อีกมุมมองหนึ่งของประเทศจีน

ครั้งที่ผมมาอยู่เซิ่นเจิ้นใหม่ๆ ผมเห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมรับไม่ได้กับการปฏิบัติของคนจีน แม้นว่าหลายอย่างนั้นจะเจริญ ใหญ่โต ทันสมัย กว่ากรุงเทพบ้านเราก็ตาม แต่ถ้าจิตใจของคน ไม่สามารถปลูกฝังให้รับผิดชอบต่อส่วนรวมได้ มันก็ทำให้เมืองนั้นหมดเสนห์

ก็แน่นอนแหละครับทุกแห่ง ทุกที่ ทุกคนต้องมีทั้งด้านที่ดี และด้านไม่ดี มันขึ้นอยู่กับมุม วิสัยของแต่ละคนที่ได้พบเห็น ดังนั้นในนี้ผมขอเล่าในด้านที่ดี ที่น่าชื่นชม ของเมืองนี้เท่าที่ผมได้สัมผัส ได้ประจักษ์มาด้วยตัวผมเอง

ก็มีหลายประเด็นที่อยากจะเล่าให้ฟัง เพราะบางอย่างไม่ค่อยได้เห็นในบ้านเรา บางอย่างเขาทำได้ดีกว่าบ้านเรา บางอย่างเขาคิดไม่เหมือนบ้านเรา ในด้านที่ดีที่น่าชื่นชม

... รัฐสวัสดิการ จีนปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์ แม้นว่าประชาชนจะถูกจำกัดในด้านความคิดเห็นทางการเมือง แต่ก็ไม่ได้ปิดกันการทำมาหากินของประชาชน มองในแง่ดีของระบบการปกครองระบบคอมมิวนิสต์ เนื่องจากมีประชากรจำนวนมาก อาณาบริเวณกว้างใหญ่ อาจจะเป็นความชอบธรรมที่ต้องใช้การปกครองด้วยระบบนี้ แต่รัฐก็ไม่ได้ใช้อำนาจเพียงอย่างเดียว การที่จะปกครองคนส่วนมากให้อยู่ด้วยกันอย่างปกติสุข และไม่ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลนั้น รัฐต้องให้สวัสดิการแก่ประชนให้ดี ผู้สูงอายุทกคน ผู้อยากไร้จะได้รับการดุแลจากรัฐบาล รัฐจะออกบัตรประจำตัวผู้สูงอายุให้ เพื่อใช้สำหรับสวัสดิการของรัฐต่างๆฟรีทั้งหมด

ผมเคยไปที่กวางโจว เห็นมีคนถือป้ายเขียนข้อความเป็นภาษาจีน ยืนอยู่ตามมุมของถนน ชูป้ายให้กับรถทุกคันที่วิ่งผ่านไปมา ผมได้ถามเพื่อชาวจีนว่า เขาถือป้ายเพื่อทำอะไร หรือบอกอะไร
เพื่อนคนจีนก็บอกกับผมว่า เขาบอกเส้นทางฟรี คือรัฐจะจ้างคนในพื้นที่ ที่ไม่มีงานทำ ให้มาคอยแนะเส้นทางให้กับผู้คนที่ใช้รถใช้ถนน โดยไม่คิดค่าบริการ
จะเห็นว่ารัฐนั้นใส่ใจกับการว่างงานของประชาชน

... ตำรวจเป็นมิตรกับประชาชน ใช้ได้กับที่นี่จริงๆ แต่ที่บ้านเรานั้นเขียนติดไว้ข้างผนังสถานีตำรวจ แต่ประชาชนล้วนเลือกที่จะไม่พึ่งตำรวจ ถ้าไม่จำเป็น
ตำรวจที่นี่ ไม่พกปืน แต่พกกระบอก ไม่ข่มขู่ประชาชน แต่ประชาชนนั้นกลัววำตรวจ และไม่ตำรวจจราจรคอยหลบข้างเสาไฟฟ้าเหมือนบ้านเรา ใครทำผิดกล้องวงจรปิดจะบอกเจ้าหน้าได้เอง

... คนจีนมีนิสัยเป็นมิตร เป็นมิตรกับคนจีนด้วนกันเองไม่ว่าจะมาจากต่างฐิ่นกัน เป็นมิตรกับคนทุกชาติ แม้กระทั่งญี่ปุ่น คนจีนนั้นค่อนข้างจะเกลียดแต่สินค้าญี่ปุ่นก็เป็นที่นิยมของคนจีนไม่น้อยเช่นรถยนต์ ยิ่งหากเขารู้ว่าเราเป็นคนไทยด้วย เขายิ่งชื่นชอบ เพราะไทยผลิตมีข้าวหอมมะลิที่อร่อยที่สุดในโลกให้เขาได้รับประทาน เรามีทุเรียนที่อร่อย แถมเขายังรู้จักกระเทยของไทย ที่นอกจากจะสวยกว่าผู้หญิงแล้วยังชกมวยเก่งด้วย

... คนจีนชอบทำกิจกรรมร่วมกัน หลังจากเวลาเลิกงานและทานอาหารมื้อเย็นกันเสร็จสรรพ คนจีนจะนิมยมเข้าไปทำกิจกรรมกลางแจ้งในสวนสาธารณะ เช่นออกกำลังกาย เต้นรำ ลีลาส รำมวยจีน ไท้เก็ก ระบำเอวแบบอินเดีย เตะลูกขนไก่ เล่นแบดมินตั้น เล่นว่าว วิ่งออกกำลังกาย ทุกๆคืนตั้งแต่ 19.00-22.00 จะมีผู้คนจำนวนมากนับพันคน เข้ามาทำกิจกรรมร่วมกัน จะมีทุกเพศทุกวัย ซึ่งส่วนมากก็ไม่ค่อยรู้จักกันมาก่อน แต่ก็ทำกิจกรรมร่วมกันได้ โดยไม่มีปัญหา เห็นแล้วนึกถึงบ้านเรา หากทำกิจกรรมร่วมกันขนาดนี้ไม่รู้จะคุมวัยรุ่นไม่ให้ชกต่อยกันได้หรือไม่ แต่ที่นี่ไม่มีเรื่องเกิดขึ้นให้เห็น ที่เมืองนี้จะมีสวนสารธารณะขนาดใหญ่ กระจายอยู่ทั่วเมือง เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาใช้เพื่อพักผ่อน ทำกิจกรรมกัน ลดความเครียดจากชีวิตประจำวัน

... ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แน่นนอนครับไม่มีที่ไหนสามารถใว้วางใจได้ในเรื่องของความปลอดภัยทั้งต่อชิวิตและทรัพย์สินแม้กระทั่งในห้องนอนที่บ้านเราเอก็ตาม แต่ที่นี่จะมีระบบป้องกันที่ดีกว่าบ้านเรา ทุกป้ายรถเมล์ จะนั้นมีเจ้าหน้ามาประจำอยู่1นายเพื่อคอยดูแลตลอดเวลา ตามถนนหนทาง ทุกแยกทุกทางเดิน ทุกจุดของสวนสาธาณะจะมีกล้องวงจรปิดบันทึกตลอดเวลา ไม่มีให้อ้างได้ว่ากล้องเสียพอดีเมื่อเกิดเรื่อง

...การคมนาดม เดินทางสะดวก ทั้งรถโดยสารประจำทางและรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่นี่มช้รถเมลปรับอากาศรุ่นเดียวกันกับรถเมลืำพรุ่นใหม่ของ กทม
แต่จอดรับส่งผู้โดยสารทุกป้าย ไม่มีจอดนอกป้าย ไม่มีเลยป้าย ที่เคยเห็นคจีนไม่มีระเบียบในหลายๆเรื่อง แต่ก็มีเรื่องขึ้นรถเมลนี่แหละที่ทำให้คนที่นี่ รู้จักว่าขึ้นประตูหน้า ลงประตูหลัง แต่เทียบกับบ้านเรานั้นตามใจฉัน ทั้งคนขับและคนขึ้น
การเดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดินก็สะดวก เซื่นเจิ้นนั้นเพิ่งจะเฉลิมฉลองอายุเมื่องครบ 30ปีเมื่อเดือนตุลาคม 2010 นี่เอง เทียบกับ กทม ที่ครบ 200ปีไปเมื่อ 20ว่าปีที่แล้ว อายุมันต่างกันเยอะมาก แต่ที่นี่เขาสร้างทางรถไฟฟ้าใต้ดินได้อย่างรวดเร็ว แต่เริ่มเดิมทีของเขาก็มีพอๆกับบ้านเราในตอนนี้ แต่พอดูแผนการขยายเส้นทางให้ครอบคลุมทั่วเมือง ชาญเมือง รวมกแล้ว 190สถานี เริ่มก่อสร้างปี 2008 แล้วเสร็จทั้งหมดกลางปี 2011
ณ ขณะนี้เหลือเวลาเพียงไม่กี่เดือนก็จะครบกำหนดแล้วเสร็จตามปฏิทินงาน เขาทำได้จริงๆครับ น่าจะเสร็จก่อนด้วยซ้ำเพราะเขาลงมือสร้างทุกสถานีพร้อมกัน เจาะอุโมงค์เข้าหากัน แต่ที่บ้านเราพุดกันมาไม่รู้กี่รํบบาลแล้ว ตั้งแต่เมืองเซิ่นเจิ้นยังไม่เกิด ยังไม่ได้แจ้งขึ้นทะเบียนชื่อเมืองด้วยซ้ำ รัฐบาลเพิ่งจะกำหนดสีของเส้นทางได้ว่า เส้นทางนี้จะเรียกชื่อสีด้วยสีอะไร

... เศรษฐกิจ ของเมืองนี้ขยายตัวในอัตราที่สูงมาก ขณะนี้เป็นเมืองที่มี GDPสูงที่สุดของจีน เพราะเมืองนี้ถูกตั้งให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีนที่เป็นเมืองคู่แฝดของฮ่องกง และให้เป็นประตูการค้าของจีนสู่นานาประเทศ โดยมีฮ่องกงเป็นพี่เลี้ยง สินค้าหลักของที่นี่ จะเป็นสินค้าอีเล็คโทรนิกส์ซึ่งถือว่าเป็น OTOP ที่ทั่วโลกยอมรับ ฉะนั้นนักเรียน นักศึกษาที่จบจากต่างประเทศ หรือจบจากมหาวิทยาลัยที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี หรือมีทักษะดี ก็จะมุ่งเข้ามาทำงนที่เมืองนี้เพราะมีรายได้ดี

มีอีกหลายอย่างนะครับที่ผมยังเขียนไม่หมด เอาใว้จะมาเพิ่มเติมให้เต็มในคราวหน้านะครับ

Create Date : 04 ธันวาคม 2553		4 comments
Last Update : 12 ธันวาคม 2553 10:32:59 น.
Counter : 530 Pageviews.
Share Tweet