Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
6 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
โบรกแนะเก็งกำไร 16 บจ.ขาขึ้น ดัชนีSideways ฝรั่งเก็บหุ้น 3 เดือนเฉียด 7 หมื่นล.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.51 น. ค่าเงินบาททรงตัวอยู่ที่ระดับ 30.65 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวลงท่ามกลางความกังวลเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจโลก นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ และมีแนวโน้มอ่อนตัวลงได้ แม้ว่าต่างชาติจะยังคงซื้อต่อเนื่อง แต่ล่าสุดซื้อสุทธิติดต่อกันกว่า 3 เดือนเป็นมูลค่าเกือบ 7 หมื่นล้านบาท เน้นเก็งกำไรสั้น 16 หุ้นเด่น ได้แก่ SAT, BGH, AP, CFRESH, TK, IVL, INTUCH, EASTW, TASCO, STEC , MAKRO, TCAP ,THAI, TUF ,RS ,CCET



บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ : Sideways ในกรอบ 1149-1166 กลยุทธ์การลงทุน : เทรดดิ้งในกรอบ 1149-1166

คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้จะแกว่งตัวในกรอบเพื่อรอปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น ทั้งนี้ แม้อาจมีการดีดตัวระยะสั้นหลังการพักตัวลงมาวานนี้กว่า 7 จุด แต่เชื่อว่ายังไปไม่ไกลตราบเท่าที่ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ขณะที่ตลาดต่างประเทศ และภูมิภาคในเช้านี้ค่อนข้างทรงตัว ท่ามกลางความกังวลเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจีนซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกได้ปรับลดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปีที่ 7.5% เมื่อเช้าวานนี้ สำหรับกระแสเงินลงทุนต่างชาติที่ยังคงมีต่อเนื่องยังคงใช้เป็นตัวช่วยประคองการอ่อนตัวของตลาดได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ต้องระมัดระวังจับตาให้ใกล้ชิดมากขึ้น เนื่องจากสะสมหุ้นมานานและมากพอสมควรเกือบ 7 หมื่นล้านบาทแล้วตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้น แรงขายทำกำไรอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาหากมีปัจจัยลบเข้ามาแทรก

กลยุทธ์การลงทุน : ระยะสั้นเน้นเก็งกำไรในกรอบต่อไป ในวันนี้ระหว่างกรอบ 1149-1166 จุด แนวต้าน : 1166-1174 แนวรับ : 1155-1149

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50-75% : เงินสด 50-25%

ถือต่อในพอร์ต : SAT, BGH, AP, CFRESH, TK

หุ้นที่ปรับออก : SINGER

หุ้นที่ปรับเข้า : IVL แนวโน้มผลประกอบการฟื้นตัว หลังผ่านจุดต่ำสุดใน 4Q54 ไปแล้ว+ราคาฝ้ายพุ่ง FV 50.25 บาท กรอบเทรดระยะสั้น ต้าน 41-42.5 รับ 38.5-37.5 Cut loss 37 บาท

KGI ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยวันอังคารจะทรงตัวหรืออ่อนลงได้ คล้ายคลึงกับเมื่อวานนี้ จิตวิทยาต่อข้อมูลเศรษฐกิจโลกปะปนกันทั้งดีและไม่ดี โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นส่วนที่แข็งแกร่งกว่าส่วนอื่นอย่างชัดเจน หลังรายงานดัชนีภาคบริการ (ISM Service) เดือน ก.พ. สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และสูงสุดรอบหนึ่งปี ซึ่งเป็นสัญญาณดีต่อสหรัฐฯ ซึ่งมีเศรษฐกิจภาคบริการใหญ่ถึง 75-80% ของจีดีพี อย่างไรก็ดีภาวะในยุโรปไม่ดีนัก หลังจากดัชนีสำรวจ PMI โดยรวมของยูโรโซนเดือน ก.พ. อ่อนแอ และนักลงทุนมีความกังวลเพิ่มขึ้นต่อดีลการแลกเปลี่ยนพันธบัตรของกรีซกับเจ้าหนี้เอกชน หลังจากกรีซออกมาขู่ว่าถ้าไม่ยอมแลกเปลี่ยนพันธบัตรกันดีๆ ก็จะอาจจะบังคับใช้กฎหมายที่เรียกว่า Collective Action Clause (CAC) ซึ่งอาจมีความหมายเหมือนการผิดนัดชำระหนี้อย่างเต็มรูปแบบ (Outright Default) ด้านตลาดหุ้นเอเชียน่าจะมีแรงกดลงอยู่บ้างต่อเนื่องจากวานนี้ ซึ่งจีนออกมาปรับลดเป้าหมายจีดีพีเหลือ 7.5% ถือว่าค่อนข้างต่ำในมาตรฐานของจีน ด้านปัจจัยในประเทศยังไม่มีสิ่งที่เป็นนัยสำคัญต่อตลาดหุ้นในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติยังคงเข้าซื้อหุ้นแต่มีการเปลี่ยนกลุ่มเล่น โดยไปเน้นกลุ่มสื่อสาร กลุ่มค้าปลีก เป็นสำคัญ

กลยุทธ์: คงแนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นหลักในกลุ่มพลังงานและธนาคาร และซื้อหุ้นเสี่ยงต่ำปันผลสูง เช่นINTUCH และ EASTW รวมทั้งหุ้นในกลุ่มก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้างที่น่าจะมีแรงหนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐฯ ที่จะเพิ่มขึ้น โดยรองนายกฯ กิตติรัตน์ จะเสนอเริ่มกู้เงิน 3 หมื่นล้านตาม พรก. ในสัปดาห์หน้าเราชอบ TASCO และ STEC ส่วนหุ้น MAKRO นั้น เราแนะให้นักเล่นสั้นขายออกในวันนี้ ก่อนการขึ้น XD ปันผล 5.5 บาท ในวันที่ 8 มี.ค. แต่ถ้าถือลงทุนยาวให้ถือหุ้นต่อไปได้

บล.กสิกรไทยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ปิดลบ ทั้งนี้ตลาดยังคงกังวลกับการแลกเปลี่ยนพันธบัตรกรีซที่เจ้าหนี้จะลงคะแนนในวันที่ 8 มี.ค. ซึ่งต้องการเสียงสนับสนุนขั้นต่ำที่ 66% อย่างไรก็ตามผลการลงคะแนนอาจมีผลกระทบต่อเนื่องไปถึงตราสารประกันความเสี่ยงผิดนัดชำระ (CDS) ที่ออกโดยสถาบันการเงินในยุโรป เนื่องจากหากเสียงรับรองไม่ถึง 75% อาจตีความได้ว่าผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่มิได้เห็นชอบกับการปรับโครงสร้างหนี้ และอาจถือว่ากรีซผิดนัดชำระ ซึ่งผู้ออก CDS อาจจำเป็นต้องจ่ายเงินชดเชยสำหรับการผิดนัดชำระดังกล่าว เป็นความเสี่ยงไปถึงฐานะของธนาคารในยุโรปได้ (แต่เรายังมองขนาดของผลกระทบต่อตลาดทุนไม่สูง)

ด้านสหรัฐฯ เผยว่าจะยืนข้างอิสราเอล อย่างไรก็ตามโอกาสเกิดสงครามระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน น่าจะอยู่ในระดับต่ำเพราะจะกระทบกับเศรษฐกิจโลก และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปลายปีนี้

SET Index ปรับลดลงมา 7 จุด สู่ 1157.95 แม้ดัชนีอยู่ในจุดที่อาจเริ่มเห็นการฟื้นตัวแต่ยังไม่ปิดความเสี่ยงที่จะลงทดสอบ 1150 หรือต่ำกว่า การปรับลดเป้าหมายการเติบโตของจีนสู่ 7.5% (จากเป้าหมายเดิมระหว่าง 2548-2554 ที่ 8.0%) ส่งผลกระทบต่อราคาโภคภัณฑ์ และอาจทำให้ราคาน้ำมันดิบไม่สามารถดีดตัวขึ้นต่อได้หากไม่มีปัจจัยสนับสนุนใหม่เข้ามา ดังนั้นเรายังเน้นการเก็งกำ ไรในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีหรือ laggard ที่วางกลยุทธ์การลงทุนได้ง่าย

กลยุทธ์การลงทุน: ปัจจัยเสี่ยงระยะสั้นคือคืนนี้มีประกาศตัวเลข GDP ยูโรโซน แม้ระยะสั้น SET Index อาจมีดีดตัวแต่ยังให้น้ำหนักตลาดมีโอกาสแกว่งลงทดสอบ 1150 จึงยังขอเข้าเก็งกำไรหุ้นที่ไม่ใช่หุ้นใหญ่ วันนี้แนะนำ TCAP THAI TUF RS CCET หุ้นอื่นที่เรามองว่าน่าสนใจได้แก่ BH STA TICON SF MINT SAT LH AP HMPRO KK **หาก SET ปรับลงทดสอบ 1150 เรามองเป็นโอกาส lead ซื้อหุ้นใหญ่ อาทิ BBL KTB BAY**สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ลดพอร์ตทำกำไรไปแล้ว ให้ Wait and See หากจะซื้อกลับขอให้เป็นส่วนน้อย และเราจะพิจารณาจุดซื้อและกลยุทธ์ของนักลงทุนระยะกลางอีกครั้ง


Create Date : 06 มีนาคม 2555
Last Update : 6 มีนาคม 2555 10:06:38 น. 0 comments
Counter : 371 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

byjai
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add byjai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.