชิงพูดเสียก่อน "เซเลสเทีย...เจ้าหญิงเซเลสเทียใช่ไหม!!" ฟอลเทน่าพยักหน้า "แต่ข้าไม่คิดว่า...." ชายชราค่อยๆ ลุกขึ้นจับไม้เท้าและลุกขึ้นมาและยกมือห้ามไม่ให้ฟอลเทน่าพูดะไรอีก "นี่คือขลุ่ยประจำราชวงศ์เทราบิเทียของแท้ ข้าจำไม่ผิดแน่ๆ ไหนเจ้าจงพาข้าไปหาเจ้าของมันเดี๋ยวนี้" ฟอลเทน่ารับคำ "ได้ครับท่านผู้เฒ่า..."

อีกทางห้องหนึ่งที่เซเลสเทียกับเรน่าถูกขังอยู่ เซเลสเทียได้แต่กอดเรน่าไว้แนบอกและคอยปลอบขวัญเด็กหญิงที่ยังตกใจและร้องให้สะอึกสะอื้นไม่หาย "ไม่เป็นไรๆๆๆ ข้าอยู่กับเจ้านี่ ไม่เป็นไรหรอก" เด็กหญิงยังคงตัวสั่นอยู่ด้วยความหวาดกลัว "พวกเค้าจะทำอะไรเราคะพี่สาว..ข้ากลัว" เซเลสเทียลูบหัวเด็กหญิงเบาๆ ก่อนที่จะค่อยๆ ลุกขึ้นไปยังประตูและทุบประตูพร้อมทั้งตะโกนว่า "นี่ๆ พวกเจ้าจับข้ามาทำอย่างนี้ไม่ได้นะ... ข้าไม่ใช่คนร้ายนะ เรียกหัวหน้าเจ้ามาคุยเดี๋ยวนี้!!!"

เสียงทุบประตูทำให้ยามที่เฝ้าหน้าห้องเปิดประตูออกมาและตะคอกว่า "หุบปาก ...เจ้าพวกใส้ศึก อยู่เงียบๆ เลย..อยากเจ็บตัวหรือไง..เดี๋ยวเถอะ" แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงตวาดมาจากด้านหลัง

"หยุดเดี๋ยวนี้...ปล่อยเธอออกมา..." ฟอลเทน่านั่นเอง เซเลสเทียจึงตรงปรี่เข้าไปชี้หน้าทันที "นี่ลุง...ถึอดียังไงมาทำกับข้าและน้องข้าอย่างนี้ ปล่อยเพื่อนของข้าเดี๋ยวนี้ เจ้ารู้มั๊ยว่าข้า..." "ต้องขอประทานอภัยให้กับเจ้าซื่อบื้อคนนี้ด้วย..." ยังไม่ทันได้พูดจบก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังของฟอลเทน่าและชายชราได้เดินตามมาพร้อมทั้งคำนับหญิงสาวและยื่นขลุ่ยมาตรงหน้า "นี่คงเป็นของท่าน... ฝ่าบาท.."

เซเลสเทียรีบคว้าเอาขลุ่ยกลับมาและมองหน้าชายชราอย่างงงๆ "นี่ท่านคือ..." ชายชราไม่ตอบอะไรแต่กลับโค้งคำนับอีกครั้งและหันหน้าไปสั่งฟอลเทน่าและการ์ดที่อยู่ในห้องให้คำนับตามด้วย "พวกเจ้ายังไม่รีบขอโทษเจ้าหญิงอีก.... ขอโทษเจ้าหญิงเดี๋ยวนี้!!" ชายชราสั่ง

ฟอลเทน่าและคนอื่นๆ จึงพร้อมใจกันคำนับ แล้วชายชราก็หันไปสั่งให้การ์ดไปปล่อยอารุสออกมาจากอีกห้องหนึ่ง เมื่ออารุสออกมาเรน่าก็โผไปหาทันที.. "พี่ชายๆๆพี่ไม่เป็นอะไรนะ" ชณะที่เซเลสเทียตั้งสติได้ก็รีบถามต่อทันที "ทำไมพวกท่านถึงทำกับพวกเราอย่างนี้ ทำยังกับพวกเราเป็นศัตรู" ฟอลเทน่าได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ "ขออภัยฝ่าบาท... ข้า... คือข้า.." ชายชราส่ายหัวในความผลุนผลันและเอ่ยปากเชิญพวกอารุสให้เข้าไปในห้อง "เชิญพวกท่านมาทางนี้เถอะ... อ้อ ข้าคืออาราฮัท เป็นผู้ดูแลที่นี่เองฝ่าบาท ต้องขอประทานอภัยอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้พระองค์ตกใจ.."

เซเลสเทียค่อยมีสีหน้าดีขึ้นแต่ก็รีบอธิบายทันทีว่า "ช่างเถอะ..พวกท่านเข้าใจก็ดีแล้ว และก็ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรหรอก ..ข้าเองเพียงแต่จะขอพักที่นี่สักคืนก่อนที่จะเดินทางต่อเท่านั้นเอง.." อาราฮัทพยักหน้าและโค้งคำนับอีกครั้ง "ขอบพระทัยฝ่าบาท.... ช้าจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนี้ เพราะได้ข่าวมาว่าทหารส่วนหนึ่งได้เป็นใส้ศึก.. และเปิดทางให้พวกจักรวรรดิ์เข้ามา และเกณฑ์พวกหนุ่มๆ ในหมู่บ้านไปอ้างว่าจะไปคุ้มครองในเมือง แต่กลับเอาไปเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง... ข้าจึงจำเป็นที่จะต้องผลัดเวรยามกันเอง เนื่องจากทหารที่อารักขาหมู่บ้านก็ถูกเรียกเข้าเมืองหลวงกันหมด..."

"ใครกัน..ใครเป็นคนสั่งการ..." อารุสสงสัย "ท่านถึงคิดว่าข้าเป็นคนทรยศเหมือนพวกนั้นสินะ." ฟอลเทน่าพยักหน้า "ใช่..ยิ่งพวกท่านบอกว่ามาจากในเมืองและยิ่งอ้างสัญลักษณ์ราชวงศ์ด้วย ข้าเลยคิดว่า..." "เป็นพวกแอบอ้างราชวงศ์มาหาผลประโยชน์สินะ" เซเลสเทียแทรกขึ้นมากลางคัน "ใช่ ฝ่าบาท" ฟอลเทน่ายอมรับและยิ้มเจื่อนๆ อารุสเห็นว่ายังไม่ได้คำตอบจึงถามอีกครั้ง "แล้วท่านรู้แผนการนี้ได้ยังไง แล้วใครเป็นคนสั่งให้นำกองทหารเข้าเมือง..."

"ลอร์ดฟอลคอน.. มันทรยศพวกเรา.!!" ฟอลเทน่าพูดอย่างกัดฟัน ..เซเลสเทียและอารุสตกตะลึงกับคำตอบที่ได้ยิน..

อีกทางด้านหนึ่ง.. ที่ปราสาทเทราบิเทีย..

เรมิเอลกำลังเดินสำรวจภายในปราสาท ตอนนี้กองกำลังของเขาได้เข้าตรึงทุกพื้นที่ของปราสาทเทราบิเทียไว้แล้ว และกำลังค้นหาผู้รอดชีวิตรวมถึงแม่ทัพซิกฟรีดด้วย รอบๆ เขาเดินเข้าไปในส่วนของห้องๆ หนึ่งที่เป็นห้องของเจ้าหญิงเซเลสเทีย. "ห้องนี้... ที่เซเลสเทียอยู่สินะ..." ชายหนุ่มนึกถึงวันแรกที่เขาปีนระเบียงขึ้นมาหาเจ้าหญิงเซเลสเทียและพบเธอกำลังนั่งเป่าขลุ่ยอยู่..

"เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าท่านก็ชอบเป่าขลุ่ย.." ชายหนุ่มพูดขึ้นทำเอาหญิงสาวหลุดจากภวังค์ "เรมิล... มาได้ยังไงเนี่ยะ.." เซเลสเทียรีบผลุดลุกขึ้นมาปิดม่านหน้าต่างและหันมาค้อนชายหนุ่มทันที "มาแบบนี้ข้าตกใจหมด อีกอย่าง มันอันตรายรู้ไหม... โทษของการบุกรุกปราสาทและห้องของข้ามันถึงกับต้องถูกประหารเลยนะ!!" เรมิเอลยิ้มๆ "ท่านเป็นห่วงข้าหรือ?" หญิงสาวหน้าแดงที่ได้ยิน และผลักหน้าอกชายหนุ่มอย่างแรง. "บ้าสิ... ข้าเพียงแต่ไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นวายต่างหากละ" ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงพูดต่อว่า "งั้น ..ข้าจะมาหาท่านผ่านทางประตูหน้าแน่ๆ และจะมาอย่างที่ท่านสบายใจด้วย... ท่านคอยดูนะ"

ชายหนุ่มมองดูกระจกบนโต๊ะเครื่องแป้งที่ตอนนี้กระจกแตกเป็นเสี่ยงๆ ไปด้วยแรงระเบิด เขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ และเปิดลิ้นชักดู พลันเขาก็พบกับสมุดบันทึกเล่มหนึ่งที่สภาพยังไม่ใหม้ไฟ ."นี่มัน!?...สมุดบันทึกของเซเลสเทียเหรอ..." เขาค่อยๆ หยิบเอามาและเปิดดู และเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่ามีดอกไม้แห้งดอกหนึ่งร่วงลงมา ซึ่งมันมีป้ายเล็กๆ ติดอยู่กับก้าน... ชายหนุ่มเมื่อเห็นก็จำได้ทันที... ดอกไม้นี้.. เมื่อวันเกิดของเธอในปีนั้น..

"นี่... ท่านว่าดอกไม้นี่สวยมั๊ย..." เรมิเอลยื่นดอกไม้ดอกหนึ่งที่เขาเด็ดมาจากสวนในอุทยานส่งให้เซเลสเทียขณะที่กำลังเดินเล่นด้วยกัน หญิงสาวมองอย่างสงสัย "ดอกไม้มันก็สวยอยู่แล้ว ไม่มีอะไรแปลกเลย...ข้าเห็นจนชินแล้วละ.." เซเลสเทียดูเหมือนจะเบื่อๆ เพราะเธอต้องอยู่ในปราสาทนี้ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดก็จะเห็นดอกไม้บานในอุทยานนี้อยู่แล้ว ชายหนุ่มเหมือนจะรู้ดึในคำตอบจึงยิ้มๆ และบอกว่า "ท่านก็อย่าไปคิดว่ามันน่าเบื่อสิ...ดอกไม้อยู่ที่ไหนมันก็คือดอกไม้นั่นแหละนะ...สิ่งที่สำคัญมันก็คือสิ่งนี้.. " เชาพูดพลางจับมือของหญิงสาวและค่อยๆ วางดอกไม้ลงบนฝ่ามือของเธออย่างทะนุถนอม.. "สิ่งที่สำคัญก็คือ... ท่านมองเห็นว่ามันสวยหรือเปล่า.. สำหรับข้า ท่านก็เหมือนดอกไม้ดอกนี้แหละ ไม่ว่าท่านจะอยู่ในปราสาท หรืออยู่นอกปราสาท เป็นเจ้าหญิงหรือเป็นคนธรรมดา ท่านก็ยังเป็นตัวของท่านเองเสมอ.. เหมือนกับตอนที่เราอยู่ที่มหาวิทยาลัยตอนนั้นไง..."

เซเลสเทียนิ่งไปและหน้าแดงด้วยความอาย.. "ข้ามีของขวัญจะให้..." ชายหนุ่มนึกขึ้นได้จึงล้วงมือไปหยิบสิ่งหนึ่งในย่าม. และส่งให้เธอ "นี่คือ?..เมล็ดพันธ์งั้นเหรอ.." เรมิเอลพยักหน้า.. "ถ้าท่านเบื่อที่จะเห็นดอกไม้เดิมๆ ท่านลองปลูกมันดูสิ.. " หญิงสาวคิ้วขมวด.. "มันจะต่างอะไรกับดอกไม้ใสอุทยานของข้าละ" ชายหนุ่มหัวเราะแหะๆ "เอาละ..ท่านลองหันหลังไปมองอุทยานด้านหลังท่านดีๆ สิ"

หญิงสาวประหลาดใจแต่ก็ทำตามชายหนุ่มบอก แต่เมื่อหันกลับมาก็พบกับดอกลาเวนเดอร์สีขาวนวลช่องหนึ่งอยุ่ตรงหน้าของเธอ "อุ้ย... นี่มัน...สวยจัง" หญิงสาวรับเอามาดูก็พบว่ามีป้ายชื่อเล็กๆ ผูกอยู่และเขียนไว้ว่า

"For now to eternity...but together forever..แม้ดอกไม้จะร่วงโรย แต่ความทรงจำจะคงอยู่นิรันดร์"

"ดอกไม้ช่อนี้...ข้าคิดว่ามันอาจร่วงโรยสักวัน แต่หากท่านอยากให้มันอยู่กับท่าน ท่านจงปลูกและเลี้ยงมันด้วยเมล็ดในมือท่านเถอะนะ และนั่นก็จะเหมือนเรื่องของเรา ถ้าท่านไม่ลืมเลือนข้า ช้าก็จะไม่ลืมเลือนท่านแน่นอน" เซเลสเทียเมื่อได้ยินเรมิเอลพูดเช่นนั้นก็โผเข้าไปกอดชายหนุ่มด้วยความดีใจทันที.. "ขอบคุณนะ...เรมิล.."

"อ้อมกอดนั้นข้ายังจำได้... และดอกไม้ดอกนี้.. ข้าก็ยังจำท่านได้เสมอ...เซเลสเทีย" เรมิเอลค่อยๆ เก็บดอกไม้มาใส่ไว้ในสมุดบันทีก และเก็บมันไว้ที่เดิม.. เมื่อเขาหันกลับมาก็พบว่าทหารกำลังวิ่งไปยังทิศทางหนึ่ง... "มีอะไรเกิดขึ้น" เรมิเอลถามทหารคนหนึ่งที่กำลังวิ่งผ่านไป ... ทหารคนนั้นหยุดวิ่งและทำความเคารพ "ท่านผุ้บัญชาการ ที่ท้องพระโรงครับ..!!"

ชายหนุ่มรีบวิ่งไปยังท้องพระโรง...และเขาก็พบกับอสูรตนหนึ่งที่นอนบาดเจ็บอยู่ "เราจับตัวมันไม่ได้เลยครับท่าน ..พวกเรากำลังล้อมเพื่อที่จะจับมัน..ก่อนที่มันจะฟื้นตัว" เรมิเอลเข้าไปดูใกล้ๆ เขารุ้สึกถึงความร้อนระอุในกายของมัน "เจ้านี่คงเป็นตัวที่ต่อสู้กับเราเมื่อเช้าสินะ...ดีละ เอาเครื่องผนึกอสูรมา..!!"

ในชณะนั้น เรมิเอลหันไปสบตากับอสูรแว่บหนึ่ง เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด... พลันทหารคนหนึ่งก็เข้ามารายงาน "ท่านผู้บัญชาการ ไม่พบร่องรอยผุ้รอดชีวิตเลยครับ.." "ไม่พบแม่ทัพซิกฟรีดเลยครับ" อีกคนหนึ่งก็เช้ามารายงานผลเช่นกัน ชายหนุ่มพยักหน้ารับทราบ "เอาละ กระจายกำลังตรึงปราสาทและเคลียร์พ้นที่ให้เรียบร้อย หลังจากผนึกอสูรนี้กลับยานเราจะต้องเตรียมตัวต้อนรับกษัตริย์องค์ใหม่แห่งเทราบิเทีย!"

เครื่องผนึกอสูรรูปร่างเหมือนปืนที่ติดกระบอกแก้วผลึกใสอยุ่ภายในมาถึงมือเรมิเอล ชายหนุ่มยกขึ้นเล็งไปทางอสูรที่นอนบาดเจ็บอยู่ ...1 2 3

"เปรี้ยง!!!!" ลำแสงสีทองพุ่งออกจากปลายกระบอกปืนตรงไปยังตัวอสูร "ก๊าซซซ" มันร้องด้วยความเจ็บปวด เรมิเอลกดปุ่มอีกครั้ง แล้วแสงก็ค่อยๆ พุ่งไหลย้อนกลับอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งดูดเอาตัวอสูรเข้ามาเก็บไว้ในผลึกในกระบอกแก้วในพริบตาเดียว!! ทหารที่เฝ้ามองอยู่รอบๆ ต่างตกตะลึงในอานุภาพของอาวุธนี้ยิ่งนัก...

"ต้องขอบคุณจักรวรรดิ์จักรกลและวิทยาการที่ทำให้เราจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดายจริงๆ " เสียงตบมือดังขึ้นจากด้านหน้าหลีงจากแสงดับลง ลอร์ดฟอลคอนนั่นเอง "ท่านมาทำอะไรที่นี่...ฟอลคอน.. หรือว่ามารำลึกบรรยากาศเก่าๆ" ชายชราหัวเราะ "หึๆ เปล่าเลย ...ข้าเป็นคนพาพวกทหารมาที่นี่ต่างหากละ... เพื่อที่จะได้ดูว่าท่านจะจัดการกับมันยังไง.." เรมิเอลแค่นหัวเราะเบาๆ "งั้นเหรอ... บ้านึกว่าท่านจะหลบอยู่ที่ไหนสักแห่งเสียอีก...เพราะถ้าไม่มีทหารของข้าท่านคงเสร็จอสูรตนนี้ไปแล้ว" ลอร์ดฟอลคอนหน้าเปลี่ยนสีเป้นสีแดงทันที "เจ้า!....เฮอะ..ดูถูกข้ามากไปแล้ว..." เรมิเอลยกมือตัดบท "เอาเถอะ..พอๆ ข้าหมดหน้าที่ของข้าแล้ว ต่อไปเป็นหน้าที่ของท่านแล้ว ที่จะต้องจัดการประเทศของท่านเอง...ในวันพรุ่งนี้จงเตรัยมตัวให้พร้อมละกัน... ข้าขอตัวละ"

หลังจากเรมิเอลจากไปแล้ว ลอร์ดฟอลคอนกำหมัดด้วยความโกรธแค้น "ไอ้เรมิเอล.... ทำกร่างไปเถอะ...ถือตัวว่าเป็นคนเก่งมือ 1 ของจักรวรรดิ์จักรกลเรอะ อีกไม่นานเจ้าก็จะหมดประโยชน์แล้วยังไม่รู้ตัว..หึหึ" ชายชรายิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม "เมื่อท่านผุ้นั้นมาถึง... เจ้าจะไม่มีอำนาจเหนือข้าอีกต่อไป..คอยดูเถอะ...เจ้าเด็กเมื่อวานซืน!!"


Create Date : 07 กรกฎาคม 2552
Last Update : 7 กรกฎาคม 2552 11:59:43 น. 0 comments
Counter : 187 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

The Prophet
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนบ๊องๆ คนหนึ่ง..
รักดนตรี เสียงเพลง
เตบอยากเป็นครูบ้านนอก
แต่ดันเป็นโปรแกรมเมอร์เมืองหลวง
ชอบใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ
ฝันอยากจะเป็นบาหหลวง
แต่ดันแอบหลงรักสาวอยุ่ร่ำไป
ใครๆ บอกว่าเป็นคนดี แต่ตัวเองบอกว่าคงไม่ดีเท่าไร
อย่างน้อยก็หน้าตาหละ...
แต่เห็นหน้าตาอย่างนี้ ก้อจบปรัชญาราม นะคร้าบบบ
Friends' blogs
[Add The Prophet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.