โบรกแนะเก็งกำไร 10 หุ้นเด่น ดัชนีไปต่อ เอเชียสดใส ระวังแรงขายทำกำไร
โบรกแนะเก็งกำไร 10 หุ้นเด่น ดัชนีไปต่อ เอเชียสดใส ระวังแรงขายทำกำไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 9.49 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 30.64 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นแรงตลาดตลาดหุ้นสหรัฐ โดยนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นจากการลงมติรับรองงบประมาณของอิตาลี และการเตรียมลาออกของนายกฯอิตาลี โบรกเกอร์คาดดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อ แต่อาจเผชิญแรงขายทำกำไร ไม่เน้นไล่ราคา แต่เน้นขึ้น ขายทำกำไร และรอรับที่ระดับต่ำ เนื่องจากตลาดมีความเสี่ยงสูง เก็งกำไร 10 หุ้นเด่น ได้แก่ BGH, CPF, SCC, STEC, IVL, SCC, KBANK, HEMRAJ, DCC และ SPALI
บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: ฟื้นตัวต่อสู่แนวต้าน 990-1000 จุด
คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้จะฟื้นตัวได้ต่อจากแรงหนุนภายนอกเป็นหลัก หลังความชัดเจนทางการเมืองระดับหนึ่งในอิตาลีเกี่ยวกับการลาออกจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีเบอร์ลุสโคนี โดยมองแนวต้านสำคัญแถว 990 และถัดไปที่ 1000 จุด อย่างไรก็ดีนักลงทุนยังต้องระมัดระวังการพุ่งขึ้นกว่า 27 จุด หรือ 2.9% วานนี้ ของ SETI ซึ่งมาไกลกว่าเพื่อนบ้านมากพอควรไปก่อนแล้ว จะทำให้มีโอกาสเผชิญความผันผวนสูงขึ้น อีกทั้งกลุ่มบัญชีหลักทรัพย์เป็นผู้ซื้อสุทธิไปกว่า 2.8 พันล้านบาท ขณะที่ต่างชาติกลับมาอยู่ข้างขายสุทธิไปกว่า 1.3 พันล้านบาท จึงอาจเห็นแรงขายทำกำไรออกมาเมื่อไหร่ก็ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าใกล้แนวต้านสำคัญๆ ทั้ง 2 จุด ดังกล่าวข้างต้น
กลยุทธ์การลงทุน: ระยะสั้นการซื้อเก็งกำไรยังทำต่อได้ตามโมเมนตัมเชิงบวกของตลาด แต่เน้นทยอยขายตามจุดที่เป็นแนวต้านสำคัญแถว 990-1000 จุด แนวต้าน : 990-1000 แนวรับ : 960-955
การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50% : เงินสด 50%
ถือต่อในพอร์ต : BGH, CPF, SCC, STEC
หุ้นที่ปรับออก : THCOM
หุ้นที่ปรับเข้า :IVL เก็งกำไร FV 50.25 บาท เทรดหุ้น high beta ระยะสั้นตามการดีดตัวของตลาดรวม
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ยังเน้นแค่เทรดดิ้งตามรอบ..ขึ้นขาย-ลงซื้อ..เท่านั้นก่อน เพราะความเสี่ยงสูง
แนวโน้ม การลงมติรับรองงบประมาณของอิตาลี และการเตรียมลาออกของนายกฯอิตาลี ทำให้ตลาดคาดหวังว่านายกฯ คนใหม่จะดำเนินการในเชิงรุกมากขึ้นเพื่อจัดการปัญหาหนี้ของประเทศและช่วยควบคุมวิกฤติหนี้ยูโรโซนได้ ถือเป็นประเด็นบวกที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นต่างๆ ทั่วโลกในเช้าวันนี้ ทำให้ FSS ยังคงคาดว่า SET จะบวกต่อเนื่องเพื่อลุ้นขยับขึ้นไปแถว 990 จุดหรือใกล้เคียงได้ตามที่คาดไว้เดิมอย่างไรก็ตามแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศที่เริ่มมีออกมาอีกครั้ง ประกอบกับแรงกดดันจากสถานการณ์น้ำท่วม กทม.ที่ยังมีอยู่ รวมทั้งสถานการณ์หนี้ในยูโรโซนก็ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก ทำให้เราคาดว่าตลาดจะขยับบวกได้ในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด และยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวย้อนลงในด้านลบได้เป็นระยะๆ ดังนั้น SET ขยับขึ้นจึงแนะนำให้ขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงลงมากกว่าซื้อไล่ราคา
กลยุทธ์: ช่วงนี้ยังเน้นเป็นเพียงการเข้าเทรดดิ้งตามรอบในลักษณะลงซื้อ-ขึ้นขายอยู่ เนื่องจากคาดว่า SET ยังมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวนขึ้นๆ ลงๆ ...ส่วนนักลงทุนระยะกลางหลังจากลดพอร์ตลงไปแล้ว ช่วงนี้ยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มพอร์ต
KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันพุธเปิดปรับขึ้นต่อก่อนมีแรงขายสั้น เนื่องจากจิตวิทยาต่างประเทศดีตามพัฒนาการในอิตาลี โดยนายกฯ อิตาลี ซิลเวอร์โล เบอร์ลุสโคนี ประกาศจะลาออกจากตำแหน่งในเร็วๆ นี้ หลังจากไม่สามารถกุมเสียงข้างมากในสภาได้ ทั้งนี้แม้ว่าสภาอิตาลีจะผ่านงบประมาณได้เมื่อคืนนี้ แต่เกิดจากการที่ฝ่ายค้านบางส่วนงดออกเสียงในขณะที่เบอร์ลุสโคนีได้เสียงสนับสนุนเพียง 308 จากทั้งหมด 630 เสียง (ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง) ทั้งนี้ตลาดการเงินมองว่าเบอร์ลุสโคนีไม่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจ และไม่ใส่ใจต่อปัญหาหนี้สินของกรีซ การที่เขาลาออกจึงเป็นบวกต่อตลาด และน่าจะลดแรงกดดันต่อดอกเบี้ยพันธบัตรและต้นทุนประกันความเสี่ยงของอิตาลีในระยะถัดไป โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดน้ำมันต่างตอบรับเชิงบวกต่อข่าวนี้ ขณะนี้หุ้นยุโรปปิดทำการไปก่อนและน่าจะปรับตัวได้ดีในบ่ายวันนี้ อย่างไรก็ดี วานนี้ตลาดหุ้นไทยขึ้นแรงจากการซื้อกลุ่มพลังงานเป็นหลัก และสังเกตว่าพอร์ตบล. ซื้อสุทธิถึง 2.8 พันล้านบาทแต่ต่างชาติและสถาบันขายสุทธิ เราจึงมองว่า SET น่าจะเผชิญแรงขายเร็วหากขึ้นไปใกล้ระดับทางจิตวิทยาที่ 1 พันจุด โดยแม้ว่าปัจจัยภายนอกดีขึ้น แต่สถานการณ์น้ำท่วมที่ล้อมกรุงเทพฯน่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีส่วนลดจากตลาดเอเชียบ้าง การขึ้นแรงวานนี้จึงเสี่ยงต่อการถูกขายในวันนี้
กลยุทธ์: เปิดมาสูงไม่แนะให้ตามซื้อ แนะให้รอตลาดย่อลง (มองแนวรับที่ 970 จุด) ให้ซื้อหุ้นสะสมเพื่อเป้าหมายสิ้นปี 2554 ประกอบด้วยหุ้นใหญ่คือ SCC*, KBANK* และหุ้นขนาดกลางแนะนำ HEMRAJ,DCC* และ SPALI ทั้งนี้เรายังคงมุมมองว่า SET จะขึ้นไปซื้อขายเหนือ 1 พันจุดในช่วงเดือน ธ.ค. จากแรงซื้อภายในประเทศ รวมทั้งปัจจัยในยุโรปที่ดีขึ้นในระยะสั้นๆ หลังจากทั้งกรีซและอิตาลีมีการเปลี่ยนผู้นำและน่าจะจัดการปัญหาได้ดีขึ้น ส่วนในต้นปีหน้าต้องมาประเมินเรื่องยุโรปกันอีกครั้ง
Create Date : 09 พฤศจิกายน 2554 |
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2554 10:11:33 น. |
|
0 comments
|
Counter : 421 Pageviews. |
|
|
|
| |