|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เมื่อหมอขอย้ายออกจากภาคใต้
เมื่อวานผมกับเพื่อนได้นั่งคุยปัญหากับรุ่นพี่คนหนึ่ง เกี่ยวกับการเลือกสาขาเรียนต่อ เพราะเพื่อนผมไปสนใจสาขาที่ไม่ค่อยมีคนเรียน ( มันเป็นสาขาเฉพาะทางที่น่าสนุกแต่เรียนแล้วน่าจะจน ^^" )
หลังจากคุยเรื่องนี้เสร็จ รุ่นพี่ก็แชร์เรื่องราวอื่นๆให้ฟัง เป็นเรื่องหมอคนหนึ่งที่ไปทำงานที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกำลังเป็นปัญหาฮิตตอนนี้พอดี รุ่นพี่เล่าว่าหมอคนนี้เรียนจบม.เชียงใหม่พร้อมกับอุดมการณ์อันมุ่งมั่น อยากไปทำงานในแถบชนบท ทำงานในเขตที่ขาดแคลนแพทย์ และในที่สุดที่ๆเขาเลือกไปคือภาคใต้ แต่เวลาผ่านไป ตอนนี้เขากำลังทำเรื่องขอย้ายออกจากพื้นที่แล้ว เขาบอกว่า เขาทนไม่ไหวกับสถานการณ์ที่ยิงกันตายรายวัน ไม่รู้ระเบิดจะถูกวางตรงไหน สมัยก่อนว่าน่ากลัว แต่สมัยนี้เขาไม่ได้ไปไหนเลย นอกจากบ้านกับโรงพยาบาล ไม่ว่าใครทำงานอะไร แค่นั่งกินข้าวในร้านอาหารก็ยังมีสิทธิ์โดน
ผมเองฟังเรื่องนี้แล้วก็สลดใจ ดูเหมือนปัญหาขาดแคลนบุคคลากรทางการแพทย์ของภาคใต้จะหนักขึ้นแน่ๆ ก่อนหน้านี้หมอที่ไปทำงานที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะได้เบี้ยกันดาร แต่เดี๋ยวนี้ขนาดได้เบี้ยกันดาร+เบี้ยเสี่ยงภัย ยังไม่มีใครอยากไป
หลายๆโรงพยาบาล หมอ พยาบาล นักเทคนิคการแพทย์ขอย้ายออก ยิ่งเป็นคนที่มาจากภาคอื่นๆ เขายิ่งอยู่ไม่ไหว
และนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่นำมาให้อ่านกัน ผมเก็บมาจากบอร์ดแพทย์แห่งหนึ่ง
วิถีแห่งเสื้อกาวน์และหมวกขาว มือหนึ่งยื้อชีวิตอีกมือปาดน้ำตา
เสียงกัมปนาทแห่งระเบิด เสียงรัวกระสุนปืนที่แผดก้อง เสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด และเสียงไซเรนของรถตำรวจที่พาผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในห้วงเวลาเกือบ 2 ปีในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาความไม่สงบที่ยืดเยื้อและเรื้อรังในดินแดนแห่งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะชาวบ้านตาดำๆ ครู หรือเหล่าทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเท่านั้น ทว่าเจ้าของมือที่สาละวนยื้อชีวิตของเหยื่อความรุนแรงวันแล้ววันเล่า คนแล้วคนเล่า ก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน ชีวิตของแพทย์และพยาบาลซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่ท่ามกลางไฟใต้ที่โหมกระหน่ำ เป็นมิติของปัญหาที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงมากนักตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่พวกเขาเหล่านั้นต้องตกอยู่ในสภาพกดดัน ตึงเครียด และหวาดผวากับสถานการณ์ร้ายแรงไม่น้อยไปกว่าผู้คนกลุ่มอื่นๆ ที่โรงพยาบาลรามัน อ.รามัน จ.ยะลา หนึ่งในสถานพยาบาลระดับอำเภอที่ได้รับความเชื่อถือว่าดีที่สุดและปลอดภัยที่ สุดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บุคลากรทางการแพทย์นับร้อยคนต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตปกติของตัวเอง เพื่อรับมือกับหมอกควันแห่งความรุนแรง เราต้องปรับตัวกันไม่น้อย เริ่มตั้งแต่เรื่องการเดินทาง และการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในโรงพยาบาล น.พ.รอซาลี ปัตยะบุตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามัน เอ่ย และว่า หลังเกิดเหตุการณ์ปล้นปืนเมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 และสถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมได้สั่งให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนงดใช้รถส่วนตัวในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์ก็ตาม แต่ให้ใช้รถรับส่งของโรงพยาบาลแทน สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในโรงพยาบาลนั้น น.พ.รอซาลี บอกว่า ได้จัดซื้อกล้องวีดีโอวงจรปิด 14 ตัว ติดตั้งบริเวณจุดล่อแหลมทุกจุด ตั้งแต่ประตูหน้าโรงพยาบาลเลยทีเดียว เราจำเป็นต้องทำ เพราะโรงพยาบาลรามันมีคนไข้มาก เราไม่ได้รับคนไข้เฉพาะใน อ.รามัน แต่รับจากอำเภอใกล้เคียงทั้งจาก จ.นราธิวาส และปัตตานีด้วย ขณะที่ความรุนแรงก็เกิดใกล้โรงพยาบาลเข้ามาเรื่อยๆ จึงต้องดูแลให้ดีที่สุด น.พ.รอซาลี กล่าว อย่างไรก็ดี แม้ว่าโรงพยาบาลจะมีมาตรการเข้มเพื่อรักษาความปลอดภัย แต่แล้วเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เหตุร้ายก็มาเยือนถึงหน้าประตู เมื่อยามรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลถูกยิง และเสียชีวิตคามือหมอของโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่นั่นเอง ถ้าจะพูดกันตรงๆ มันก็กลัวนะ เพราะเราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร น.พ.มนตรี มหัศนียานนท์ แพทย์ซึ่งนั่งตรวจคนไข้ในโรงพยาบาลแห่งนี้มานานถึง 7 ปี เผยความรู้สึก สถานการณ์ขณะนี้ทุกคนเสี่ยงเท่ากันหมด ไม่มีหมออิสลาม หรือหมอไทยพุทธ เพราะกลุ่มก่อการร้ายเล่นงานทุกคนที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือทำงานอยู่ในหน่วยงานของรัฐ น.พ.มนตรี กล่าว เขาเล่าว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงเป็นต้นมา ก็ต้องระวังตัวมากขึ้น เพื่อนๆ หลายคนต้องพักอยู่ในโรงพยาบาล เพราะไม่กล้าเดินทางกลับบ้าน ผมเองก็เช่าบ้านอยู่หน้าโรงพยาบาล พอตกค่ำก็ไม่กล้าเปิดประตูแล้ว เช้าตอนมาทำงานก็ต้องเหลียวซ้ายแลขวาให้ดี ก็เครียดเหมือนกัน เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะความรุนแรงก็ยังไม่ส่อเค้าว่าจะคลี่คลาย แต่ก็มาเกิดข่าวลือเรื่องหยุดวันศุกร์ขึ้นมาอีก คราวนี้ทำเอาร้านอาหารภายในโรงพยาบาลถึงขั้นไม่กล้าเปิดขาย วันศุกร์นี่ไม่มีอะไรกินเลย ออกไปข้างนอกโรงพยาบาล ร้านค้าก็ปิดเกือบหมด ล่าสุดท่าน ผอ.ต้องใช้มาตรการให้บุคลากรซื้อคูปอง แล้วให้โรงครัวของโรงพยาบาลทำอาหารให้แทน น.พ.มนตรี ระบุ ด้านความรู้สึกของพยาบาล น.ส.นงเยาว์ พรหมจันทร์ หัวหน้าแผนกอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน โรงพยาบาลรามัน เล่าว่า เหตุการณ์ความไม่สงบส่งผลต่อสภาพจิตใจอย่างมาก เพราะไม่มีความมั่นใจเลยว่า เดินทางออกจากบ้านในวันนี้แล้วจะได้ไปถึงโรงพยาบาลหรือเปล่า ฝ่ายโน้นเขาทำร้ายได้ทุกคน นงเยาว์ เอ่ยพลางถอนใจ ดิฉันเข้าเวรที่ห้องฉุกเฉินทุกวัน เห็นคนถูกทำร้ายเข้ามาแล้วก็รู้สึกว่า ทำไมต้องทำคนดีๆ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย และครอบครัวของพวกเขาจะอยู่อย่างไร เธอบอกว่า ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ที่พักอยู่นอกโรงพยาบาล ต้องเปลี่ยนเวลามาทำงานจนแทบจำเวลาเดิมไม่ได้ อย่างคนที่เข้าเวรดึก ต้องมาถึงโรงพยาบาลก่อน 6 โมงเย็น ทั้งๆ ที่เข้าเวรจริงๆ เวลาเที่ยงคืนครึ่ง ส่วนคนที่ออกเวรตอนเที่ยงคืน ก็ต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล เพราะกลับบ้านไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เอง ภาพของความร่วมแรงร่วมใจจึงเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อเหยื่อของความรุนแรงถูกส่ง เข้ามาถึงห้องฉุกเฉิน โดยแพทย์และพยาบาลทุกคนที่พักอยู่ในโรงพยาบาล จะรีบวิ่งออกมาช่วยเจ้าหน้าที่ที่เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ เพื่อยื้อชีวิตผู้บาดเจ็บไม่ให้ถูกพรากไปจากครอบครัว ญาติมิตร และคนที่เขารัก จนถึงวันนี้มีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ความรุนแรงถูกส่งเข้ามารักษาตัวที่โรง พยาบาลถึง 71 คนแล้ว และบางรายก็เสียชีวิต เธอเสียงเศร้าเมื่อพูดถึงสถิติที่ทางโรงพยาบาลบันทึกไว้อย่างไม่เป็นทางการ ที่ร้ายไปกว่านั้น คนเจ็บหลายคนก็เป็นคนที่เรารู้จัก อย่างยามของโรงพยาบาลที่ถูกยิง ตอนนั้นสะเทือนใจมาก เรียกว่าช่วยชีวิตเขาไปพลาง ก็ร้องไห้ไปพลาง เพราะมันกลั้นไม่ไหวจริงๆ นอกจากนั้นก็มีตำรวจที่เคยมาดูแลความปลอดภัยที่นี่ เคยเห็นหน้ากัน พออีกวันก็ถูกยิงอาการสาหัสเข้ามาแล้ว เราก็รู้สึกว่าทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้... นงเยาว์ ยอมรับว่า กับสภาพที่ต้องเผชิญทำให้เธอและเพื่อนๆ เคยคิดย้ายหนีออกจากพื้นที่นี้เหมือนกัน แต่ที่นี่คือบ้านของเรา เราก็ต้องอยู่ต่อไป เธออธิบายถึงสาเหตุที่ไม่ทำตามที่คิด และว่า ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ ทุกคนก็จะถามว่าทำไมต้องเป็นอย่างนี้ แล้วถ้าเป็นพ่อเป็นแม่ เป็นญาติพี่น้องของเราล่ะ เราจะทนได้ไหม เราอยากให้เหตุการณ์แบบนี้จบลงเร็วที่สุด ทั้งหมดนี้ภาพชีวิตของแพทย์และพยาบาลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อมนุษยธรรมท่ามกลางเสียงระเบิดและควันปืน!
ผมเองก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง ไม่รู้ว่าคนที่ทำงานอยู่ที่นั้นจริงๆเป็นอย่างไร ลำบากแค่ไหน...
แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากสถานการณ์เช่นนี้คลี่คลายเร็วๆ เพราะทุกพื้นที่ในโลกเรา มีคนเจ็บป่วยตลอดเวลา ถ้าคนที่จะรักษาไม่เพียงพอ คนที่เดือดร้อนก็ชาวบ้่านตาดำๆ...
และท้ายสุดนี้.. ขอไว้อาลัยให้ทหารทั้ง 2 ท่านที่เสียชีวิต เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในภาคใต้อย่างสมเกียรติด้วยครับ...
Create Date : 26 กันยายน 2548 |
|
16 comments |
Last Update : 26 กันยายน 2548 21:25:48 น. |
Counter : 632 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Oogenesis (Oogenesis ) 26 กันยายน 2548 12:57:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: oryzaja 26 กันยายน 2548 15:35:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชมทะเล 26 กันยายน 2548 18:12:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: ultraman seven IP: 61.47.111.245 26 กันยายน 2548 20:50:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: bangjang 26 กันยายน 2548 21:13:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: สเลเต 26 กันยายน 2548 21:29:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: POL_US 26 กันยายน 2548 22:22:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: bombay IP: 58.9.128.55 27 กันยายน 2548 7:37:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: POL (POL_US ) 28 กันยายน 2548 10:50:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: yadegari 29 กันยายน 2548 18:50:27 น. |
|
|
|
|
|
|
|
กลัวว่าวันนึงเหตุรุนแรงจะเข้ามาถึงรพ. แล้วจะมีแพทย์พยาบาลเสียสละเช่นนี้อีกไหม
ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่รพ. ทุกท่านที่โน่นครับ ท่านเสียสละมาก