Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2548
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
12 พฤษภาคม 2548
 
All Blogs
 
. . . เชียงใหม่ - เชียงราย - เชียงของ . . .

เราขับรถออกจากกรุงเทพขึ้นเหนืออีกครั้ง
จริงๆ จะว่าเป็นการไปเที่ยวก็คงไม่ทั้งหมด
แต่จะบอกว่าไปทำงานทำการก็คงไม่ใช่
ผมกับนายมะขวิดและเพื่อนผู้หญิงอีกสองคน
ตกลงกันที่จะนั่งหลังขดหลังแข็งในรถที่ขับไปเรื่อยๆ ....
ใช่ขับไปเรื่อยๆ ขึ้นไปเหนืออีกครั้ง

คืนแรกเรานอนพักกันที่ เชียงใหม่
แล้วพอตื่นเช้าแรกในเมืองเหนือ
ก็เข้าไปกราบองค์พระสิงห์พอเป็นศิริมงคล
ให้เดินทางราบรื่นปลอดภัย

และแล้ว....การกินมาราธอนและตะลอนกินก็เริ่มขึ้น
แค่จุดแรกของการ แวะ.... กาดวโรรส ...
สารพัดของกินหอบกันคนละเป็นกระสอบ
เผลอแผล่บเดียวรถก็แทบจะไม่มีที่นั่ง เพราะแน่นไปด้วยของกิน

Love At First Bite ... จุดที่สองที่เราแวะ
เพราะเป็นร้านเบเกอรี่ที่ผมภูมิใจเสนอสุดตัว ว่าอร่อยที่สุดแล้ว
ผลคือได้เค้ก พายอีกหลายก้อนมากองอยู่ในรถอีก
กะว่า เสบียงในรถทั้งหมดนี่คงกินกันไปเป็นเดือนๆ

เพื่อนรุ่นพี่ เค้าซื้อ พายฟักทอง ตุนมาเก็บไว้ชิ้นหนึ่ง
เค้าบอกว่าจะเอาเป็นตัวเทส ตัวเปรียบเทียบ ว่า พายฟักทอง ร้านไหนอร่อยสุด
เพราะพายฟักทอง... ทำให้อร่อยเนียนหอมซินเนม่อน....ไม่ค่อยมี

ออกจากเชียงใหม่เราเลยมุ่งตรงเข้าเชียงรายทางดยแม่สะเก็ด
และแน่นอนที่สุด.. ร้านแรกที่เราจะแวะ คือ ... สวนจริณ
แหะๆ... พายฟักทอง ... อีกแล้ว เอิ๊กๆ
แต่งงานนี้ที่ประชุมลมติเกฉันท์...เลิฟแอทเฟิร์สไบท์ อร่อยกว่าเยอะ ฮี่ๆ

:::::::

ตลอดเส้นทางเชียงใหม่ ดอยสะเก็ด แม่สรวย
เสี้ยวดอกขาวกำลับานสะพรั่ง ขาวสวยไประดับไปตลอดทาง
แถมมีแซมด้วยสีแดงของ งิ้ว คำแสด กาสะลองคำ
เหลืองฉูดฉาดของ คูณ ฝ้ายคำ เหลืองอินเดีย เหลืองปรีดิยาธร
นานๆ ก็มีสีม่วงๆ ขาว ของพวก จ่อล่อ ตะแบก เสลา อินทนิล
หรือสีขาวปนชมพูของกัลปพฤกษ์ พวกนั้นอีก
ตลอดทางป่าแทบนี้เลยมีสีสันที่ให้ตื่นตาตื่นใจตลอดทาง

แต่ที่นับว่าเป็นต้นที่เด่นที่สุด... คงไม่พ้น เจ้าดกสีชมพู ในรูป
ที่สวนจริณนั่นละ... ทั้งต้นเต็มพร่างพรูไปด้วยดอกสีชมพู
ทีแรกก็นึกว่าชมพูพันธ์ทิพ แต่พอมองใกล้ๆ มันก็ไม่ใช่
Dobby เคยบอกชื่อไว้เหมือนกัน แต่ก็ลืมไปซะแล้ว
เห็นว่าเป็นต้นไม้ที่นำเข้ามาจากเมืองนอก....แต่ก็สวยจริงๆ แหละ
น่าจะขยายพันธ์มาปลูกให้เต็มถนนหนทาง
เมืองไทยคงสวยน่าดู.... อิอิ





เด๋วมาเล่าต่อน๊าค๋าบบบบ


เชียงราย... เราเริ่มทำธุระกันตั้งแต่ที่ อำเภอพาน
และแน่นอนคงขาดไม่ได้ที่จะแวะไปเยี่ยมวัดร่องขุ่นอีกครั้ง
ท่าทางอีกสามสิบสี่สิบปี อาจารย์เฉลิมชัยคงจะทำวัดของแกเสร็จ
ผ่านมาทีไรก็เลยแวะมาให้กำลังใจแกหน่อย แหะๆ

เราหาที่เกส์ทเฮ้าส์เล็กๆ ไม่ไกลจากไนท์บาร์ซาร์เท่าไหร่พอเดินไปกันไหว
ถึงแม้จะเป็นปลายกุมภาที่กรงเทพก็ร้อนจนแทบตัวไหม้
แต่กลางคืนที่เชียงรายนี่อากาศยังเย็นจนหนาวเหมือนกัน

สีสันยามราตรีของเมืองเชียงรายไม่ได้ฉูดฉาดเท่าในเชียงใหม่
แต่ก็มีเสน่ห์ของตัวเค้าเอง น่าหลงใหลไปอีกแบบ

::::::::::::::

ตื่นเช้ามาที่เชียงราย .... ก็ไปกราบองค์พระเจ้าแก้วหยกเชียงราย
ไปดูสะดือเมืองบนยอดเขา ....

ตามาขวิดเจอลูกชายแสนนารักเค้าให้แล้ว
หลงกันเลยละตัวนี้..... เอาขนมให้กิน เสร็จก็เดินไปไหว้พระ

ยังไม่ทันไร ได้ยินเสียง ร้องเอ๋ง ลั่นวัด ลั่นเขา...
เจ้าตัวใหญ่มาแง่งแย่งของกินไปซะแล้ว
เห้อ .. ทุกขลาภ จริงๆ.. ต้องโทษตามะขวิดแหละ
น้องหมาเลยโดนกัดเลย เหอเหอ[/color]



เสบียง...ที่สุมพะเนินจนล้นรถแทบจะไม่มีที่นั่ง
ยังไม่มีวี่แววจะร่อยหรอ
ผลคือ..ขนมปังถุงมหึมาที่หอบหิ้วมาจากกรุงเทพ
ถูกส่งไปให้ เจ้าเต่าปลาที่วัดพระแก้ว ไปกันเต็มอิ่ม
แบบว่า..แหะๆ รถจะได้มีที่ว่างไว้ใส่เสบียงอันใหม่อ่ะนะ อิอิ

หลังจากจัดการธุระอันน้อยนิด ที่เป็นเหตุให้ต้องมาเชียงราย
จริงๆ จัดการธุระไม่กี่นาที..แต่ทริปนี้ล่อเข้าไปห้าวันสี่คืน เหอเหอ
แต่ก็ดี..อิอิ ...ทำให้ได้เที่ยวด้วยแหละ

ขับรถออกจากตัวเมืองเลาะขึ้นเหนือไปทางแม่จัน
เห็ดเผาะลวก กับ น้ำพริกหนุ่มแคปหมู .. โอ๊ยกินกันตั้งแต่ล้อเริ่มหมุน
กินไป น้ำจากเห็ดเผาะก็แตกกระจาย ฮ่าๆ เรียกเสียงหัวเราะกันได้ไม่ขาดสาย
ทริปนี้เอนจอยอิทติ้งจริงๆ อีทติ้งแบบเอนจอยได้อีกตะหาก หิหิ

ดอยดินแดง...แวะดูเครื่องปั้นดินเผาหน่อย
แล้วก็เข้าไปที่ศูนย์ชาวเขา ... กะเหรี่ยงคอยาว

ที่นี่ก็ดีนะ.. รวบรวมชาวเขาหลายชนเผา มาไว้ให้ดูที่เดียวกันเลย
ไม่ต้องตะเวณไปตามเขาหลายๆลูกๆ แต่ละลูกก็ห่างกันหลายกิโลแม้วอยู่ด้วย
ทางศูนย์จัดที่ทางเป็นหมู่บ้าน ให้ชาวเขาใช้ชีวิตตามวิถีทางของพวกเค้าเอง
แล้วแต่วัฒนธรรมความเชื่อของเผ่าแต่ละเผ่า
มีการแสดงของแต่ละบ้านให้ดูด้วย พวกเค้าก็หวังรายได้จากค่าทิปนี่ด้วยแหละ
ลองไปเลียบๆ เคียงๆ พูดจาภาษาเดะดอยจายดี
คุยไปคุยมา..ไม่รู้ใครเป็นกะเหรี่ยงกันแน่
ทั้งกะเหรี่ยงคอยาว...กับ กะเหรี่ยงคอสั้น จากบางกอก 5555






ดอยแม่สลอง.... ห้องพักพร้อมแอร์คืนละ 1,000 ต่อได้เหลือ 800
....ตกลงโอเคจองเรียบร้อยแต่ยังไม่ได้จ่ายตัง
พอขับมาอีกหน่อยเจอกระท่อมปีกไม้ริมไร่ชา...กรี๊ดสลบ เก๋กู๊ดมาก
คืนละ 900 ... น้องๆ พนักงานก็หล่อน่ารักขี้เล่น... เน้นว่าหล่อนี่ละ อิอิ
เลยหักหลังอันแรกที่จองไว้... แอบหนีมาอยู่นี่เลย 555

ผลกรรมมีจริง... เสร่อไม่ดูตามาตาเรือ
ไอ้ที่คืนละ 900 ดันไม่มีแอร์ครับ ก๋ากๆๆ...เสร่อมากๆๆๆ
800 มีแอร์น้ำอุ่นพร้อมไม่เอา มาเอา 900 พัดลม เหอเหอ
นี่ละน๊า... เพราะเดะดอยจายดีมีเสน่ห์นั่นละ เอิ๊กๆ

จริงๆ ที่ไม่เอาที่แรกที่จองไว้ ..เพราะว่าเคยมาพักแล้วครั้งนึง
แหะๆ... ครั้งนั้นที่จำได้...เจอซัมติงรอง ตอนดึกๆ นิดหน่อย
แบบว่า... ปิดไฟห้องนอนแล้ว จู่ๆ มันก็สว่างขึ้นมาเองได้
แหะๆ คิดซะว่าไฟช๊อตดีกว่า คิดว่าเป็นอย่างอื่นอะเน๊าะ เหอเหอ

แต่.... ที่ใหม่กระท่อมปีกไม้ริมไร่ชาก็ใช่เล่น
นอนๆ อยู่ตีสองตีสามได้แล้วมั้ง
ได้ยินเสียงแกรกๆ..แกรกๆ ... คล้ายๆ คนมาเคาะประตู
ทีแรกงัวเงียตื่นมา..ก็นึกว่า เพื่อนมาเคาะประตู
คิดครั้งที่สอง...เพื่อนเราคงไม่ตื่นมาเงียบๆ แบบนี้
คิดครั้งที่สาม...ขโมยหรือเปล่าหว่า
คิดครั้งที่สี่... เสียงมันอยู่ในห้องนะ.. ไม่ได้อยู่ข้างนอก !!

เอาละดิ... ตอนนั้นยังไม่ทันคิดอะไรต่อ อารามตกใจ..เปิดไฟพรึ่บ
กรี๊ดดดดดด..... ช๊อคคคคคค
เสียงโวยวายทำเอาตื่นกันทั้งรีสอร์ต
ไม่ใช่ ดิอาย คนเห็นผีสิบ หรอกนะ ...แหะๆ...
หนู...หนู อะคับ ตัวบักเอ้บเร้ยยยย สยองมาก 5555

นี่ละน๊า... กรรมของการไปหักหลังรีสอร์ตที่แรก
จองเค้าไว้แล้วไม่เอา เหอเหอ



จากแม่สลอง...
เราขับรถตรงเข้าเมืองเก่าชียงแสน
แล้วเลาะเลียบลำน้ำโขงลงมาที่ ...เชียงของ

ตลอดสองข้างทาง...ผืนดินผืนนาแห้งแล้งแตกระแหงไปหมด
ป่าเขาก็โดนไปลามเล็มจนเป็นตอแห้งยืนต้นตาย
น้ำโขง.. สายเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คน 6 ประเทศ
ตอนนี้ก็แห้งจนเห็นเกาะแก่ง สันทราย กลางลำน้ำเต็มไปหมด
ทำให้คิดถึงบทกลอนของ "นายผี - อัศนี พลจันทร์"


"ตลิ่งของสองข้างทางน้ำของ
แม้ยืนมองดูยังคอตั้งบ่า
เขาหาบน้ำตามขั้นบันไดมา
แต่ตีนท่าลื่นลู่ดังถูเทียน

เหงื่อที่กายไหลโทรมลงโลมร่าง
แต่ละย่างตีนยันสั่นถึงเศียร
อันความทุกข์มากมายหลายเล่มเกวียน
ก็วนเวียนอยู่กับของสองฝั่งเอยฯ"


กลอนบทนี้เป็นเหมือนมหากาพย์แห่งลำน้ำโขงได้เลยนะนั่น
นี่ขนาดเขื่อนลานช้างเจียง ที่จีนยังไม่ได้ปิดน้ำโขงทั้งหมด
สายเลือดน้ำโขงยังแห้งลงขนาดนี้
นี่ถ้าเขื่อนนี้เสร็จเมื่อไหร่.... ก็ไม่รู้ว่าน้ำโขงจะแห้งลงขนาดไหน
ชีวิตผู้คนสองฝั่งโขงจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร...





ตำมิละ ... เราเลือกพักที่เกส์ทเฮ้าส์น่ารักๆ ริมน้ำของ
เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ตำมิละ เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า กะเหรี่ยง นี่เอง
พอเราเช่าห้อง ก็จะเปิดสมุดให้เราไว้หน้าหนึ่ง
ใครจะกินอะไรในตู้แช่ก็หยิบเอง บริการตัวเอง...แล้วก็มาจดลงบัญชีไว้เอง
แบบว่า ซื้อสัตย์ เชื่อใจลูกค้ามากๆ เหอเหอ

จากที่พัก.. จะเห็นฝั่งลาวชัด เห็นคุ้งน้ำที่โค้งลัดเลาะไปตามไหล่เขา
บ่อยครั้งที่เสียงหัวเราะ เสียงเพลง เสียงโวยวายเอะอะ จากฝั่งลาว
ลอยเอื่อยตามลมข้ามล้ำน้ำโขงมาให้ได้ยินเป็นระยะระยะ

::::::

ตอนเย็นๆ ... พวกเราไปเที่ยวหาดทรายที่ท่าจับปลาบึก
เด็กๆ เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน พรานปลาออกลงแหหาปลา
บางคนก็เดินเก็บ ตะไคร่น้ำโขง ...เอามาแห้งกินอร่อยมากกกกกกก ชอบๆ
ทางฝั่งลาวเค้าจะเรียกว่า "ไคน้ำ" ทำแห้งแล้วมาทอดกรอบๆ จิ้มกับแจ่วบอง แซ่บนักแล

ถึงแม้อากาศจะร้อนแดดจะแรงมากๆ
แต่น้ำในแม่น้ำโขงกลับเย็นยะเยือกยังกับน้ำแข็ง
แค่ปลายเท้าแตะลงไปความเย็นก็ทำให้ตัวชาไปทั้งตัว
พอกระโดดขึ้นมายืนบนผืนทราย
ความร้อนจากทรายก็ทำให้น้ำที่ติดอยู่ปลายเท้าละเหยเป็นไอได้เลย

เห็นเด็กๆ กลุ่มใหญ่กำลังขุดทราย คุ้ยกันน่าสนุก
พวกเราเลยเดินเข้าไปใกล้ แบบว่า อยากแย่งเด็กเล่น 555
แต่แล้ว ... สิ่งที่เราเห็น ว่าเด็กๆ พวกนั้นกำลังเล่นอะไรกันอยู่ก็ทำให้พวกเราถึงกับช๊อค

ลูกนก.....ลูกนกตัวเล็กๆ 4 ตัว ถูกจับหมกฝังลงไปในทรายร้อนๆ .. ทั้งเป็น !!
คนหนึ่งซ่อน... ที่เหลือช่วยกันคุ้ยหา ... หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
โห.... ลูกนกกระจ้อยตัวนิดเดียว
โดนพวกทะโมนพวกนี้ไปขโมยมาจากรังบนเกาะฝั่งลาวกลางลำน้ำโขง
พวกเราเลยโวยวาย ช่วยกันขุดหากันยกใหญ่
ผลคือ... พบลูกนกตัวเท่าหัวแม่มือสองตัว ตัวสั่นงันงก จะตายไม่ตายแหร่
เจอแค่สอง... อีกสองที่เหลือหาไม่เจอเสียแล้ว


จากนั้น.. ชีวิตของพวกเราก็เปลี่ยนไป....
จากที่เคยเที่ยวเล่นบ้าบอกันสนุกสนาน
ตอนนี้.. ต้องแบ่งหน้าที่กัน คอยป้อนน้ำ ป้อนอาหารลูกนก
สะบักสะบอมซะขนาดนั้นจะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้
กินก็ยาก... เดือดร้อนต้องออกไล่จับตั๊กแตนเป็นๆ มาให้มันกินอีกนะ
เวรกรรม ช่วยนกสองตัวต้องไปขี่ช้างไล่จับตั๊กแตนกันอีก
ไม่ไหวละ... จับตั๊กแตนแบบนี้ คนไล่จับตายก่อน

ไอเดียใหม่แล่นเข้ามา.... รีบบึ่งรถไปตลาดสด
แหะๆ.... ซื้อ "รถด่วน" สดๆ เป็นๆ มาจากตลาด 1 กระบอก อิอิ
กระบอกไม้ไผ่สีเขียว พอเปิดจุกใบไม้ที่ปิดปากออก
หนอนตัวขาวๆ ก็ไต่กันยุบยับ ... เอ่อ จะบอกว่า "น่ากิน" จะผิดมั้ยเนี๊ยะ
แต่แหะๆ .. นะ.. รถด่วนตัวขาวๆ ถ้าทอดกรอบๆ ใหม่ๆ นี่อร่อยจริงๆ นา ...อิอิ





ดวงอาทิตย์ กำลังเริ่มทอแสงขึ้นจากฝั่งลาว
สะท้อนแสงสีทองลงกระทบกับสายน้ำโขงยามเช้า
วิถีชีวิตของสองฝั่งของเริ่มต้นวันใหม่อีกครั้ง

เจ้าลูกนกสองตัวนั่น เมื่อคืนร้องกวนทั้งคืน
คงจะหิวข้าวหิวน้ำที่อดมานาน
คงจะคิดถึงไออุ่นของแม่ที่เคยกกนอน
แต่พวกเราก็พยายามให้ความอุ่นเท่าที่จะทำได้

พวกเราตื่นกันแต่เช้า ... ตั้งใจว่าจะไปใส่บาตร
แต่แสงของดวงอาทิตย์ที่ฉายแสงแดงกลม
สวยจนพวกเราแต่ละคนหามุมถ่ายรูป
จนตะวันหนีพ้นยอดไม้ขึ้นไปสูง
รู้ตัวอีกที....ป่านนี้... พระกลับวัดหมดแล้วมั้งอดใส่บาตรกันพอดี

ก็ไม่เป็นไร ยังไงก็ต้องไปตลาดเช้าหาของกินอยู่ดี
พอไปถึงตลาดก็ซื้อของกินคนละนิดละหน่อย
แล้วก็เลยถามแม่ค้าที่นั่นว่า... แถวนี้มีวัดหรือเปล่า จะไปทำบุญ
แม่ค้าก็ใจดีบอกกลับมาว่า..
"แถวนี้ไม่มีวัดหรอก แต่มีพระธุดงค์มาปักกลดอยู่ที่ป่าช้าหลังตลาดนี่เอง"

โชคดีเป็นของเรา ดีใจจังจะได้ทำบุญ
พวกเราเลยซื้อกับข้าว ขนม คนละนิดคนละหน่อย จะเอาไปถวายพระที่ป่าช้า

ก็คิดว่าจะธุดงค์กันมาแค่รูปสองรูป...
ที่ไหนได้... พอถึงป่าช้าเราก็ถึงกับอึ้ง
พระสงฆ์ในกริยาสำรวมเรียบร้อยนั่งเรียงตามลำดับพรรษาอย่างเป็นระเบียบ
กำลังเริ่มฉันภัตตาหารที่อยู่ในบาตรตรงหน้า
เราก็เลยเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะเข้าไปถวายยังไงดี เพราะท่านก็เริ่มฉันไปแล้ว
แถมของที่เตรียมมาก็ไม่ครบจำนวนรูปพระที่นั่งกันอยู่

แต่หลวงพ่อองค์หัวหน้า ก็คงเดาพวกเราได้
เลยกวักมือเรียกให้เข้าไปถวายที่ท่าน
เราก็ถวายกันหมดที่เราซื้อมาแหละ ข้าวอาหารคนละสองสามอย่าง
ถวายเสร็จก็รับพร.... แล้วก็ตั้งท่าจะลากลับเลย

แต่ที่ไหนได้......
หลวงพ่อท่านก็ยื่น ขนมปังมาให้เราถุงหนึ่ง
"เอาไปกินซะนะ คิดเสียว่าเป็นข้าวก้นบาตร"
เราก็งงๆ แต่ก็รับไว้ ... แล้วก็กราบลาท่าน

แต่แล้ว...
พระรูปอื่นๆ ที่นั่งเรียงๆ กันไป ...ก็พากันกวักมือเรียกกันยกใหญ่
ตายละ... พระสิบกว่ารูปพากันยื่นถุงอาหาร ถุงขนม ผลไม้ มาให้พวกเรา
แค่รูปละถุงนี่... เราก็ต้องหอบอาหารกลับไป สิบกว่าถุงเลยนะนั่น

"เอ่อ... หลวงพ่อครับ... ผมถวายนิดเดียว.. แต่นี่ได้กลับมาเยอะกว่าอีกนะครับ"
ผมอ้ำๆอึ้งๆ ที่จะตอบปฏิเสธ ของที่หลวงพ่อ หลวงพี่ หยิบยื่นมาให้
ภาพแบบนี้....ยอมรับว่าทำบุญมาหลายวัด ก็เพิ่งจะได้เห็นนี่ละ

"รับไปเถอะโยม... ผู้ที่ให้ของเลิศ ย่อมได้ของเลิศกลับไป"

นี่คือ..สิ่งที่ดีที่สุดของทริปนี้ของพวกเรา ก็ว่าได้เลยละ
พวกเรากราบลาหลวงพ่อทั้งหมด อย่างซาบซึ้ง อิ่มเอิบ
ก่อนจะเริ่มออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ขามาเรามากันสี่คน...แต่ขากลับ... เรากลับกัน 6 ...
รวมเจ้าลูกนกตัวจ้อยนั่นอีกสองตัว
พร้อมกับความรู้สึกดีๆ อีกมากมาย
















































Create Date : 12 พฤษภาคม 2548
Last Update : 12 พฤษภาคม 2548 11:38:39 น. 2 comments
Counter : 842 Pageviews.

 
แบบว่าประทับใจมากเลยพี่ พลอยติดตามมานานแล้ว ไปแอ่วเหนือบ่อยๆ นะ ชอบมาก


โดย: พลอย IP: 125.26.178.225 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:15:19:50 น.  

 
สุดยอดครับนี่แหละเชียงรายดินแดนแห่งขุนเขา ทะเลหมอก ดอกไม้งาม สาวสวย เหนือสุดแดนสยาม จนใครหลายๆคนยกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในเมืองไทย


โดย: Royter วันที่: 7 มกราคม 2554 เวลา:21:46:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ครีเอถีบ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ถีบฟรี!!!!

Friends' blogs
[Add ครีเอถีบ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.