Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
19 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
สัมภาษณ์ ณฐพร เตมีรักษ์

น้องแต้ว













เพียงใจที่ผูกพัน เพียงใจที่ถวายความจงรักภักดี
เรื่อง/ภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
ตีพิมพ์ในนิตยสาร กุลสตรี ปักษ์หลัง พ.ค. 2553

เย็นวันหนึ่งในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน ที่ฝนตกหนักลงมาท่ามกลางความร้อนระอุ ณ บริเวณริมสระน้ำในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่ามกลางบรรยากาศฟ้าหลังฝนที่เย็นสบาย มีเสียงน้ำพุและเสียงนกขับกล่อมบรรยากาศ น้องแต้ว - ณฐพร เตมีรักษ์ สถาปนิกนักแสดงที่มีผลงานเรื่องล่าสุด “เพียงใจที่ผูกพัน” บอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตเธอ ในฐานะผู้รับบทบาทต่างๆมากมาย เป็นนักเรียน เป็นนักศึกษา เป็นนักแสดง และล่าสุด เป็นทูตมูลนิธิรักษ์ไทย “โครงการ 84 พรรษา 84 โรงเรียน”
ใคร อะไร ทำให้เธอเป็นวัยรุ่นที่มีคุณภาพถึงขนาดนี้ ติดตามได้จากคำบอกเล่าที่เริ่มตั้งแต่วัยเด็ก

ชีวิตวัยเด็กที่ “ซนบ้าง”
“คุณแม่แต้วเป็นสถาปนิก คุณพ่อเป็นทหารอากาศ แต้วเป็นเด็กเรียบร้อย เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ ด้วยความที่คุณแม่เป็นคนเรียบร้อย ก็จะสอนแต้วให้พูดเพราะๆ วางตัวให้เรียบร้อย แต้วพูดคะพูดขาตั้งแต่เข้าอนุบาล 1 แต่พอโตขึ้นมามีเพื่อนก็เริ่มซนบ้าง ซนที่สุดตอนสมัยไปอยู่บ้านคุณย่า มีการตั้งแก๊งกับบรรดาลูกพี่ลูกน้องด้วยนะคะ ขี่จักรยานเหมือนเล่มเกมลุยผ่านด่านต่างๆ เช่น ขี่เข้าไปในเตาเผากระถาง โชคดีไม่ติดอยู่ในนั้น มีการนอนค้างบ้างคนโน้นคนนี้แล้วก่อกองไฟ ร้องเพลงบ้าง คุยกันบ้าง แต้วมีฉายาด้วยนะคะ ถูกเรียกว่าหัวเหม่ง”
“แต้วว่าคุณพ่อใจดีกว่าคุณแม่นะคะ ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงก็จะสนิทกับคุณแม่ ทำให้คุณแม่ดูแลเรื่องระเบียบวินัยอย่างใกล้ชิด แต้วจึงรู้สึกว่าคุณแม่ดุ ในขณะที่คุณพ่ออยู่ห่างๆ ดูแลเรื่องรวมๆ จึงทำให้รู้สึกคุณพ่อใจดีกว่าคุณแม่ แต้วมีพี่สาวหนึ่งคน มีน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องอีกหนึ่งคน อยู่ด้วยกันมาแต่เด็ก สนิทกันมาก เรียกว่าเป็นสามใบเถา”
“สมัยประถมฯแต้วเรียนที่ โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์ อยู่แถวคลองจั่น ใกล้บ้านค่ะ อีกทั้งยังอยู่ระหว่างทางไปที่ทำงานคุณแม่ด้วย ท่านก็ขับรถไปส่งพร้อมกันสามคน เป็นโรงเรียนแคทอลิกค่ะ จึงต้องถักเปียให้เรียบร้อย แต้วตื่นสายบ่อย คุณจึงต้องจอดรถที่หน้าโรงเรียนเพื่อถักเปียให้ลูกๆ พอโตขึ้นมาถักเปียได้สามคนพี่น้องก็ถักให้กันและกัน มัธยมฯแต้วเรียนที่ โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) จากนั้นสอบเข้าเป็นนักศึกษาปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”

เคล็ดลับการเป็นดาราและนักศึกษา
“ช่วงก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยหนักหนาสาหัสมากค่ะ จากเด็กมัธยมฯแล้วต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับแต้ว เป็นตัวกำหนดชีวิตว่าเราจะเป็นอย่างไร ไปอยู่ที่ไหน ช่วงนั้นแต้วเพิ่งเข้าวงการด้วย ต้องไปแสดงละครตอนค่ำ พะวงว่าเพื่อนๆเขาอ่านหนังสือกันไปถึงไหนแล้ว ช่วงนั้นถึงขนาดต้องขอสถานีโทรทัศน์ว่าขอหยุดเพื่ออ่านหนังสือเตรียมก่อน จึงเต็มที่เลย”
“แต้วไม่ใช่คนที่ขยันอะไรมากมายนะคะ คิดว่าเหมือนเด็กทั่วๆไป ถ้าไม่จวนเจียนจริงๆก็จะไม่อ่านหนังสือ ไม่มีนะคะที่อ่านหนังสือล่วงหน้าหนึ่งเดือนก่อนสอบ มีความคิดว่าถ้าอ่านก่อนล่วงหน้านานๆมันจะไม่จำ อ่านใกล้ๆดีกว่า แต่วิธีนี้ต้องใช้การบริหารเวลาให้เป็นนะคะ แต้วอ่านหนังสือตั้งแต่สองทุ่มจนถึงตีสอง แต่ไม่ใช่คนเรียกเก่ง แต่แต้วบริหารเวลาเก่ง”
“ผลงานในวงการบันเทิงชิ้นแรกคือถ่ายโฆษณา ตอนนั้นแต้วไปเดินสวนลุมพินีกับคุณแม่ มีตัวแทนบริษัทโมเดลลิ่งเข้ามาแนะนำตัว ให้นามบัตรไว้ ตอนไปทดสอบหน้ากล้องครั้งแรกไม่ผ่านนะคะ เพราะแต้วเป็นคนไม่กล้าแสดงออก แต่บริษัทก็ให้โอกาส จึงมีการพัฒนา ค่อยๆเขยิบขึ้นจนได้เป็นตัวหลักในโฆษณา จากนั้นสถานีฯก็เรียกเข้าไปทดสอบการแสดง ละครโทรทัศน์เรื่องแรกในชีวิตคือ น่ารัก เป็นละครเกี่ยวชีวิตเด็กวัยรุ่น ส่วนละครหลังข่าวเรื่องแรกคือ ดงผู้ดี”
“แต้วไม่เคยคิดเลยนะคะว่าจะเป็นนักแสดงได้ เพราะตอนเป็นเด็กขี้อายมากค่ะ แต่พอได้ทำงานนี้แล้วรู้สึกดีค่ะ ทำให้แต้วมีประสบการณ์ในการทำงาน ทำให้มีทักษะในการปฏิสัมพันธ์ผู้คน และทำให้รู้จักบริหารเวลา ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก ยิ่งเรามีหน้าที่รับผิดชอบ เรายิ่งต้องแบ่งเวลาให้ดี”
“แต้วขออนุญาตแนะนำน้องๆวัยรุ่นนะคะ การเป็นวัยรุ่นที่มีคุณภาพต้องเริ่มจากเราคิดได้เองก่อน นอกจากนี้คือต้องรู้จักหน้าที่ของตน ยิ่งตอนนี้สื่อหลายสื่อทำให้วัยรุ่นมองข้ามหน้าที่ของตน ทำให้เราหลงใหลกับการแต่งตัว การฟังเพลง การดูหนัง ซึ่งช่วยให้เราผ่อนคลาย แต่ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด นอกจากนี้คือการแบ่งเวลาให้ดี แต้วเน้นเรื่องนี้มาก คนเรามีเวลาเท่ากัน แต่บางคนประสบความสำเร็จ บางคนไม่ เพราะแบ่งเวลาไม่เหมือนกัน”
“แต้วเองเคยมีปัญหาเรื่องการแบ่งเวลาเหมือนกัน ตอนเข้าจุฬาฯช่วงแรกๆเกรดเฉลี่ยตกมาก ปรับตัวไม่ทัน คือสมัยมัธยมฯจับกลุ่มกันเรียน ช่วยๆกันได้หลายเรื่อง เช่น ทำการบ้านไม่ทัน แต่มหาวิทยาลัยจะเน้นตัวบุคคล เราก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น เช่น ชั่วโมงการเรียนที่มากขึ้นกว่าสมัยมัธยมฯ งานที่ต้องทำส่งอาจารย์ก็มากขึ้น และต้องควบคุมตัวเองมากขึ้น แต่ไม่เครียดนะคะ เพราะเพื่อนๆในคณะจะช่วยเหลือกัน และมีกิจกรรมให้เฮฮาอยู่บ่อยๆ”

อัญเชิญตราพระเกี้ยว
ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 66 เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553 ที่ผ่านมา น้องแต้วได้รับเลือกเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยว เธอเล่าถึงหน้าที่นี้ด้วยความประทับใจ
“หน้าที่นี้มาจากกลุ่มตัวแทนนิสิต มีการคัดเลือกตัวแทนของนิสิตมหาวิทยาลัย โดยเลือกจากการยื่นใบสมัครด้วยตนเอง ขั้นตอนการคัดเลือกก็จริงจังมาก มีถึงสี่รอบ เริ่มจากพูดคุยเพื่อดูทัศนคติของเรา ขั้นที่สองคือสอบข้อเขียนเกี่ยวกับประวัติของมหาวิทยาลัย ขั้นตอนที่สามคือกิจกรรมกลุ่ม เพื่อดูว่าเราสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้หรือไม่ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้หรือไม่ มีความเป็นผู้นำหรือไม่ ขั้นตอนที่สี่คือสัมภาษณ์เดี่ยว ตอนนั้นตื่นเต้นมากเพราะไม่เคยเข้าประกวดอะไรมาก่อนเลย ตอนนั้นมีสิบสองคนที่เป็นตัวแทนกลุ่มนิสิต จากนั้นเลือกให้เหลือคนเดียว”
“แต้วคิดว่าคุณสมบัติที่ทำให้แต้วได้รับเลือกคือความเป็นตัวของตัวเอง ด้วยความไม่รู้ว่าจะนำเสนออย่างไร จึงตัดสินใจนำเสนออย่างเป็นตัวของตัวเองที่สุด เพราะสบายใจที่สุด และอยากให้คณะกรรมการยอมรับที่ความเป็นตัวของตัวเรา ช่วงนั้นเหนื่อยมากค่ะ คือหน้าที่รับผิดชอบไม่ได้มีแค่ในงานฟุตบอล ต้องบำเพ็ญประโยชน์ คิดโครงการช่วยเหลือน้องๆในต่างจังหวัด”

เพียงใจที่ถวายความจงรักภักดี
นอกจากผลงานด้านการเป็นนักแสดงแล้ว น้องแต้วยังทำงานเพื่อประเทศชาติอีกด้วย เธอกล่าวถึงงานนี้ด้วยน้ำเสียงและท่าทางภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
“รู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะที่ได้รับเลือกเป็นทูตมูลนิธิรักษ์ไทย และเป็นทูตของโครงการ 84 พรรษา 84 โรงเรียน ทำดีถวายในหลวง ที่ผ่านมาแต้วเคยมีโอกาสได้ช่วยงานด้านการศึกษา คือไปสร้างห้องสมุดให้โรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นโครงการในสมเด็จพระเทพฯ พอได้ไปเห็นแล้วก็รู้สึกว่าเรามีโอกาสมากกว่าเด็กที่อยู่ที่นั้น เพราะพวกเขาต้องเดินเท้าไปโรงเรียนซึ่งอยู่ไกลจากบ้านมาก แต่ยังมุมานะที่จะไปเรียนให้ได้”
“แต้วชอบโครงการนี้ตรงที่เด็กๆหรือคนในชุมชนมีโอกาสเสนอว่าต้องการพัฒนาชุมชนของตนเองด้านไหน แล้วเราจะสนับสนุนทุนให้เขา สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์กับความต้องการเขามากที่สุด ซึ่งจะทำให้ได้รับผลสูงสุดแก่ชุมชนนั้นๆ จึงอยากจะฝากโครงการนี้สำหรับประชาชนที่สนใจ ทั้งการช่วยเรื่องทุนทรัพย์ และการเป็นอาสาสมัคร แต้วในฐานะที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่อยากจะฝากน้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ ที่สนใจ คิดว่าปิดเทอมไม่รู้จะหาอะไรทำ แล้วเรามีจิตศรัทธาอยากจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”
“แต้วคิดว่าทุกคนมีเหตุผลของตัวเองว่าทำไมเรารักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำหรับแต้วเป็นเพราะทรงทำทุกๆอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่แค่ด้านเดียว แต่หลายด้านมาก ด้วยความที่ท่านทรงมีพระปรีชาสามารถเยอะ ได้เห็นถึงพระราชกรณียกิจหลายๆอย่างที่ช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะในถิ่นทุรกันดาร”

งาน ชีวิต และความคิดเห็น
ก่อนจากกัน น้องแต้วบอกเล่าผลงานการแสดงในปัจจุบัน การวางแผนชีวิต เรื่องของหัวใจ และความคิดเห็นที่มีต่อเรื่องต่างๆดังนี้
“ผลงานละครโทรทัศน์เรื่องล่าสุดคือ เพียงใจที่ผูกพัน ค่ะ ออกอากาศทางช่อง 3 ชีวิตช่วงนี้ก็เรียนไปแสดงละครไป ตอนนี้แต้วอยู่ปีสี่ แต่คณะนี้ต้องใช้เวลาเรียนถึงห้าปี ขอเรียนให้จบก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องเรียนต่อปริญญาโท ต้องดูว่าเกรดถึงหรือไม่ เพราะแต้วไม่ได้ตั้งเป้าว่าต้องได้เกียรตินิยมอะไรนะคะ คือเรียนอย่างมีความสุข ทำให้เต็มที่ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น”
“เรียนจบแล้วแต้วอยากทำงานเป็นสถาปนิกค่ะ เพราะว่าชอบ ชอบมาก แต่อาจไม่ได้ทำงานตรงกับที่เรียนมา หากเป็นเช่นนั้น ก็ต้องดูว่าเราสามารถปรับความรู้ที่เรียนมาในการทำงานได้มากน้อยเพียงใด”
“สถาปนิกที่แต้วชื่นชอบผลงานของเขามากที่สุดคือ ทาดาโอะ อันโดะ งานของเขาเรียบง่ายแต่แฝงด้วยแนวคิดต่างๆมากมาย คือไม่ต้องนำเสนอมาก แต่ผู้เห็นงานของเขาสามารถเห็นความคิดต่างๆด้วย”
เมื่อถามถึงความรัก เธอตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“คนเราต้องมีความรักใช่ไหมคะ คนเราต้องอยู่ด้วยความรัก รักพ่อ รักแม่ รักเพื่อน ...”
ฟังคำตอบแล้วผมรีบทำหน้าเบื่อก่อนโบกมือไปมา เพื่อบอกเธอว่าไม่ได้หมายถึงความรักแบบนั้น น้องแต้วจึงมีท่าทางเคอะเขินเล็กน้อยก่อนตอบอีกครั้ง
“ถ้าหมายถึงความรักแบบนั้นก็มีค่ะ มีแบบเน้นความเป็นเพื่อนน่ะค่ะ เพราะว่าตอนนี้เราก็เรียนอยู่ทั้งคู่ ก็คุยกัน ให้กำลังใจกัน ปรึกษากันเรื่องเรียนเรื่องงาน เป็นรุ่นพี่ค่ะ พี่เขาเป็นคนที่เราคุยด้วยแล้วสบายใจ เขาเรียนอยู่ต่างประเทศค่ะ คบกันแบบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ”
ท้ายสุด น้องแต้วจบการพูดคุยครั้งนี้ด้วยการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวงการบันเทิงและการเมือง
“วงการบันเทิงมีอะไรให้แต้วได้เรียนรู้อีกมาก แต้วว่าวงการบันเทิงของเรามีคุณภาพถึงขนาดขยับขยายไปต่างประเทศได้มากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ภาพยนตร์ไทยก็ไปต่างประเทศได้ ส่วนนักแสดงไทยก็เหมือนคนในสังคมคือมีดีและไม่ดี แต่ว่าเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล”
“การเมืองในในบ้านเราหรือคะ แหม ไม่อยากมีความคิดเห็นอะไรเลยค่ะ เครียด (หัวเราะ) แต้วว่าปัญหาทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องการยอมรับฟังความคิดเห็น เพราะไม่มีวันที่คนในสังคมจะคิดเห็นตรงกันหมด จึงน่าจะลงให้กันบ้าง เปิดใจให้กว้างกว่านี้ แต้วหมายรวมถึงการทำงานด้วยนะคะ นำความเห็นที่ต่างกันมาสังเคราะห์ให้ได้หลักการอะไรสักอย่างที่เป็นประโยชน์ ประเทศชาติจะได้ก้าวต่อไป”

โครงการ “84 พรรษา 84 โรงเรียน ทำดีถวายในหลวง” เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เจริญพระชนมายุ 84 พรรษา ในปี 2554 มูลนิธิรักษ์ไทย สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน จึงได้จัดโครงการ “84 พรรษา 84 โรงเรียน ทำดีถวายในหลวง” เพื่อโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ โดยเน้นหนักให้เด็กและเยาวชน รวมถึงประชาชนในชุมชนนั้นๆ ได้มีส่วนร่วมในงานพัฒนาด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ทางด้านสิ่งแวดล้อม การพัฒนาทักษะทางด้านวิชาชีพ ทักษะชีวิต การส่งเสริมการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน รวมถึงการพัฒนาห้องสมุดให้มีสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสมในแต่ละโรงเรียน โดยดำเนินการในโรงเรียนยากจนและด้อยโอกาสมากที่สุดของประเทศ อาทิ โรงเรียนในชุมชนชาวเขาภาคเหนือ โรงเรียนในจังหวัดติดชายแดนภาคอีสาน และโรงเรียนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวม 84 แห่งทั่วประเทศ ระยะเวลาโครงการ 2 ปี งบประมาณ 30 ล้านบาท ประธานคณะกรรมการการดำเนินงานคือ ศาสตราจารย์ นายแพทย์กระแส ชนะวงศ์ ประธาน มูลนิธิรักษ์ไทย




Create Date : 19 พฤษภาคม 2553
Last Update : 19 พฤษภาคม 2553 12:33:57 น. 1 comments
Counter : 17186 Pageviews.

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 19 พฤษภาคม 2553 เวลา:13:39:20 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

dejaboo44
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add dejaboo44's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.