รอยตราพิศวาส ตอนที่ 3 part 2
ยายสรวงได้เข้าประชุมกับผู้บริหารล่ะเธอ แก้วเก้าเล่าถึงประเด็นเด็ดที่เธอรู้มา เขาบอกว่าท่านประธานชมเขาว่าทำงานเก่งคล่องให้ทำหน้าที่เลขาของการประชุมโอ้ย เขานะดีใจจนเนื้อเต้นทีเดียวเมื่อวานก็พูดอยู่ไม่รู้กี่รอบ เมื่อคืนก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับแถมแต่งตัวเสียสวยเนี้ยบ
เรื่องนี้สิริญรู้อยู่แล้วเพราะต้องคอยประสานงานในการประชุมสรวงสุดาเชิดใส่เธอชนิดที่เห็นได้จากระยะร้อยเมตรจากที่ปกติก็มักปรายตาเหยียดๆมาเป็นประจำอยู่แล้วสิริญไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะเหตุใดสรวงสุดาจึงมักวางตัวเหนือผู้อื่นเสมอโดยเฉพาะผู้หญิงด้วยกันเรื่องที่เธอเรียนมาสูงจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยปิดชื่อดังนั้นก็เป็นสิ่งควรภาคภูมิใจอยู่หรอกแต่ก็ไม่เห็นจะต้องประเมินค่าคนอื่นต่ำกว่าตัวถึงเพียงนั้น
สิริญจบจากมหาวิทยาลัยเล็กๆซึ่งเปิดรับนักศึกษาจำนวนมากจริงอยู่มาตรฐานในการเรียนการสอนอาจจะหย่อนไปบ้าง เนื่องจากจำนวนนักศึกษาต่อห้องเรียนมีมากอีกทั้งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่พลาดหวังจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปิดอื่นๆมาแล้วทั้งนั้นแต่บัณฑิตที่จบจากที่นี่ก็ได้ชื่อว่าสู้งานอ่อนน้อมถ่อมตนและเป็นผู้ปฏิบัติงานที่ดีเยี่ยม
ส่วนของเจิมขวัญนั้นก็จบจากมหาวิทยาลัยเปิดชื่อดังเนื่องจากต้องทำงานเลี้ยงแม่เลี้ยงน้องทำให้ไม่สามารถเข้าเรียนเต็มเวลาที่เปิดสอนปกติได้ซึ่งสิริญก็เห็นว่าต้องมีความรับผิดชอบอย่างสูงจึงจะเรียนจบได้ปริญญาสถานศึกษาแต่ละแห่งก็ล้วนแต่มีดีมีด้อยต่างกันไม่เห็นจะต้องใช้วัดคุณภาพของคนถึงขนาดนี้
อีกเรื่องหนึ่งคือสรวงสุดาเป็นคนประเภทที่จะทำอะไรต้องสมบูรณ์ซึ่งก็เหมาะดีกับงานที่ได้รับผิดชอบแต่เธอดันใช้มาตรฐานนี้กับทุกเรื่องรวมไปถึงการใช้ชีวิตด้วย
มีคนมาจีบเขาตั้งหลายคนแต่เขาน่ะเลือกมากนั่นก็ไม่ดีนี่ก็ไม่ได้รอหาผู้ชายพร้อมสมบูรณ์แบบแก้วเก้าเคยพูดถึงสรวงสุดาไว้ครั้งหนึ่ง ซึ่งสิริญก็เห็นด้วย มีชายหนุ่มทั้งในบริษัทและจากสำนักงานใหญ่เมียงมองสรวงสุดาไม่ขาดสายแต่พอได้รู้จักหรือคบหาไปสักพักกลับหายหน้าหายตาไป
เขาบอกด้วยนะว่าท่านประธานจีบเขา เสียงกระซิบของแก้วเก้าเรียกเสียงครางฮืออย่างไม่เชื่อหูมาจากเจิมขวัญแต่สิริญนั้นเพียงแค่ชะงักไปด้วยความประหลาดใจ
คิดไปเองหรือเปล่ายายผีดิบขั้วโลก เจิมขวัญซึ่งก็ไม่ได้ชอบหน้าสรวงสุดานักร้องค้านขึ้น
ไม่รู้ เขาพูดเป็นตุเป็นตะเลยนะบอกว่าท่านประธานเรียกเขาคุยหลังเลิกงานแถมยังย้ำนักย้ำหนาให้เข้าประชุมวันนี้ให้ได้เหมือนเขาเป็นคนสำคัญ ชมแต่ว่าท่านดีอย่างนั้นอย่างนี้ฉันน่ะนั่งฟังจนหูชา แก้วเก้านั้นอาศัยนั่งรถมากับสรวงสุดาเนื่องจากมารดาฝากฝังให้มาด้วยกันนี่ก็เป็นเหตุหนึ่งที่หญิงสาวอยู่ในสภาพน้ำท่วมปากยามที่สรวงสุดากดเธอไว้ใช้งาน
นี่แต่ฉันน่ะไปหาข้อมูลมาแล้วนะ ท่านประธานน่ะเป็นหนุ่มไฮโซเนื้อหอมเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศไม่นานนี้เองตามข่าวสังคมยังไม่ค่อยลงเท่าไรแต่อีกไม่นานหรอกเธอ รับรองดังกว่าดาราเสียอีก
ยังโสดเหรอ เจิมขวัญถามขึ้น เธอมีเพื่อนชายอยู่แล้วแต่ที่ถามนั้นเพียงเพราะยังค้างคาใจเรื่องของสรวงสุดา
โสดสิจ้ะ โสดสนิท แต่เอยังหนุ่มแน่นหล่อๆแบบนี้แถมคุณสมบัติเริ่ด ฉันว่าไม่น่ารอดนะเธอคงมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วล่ะ ยายสรวงคิดเข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่า
โฮ้ยได้ยินมานักต่อนักแล้วล่ะพวกไฮโซรวยๆ ดูแต่ลูกเจ้าของโรงแรมนั่นสิ เจิมขวัญเบ้ปากเอ่ยชื่อหนุ่มหนึ่งที่มีข่าวตามหน้าบันเทิงแทบไม่เว้นแต่ละวัน
หน้ายังกะแมวป่วยยังจีบดาราติดเลยคิดดู จะอะไรเสียอีกถ้าไม่ใช่เงิน เงิน เงิน เธอปิดปากหัวเราะกับแก้วเก้า
ต่อให้เขาเล่นด้วยนะ คนอย่างยายสรวงหรืออย่างเราๆคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าไม่มีชาติตระกูลสมบัติมั่งคั่งเท่าเทียมกันคงมีหวังถูกหลอกกินฟรีไม่เกินเดือนก็โดนเขี่ยทิ้ง
สิริญถึงกับสะอึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นมาอย่างประหลาดคำพูดคะนองปากของสองสาวกลับไปตรงกับความเป็นจริงอย่างคาดไม่ถึง กรีดหัวใจให้เปิดออกมาอีกทั้งที่เธอเย็บแผลปิดไว้แล้วตั้งแต่ห้าปีก่อนหญิงสาวพาลอิ่มอาหารเอาดื้อๆด้วยรู้สึกตื้อจนกินไม่ลงอีก
อ้าวอิ่มแล้วเหรอโบว์กินน้อยจัง
อิ่มแล้วจ้ะโบว์ไปซื้อข้าวให้สรวงก่อนก็แล้วกัน คุยต่อเถอะเดี๋ยวมา
อะไรกัน นี่ยายสรวงฝากซื้ออีกแล้วเหรอที่ไหน เจิมขวัญเสียงเขียว เธอไม่ชอบคนเอาเปรียบกินแรง สรวงสุดาไม่ยอมใช้แม่บ้านของบริษัทซึ่งปกติมักจะรับรายการอาหารจากพนักงานไปส่งให้ที่ร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำซึ่งจะนำอาหารมาส่งให้ในเวลาพักกลางวันหรือตอนเย็น เธออ้างว่าอาหารจากร้านนั้นไม่ถูกปากอีกทั้งแม่บ้านก็ไม่มีความรู้สั่งอาหารอย่างที่เธอต้องการไม่เป็น
ร้านดีไซน์
ดีเหมือนกัน โบว์ไปก่อน ขืนรอไปพร้อมกันคงอีกนาน แก้วเก้ารีบชิงบอกและชวนเจิมขวัญคุยต่อ
เป็นฉันนะจะบอกว่าคนเยอะรอซื้อไม่ไหวปล่อยให้หิวตายเสียให้เข็ด ขี้เกียจล่ะสิไม่ว่า แดดร้อนออกเปรี้ยงตัวเองไม่อยากลำบากเดินนั่งกระดิกเท้ารอสบายๆ
ไม่เป็นไร โบว์ไปได้ มีประชุมอีกทีบ่ายสองนี่เพิ่งเที่ยงครึ่งเอง สิริญบอกก่อนจะขอตัวออกมาเสีย
เธอเดินไปเรื่อยๆใจก็คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบริษัทเมื่อเช้านี้สิริญคอยทำหน้าที่ประสานงานจะพูดให้ถูกก็คือคอยรับใช้ทั่วไป ซึ่งเป็นหน้าที่เดิมที่สรวงสุดาทำในการประชุมใหญ่เมื่อวานคราวนี้สรวงสุดาทำหน้าที่บันทึกการประชุมเธอนั่งเชิดหน้าชูคออย่างที่แก้วเก้านินทาจริงๆแถมยังเรียกใช้สิริญแทบทุกอย่างตั้งแต่เอาน้ำร้อนมาเพิ่มไปเอาปากกากระดาษมาเพิ่มหรือให้หาเครื่องบันทึกเสียงมาเตรียมสำรองไว้เล่นเอาสิริญวิ่งจนขาขวิด การประชุมค่อนข้างตึงเครียดทีเดียวนายบัญชาคงถูกซักไซ้อะไรบางอย่างที่ทำเอาเขาต้องยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่ออยู่บ่อยครั้งส่วนคุณลัดดาและคุณลาวัลย์นั้นยังมีสีหน้าเรียบเฉยเป็นปกติมีคนนอกมาประชุมด้วยอีกสองคนได้ยินว่าเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีและตัวแทนจากสำนักงานใหญ่สิริญไม่รู้รายละเอียดของการประชุมนักเพราะต้องตั้งสติกับหน้าที่ของตนเอง
จอมทัพไม่ได้ปรายตามองเธอแม้แต่น้อยเขาไม่ทักทายไม่พูดถึงราวกับสิริญเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีตัวตนอยู่ในห้องสิริญพยายามบอกตัวเองว่าเธอควรสบายใจที่เขามีท่าทีแบบนี้แต่ในส่วนลึกก็อดเจ็บแปลบไม่ได้ ความเจ็บนั้นถูกข่มไว้ด้วยความโกรธ
เธอควรต้องโกรธเขา ก็เขาต่างหากที่เป็นคนตีตัวออกห่างและหายไปจากชีวิตเสียดื้อๆหลังจากได้ดื่มกินเลือดเนื้อวัยสาวของเธอไปจนหมดจอมทัพเป็นปีศาจร้าย เขาเป็นพรานล่าสวาทที่คอยมองหาเหยื่อเป็นหญิงสาวไม่รู้ประสา ยิ่งอ่อนต่อโลกเขาก็ยิ่งชอบสิริญเผลอเม้มปากแน่นอย่างไม่พอใจ เธอควรต้องเกลียดเขาไม่ใช่เจ็บปวดโหยหาอยู่แบบนี้
เชิญนั่งรอสักครู่นะครับ พนักงานรับรายการอาหารจากเธอแล้วแต่เนื่องจากวันนี้คนค่อนข้างแน่นจึงต้องรออาหารอีกพักใหญ่
สิริญมองหาที่นั่งแต่คนก็นั่งกันเต็มทุกโต๊ะ เธอกวาดตามองไปมาก็บังเอิญให้สบตากับสายตาคู่หนึ่งจากมุมเกือบในสุดของร้านอาหารดวงตาคมที่เธอคุ้นเคยดีเพราะหลายปีก่อนมเคยจับจ้องมองสิริญอย่างหิวกระหาย เธอหันหน้าหนีเตรียมจะก้าวออกไปรอนอกร้านบอกตัวเองว่ายอมทนร้อนอยู่หน้าร้านเสียยังดีกว่าอยู่ร่วมในห้องที่เย็นฉ่ำนี้กับเขาแค่ที่ต้องทนมาตลอดเช้าก็นับว่าย่ำแย่พอแล้ว
คุณครับ คุณเสียงบริกรชายคนหนึ่งเรียกเธอไว้ คุณผู้ชายคนนั้นให้มาเชิญคุณไปนั่งโต๊ะครับ
ฉัน ว่าจะ... สิริญอึกอักนึกรู้ว่าเป็นคุณผู้ชายคนไหนจึงคิดหาทางปฏิเสธ
เชิญเลยครับ อาหารที่คุณสั่งคงต้องรออีกนานวันนี้คนแน่นเหลือเกินเชิญครับผม พนักงานหนุ่มคะยั้นคะยอตามประสาพนักงานที่ดีสิริญขยับแว่นตาอย่างอึดอัด จะปฏิเสธและดึงดันไปยืนรอหน้าร้านก็กลัวจะผิดสังเกตจนเกินไปจึงจำใจต้องเดินตามเข้าไปภายใน
จอมทัพไม่ได้ชายตามองเธอทั้งที่พนักงานชายคนนั้นบอกว่าเขาให้เชิญเธอมานั่งด้วยเขาเอาแต่อ่านเอกสารในมือข้างตัวมีแฟ้มบางๆที่สิริญจำได้ว่าเตรียมไว้สำหรับการประชุมภาคบ่ายเธอก้มหน้าจับตามองเฉพาะแก้วกาแฟที่ดื่มจนหมดและแก้วน้ำเปล่า ดูเหมือนจอมทัพจะรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว
คือฉัน ฉันไปรอข้างนอกก็ได้ค่ะ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้สิริญพูดไปแบบนั้น เธออึดอัดที่ต้องมานั่งใกล้เขาขนาดนี้แม้จะมีโต๊ะกลมขนาดเล็กสำหรับจัดอาหารเพียงสองที่นี้คั่นกลางอยู่สิริญก็ยังรู้สึกว่ามันใกล้เกินไปแล้ว
ไม่ต้อง ฉันไม่ได้ลำบากอะไร จอมทัพเอ่ยสายตายังจับอยู่ที่เอกสารในมือ เขายกแก้วน้ำที่บริกรเพิ่งรินน้ำเปล่าเติมให้ขึ้นมาจิบทำเหมือนสิริญเป็นหุ่นที่บริกรยกมาตั้งไว้ให้นั่งตรงข้ามกัน
สิริญบีบมือตนเองไปมาอย่างอึดอัดเธอนั่งตัวลีบจนชิดผนังตามองกวาดไปนอกร้านเบื่อมากเข้าก็มองคนในร้านโต๊ะอื่นๆผู้คนมากมายต่างตั้งหน้าตั้งตาจัดการกับอาหารตรงหน้าบ้างก็พูดคุยกันไม่มีใครสนใจใครสิริญถอนหายใจแรงใจคอยเร่งเวลาให้ได้ของที่สั่งโดยเร็ว
อยู่กับฉันมันอึดอัดขนาดนั้นเลยหรือเสียงทุ้มต่ำนั่นหลุดออกจากปากท่านประธานจนได้
ค่ะ เอ๊ย ไม่ใช่ค่ะดิฉันเกรงท่านจะรำคาญ
ถ้าจะรำคาญก็มีเรื่องเดียวเท่านั้นล่ะสิริญเรื่องที่เธอโง่เง่าจนคิดว่าฉันจำเธอไม่ได้ ทั้งที่เธอทำฉันไว้อย่างเจ็บแสบเสียขนาดนั้น จอมทัพเค้นเสียงเข้าใส่ สิริญถึงกับสะดุ้งสุดตัวเธอตกตะลึงจนจ้องหน้าเขาตาค้าง
Create Date : 04 พฤษภาคม 2556 |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2556 20:14:13 น. |
|
2 comments
|
Counter : 762 Pageviews. |
|
|