ชีวิตนี้เป็นของตัวเอง ขอใช้มันให้มีความสุขและคุ้มค่าที่สุด...........
Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
26 กันยายน 2548
 
All Blogs
 

เมื่อหมอขอย้ายออกจากภาคใต้

เมื่อวานผมกับเพื่อนได้นั่งคุยปัญหากับรุ่นพี่คนหนึ่ง เกี่ยวกับการเลือกสาขาเรียนต่อ เพราะเพื่อนผมไปสนใจสาขาที่ไม่ค่อยมีคนเรียน ( มันเป็นสาขาเฉพาะทางที่น่าสนุกแต่เรียนแล้วน่าจะจน ^^" )

หลังจากคุยเรื่องนี้เสร็จ รุ่นพี่ก็แชร์เรื่องราวอื่นๆให้ฟัง เป็นเรื่องหมอคนหนึ่งที่ไปทำงานที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกำลังเป็นปัญหาฮิตตอนนี้พอดี
รุ่นพี่เล่าว่าหมอคนนี้เรียนจบม.เชียงใหม่พร้อมกับอุดมการณ์อันมุ่งมั่น อยากไปทำงานในแถบชนบท ทำงานในเขตที่ขาดแคลนแพทย์ และในที่สุดที่ๆเขาเลือกไปคือภาคใต้
แต่เวลาผ่านไป ตอนนี้เขากำลังทำเรื่องขอย้ายออกจากพื้นที่แล้ว
เขาบอกว่า เขาทนไม่ไหวกับสถานการณ์ที่ยิงกันตายรายวัน ไม่รู้ระเบิดจะถูกวางตรงไหน สมัยก่อนว่าน่ากลัว แต่สมัยนี้เขาไม่ได้ไปไหนเลย นอกจากบ้านกับโรงพยาบาล
ไม่ว่าใครทำงานอะไร แค่นั่งกินข้าวในร้านอาหารก็ยังมีสิทธิ์โดน

ผมเองฟังเรื่องนี้แล้วก็สลดใจ ดูเหมือนปัญหาขาดแคลนบุคคลากรทางการแพทย์ของภาคใต้จะหนักขึ้นแน่ๆ ก่อนหน้านี้หมอที่ไปทำงานที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะได้เบี้ยกันดาร แต่เดี๋ยวนี้ขนาดได้เบี้ยกันดาร+เบี้ยเสี่ยงภัย ยังไม่มีใครอยากไป

หลายๆโรงพยาบาล หมอ พยาบาล นักเทคนิคการแพทย์ขอย้ายออก ยิ่งเป็นคนที่มาจากภาคอื่นๆ เขายิ่งอยู่ไม่ไหว

และนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่นำมาให้อ่านกัน ผมเก็บมาจากบอร์ดแพทย์แห่งหนึ่ง


วิถีแห่งเสื้อกาวน์และหมวกขาว มือหนึ่งยื้อชีวิตอีกมือปาดน้ำตา


เสียงกัมปนาทแห่งระเบิด เสียงรัวกระสุนปืนที่แผดก้อง เสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด และเสียงไซเรนของรถตำรวจที่พาผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในห้วงเวลาเกือบ 2 ปีในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ปัญหาความไม่สงบที่ยืดเยื้อและเรื้อรังในดินแดนแห่งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะชาวบ้านตาดำๆ ครู หรือเหล่าทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเท่านั้น ทว่าเจ้าของมือที่สาละวนยื้อชีวิตของเหยื่อความรุนแรงวันแล้ววันเล่า คนแล้วคนเล่า ก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน



ชีวิตของแพทย์และพยาบาลซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่ท่ามกลางไฟใต้ที่โหมกระหน่ำ เป็นมิติของปัญหาที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงมากนักตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่พวกเขาเหล่านั้นต้องตกอยู่ในสภาพกดดัน ตึงเครียด และหวาดผวากับสถานการณ์ร้ายแรงไม่น้อยไปกว่าผู้คนกลุ่มอื่นๆ

ที่โรงพยาบาลรามัน อ.รามัน จ.ยะลา หนึ่งในสถานพยาบาลระดับอำเภอที่ได้รับความเชื่อถือว่าดีที่สุดและปลอดภัยที่ สุดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บุคลากรทางการแพทย์นับร้อยคนต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตปกติของตัวเอง เพื่อรับมือกับหมอกควันแห่งความรุนแรง

“เราต้องปรับตัวกันไม่น้อย เริ่มตั้งแต่เรื่องการเดินทาง และการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในโรงพยาบาล” น.พ.รอซาลี ปัตยะบุตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามัน เอ่ย และว่า
“หลังเกิดเหตุการณ์ปล้นปืนเมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 และสถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมได้สั่งให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนงดใช้รถส่วนตัวในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์ก็ตาม แต่ให้ใช้รถรับส่งของโรงพยาบาลแทน”

สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในโรงพยาบาลนั้น น.พ.รอซาลี บอกว่า ได้จัดซื้อกล้องวีดีโอวงจรปิด 14 ตัว ติดตั้งบริเวณจุดล่อแหลมทุกจุด ตั้งแต่ประตูหน้าโรงพยาบาลเลยทีเดียว

“เราจำเป็นต้องทำ เพราะโรงพยาบาลรามันมีคนไข้มาก เราไม่ได้รับคนไข้เฉพาะใน อ.รามัน แต่รับจากอำเภอใกล้เคียงทั้งจาก จ.นราธิวาส และปัตตานีด้วย ขณะที่ความรุนแรงก็เกิดใกล้โรงพยาบาลเข้ามาเรื่อยๆ จึงต้องดูแลให้ดีที่สุด น.พ.รอซาลี กล่าว

อย่างไรก็ดี แม้ว่าโรงพยาบาลจะมีมาตรการเข้มเพื่อรักษาความปลอดภัย แต่แล้วเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เหตุร้ายก็มาเยือนถึงหน้าประตู เมื่อยามรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลถูกยิง และเสียชีวิตคามือหมอของโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่นั่นเอง

“ถ้าจะพูดกันตรงๆ มันก็กลัวนะ เพราะเราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร” น.พ.มนตรี มหัศนียานนท์ แพทย์ซึ่งนั่งตรวจคนไข้ในโรงพยาบาลแห่งนี้มานานถึง 7 ปี เผยความรู้สึก

“สถานการณ์ขณะนี้ทุกคนเสี่ยงเท่ากันหมด ไม่มีหมออิสลาม หรือหมอไทยพุทธ เพราะกลุ่มก่อการร้ายเล่นงานทุกคนที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือทำงานอยู่ในหน่วยงานของรัฐ” น.พ.มนตรี กล่าว

เขาเล่าว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงเป็นต้นมา ก็ต้องระวังตัวมากขึ้น เพื่อนๆ หลายคนต้องพักอยู่ในโรงพยาบาล เพราะไม่กล้าเดินทางกลับบ้าน

“ผมเองก็เช่าบ้านอยู่หน้าโรงพยาบาล พอตกค่ำก็ไม่กล้าเปิดประตูแล้ว เช้าตอนมาทำงานก็ต้องเหลียวซ้ายแลขวาให้ดี ก็เครียดเหมือนกัน” เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะความรุนแรงก็ยังไม่ส่อเค้าว่าจะคลี่คลาย แต่ก็มาเกิดข่าวลือเรื่องหยุดวันศุกร์ขึ้นมาอีก คราวนี้ทำเอาร้านอาหารภายในโรงพยาบาลถึงขั้นไม่กล้าเปิดขาย

“วันศุกร์นี่ไม่มีอะไรกินเลย ออกไปข้างนอกโรงพยาบาล ร้านค้าก็ปิดเกือบหมด ล่าสุดท่าน ผอ.ต้องใช้มาตรการให้บุคลากรซื้อคูปอง แล้วให้โรงครัวของโรงพยาบาลทำอาหารให้แทน” น.พ.มนตรี ระบุ

ด้านความรู้สึกของพยาบาล น.ส.นงเยาว์ พรหมจันทร์ หัวหน้าแผนกอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน โรงพยาบาลรามัน เล่าว่า เหตุการณ์ความไม่สงบส่งผลต่อสภาพจิตใจอย่างมาก เพราะไม่มีความมั่นใจเลยว่า เดินทางออกจากบ้านในวันนี้แล้วจะได้ไปถึงโรงพยาบาลหรือเปล่า

“ฝ่ายโน้นเขาทำร้ายได้ทุกคน” นงเยาว์ เอ่ยพลางถอนใจ “ดิฉันเข้าเวรที่ห้องฉุกเฉินทุกวัน เห็นคนถูกทำร้ายเข้ามาแล้วก็รู้สึกว่า ทำไมต้องทำคนดีๆ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย และครอบครัวของพวกเขาจะอยู่อย่างไร”

เธอบอกว่า ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ที่พักอยู่นอกโรงพยาบาล ต้องเปลี่ยนเวลามาทำงานจนแทบจำเวลาเดิมไม่ได้

“อย่างคนที่เข้าเวรดึก ต้องมาถึงโรงพยาบาลก่อน 6 โมงเย็น ทั้งๆ ที่เข้าเวรจริงๆ เวลาเที่ยงคืนครึ่ง ส่วนคนที่ออกเวรตอนเที่ยงคืน ก็ต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล เพราะกลับบ้านไม่ได้”

ด้วยเหตุนี้เอง ภาพของความร่วมแรงร่วมใจจึงเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อเหยื่อของความรุนแรงถูกส่ง เข้ามาถึงห้องฉุกเฉิน โดยแพทย์และพยาบาลทุกคนที่พักอยู่ในโรงพยาบาล จะรีบวิ่งออกมาช่วยเจ้าหน้าที่ที่เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ เพื่อยื้อชีวิตผู้บาดเจ็บไม่ให้ถูกพรากไปจากครอบครัว ญาติมิตร และคนที่เขารัก

“จนถึงวันนี้มีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ความรุนแรงถูกส่งเข้ามารักษาตัวที่โรง พยาบาลถึง 71 คนแล้ว และบางรายก็เสียชีวิต” เธอเสียงเศร้าเมื่อพูดถึงสถิติที่ทางโรงพยาบาลบันทึกไว้อย่างไม่เป็นทางการ

“ที่ร้ายไปกว่านั้น คนเจ็บหลายคนก็เป็นคนที่เรารู้จัก อย่างยามของโรงพยาบาลที่ถูกยิง ตอนนั้นสะเทือนใจมาก เรียกว่าช่วยชีวิตเขาไปพลาง ก็ร้องไห้ไปพลาง เพราะมันกลั้นไม่ไหวจริงๆ”

“นอกจากนั้นก็มีตำรวจที่เคยมาดูแลความปลอดภัยที่นี่ เคยเห็นหน้ากัน พออีกวันก็ถูกยิงอาการสาหัสเข้ามาแล้ว เราก็รู้สึกว่าทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้...”

นงเยาว์ ยอมรับว่า กับสภาพที่ต้องเผชิญทำให้เธอและเพื่อนๆ เคยคิดย้ายหนีออกจากพื้นที่นี้เหมือนกัน

“แต่ที่นี่คือบ้านของเรา เราก็ต้องอยู่ต่อไป” เธออธิบายถึงสาเหตุที่ไม่ทำตามที่คิด และว่า “ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ ทุกคนก็จะถามว่าทำไมต้องเป็นอย่างนี้ แล้วถ้าเป็นพ่อเป็นแม่ เป็นญาติพี่น้องของเราล่ะ เราจะทนได้ไหม เราอยากให้เหตุการณ์แบบนี้จบลงเร็วที่สุด”

ทั้งหมดนี้ภาพชีวิตของแพทย์และพยาบาลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อมนุษยธรรมท่ามกลางเสียงระเบิดและควันปืน!



ผมเองก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง ไม่รู้ว่าคนที่ทำงานอยู่ที่นั้นจริงๆเป็นอย่างไร ลำบากแค่ไหน...

แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากสถานการณ์เช่นนี้คลี่คลายเร็วๆ เพราะทุกพื้นที่ในโลกเรา มีคนเจ็บป่วยตลอดเวลา ถ้าคนที่จะรักษาไม่เพียงพอ คนที่เดือดร้อนก็ชาวบ้่านตาดำๆ...





และท้ายสุดนี้.. ขอไว้อาลัยให้ทหารทั้ง 2 ท่านที่เสียชีวิต เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในภาคใต้อย่างสมเกียรติด้วยครับ...




 

Create Date : 26 กันยายน 2548
16 comments
Last Update : 26 กันยายน 2548 21:25:48 น.
Counter : 632 Pageviews.

 

ขอบคุณครับที่เอามาลง ทำให้เห็นถึงความลำบากของเพื่อนร่วมอาชีพ อยากให้เหตุการณืสงบโดยเร็วเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
กลัวว่าวันนึงเหตุรุนแรงจะเข้ามาถึงรพ. แล้วจะมีแพทย์พยาบาลเสียสละเช่นนี้อีกไหม

ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่รพ. ทุกท่านที่โน่นครับ ท่านเสียสละมาก

 

โดย: Oogenesis (Oogenesis ) 26 กันยายน 2548 12:57:13 น.  

 

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ไม่แต่เฉพาะแพทย์นะคะ เพื่อนๆ ที่แบงค์สาขาทางโน้นก็เริ่มอยากย้ายกันแล้ว

เอาใจช่วยทุกคนค่ะ

 

โดย: แก้มยุ้ย (หมวยแก้มป่อง ) 26 กันยายน 2548 14:45:31 น.  

 

สวัสดีค่ะขอเป็นกำลังใจให้อีกคนนะคะ

 

โดย: oryzaja 26 กันยายน 2548 15:35:59 น.  

 

เป็นกำลังใจให้ด้วยคนนะคะ

 

โดย: Mehndi Laga Ke Rakhna 26 กันยายน 2548 15:58:16 น.  

 

เป็นกำลังใจให้นะคะ





...

 

โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) 26 กันยายน 2548 16:19:51 น.  

 

ผู้พิพากษาแถวนั้นก็หวั่นๆอยู่
วันดีคืนดีมีระเบิดอยู่ที่รั้วบ้าน

จะให้ร้างผู้คนกันเลยเหรอนั่น

 

โดย: ชมทะเล 26 กันยายน 2548 18:12:31 น.  

 

เมื่อไหร่จะจบสักทีนะครับ เรื่องแบบนี้

 

โดย: ultraman seven IP: 61.47.111.245 26 กันยายน 2548 20:50:13 น.  

 

อยากให้เรื่องร้ายๆจบๆไปโดยเร็วค่ะ

เห็นคนที่เป็นกำลังสำคัญของชาติต้องสูญเสียไป น่าเศร้าใจมากๆ อยู่ประเทศเดียวกันแท้ๆ ไม่น่าทำกันแบบนี้เลย

 

โดย: bangjang 26 กันยายน 2548 21:13:29 น.  

 

เป็นกำลังใจให้เช่นกันค่ะ

 

โดย: สเลเต 26 กันยายน 2548 21:29:04 น.  

 

ผมขอเป็นกำลังใจให้หมอและบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกคนครับ ..... ขอให้คุณพระคุ้มครองให้ปลอดภัย อีกประการหนึ่ง ผมว่า ถ้าทุกคนเป็นตำรวจ ... ดังเช่น ประชากรของสหรัฐฯ เขาสังเกตอะไรผิดปกติ จะแจ้งตำรวจทันที .... ไม่ปล่อยปละละเลย เชื่อใจและไว้ใจ ให้ร่วมมือ และร่วมแรงแก้ไขปัญหากัน ปัญหาทุกอย่างน่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีครับ

 

โดย: POL_US 26 กันยายน 2548 22:22:33 น.  

 

หนึ่งแรงใจจากคนใต้ครับผม


ไม่รู้เมื่อไรจะหมดซะที พวกโจรนี้

 

โดย: sonone@com 26 กันยายน 2548 22:35:18 น.  

 

เข้ามาอ่านครับ ได้อะไรกลับไปคิดเยอะเลย

 

โดย: bombay IP: 58.9.128.55 27 กันยายน 2548 7:37:26 น.  

 

I answered your question in my blog leaw na krab!

 

โดย: POL (POL_US ) 28 กันยายน 2548 10:50:44 น.  

 

ขอบคุณค่ะที่เอามาลงให้อ่าน อ่านแล้วเศร้าใจค่ะ

พี่สาวเพื่อนเป็นพยาบาลที่ปัตตานี ขนาดเขาแต่งงานและอยู่ที่นั่น อิสลามด้วย เขายังกลัวเลยค่ะ

ยิ่งอ่านยิ่งเศร้าค่ะ

อยากให้เหตุการณ์ต่างๆๆคลี่คลายโดยเร็วขึ้นค่ะ

 

โดย: yadegari 29 กันยายน 2548 18:50:27 น.  

 

เฮ้อออออ.....

 

โดย: นายกาเมศ 3 ตุลาคม 2548 18:43:19 น.  

 

ขอความสงบสุขจงประสบแด่ท่าน

 

โดย: นายกาเมศ 3 ตุลาคม 2548 18:43:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Carlziess Lens
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"a man is not where he lives,bus where he loves.. ...."

Friends' blogs
[Add Carlziess Lens's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.