Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
25 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
โบรกแนะเก็งกำไร 10 หุ้นดาวเด่น ดัชนีแกว่งแคบ คาดกนง.ลดดอกเบี้ย สะสมบจ.โตเกินคาด

ที่มา ข่าวหุ้นดอทคอม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 9.43 น.ค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.48 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียที่เปิดทำการส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนบวก นักวิเคราะห์คาดดัชนีหุ้นไทยยังแกว่งตัวในกรอบ แนะเก็งกำไร SPALI,SC LPN, PS, SAT, AH , AIT ,SCB, TK IVL ทยอยสะสม PTTEP, EASTW, INTUCH, ADVANC

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ : ไปไหนไม่ไกลระหว่างรอความคืบหน้าของปัจจัย กลยุทธ์การลงทุน :

ซื้อเก็งกำไร คาดการซื้อขายในวันนี้กลับมาคึกคักมากขึ้นหลังตลาดในภูมิภาคเริ่มเปิดทำการหลายแห่ง แต่ฮ่องกงยังปิดต่ออีก 1 วัน ขณะที่ปัจจัยภายนอกยังคงน้ำหนักที่การจับตาความคืบหน้าการเจรจาหนี้ของกรีซ ซึ่งหากไม่สามารถมีข้อสรุปร่วมกันได้ อาจนำไปสู่การผิดนัด ชำระหนี้ในที่สุด รวมถึงการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐที่จะสิ้นสุดการประชุมในคืนวันนี้ โดยเฟดจะประกาศตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยเพื่อเพิ่มความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการตัดสินใจด้านนโยบายของเฟด

ส่วนปัจจัยภายในวันนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน แม้หลายฝ่ายคาดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอีก 0.25% สู่ระดับ 3% เพื่อช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลัง ผ่านเรื่องน้ำท่วมหนักในช่วงปลายปี และการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรป หากแต่การ เร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคตจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูง รวมถึงการปรับขึ้นราคาก๊าซ/NGV ในประเทศ อาจทำให้กนง.พิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยก็เป็นได้ ส่วนสัญญาณทางเทคนิคมีแนวโน้มไม่ค่อยดีนัก แม้ยังไม่ส่งสัญญาณขายออกมาก็ตาม จึงควรจับตาดูความคืบหน้าของปัจจัยอย่างใกล้ชิด

กลยุทธ์การลงทุน : ระยะสั้นยังเน้นซื้อเก็งกำไร โดยคงพอร์ตในหุ้นไม่เกิน 50% แนวต้าน : 1070-1073 แนวรับ : 1059, 1054

การจัดพอร์ตระยะสั้น-หุ้น 50% : เงินสด 50%

ถือต่อในพอร์ต: AIT SCB TK

หุ้นที่ปรับเข้า: IVL เนื่องจากเป็นหุ้นที่ laggard กลุ่ม/ตลาด+อานิสงค์ราคาฝ้ายที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ราคาพื้นฐาน 50.25 บาท กรอบเทรดระยะสั้น มองต้าน 36 รับ 32 cut loss 30.50 บาท

KGI เชื่อว่าภาพใหญ่ของตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นการแกว่งในกรอบจำกัด (Sideways) เนื่องจากนักลงทุนมุ่งไปที่การป้องกันการผิดนัดชำระหนี้อย่างไม่เป็นระบบของกรีซ ซึ่งล่าสุดก็ยังไม่มีความชัดเจนหลังจาก รมว.คลังยุโรปตีกลับข้อเสนอของเจ้าหนี้เอกชนไปเมื่อวันก่อน และเราเชื่อว่าความอึมครึมจะมีอยู่อีกพักหนึ่ง ก่อนที่ข้อสรุปจะออกมาภายในเส้นตายวันที่ 13 ก.พ. 2555 ที่กรีซจะต้องจบเรื่องแผนลดหนี้ให้ได้ ด้านปัจจัยเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช้าวันนี้เวลา 9.00 ของประเทศ ปธน. โอบามาจะมีการแถลงนโยบายประจำปี ซึ่งคงไม่กระทบต่อตลาดมากนัก ส่วนในคืนนี้ ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) จะแถลงผลประชุม FOMC และอาจจะมีรูปแบบใหม่ของการแถลงตัวเลขเศรษฐกิจออกมา โดยมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะแจ้งประมาณการดอกเบี้ยและเศรษฐกิจต่อสาธารณะอย่างชัดแจ้งมากขึ้น เพื่อความโปร่งใสของการดำเนินนโยบายการเงิน

ส่วนปัจจัยในประเทศ กนง. จะประชุมในวันนี้และคาดว่าจะลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ 3.00%อย่างไรก็ดีเราคาดว่า ธ.พาณิชย์จะไม่ดำเนินการใดๆ ในทันที เนื่องจากกำลังรอความชัดเจนของนโยบายเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อลดภาระของกองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งจะมีนัยต่อการกำหนดดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากในระยะถัดไป ซึ่งในขณะนี้ไทยเพิ่งเปลี่ยน รมว.คลังใหม่เป็นคุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง จึงน่าจะต้องใช้เวลาพักหนึ่งในการสรุปแนวนโยบายที่เป็นเรื่องร้อนๆ ในช่วงที่ผ่านมา เช่นค่าธรรมเนียมธนาคาร, การโอนหุ้นPTT* ของคลังให้กับกองทุนวายุภักษ์ เป็นต้น

กลยุทธ์: เรายังเห็นว่าความไม่ชัดเจนของบทสรุปของกรีซ หมายความว่าแนวโน้มระยะกลาง 1-2 เดือนของตลาดไม่ชัดเจนเช่นกัน จึงแนะนำให้ถือพอร์ตหุ้นใหญ่เพื่อรอดูสถานการณ์ต่อไป และเรายังคงแนะนำซื้อหุ้นกลุ่มที่ดินและกลุ่มยานยนต์ต่อ (LPN, PS*, SAT, AH) เนื่องจากเป็นกลุ่มที่กำไรปี 2555 จะฟื้นตัวจากการอ่อนแรงในปี 2554

บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แม้ว่า SET ยังสามารถแกว่งตัวในด้านบวกได้ แต่เน้นแค่เทรดดิ้งสั้นตามรอบ แนวโน้ม การเจรจาแก้ไขวิกฤติหนี้ของกรีซยังชะงักงัน ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยง โดยผลประกอบการของบริษัทเอกชนชั้นนำในสหรัฐยังสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนด้วย ทำให้ตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มกลับมาปรับตัวลดลงอีกครั้ง อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นเอเชียที่เพิ่งจะเริ่มเปิดทำการมากขึ้นหลังเทศกาลตรุษจีน ยังสามารถเปิดบวกได้บ้าง แต่ก็ยังมีกรอบการขึ้นที่จำกัด ทำให้ FSS คาดว่า SET จะยังคงแกว่งตัวผันผวนอยู่เช่นเดิม โดยคาดว่านักลงทุนบางส่วนยังรอดูผลการประชุม FOMC ของสหรัฐในคืนวันนี้ และการประชุมของ กนง. ในวันนี้ (25 ม.ค.) ก่อน ซึ่งอาจจะพอเป็นปัจจัยหนุนให้ SET ยังคงแกว่งตัวในด้านบวกต่อเนื่องได้ แต่ก็ยังต้องติดตามปัจจัยลบจากทางด้านของยุโรปไว้ด้วย ดังนั้นช่วงนี้จึงยังแนะนำเพียงเทรดดิ้งตามรอบเท่านั้น

กลยุทธ์: แนะนำ ขึ้นขาย-ลงซื้อในกรอบ แนวรับ 1050-1056 แนวต้าน 1070-1076 จุดต่อได้ โดยหุ้นกลุ่มเด่น: พลังงาน ปิโตรเคมี อาหาร เกษตร สื่อสาร อย่างไรก็ตามวันนี้คาดว่า กนง.น่าจะลดดอกเบี้ย ดังนั้นต้องระวัง Sell on fact ระยะสั้นในกลุ่มที่อยู่อาศัย

บล.เอเซีย พลัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ วานนี้ IMF ออกรายงานถึงการปรับลด GDP Growth โลกในปี 2555 ลงจากเดิม 0.7% เหลือ 3.3% โดยเป็นการปรับลดประเทศพัฒนาแล้วลง 0.7% ซึ่งเป็นการปรับลดลงของกลุ่มสหภาพยุโรปมากสุด กล่าวคือ ลดลงจากเดิมที่เติบโต 1.1% กลายเป็นติดลบ 0.5% (และหากแยกเป็นรายประเทศ พบว่าเป็นการปรับลดลงทุกประเทศ คือ เยอรมันลดลง 1%, ฝรั่งเศสลดลง 1.2%, อิตาลีลดลง 2.5% และ ลดลง 2.8%) รองลงมาคืออังกฤษลดลง 1% สหรัฐ และญี่ปุ่นปรับลดลง 0.6% ในอัตราเท่ากันทั้ง 2 ประเทศ ส่วนประเทศกำลังพัฒนาและเกิดใหม่ ปรับลดลงจากเดิมราว 0.7% โดยหากแยกเป็นรายประเทศได้แก่ รัสเซีย และจีน ปรับลดลง 0.8% เท่ากัน ส่วนที่เหลือปรับลดลงในอัตราที่น้อยกว่ารัสเซีย และจีน

อย่างไรก็ตามการปรับลด GDP ของ IMF รอบนี้ไม่น่าจะสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดมากนัก เนื่องจากประมาณการใหม่ของ IMF ใกล้เคียง หรือสูงกว่าของ World Bank ที่เพิ่งปรับลดไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (และยังสูงกว่าสถาบันวิจัยชั้นนำของโลก เช่น HSBC, CITI Group และ UBS ประเมินไว้ 2.8-3.2% ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา) อย่างไรก็ตามแนวโน้มการปรับลด GDP Growth ของโลกจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ในรอบถัดไป ขึ้นกับความสำเร็จของการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะในยุโรป ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในการประชุมของผู้นำสมาชิกสหภาพยุโรปในปลายเดือนนี้ ปัจจัยนี้จึงยังไม่ควรตัดทิ้งและยังมีบทบาทต่อการปรับฐานของตลาดได้ทุกเมื่อ

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโตของการในปี 2555 ในอัตราสูงกว่าตลาด เช่น PTTEP, EASTW,INTUCH, ADVANC เป็นต้น

วานนี้ที่ประชุมนโยบายการเงินของอินเดีย มีมติลดอัตราการดำรงเงินสดสำรอง (Cash Reserve Ratio) 0.5% ลงสู่ 5.5% ซึ่งเป็นการลดลงเป็นครั้งแรกนับจากเดือน ม.ค. 2552 (ผลกระทบจากวิกฤตหนี้ซับไพร์ม) แม้ว่าจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม 7.5% ก็ตาม นับว่าเป็นการสร้างความประหลาดใจให้กับตลาด เนื่องจากอินเดียยังเผชิญกับเงินเฟ้อที่สูงกว่า 9.3% ทั้งนี้เพื่อเสริมสภาพคล่อง และกระตุ้นสินเชื่อในระบบ หลังแนวโน้มการลงทุนของอินเดียมีสัญญาณชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก เช่นเดียวกับที่ประชุมนโยบายการเงินของญี่ปุ่นที่มีมติยืนดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำ 0.1% เท่าเดิม

ขณะที่วันนี้จะมีการประชุมนโยบายการเงินของไทย(กนง.) ฝ่ายวิจัยคาดว่าที่ประชุมกนง. น่าจะลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% สู่ระดับ 3% ซึ่งเป็นการปรับลดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อได้ส่งสัญญาณอ่อนตัวในเดือน ธ.ค. 2554 โดยอยู่ที่ 3.5% เทียบกับ 4.2% ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หลังจากประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในปลายปีที่ผ่านมา การดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของโลกขณะนี้ ดูเหมือนจะเป็นปัจจัยหนุนเดียวที่หนุนตลาดหุ้นไว้ในขณะนี้ เนื่องจากความเสี่ยงต่อการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกยังกดดันภาพรวมการลงทุน ในสถานการณ์นี้น่าจะเอื้อประโยชน์ต่อหุ้น

อสังหาริมทรัพย์ แต่อย่างไรก็ตามในช่วงต้นปีถึงปัจจุบัน พบว่าหุ้นอสังหาริมทรัพย์ได้ปรับตัวขึ้นตอบรับดอกเบี้ยขาลงมาแล้วระดับหนึ่งสะท้อนจากที่ดัชนีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (SETPROP) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.53% มากกว่าผลตอบแทนตลาด (SET Index) ที่ปรับเพิ่มขึ้นเพียง3.68% และหากพิจารณาเป็นหุ้นรายตัวพบว่าส่วนใหญ่ได้ปรับตัวขึ้นมากกว่ากลุ่มฯ ได้แก่ KMC (+44%), SIRI (+35%), RASA (+32%), RAIMON (+20%) และ PS(+20%) และ SC (+14%) แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ามีหุ้นบางบริษัทที่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาด คือ SPALI โดยปรับขึ้นเพียง 0.7% ดังนั้นในกรณีที่ กนง. ขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% ตามคาด อาจเกิดแรงขาย Sell on Fact ของหุ้นที่ Outperform ดังกล่าวออกมา จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงระยะสั้น และแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ที่ยัง Laggards คือ SPALI และตามมาด้วย SC เด่นสุด เนื่องจากราคาหุ้นยังมี Upside สูงกว่า 20% และ Div. Yield สูงกว่า 5% ต่อปี


Create Date : 25 มกราคม 2555
Last Update : 25 มกราคม 2555 11:36:55 น. 0 comments
Counter : 381 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

byjai
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add byjai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.